คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 129 มังกรเกล็ด
ฉินอวี้โม่รับแหวนมิติที่ผู้อาวุโสจงหัวยื่นให้ หลังจากลองตรวจดูแล้วนางก็พบว่าภายในนั้นมีกรงอสูรมายาอยู่เกือบ ๆ หนึ่งร้อยกรง
ผู้อาวุโสจงหัว ท่านบอกราคามาได้เลย ข้ายินดีจะจ่ายให้ตามราคาจริง
ในแหวนมิติวงนี้มีกรงอสูรขนาดใหญ่บรรจุอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งแต่ละกรงยังดูแข็งแรงทนทานมีคุณภาพดี แน่นอนว่าราคาของมันก็คงจะไม่ใช่น้อย ๆ แต่ที่สำคัญนางก็ไม่ได้สนิทสนมกับบุรุษอาวุโสผู้นี้ ฉะนั้นแล้วการจะรับมันมาเฉย ๆ ก็คงจะน่าละอายมากเกินไป
ฮ่า ๆ แม่นางรับมันไว้เถอะ เจ้าคิดว่าข้าขัดสนเงินทองอย่างนั้นรึ ?
จังหัวยิ้มอย่างสงบ สำหรับเขาแล้วกรงพวกนี้ก็ไม่ได้ถือว่ามีมูลค่ามากเท่าไหร่นัก
ฉินอวี้โม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากที่ดูจงหัวก็ไม่ใช่คนขาดแคลนเงินทอง กรงอสูรอาจไม่ถือว่ามีราคาค่างวดสำหรับเขาเลยก็ได้ อดีตนักฆ่าสาวจึงล้มเลิกความคิดที่จะปฏิเสธน้ำใจของผู้อาวุโสแห่งสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรและรับมันมา
เอาล่ะ ข้ารบกวนเวลามามากแล้ว เชิญแม่นางและสหายทำธุระของท่านเถอะ
จงหัวกล่าวลาก่อนจะหันหลังเดินกลับไปยังสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูร คุณหนูตระกูลฉินก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ
เฮ้อ… จงหัวผู้นี้เป็นคนดีจริง ๆ
ฉินอวี้โม่มองตามแผ่นหลังผู้อาวุโสใจดีที่มอบกรงอสูรให้นางพลางถอนหายใจอย่างปลงตก น่าเสียดายยิ่งนักที่คนดี ๆ เช่นนี้จะต้องมัวหมองไปเพราะพฤติกรรมย่ำแย่ของผู้อยู่ร่วมสมาคมในขุมกำลังใจแคบแห่งนั้น
อย่าสนใจเรื่องของคนอื่นเลย พวกเรารีบไปกันเถอะ
หลินจิ้งหงกล่าวกับสหายด้วยรอยยิ้ม อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ในวันนี้เขาจดจำขึ้นใจไปเสียแล้ว และเมื่อใดก็ตามที่จอมมารอย่างเขามีโอกาส คนพวกนั้นต้องได้รับการเอาคืนอย่างสาสม รับรองว่าทั้งหวังรั่วจวินและชวี่เซียวจะต้องได้รู้จักฤทธิ์เดชของนายน้อยแห่งสมาคมทหารรับจ้างในชนิดที่ว่าไม่อาจหาญกล้าเงยหน้าสบตาเขาได้อีกเลย
พงไพรแห่งฝันร้าย สถานที่สำหรับทำภารกิจ ‘กระตุกหนวดมังกรเกล็ด’ ของสหายทั้งสามอยู่ไม่ไกลจากตัวนครไป๋อวิ๋นมากนัก ใช้เวลาเดินเพียงครึ่งชั่วยาม หนึ่งบุรุษสองสตรีก็มาถึงชายป่าในส่วนที่อยู่ใกล้กับตัวเมืองมากที่สุดแล้ว
เมื่อเปรียบเทียบกับผืนพนากว้างใหญ่อย่างป่าแสงจันทร์ พงไพรแห่งฝันร้ายนี้นับว่ามีขนาดเล็กเป็นอย่างมาก และถึงแม้จะเทียบกับป่าลึกลับของดินแดนต้องห้ามในโรงเรียนราชสำนัก พงไพรชื่อน่ากลัวดังกล่าวก็ยังเล็กกว่าอยู่ดี
ถึงแม้พื้นที่ของพงไพรแห่งฝันร้ายจะไม่กว้างใหญ่ ทว่าภายในกลับมีทั้งพื้นที่ป่าและบึงน้ำ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยอสูรมายามากมายหลายชนิด ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังเป็นอสูรที่มีระดับค่อนข้างสูง ดังนั้นพงไพรแห่งฝันร้ายนี้จึงถือเป็นจุดหมายยอดนิยมแห่งหนึ่งที่นักผจญภัยทั้งหลายต้องการจะมาเยือนสักครั้ง
ไปกันเถอะ เรามีเวลาอยู่ไม่มากนัก มาดูกันว่าจะมีอสูรให้เราจับมากแค่ไหน ถ้าจับอสูรจนพอใจเราก็จะได้จบภารกิจนี้กัน
ฉินอวี้โม่ยิ้ม ในครั้งนี้จุดประสงค์ที่พวกนางมาเยือนผืนป่าชื่อน่ากลัวแห่งนี้ แท้จริงแล้วก็เพื่อจะจับอสูรมายาเป็นหลัก ส่วนเรื่องทำภารกิจเก็บสมุนไพรนั้นถือเป็นเรื่องรองลงไป
หนึ่งคุณชาย หนึ่งคุณหนู และหนึ่งสาวใช้เดินเคียงข้างกันมุ่งหน้าเข้าไปยังใจกลางของพงไพรแห่งฝันร้ายด้วยแววตามุ่งมั่นและใบหน้าตื่นเต้นปนนึกสนุก
ระหว่างทางที่ผ่านเข้าไปนั้น ไม่ว่าจะเป็นอสูรประเภทใดแต่ขอเพียงอยู่ในระดับตั้งแต่อสูรเทวะขึ้นไป ฉินอวี้โม่ก็จะสยบพวกมันอย่างไม่มีข้อยกเว้น
สามวันผ่านพ้นไปไวเหมือนชั่วพริบตา เวลานี้กรงมากมายที่อยู่ภายในแหวนมิติได้ถูกอสูรน้อยใหญ่นานาพันธุ์จับจองไว้ทั้งหมดแล้ว
ในสามวันที่ผ่านไปนี้ หลังจากแวะจับอสูรบ้างแวะพักบ้าง ในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาถึงจนใจกลางของพงไพรแห่งฝันร้าย และได้พบกับบึงน้ำซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของมังกรเกล็ดแล้ว
ข้าว่านี่น่าจะเป็นบึงที่มังกรเกล็ดซ่อนตัวอยู่
เมื่อเห็นบึงน้ำขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กอยู่ตรงหน้า ฉินอวี้โม่ก็เอ่ยปาก
ณ ที่แห่งนี้ สตรีเจ้าของกายเทพมายาพบว่าตนไม่สามารถสัมผัสถึงความผันผวนของพลังหรือกลิ่นอายใด ๆ ได้เลย โดยเฉพาะในบึงน้ำที่อยู่เบื้องหน้า มันดูเป็นแหล่งน้ำกลางป่าที่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง หากไม่ใช่เพราะข้อมูลที่ได้มาจากหลินจิ้งหง นางคงไม่เชื่อแน่ว่าเจ้ามังกรเกล็ดอสูรระดับสูงจะอยู่ในบึงนี้
คิดว่าน่าจะใช่ ตามข้อมูลบอกไว้ว่ามังกรเกล็ดตัวนี้ฉลาด มากเล่ห์ แถมยังขี้ระแวง มันพยายามกดพลังและควบคุมกลิ่นอายของตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้ศัตรูหรือผู้รุกรานสัมผัสถึงการมีอยู่ของมันได้
หลินจิ้งหงพยักหน้า เมื่อรับเอาภารกิจนี้มาจัดการด้วยตัวเองเขาก็ค้นพบว่าเจ้ามังกรเกล็ดตัวดังกล่าว…น่าสนใจไม่น้อยเลย
เช่นนั้นเราคงต้องหาวิธีหลอกล่อมันออกมา
ฉินอวี้โม่ครุ่นคิด ทว่าในลมหายใจถัดมาสาวงามก็ยิ้มอย่างหมายมาด หากไม่ยอมออกมาเองก็คงต้องใช้สิ่งกระตุ้น
เจ้าจะหลอกล่อมันด้วยวิธีไหน ?
หลินจิ้งหงมองฉินอวี้โม่ใบหน้าฉงน
มังกรมีความรู้สึกนึกคิดไม่ต่างจากมนุษย์ ว่ากันว่ามันจงเกลียดจงชังงูมากเลยมิใช่หรือ ?
ฉินอวี้โม่ตอบคำถามด้วยคำถาม นางไม่ได้ตอบคำถามของหลินจิ้งหงโดยตรง แต่ใช้การถามกลับไปแทน ทว่าผู้ที่อดีตนักฆ่าในร่างคุณหนูเอ่ยถามนั้นไม่ใช่คุณชายหลินแต่กลับเป็นเสี่ยวจิ่วที่อยู่ในมิติเชื่อมอสูรของตน
ใช่ นายหญิง พวกมันรังเกียจงู พวกเผ่ามังกรมักคิดว่าเผ่าพันธุ์งูของพวกเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต่ำชั้นกว่า ดังนั้นมันจึงเดียดฉันท์และเหยียดหยามพวกเรา
เสี่ยวจิ่วส่งเสียงตอบกลับมา
ดี งั้นเจ้าก็ออกมาช่วยข้าล่อเจ้ามังกรนั่นออกมาหน่อย
ฉินอวี้โม่พยักหน้า เมื่อเป็นเช่นนั้นจริง ภารกิจนี้ก็นับว่าไม่ได้ยากเย็นมากนัก
ต้องทราบก่อนว่า แม้ว่าเจียวหลงหรือมังกรเกล็ดจะมีรูปลักษณ์เป็นมังกร แต่ก็ยังไม่ใช่มังกรที่แท้จริง และถึงแม้มนุษย์จะเรียกขานมันว่ามังกร แต่ในเผ่าพันธุ์มังกรด้วยกันเอง มังกรเกล็ดยังไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นอสูรร่วมเครือมังกร ซึ่งถ้าหากมันอยากให้ตนเองได้เป็นมังกรที่แท้จริงโดยสมบูรณ์ เจ้ามังกรมีเกล็ดจำเป็นต้องเข้ารับการชำระล้างจากทัณฑ์อัสนี เข้าสู่กระบวนการลอกเกล็ดและก่อกำเนิดใหม่ อย่างไรก็ตาม โอกาสที่จะทำเช่นนั้นได้มีอยู่น้อยแสนน้อยจนแทบจะเรียกว่าไร้ความหวัง
ยิ่งเผ่ามังกรที่แท้จริงเกลียดงูมากเท่าไหร่ เหล่ามังกรเกล็ดก็ยิ่งจงเกลียดจงชังมากกว่าเป็นทวีคูณ เพราะงูเป็นเสมือนสิ่งย้ำเตือนความอัปยศให้มันจดจำได้ว่าครั้งหนึ่งพวกมันก็เคยวิวัฒนาการมาจากงูเช่นกัน และก็ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ ที่ทำให้มังกรเกล็ดถูกมังกรแท้ ๆ เหยียดหยาม
และถ้าหากว่าเจ้ามังกรไม่แท้ที่อยู่ก้นบึงแห่งนี้ถูกสัตว์ประเภทงูยั่วยุ มันจะต้องออกมาจัดการเป็นแน่
เสี่ยวจิ่วส่งเสียงรับคำ ก่อนจะปรากฏกายในร่างมนุษย์ต่อหน้าฉินอวี้โม่
นายหญิง วางใจได้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง
อสูรสวรรค์เผ่าพันธุ์งูในร่างบุรุษหล่อเหลายิ้มก่อนจะคืนกลับเป็นร่างที่แท้จริง ราชาอสรพิษเก้าเศียรขนาดยักษ์เลื้อยตรงไปยังบึงน้ำเบื้องหน้าแล้วพุ่งลงไปว่ายน้ำเล่นเสียเช่นนั้น
ฉินอวี้โม่และสหายอีกสองคนแอบซุ่มดูเหตุการณ์อยู่ไม่ไกลนัก พวกเขากำลังรอชมการปรากฏตัวของเจ้ามังกรเกล็ดผู้มากเล่ห์
หลังจากรอคอยอยู่เป็นเวลานาน ทันใดนั้นฉินอวี้โม่ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตระดับสูงที่ไม่ใช่เสี่ยวจิ่วแผ่ออกมาจากภายในบึงน้ำ มันเป็นกลิ่นอายอันทรงพลังอย่างยิ่ง และมันก็ทรงพลังยิ่งกว่าเสี่ยวจิ่วมากเสียด้วย
เจ้าอสรพิษน่าทุเรศ กล้าดียังไงมาทำให้บึงของข้าสกปรก ! หน็อย~ จู่ ๆ ก็เข้ามาอาบน้ำในที่ของผู้อื่น ไอ้ตัวต่ำช้า จะทำตัวน่าขยะแขยงเกินไปแล้วนะ !
เสียงหนึ่งดังมาก่อนที่ร่างร่างกายใหญ่โตจะโผล่ขึ้นจากน้ำมาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเสี่ยวจิ่วที่กำลังแสร้งเล่นน้ำอย่างเริงร่า
รูปลักษณ์ของอสูรผู้มาใหม่นั้นมีส่วนคล้ายกับเสี่ยวจิ่วอยู่ไม่น้อย ทว่ามันมีเพียงหัวเดียว และตลอดทั้งตัวของมันก็ปกคลุมไปด้วยเกล็ดงดงามแวววาวเรียงตัวเป็นระเบียบและยังดูแข็งแกร่งกว่าเกล็ดของเสี่ยวจิ่วอย่างมาก ดูแล้วอสูรมายาตนนี้จะต้องเป็นมังกรเกล็ดไม่ผิดแน่
เพ่ย มังกรเกล็ด อย่ามาวางท่าอวดดีกับข้านะ เจ้าเองก็เคยเป็นงูมาก่อน เผ่าพันธุ์งูก็เสมือนเป็นบรรพบุรุษของเจ้า การที่ข้ามาอาบน้ำที่นี่ เจ้าควรดีใจที่ได้เสียด้วยซ้ำที่บรรพชนผู้นี้ให้เกียรติมาเยือนถึงบ้านเจ้า แต่นี่เจ้ากลับมาหยาบคายใส่ข้า น่าขำจริง ๆ
แต่เดิมเสี่ยวจิ่วเป็นอสรพิษระดับราชา มันไม่เคยยอมผู้ใดและไม่ชอบถูกยั่วยุ แม้เวลานี้จะกลายเป็นอสูรใต้พันธสัญญาของฉินอวี้โม่ไปแล้ว แต่เจ้างูหลายหัวก็ยังคงอารมณ์ร้ายดังเดิม แน่นอนว่าเมื่อถูกอีกฝ่ายมาต่อว่า มันก็ด่ากลับไปได้อย่างเจ็บแสบ เรื่องตีฝีปากอสรพิษอารมณ์ร้ายไม่เคยเป็นรองผู้ใด
อสรพิษเก้าเศียร เหตุใดเจ้าไม่อยู่ในป่าแสงจันทร์ของเจ้าไป เจ้ามาทำอะไรในอาณาเขตของข้า ?
ทว่าคำพูดของเสี่ยวจิ่วกลับไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายคล้อยตามแม้แต่น้อย มันยังคงจ้องมองอสูรแปลกหน้าตาเขม็งพลางเอ่ยถามถึงสิ่งที่สงสัย
ข้าได้ยินว่าภายในถ้ำที่เจ้าอยู่อาศัยมีสมุนไพรวิเศษอยู่ เจ้าเองก็เข้าใจว่าข้าก็เป็นงู แน่นอนว่าข้าอยากจะแข็งแกร่งขึ้น ข้าได้ยินว่าสมุนไพรนั่นสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้ ดังนั้นข้าจึงอยากจะขอแบ่งมันจากเจ้าสักสองสามต้น
แม้ว่าจะดุร้ายอยู่บ้าง แต่ฉินอวี้โม่รวมถึงสหายอีกสองคนก็ต้องยอมรับเลยว่าเสี่ยวจิ่วเป็นอสูรที่ใช้ปากและถ้อยคำได้ดีเลยทีเดียว เมื่อมันเห็นว่าอีกฝ่ายคล้ายจะรับฟังเหตุผล มันก็เจรจาด้วยเหตุผลตอบกลับไป
เหอะ ! เจ้าอสรพิษ เรื่องนี้เจ้าไปฟังใครว่ามา ?
มังกรเกล็ดแค่นเสียงแล้วเบ้ปาก ตีสีหน้าบูดบึ้งก่อนจะกล่าวต่อ ที่นี่ไม่มีสมุนไพรอะไรทั้งนั้นแหละ ถ้ามีข้าคงกินมันเข้าไปเองนานแล้ว จะเก็บไว้รอผู้อื่นมาแย่งชิงให้เดือดร้อนไปทำไม ?
มังกรเกล็ด เจ้าคิดว่าจะปกปิดข้าได้งั้นรึ ?
เสี่ยวจิ่วยิ้มทำทีคล้ายรู้ทัน ก่อนจะเจรจาต่อ เจ้ากล้าให้ข้าเข้าไปดูในถ้ำของเจ้าไหมล่ะ ถ้าไม่มีสมุนไพรที่ว่าอยู่จริง ๆ ข้าจะกลับทันที
ทำไมข้าต้องให้เจ้าเข้าไปดู เจ้าก็รู้ว่ามังกรอย่างข้ารังเกียจงูมาก ถ้าให้งูอย่างเจ้าเข้าไปบ้านข้าก็สกปรกหมดน่ะสิ
มังกรเกล็ดส่ายศีรษะแล้วกล่าวเสียงดุดัน ข้าขอย้ำอีกครั้ง ที่นี่ไม่มีสมุนไพรอะไรทั้งนั้น รีบไสหัวกลับไปซะ ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าโหดร้ายก็แล้วกัน
มังกรเกล็ดมีสติปัญญาสูงส่ง มันไม่อยากให้เรื่องสมุนไพรนี้แพร่กระจายออกไปมันจึงไม่ลงมือโจมตีผู้มาเยือน มันสัมผัสได้ว่าตัวมันแข็งแกร่งกว่าเสี่ยวจิ่ว แต่ถ้าหากได้สู้กันจริง ๆ เกรงว่าแม้มันจะชนะแต่ก็อาจจะบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ที่สำคัญถ้าอีกฝ่ายหนีกลับไปได้ก็จะเป็นเรื่องใหญ่โต เพราะยิ่งมันพยายามปกป้องบึงและถ้ำนี้มากจนถึงขั้นลงมือกับอสูรที่มาขอแบ่งสมุนไพรตัวนี้ ก็ยิ่งแสดงว่าข้างในถ้ำต้องมีของดีอยู่จริง ดังนั้นแล้วการไล่ให้เจ้างูนี่กลับไปเองถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
หึ ๆ มังกรเกล็ด เจ้ากลัวว่าถ้าข้าเข้าไป ข้าจะเจอสมุนไพรนั่นใช่ไหมล่ะ ?
เสี่ยวจิ่วยิ้มชั่วร้าย ทันใดนั้นจู่ ๆ เจ้าราชาอสรพิษเก้าเศียรก็เปิดฉากจู่โจมมังกรเกล็ดในฉับพลัน
เมื่อครู่มันเพิ่งจะได้รับคำสั่งจากนายหญิงที่บอกว่าให้มันใช้การต่อสู้ดึงความสนใจมังกรเกล็ดเอาไว้เพื่อเปิดช่องทางให้ฉินอวี้โม่และสหายอีกสองคนดำลงไปดูก้นบึงให้เห็นกับตา
อสรพิษเก้าเศียร คิดว่าข้าจะโง่หลงกลเจ้าอย่างนั้นรึ ?
ราวกับมังกรเกล็ดรู้ทัน ไม่เพียงแต่ไม่ตอบโต้ แต่มันยังถอยหนีกลับลงไปในถ้ำที่ก้นบึงอย่างรวดเร็ว
เหอะ ! ข้าคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเจ้าจะกลายเป็นอสูรมายาของมนุษย์ไปได้ อีกทั้งยังกล้าพามนุษย์มาที่นี่เพื่อแย่งชิงสมบัติของข้า แต่อย่าฝันไปเลย ข้าจะไม่ยอมให้พวกเจ้าเอามันไปได้แน่ !
มังกรเกล็ดส่งเสียงขึ้นมาจากใต้น้ำ ตัวของมันยังคงดำดิ่งลงไปปกป้องถ้ำที่อาศัย
ฉินอวี้โม่อดยิ้มออกมาไม่ได้ มังกรเกล็ดตัวนี้น่าสนใจยิ่งนัก มันฉลาดเฉลียวรู้จักปกปิดตัวตนของตัวเองได้ ไม่เพียงเท่านั้นยังล่วงรู้อีกด้วยว่าเสี่ยวจิ่วเป็นอสูรในพันธสัญญา และเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบมันก็ถอยหนีไม่ยอมปรากฏตัว
ควรทำอย่างไรต่อไปดี นายหญิง ?
เสี่ยวจิ่วในร่างมนุษย์ปรากฏกายต่อหน้าฉินอวี้โม่แล้วเอ่ยปากถาม
ใช่แล้วคุณหนู มังกรเกล็ดตัวนี้ฉลาดจริง ๆ พวกเราจะทำอย่างไรเพื่อให้มันยอมส่งสาหร่ายที่เราต้องการมาดี ?
เสี่ยวโร่วเองก็คิดไม่ตก มังกรเกล็ดตัวนี้ฉลาดกว่ามนุษย์บางคนเสียด้วยซ้ำ
อย่าห่วงเลย เดี๋ยวอีกไม่นานเราก็จะได้เห็นเอง
ฉินอวี้โม่พยายามรวบรวมสมาธิเพื่อคิดหาวิธี
การจะรับมือกับอสูรที่มีสติปัญญาสูงส่งตนนี้นับว่าไม่ง่ายเลยสักนิด จะฆ่ามันก็ไม่ได้ หรือจะวางกับดักก็ไม่มีวิธีดี ๆ หลอกล่อมันขึ้นมา
ไม่ต้องกล่าวถึงความฉลาดปราดเปรื่องของมันเพราะเพียงแต่ลงไปเปิดศึกต่อสู้กับมันในน้ำตรง ๆ ก็เป็นเรื่องที่ยากอย่างยิ่งแล้ว ทั้งฉินอวี้โม่และอสูรในสังกัดของนางไม่มีคนหรือตัวใดเลยที่ถนัดการต่อสู้ใต้น้ำ
เสี่ยวโร่ว ทักษะการวางข่ายอาคมของเจ้าไปถึงระดับไหนแล้ว ?
ทันใดนั้นฉินอวี้โม่ก็นึกถึงชั้นเรียนข่ายอาคมขึ้นมาได้ นางเอ่ยถามสาวใช้น้อยอย่างใคร่รู้
ข้าสามารถวาง ‘ข่ายอาคมมายา’ อย่างที่ง่ายที่สุดได้
แม้ว่าจะไม่ทราบว่าเหตุใดคุณหนูของนางถึงได้ถามคำถามนี้ แต่เสี่ยวโร่วก็ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
‘ข่ายอาคมมายา’ เป็นข่ายอาคมที่สามารถทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือแม้แต่อสูรมายาเห็นภาพหลอนได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ แม้ว่าจะไม่ใช่การโจมตีเป้าหมายโดยตรงและไม่อาจสร้างความเสียหายร้ายแรงให้แก่ศัตรู แต่อย่างน้อยก็สามารถซื้อเวลาได้พอสมควร
จิ้งหง ตอนนี้เจ้าแข็งแกร่งระดับไหนแล้ว ?
คุณหนูตระกูลฉินหันไปถามคุณชายตระกูลหลินที่อยู่ข้าง ๆ
ถึงข้าจะสู้โม่ฉือไม่ได้ แต่เก่งกว่าเจ้าก็แล้วกัน
หลินจิ้งหงตอบกลับด้วยรอยยิ้มยียวน
ถ้าเช่นนั้นก็ง่ายแล้วล่ะ
มุมปากของฉินอวี้โม่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อน เวลานี้นางเกิดความคิดอย่างหนึ่งขึ้น
เสี่ยวโร่ว พวกเราจะล่อมังกรเกล็ดออกมา ส่วนเจ้าก็ใช้ข่ายอาคมถ่วงเวลามันไว้สักครู่ ข้ากับหลินจิ้งหงจะฉวยโอกาสใช้ทำให้มันบาดเจ็บสาหัส จากนั้นเราก็จะบีบบังคับให้มันส่งสาหร่ายมา
นับเป็นแผนการที่ดีและน่าจะได้ผลมากที่สุดแล้ว
เสี่ยวโร่วและหลินจิ้งหงพยักหน้า
แต่ว่า ข้าเคยหลอกล่อมันขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง ข้าคิดว่าถึงจะทำอีกมันก็คงจะไม่ขึ้นมาแล้ว นายหญิง อย่างนี้เราควรจะล่อมันอย่างไรดี ?
เสี่ยวจิ่วเอ่ยถาม เมื่อครู่มังกรเกล็ดรู้ตัวแล้วว่าเป็นแผนล่อลวง หากยังจะใช้มุกเดิมเห็นทีจะไม่ได้ผลเป็นแน่
ไม่เป็นไร เรื่องนั้นข้าจะจัดการเอง
ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจ นางไม่คิดที่จะใช้แผนเดิมซ้ำอีกครั้งอยู่แล้ว
ฉินอวี้โม่หยิบเอาโอสถเม็ดหนึ่งออกมาจากแหวนมิติ มันเป็นโอสถที่นางเคยขอให้ฉินอี้เฟยหลอมให้เป็นพิเศษ
โอสถนี้ไม่มีผลกับมนุษย์ แต่หากใช้กับอสูรมายามันจะถือเป็นโอสถที่ดีมาก
มันมีชื่อเรียกว่า ‘โอสถบำรุงกำลังอสูร’ สรรพคุณของมันคือสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้อสูรมายาได้โดยตรง โอสถนี้เป็นสิ่งล้ำค่า มันจะช่วยเพิ่มโอกาสการทะลวงข้ามระดับของอสูรมายาและยังสามารถเพิ่มโอกาสสำเร็จในการข้ามผ่านทัณฑ์อัสนีอีกด้วย
ต้องบอกเลยว่ากว่าจะหลอมโอสถชนิดนี้ขึ้นมาสักเม็ดหนึ่งไม่ง่ายเลย นอกเหนือจากจะต้องใช้เงินทุนมหาศาลในการสรรหาวัตถุดิบที่เหมาะสมแล้วก็ยังต้องใช้เวลานานกว่าจะหลอมมันได้สำเร็จ เดิมทีฉินอวี้โม่คิดจะใช้มันเพื่อเพิ่มพลังให้เหล่าอสูรในสังกัดของนาง แต่ในตอนนี้นางกำลังจะใช้มันเป็นสิ่งหลอกล่อให้มังกรเกล็ดออกมา
เพราะอดีตนักฆ่าในร่างคุณหนูคิดว่าอีกไม่นานมังกรเกล็ดตัวนี้ก็อาจจะกลายมาเป็นอสูรมายาของนาง ดังนั้นแล้วถึงจะให้มันกินเข้าไปจริง ๆ ก็ไม่ใช่ปัญหา ตรงกันข้ามมันยังเป็นผลดีมากเสียด้วยซ้ำ
ทันใดนั้น ร่างบางของคุณหนูตระกูลฉินก็หายวับไปจากจุดเดิมก่อนจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง ณ ใจกลางของบึงน้ำ ลมหายใจต่อมาเสียงเจรจาหวานใสก็ดังกังวานไปทั่ว
มังกรเกล็ดฟังให้ดี ข้ามีโอสถบำรุงกำลังอสูร ถ้าเจ้าต้องการมันก็ออกมารับมันไป !
สิ้นวาจานั้น ฉินอวี้โม่ก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดต่อ สตรีผู้งดงามทำเพียงแต่ลอยตัวนิ่งอยู่กับที่และรอคอยเท่านั้น
.