คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ - บทที่ 550
คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 550
“ได้เลย ฉันจะไม่ร้องไห้ ฉันจะไม่ร้องไห้…” อีวอนเช็ดน้ำตาของเธอและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ เรามาเริ่มพิธีวิวหาห์กันเถอะ”
“เยี่ยม!” แดร์ริลจับมืออีวอนและค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน
ในเวลานั้น ซาร่าเองก็ได้ตกแต่งห้องไว้อย่างสวยงามอลังการและวิจิตรตระการตา
ซาร่าชื่นใจเมื่อได้เห็นว่าทั้งคู่คุกเข่าลงแล้ว “พวกพี่จะเริ่มพิธีกันแล้วเหรอ? สุดยอด ฉันจะเป็นพยานให้พวกพี่เอง!”
ซาร่ากล่าวจบประโยคและเดินไปหาทั้งคู่อย่างกระตือรือร้นพร้อมกับขานรับอย่างเริงร่า “เรามารวมตัวกันที่นี่ในวันนี้ เพื่อพิธีสมรสระหว่างพี่ชายทูนหัวของฉันกับมิสอีวอน ขอให้ทั่งคู่พบแต่ความสุขและความสำราญ จงดลบันดาลให้สรวงสวรรค์เป็นสักขีพยาน… คำนับครั้งแรกให้กับ สวรรค์และโลก!”
แดร์ริลและอีวอนยิ้มกรุ้มกริมให้กันและกัน และก้มโค้งคำนับด้วยมือของทั้งคู่ที่ประสานกัน
จากนั้นซาร่าก็อุทาน “คำนับครั้งที่สอง เพื่อเคารพผู้อาวุโส!”
จากนั้นทั้งคู่ก็หันหน้าไปทางเมืองตงไห่และก้มโค้งคำนับ
ในเวลานั้น แดร์ริลรู้สึกว่าร่างกายของอีวอนสั่นเทาราวกับพยายามควบคุมอารมณ์ของเธอ อีวอนเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลยัง โดยปกติแล้วเธอหวังไว้ว่าจะได้รับการอวยพรจากพ่อของเธอในระหว่างพิธีวิวาห์กับแดร์ริล แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้… เธอไม่แน่ใจว่าตัวเธอเองจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกนานแค่ไหน เธอจึงได้ระงับความรู้สึกเศร้าเสียใจของเธอไว้
หลังจากที่พวกเขาก้มโค้งคำนับให้แก่กันและกันด้วยความเคารพ แดร์ริลก็พยุงตัวอีวอนและลุกขึ้นยืนด้วยความรู้สึกปวดหัวใจ
ในขณะนั้นซาร่าก็ยิ้มแย้มกล่าว “พี่ชาย นายและมิสอีวอนเป็นคู่รักที่ถูกลิขิตมาจากสรวงสวรรค์ ฉันอิจฉาพวกพี่จริง ๆ ขอให้ทั้งสองคนมีความสุขตลอดไปและอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า”
“ใช่ อยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า…” อีวอนหักห้ามใจตัวเองไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา
ซาร่าตกตะลึงและถามด้วยความเป็นห่วง “อีวอน เป็นอะไรไป?”
‘นี่เกิดอะไรขึ้น? ฉันพูดอะไรผิดไปรึเปล่า?’ ซาร่าคิด
เฮ้อ…
แดร์ริลสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และระงับความปวดร้าวในใจขณะเขาฝืนยิ้ม “ไม่เป็นไร เธอแค่ตื่นเต้นมากไปหน่อยน่ะ”
ซาร่าพงกหัวรับทราบแต่เธอยังคงสงสัย
‘เธอควรจะยิ้มหัวเราะร่าเริงไม่ใช่เหรอถ้าเธอมีความสุข? ทำไมเธอถึงร้องไห้? แปลกจัง…’ ซาร่าคิด
จากนั้นเธอก็ยิ้มแย้มกล่าว “เอาล่ะ ถึงเวลาที่พวกพี่ทั้งคู่จะเข้าเรือนหอแล้ว ฉันจะไม่อยู่เป็นก้างขวางคอพวกพี่แล้ว” ซาร่าจากไปในทันทีที่เธอกล่าวจบประโยค
ในขณะนั้น แดร์ริลสัมผัสได้ว่าชีพพจรของอีวอนนั้นแผ่วลง เขารู้สึกไม่แย่และกล่าวเบา ๆ “อีวอน ไปนอนบนเตียงและพักผ่อนสักหน่อยเถอะนะ”
อีวอนพงกหัวและปล่อยให้แดร์ริลอุ้มเธอไปที่เตียง โดยเอาแขนโอบรอบคอของเขา
อีวอนนอนลงและกล่าวเบา ๆ “คุณเองก็ควรจะพักผ่อนด้วย คุณน่าจะเหนื่อยมากแบกฉันไปมาทั้งคืน”
แดร์ริลยิ้มและพยักหน้า “ได้สิ”
ในเวลานั้น ทั้งสองคนก็คิดตรงกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตพวกเขาก็อยากจะเก็บเกี่ยวทุกวินาทีอันมีค่าของพวกเขาที่มีร่วมกันในตอนนี้
ขณะที่แดร์ริลกำลังโน้มตัวลงนอน จู่ ๆ ประตูห้องนอนก็เปิดออก!
แกร็ก
เรือนร่างผอมเพรียวและเย้ายวนก็ค่อย ๆ ก้าวเดินเข้ามาในห้อง
เธอคือซูซาน คนที่ก้าวเข้ามาในห้อง
แดร์ริลประหลาดใจที่เห็นเธอและพรวดราพลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและกล่าวถาม “อาซูซาน? มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ?”
สีหน้าท่าทางของอีวอนก็เลิกลั่กพอกันเมื่อเธอรู้สึกอักอ่วนเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเธอนั้นก็ยังอยู่ในบ้านของคนอื่น
ซูซานมองไปรอบ ๆ และสังเกตเห็นการตกแต่งประดับประดาของห้อง เธอก็มีหน้าตาสงสัยอยากรู้ขึ้นมาในทันที และกล่าวถาม “นี่พวกเธอสองคนเพิ่งจะแต่งงานกันงั้นเหรอ?”
แม้ว่าซูซานนั้นจะอยากรู้อยากเห็น แต่เธอก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะตำหนิติเตียนพวกเขา
ในเวลานั้น แดร์ริลพยักหน้าและยิ้มอย่างมีขวยเขิน “ใช่เราเพิ่งจะแต่งงานกัน อีวอนถูกดูดซับพลังงานจิตวิญญาณของเธอไปจนหมด และเธอมีเวลาเหลืออยู่ไม่นาน เราทั้งคู่ต่างก็คิดเหมือนกัน เราเลยไม่อยากทิ้งความเสียใจอะไรไว้เบื้องหลัง”
ซูซานพยักหน้ารับรู้อย่างเงียบ ๆ เมื่อได้ยินกับคำพูดของเขาและกล่าว “แดร์ริล ฉันบอกได้เลยว่านายมีความผูกพันกับอีวอนอย่างลึกซึ้ง แต่นายไม่ควรจะด่วนสรุปเกินไป มันอาจจะยังพอมีความหวังสำหรับเธออยู่บ้าง”
อะไร?
มันพอจะมีทางที่จะช่วยชีวิตอีวอนได้?
ในขณะนั้น ร่างกายของแดร์ริลสั่นสะท้านขณะเขาร้องอุทานอย่างกระวนกระวาย “อาซูซาน บอกผมมาเร็ว ๆ ทางไหนที่จะช่วยอีวอนได้?”
ซูซานยิ้มเจื่อน ๆและส่ายหัว “ฉันบอกนายได้ว่าจะช่วยชีวิตเธอยังไง แต่ฉันขอบอกไว้ก่อนว่านายไม่ควรจะคาดหวังมากเกินไปกับวิธีนี้”