คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ - บทที่ 1797
คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 1797
แอมโบรสหายใจเข้าลึก ๆ และมองไปรอบ ๆ เมืองหลวงของทวีปโมอาน่าเหนือ เขามองไปที่บริเวณรอบ ๆ เมือง เขาเห็นองครักษ์จำนวนนับไม่ถ้วนยืนเฝ้าอยู่และถอนหายใจออกมา
ไม่กี่วินาทีต่อมา แอมโบรสก็พูดออกมาว่า “ถ้าพวกเราอยากที่จะช่วยเมแกน พวกเราไม่อาจเข้าไปในวังด้วยวิธีการบุกเข้าไปอย่างแน่นอน เราก็จะเสียกำลังพลไปโดยเปล่าประโยชน์ ทางเดียวที่ทำได้คือหลอกล่อพวกเขา”
ในขณะที่เขาพูดเช่นนั้น แอมโบรสก็ดูมั่นใจมาก เขาพูดต่อไปว่า “หลังจากนี้ สั่งให้กองทัพและนักรบของทุกสำนักสร้างความโกลาหลที่ทางเข้าหลักของเมืองเพื่อล่อองครักษ์ทั้งหมดออกมา เมื่อถึงเวลานั้น ผมจะเข้าไปจากทางอื่นเพื่อแอบลอบเข้าไปในพระราชวัง พวกเราน่าจะช่วยเมแกนได้จากตามที่ผมคาดการณ์เอาไว้”
แอมโบรสเติบโตภายใต้การเลี้ยงดูของเจ้าศักดินาเคนนี่ตั้งแต่ยังเด็ก เขามีความเป็นผู้ใหญ่ทั้งทางด้านอารมณ์และจิตใจมากกว่าคนอื่น ๆ ที่อยู่ในวัยเดียวกัน
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ แอมโบรสเป็นลูกชายของแดร์ริล เขาสืบทอดพรสวรรค์ของแดร์ริลในวิชาค่ายกลของทหาร เขาจึงมั่นใจในการรับมือกับสถานการณ์ในตอนนี้
“ฝ่าพระบาททรงพระปรีขายิ่งนัก หม่อมฉันประทับใจมากเพคะ” แฟนนี่ปลื้มปีติและไม่พลาดโอกาสที่จะชื่นชมเขา
แอมโบรสยิ้มบาง ๆ และไม่เสียเวลาในการพูดเรื่องไร้สาระอีกต่อไป “เอาล่ะ หยุดเยินยอได้แล้ว คุณจะต้องจำเอาไว้ว่าทวีปโมอาน่าเหนือนั้นแข็งแกร่งมาก อย่าสู้กับพวกเขาซึ่ง ๆ หน้าล่ะ คุณแค่ต้องถ่วงเวลาเอาไว้ให้ผมแค่นั้นก็พอ”
“เข้าใจแล้วเพคะ” แฟนนี่พยักหน้ารัว ๆ เธอตื่นเต้นมาก
‘กลยุทธ์นี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ เราสามารถช่วยศิษย์พี่เมแกนได้แล้ว!’ เธอครุ่นคิด
แฟนนี่หันกลับมาและตะโกนใส่คนที่อยู่รอบ ๆ พวกเขา “เร็วเข้าและรีบเตรียมพร้อมสำหรับการจัดขบวน เราจะเริ่มลงไปที่ประตูใหญ่ของเมืองหลวงแล้ว”
หลังจากที่พูดจบแฟนนี่ก็นำนักรบ 100 คนจากสำนักต่าง ๆ ไปยังทางเข้าหลักของเมืองหลวง ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงทางเข้า พวกเขาก็ได้เป็นจุดสนใจขององครักษ์เมือง
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง พลเมืองทั้งหมดเริ่มวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอดเนื่องจากเกรงกลัวเหล่านักรบ
ในขณะที่แฟนนี่และพวกนักรบอยู่ห่างจากทางเข้าไม่เกิน 100 ฟุต องครักษ์ลาดตระเวนก็ได้เดินเข้ามาและตะโกนว่า “หยุดอยู่ตรงนั้นซะ! กล้าดียังไงมารวมตัวกันที่นี่ พวกเจ้าต้องการอะไรกันแน่?”
ร่างของแฟนนี่สั่นสะท้านเมื่อเห็นเช่นนั้น เธอรู้สึกกระวนกระวายแต่ก็แสร้งทำเป็นสงบนิ่งและวางมาดให้ดูแข็งแกร่ง
“พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะบุกรุกหรอกนะ พวกเรามาที่นี่ในวันนี้เพื่อที่มาพาเจ้าสำนักง้อไบ๊กลับ เราอยากให้พวกคุณเข้าใจและให้ความร่วมมือด้วย” แฟนนี่พูดด้วยน้ำเสียงที่ดังและชัดเจน ซึ่งมันได้ดังกึกก้องไปทั่วทางเข้าเมือง
เสียงของเธอสงบนิ่ง แต่ที่จริงแล้วแฟนนี่รู้สึกประหม่าอย่างมาก
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ที่นี่คือเมืองหลวงของทวีปโมอาน่าเหนือ
‘เจ้าสำนักง้อไบ๊?’
เมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนั้น ทหารลาดตระเวนทั้งหมดก็มองหน้ากัน จากนั้น หัวหน้าของพวกเขาก็เดินเข้าไปหา พร้อมขมวดคิ้วและตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ไร้สาระ! แม้ว่าเจ้าสำนักง้อไบ๊ของเจ้าจะอยู่ในเมืองหลวง แต่เขาก็ออกไปได้ด้วยตัวเอง นี่เจ้าตั้งใจจะรวบรวมคนจำนวนมากมาที่นี่เพื่ออะไร?”
ในขณะที่เขาพูดเช่นนั้น หัวหน้าก็โบกมือและพูดด้วยความเย่อหยิ่งว่า “ทำตัวให้ฉลาดและออกไปเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นเจ้าจะต้องรับผลที่ตามมา”
แฟนนี่หายใจเข้าลึก ๆ และรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันสวยงามของเธอ เธอพูดช้า ๆ ว่า “คุณองครักษ์ลาดตระเวน ให้ฉันบอกคุณตามตรงนะ เจ้าสำนักของเราถูกขังอยู่ในพระราชวังนี้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเรามาที่นี่กันหลายคน”
‘อะไรนะ?’
สีหน้าของหัวหน้าเปลี่ยนไปในทันทีเมื่อเขาเข้าใจสถานการณ์
“นี่เจ้ากำลังพยายามจะบุกเข้าไปในวังเพื่อช่วยนางงั้้นรึ?” เขาตะคอกใส่
เมแกนถูกขังอยู่ในค่ายกลพันไม้ปริศนาที่อยู่ในพระราชวัง นั่นเป็นพื้นที่ต้องห้าม ด้วยเหตุนี้ราชวงศ์โมอาน่าเหนือจึงยังไม่ทราบว่าเมแกนถูกขังอยู่ในนั้น เพราะฉะนั้นองครักษ์ก็ไม่อาจรู้ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าคำพูดของแฟนนี่กำลังสื่อถึงอะไร ที่พวกเขาจำนวนมากมาอยู่ตรงนี้เพราะพวกเขากำลังจะบุกเข้าไปในวังเพื่อช่วยเหลือเมแกนนี่เอง
ในขณะนั้นแฟนนี่รู้สึกประหม่าอย่างมาก ฝ่ามือของเธอเหงื่อออกแต่เธอยังคงแสดงท่าทีอันแสนเย่อหยิ่ง “ถูกต้องแล้ว! โปรดแจ้งจักรพรรดิของคุณให้ปล่อยเจ้าสำนักของเราในทันทีด้วย ถ้าหากเขาไม่อยากให้พวกเราก่อเรื่องล่ะก็นะ”
เมื่อเธอพูดออกมาเช่นนั้นแฟนนี่ได้แอบภาวนากับตัวเองว่า ‘ฝ่าพระบาท หม่อมฉันกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อล่อสนใจของราชองครักษ์แล้ว ท่านต้องหาโอกาสแอบเข้าวังให้สำเร็จให้ได้นะ’
“ผู้บุกรุก! ผู้บุกรุก!” หัวหน้าตะโกน พร้อมกับดึงดาบออกมาและเล็งไปที่แฟนนี่ “ช่างเป็นโจรที่หยิ่งยโสอะไรเช่นนี้! นี่เจ้ากล้าพูดเรื่องอัปยศเช่นนี้ได้อย่างไร วันนี้พวกเจ้าจะไม่มีใครหนีรอดไปได้!”