คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ - บทที่ 1179
คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 1179
จากนั้นแอมโบรสก็หันมาและถามอีเวตต์ว่า “อ้อ! คุณพ่อของผมอยู่ที่ไหน? ผมได้ยินว่าจักรพรรดิต้องการประหารชีวิตเขา เขาจะไม่ตายใช่ไหมครับ?”
“เขา…” อีเวตต์ชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นเธอก็ฝืนยิ้มและพูดปลอบโยนเขาว่า “เขาจะต้องไม่เป็นอะไร”
‘ฉันไม่สามารถช่วยเจ้าศักดินาเคนนี่ได้ และตอนนี้เขาก็คงจะถูกประหารชีวิตไปแล้ว หัวใจของเด็กนั้นบอบบางเกินไป ดังนั้นเขาจะไม่สามารถยอมรับกับข่าวร้ายเช่นนี้ได้”
ขณะที่พูดเช่นนั้น อีเวตต์ก็ดึงแอมโบรสมากอดไว้ในอ้อมแขน “ได้เวลานอนแล้ว”
เมื่อได้สัมผัสอ้อมแขนอันอบอุ่นของอีเวตต์ แอมโบรสก็รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาของเขาก็ยังคงเบิกกว้าง
อีเวตต์เองก็นอนไม่หลับเช่นกัน ความคิดมากมายผุดขึ้นในใจของเธอ ‘แอมโบรสเป็นเด็กที่น่าสงสาร ดังนั้นฉันจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเขาเด็ดขาด!’
ภายในวิหารเก่าแก่ มีเพียงเสียงฝนที่กำลังตกอยู่ด้านนอก
ผ่านไปครู่หนึ่ง แอมโบรสก็ยังคงนอนไม่หลับ เขาจึงพูดขึ้นว่า “ผมนอนไม่หลับ คุณช่วยเล่าเรื่องให้ผมฟังได้ไหม?”
“แน่นอน!” อีเวตต์ พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
อีเวตต์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “อืม…ฉันจะเล่าเรื่องที่ฉันปลอมตัวเป็นประมุขสำนักประตูสุราลัยเพื่อเข้ายึดหกสำนักหลักของจักรวาลโลกให้ฟัง! ในจักรวาลโลกมีสำนักหลักอยู่หกสำนัก ประกอบไปด้วยสำนักเส้าหลิน สำนักบู๊ตึ๊ง…”
ในขณะที่อีเวตต์เริ่มเล่าเรื่องราวนั้น เธอก็นึกย้อนกลับไป ถึงเหตุการณ์เมื่อสองปีก่อน
แอมโบรสตั้งใจฟังอย่างจดจ่อ
ผ่านไปครู่หนึ่งเมื่ออีเวตต์เล่าจบ แอมโบรสก็กระพริบตาและพูดเฉยชมเธอว่า “คุณแข็งแกร่งมากที่คุณสามารถเข้ายึดหกสำนักหลักได้! โตขึ้นผมอยากเป็นเหมือนคุณ!”
จากนั้นแอมโบรสก็ถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “แล้วใครคือ ประมุขสำนักประตูสุราลัยเหรอครับ? ทำไมคุณถึงปลอมตัวเป็นเขา?”
“เขาเป็นพ่อ…” จากนั้นอีเวตต์ก็ต้องหยุดชะงัก
ก่อนที่อีเวตต์จะพูดอะไรต่อไป เธอก็ถามแอมโบรสว่า “แอมโบรส แม่ของเธอได้บอกหรือเปล่าว่าใครเป็นพ่อของเธอ?”
‘พ่อเหรอ?’ แอมโบรสครุ่นคิด
เมื่อได้ยินเช่นนั้น แอมโบรสก็เอียงศีรษะและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “พ่อของผมก็คือเจ้าศักดินาเคนนี่ไม่ใช่หรอกเหรอ?”
เมื่อได้ยินแอมโบรสตอบเช่นนั้น อีเว็ตต์ก็เข้าใจในทันที เห็นได้ชัดว่าโมนิก้าคิดว่าแดร์ริลตายไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่เคยบอกแอมโบรสว่าใครเป็นพ่อที่แท้จริงของเขา
จนถึงตอนนี้ แอมโบรสก็ยังคิดว่าเจ้าศักดินาเคนนี่เป็นบิดาผู้ให้กำเนิดของเขาอยู่
“ทำไมคุณถึงถามแบบนั้นล่ะ?” แอมโบรสถามอย่างสงสัยและรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันใด “คุณยังไม่ได้บอกผมเลยว่าประมุขสำนักประตูสุราลัยเป็นใคร?”
อีเวตต์รู้สึกกระอักกระอ่วน ไม่นานเธอก็ตอบขึ้นว่า “เขาเป็นเพียงคนน่ารำคาญคนหนึ่ง เขาไม่ใช่คนสำคัญอะไรหรอก ฉันก็แค่อยากปลอมตัวเป็นเขาก็เท่านั้น”
ในขณะที่เธอพูดเช่นนั้น ภาพของแดร์ริลก็ปรากฏขึ้นในความคิดของเธอ
ในตอนนั้น อีเวตต์ได้นำราชองครักษ์ทั้งสิบสองคน ติดตามเธอไปยังจักรวาลโลกและทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีจนเมื่อเธอได้พบกับแดร์ริล
ในทุก ๆ ครั้งที่อีเวตต์ต้องเผชิญหน้ากับแดร์ริล เธอก็มักจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบเขาอยู่เสมอ
ทว่าตอนนี้เธอกลับกำลังช่วยลูกชายของเขาอยู่!
และทุก ๆ ครั้งที่ภาพของแดร์ริลผุดขึ้นมาในใจของเธอ เธอก็มักจะรู้สึกโกรธเขาอยู่เสมอ
“คนน่ารำคาญงั้นเหรอ?” แอมโบรสพึมพำเบา ๆ
จากนั้น แอมโบรสก็กำหมัดเล็ก ๆ ของเขาและพูดขึ้นว่า “ประมุขสำนักประตูสุราลัยได้รังแกคุณหรือเปล่า? เมื่อผมโตขึ้นผมจะสอนบทเรียนให้เขาเอง!”
อีเวตต์ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น
‘แต่เขาเป็นพ่อของเธอ แล้วเธอจะสอนบทเรียนให้แก่เขาได้ยังไง? เป็นเขาเสียมากกว่าที่จะต้องเป็นคนสอนบทเรียนให้กับเธอ’ อีเวตต์ครุ่นคิดด้วยความรู้สึกขบขัน
แอมโบรสยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะพูดขึ้นว่า “ผมอยากฟังคุณเล่าอีก มีเรื่องอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกประทับใจเป็นพิเศษบ้างไหม?”
‘เรื่องที่ทำให้ฉันรู้สึกประทับใจเป็นพิเศษงั้นเหรอ?’ อีเวตต์ครุ่นคิด
ในฐานะเจ้าหญิง อีเวตต์ได้รับการปรนเปรอปรนนิบัติและได้รับความรักมากมายตั้งแต่ที่เธอยังเป็นเด็ก เมื่อโตขึ้น ทุกอย่างก็ราบรื่นดี ดังนั้นจึงไม่มีเรื่องใดที่ทำให้เธอรู้สึกประทับใจเป็นพิเศษ
วินาทีต่อมา อีเวตต์ก็นึกถึงแดร์ริลอีกครั้ง
ในตอนนั้นที่เธอปลอมตัวเป็นประมุขสำนักประตูสุราลัยเพื่อเข้ายึดหกสำนักหลักจากจักรวาลโลก เมื่อแดร์ริลได้รู้ข่าว เขาก็รีบตามล่าตัวเธอทันที ในตอนแรกเธอคิดว่าเธอจะสามารถใช้วิชาค่ายกลเพื่อเล่นงานแดร์ริลก่อน ทว่าเขากลับใช้ค่ายกล เล่นงานเธอจนเธอรู้สึกร้อนและคันไปทั้งตัว ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องร้องขอความเมตตาจากเขา
และอีกเหตุการณ์หนึ่งที่สุสานโบราณในเตียวหยุน อีเวตต์ถูกแดร์ริลใช้วิชาค่ายกลสะกดจิตจนทำให้เธอเข้าใจผิดคิดว่าแดร์ริลเป็นพ่อของเธอ
ในขณะที่คิดเช่นนั้น อีเว็ตต์ก็หน้าแดงขึ้นมาทันที
แต่เนื่องจากว่าแอมโบรสนอนก้มหน้าอยู่ในอ้อมแขนของอีเวตต์ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สังเกตเห็น
เมื่อเห็นว่าอีเวตต์เงียบไป แอมโบรสจึงถามขึ้นว่า “คุณไม่เคยมีเรื่องที่ทำให้คุณรู้สึกประทับใจเป็นพิเศษงั้นเหรอ?“
“ในชีวิตของฉันไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้ฉันรู้สึกประทับใจเป็นพิเศษหรอก”
อีเวตต์ส่ายหน้าขณะกล่าวเช่นนั้น จากนั้นเธอก็หันมาพูดกับเขาว่า “เอาล่ะ พรุ่งนี้เราต้องเดินทางต่อ เลิกถามและหลับตานอนได้แล้ว”
‘ฉันจะให้แอมโบรสรับรู้เรื่องราวที่น่าอับอายระหว่างฉันกับแดร์ริลได้อย่างไร? แอมโบรสเป็นเด็กฉลาด ถ้าหากฉันเล่าเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับ การกระทำของพ่อของเขาให้เขาฟัง ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะมีท่าทีอย่างไร’ อีเวตต์ครุ่นคิด