คุณหนูโลลิคลั่งเนีย ลิสตัน - ตอนที่ 279 ปฏิบัติการแทรกซึมหมู่เกาะหมีอากาศ 5 เก็บสาวเงียบขยายฮาเร็ม
- Home
- คุณหนูโลลิคลั่งเนีย ลิสตัน
- ตอนที่ 279 ปฏิบัติการแทรกซึมหมู่เกาะหมีอากาศ 5 เก็บสาวเงียบขยายฮาเร็ม
279 ปฏิบัติการแทรกซึมหมู่เกาะโจรสลัดอากาศ 5
“―『ทำตามที่ชอบได้เลย』ที่ว่ามันคืออะไรกัน! ลิลลี่ー! จะไปทำได้ยังไงห๊า!”
สาวน้อยเอสเธอร์ที่เคยพันผ้าพันแผลเอาไว้พุ่งเข้ามาในห้องที่เคยเป็นห้องของผู้จัดการวีรัสมาก่อน ซึ่งในตอนนี้เป็นห้องของสาวน้อยผมดำ ลิลลี่ พร้อมเสียงพ่น
“หืม?”
“ไม่ใช่『หืม?』สิ! อีแบบนี้ไม่มีทางทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการหรอกน๊า!”
“เอ๊ะ? เหรอ? ม๊า ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย”
เมื่อลิลลี่ถูกบ่น เธอก็หัวเราะออกมาตามปกติ
ในขณะที่มองดูบาดแผลและอาการบาดเจ็บของพวกเด็ก ๆ ตามปกติ
――ตอนแรกเธอก็ประหลาดใจมาก แต่ตอนนี้เห็นจนชินตาเป็นปกติแล้ว เธอยังลังเลเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนั้น แต่……วันนี้เอสเธอร์จะไม่ถอยอีกแล้ว
“ทีนี่มันแคบเกินไปแล้วยังไงล่ะย๊า!”
เป็นเวลาห้าวันแล้วที่ลิลลี่กลายเป็นเจ้าของซ่องราคาถูกในที่ห่างไกลแห่งนี้
เธอมักจะออกไปที่ไหนสักแห่งทุกคืนและกลับมาพร้อมกับพวกเด็ก ๆ ทุกวัน และบอกให้พวกเธอคอยดูแลเด็ก ๆ ไว้
ตอนแรกก็ยังดีอยู่
หากมีคนเพียงไม่กี่คนก็สามารถอยู่ในซ่องเล็ก ๆ แห่งนี้ได้อย่างสบาย ๆ เป็นสถานที่ที่สามารถดูแลกันได้ แม้จะลำบาก แต่ก็เป็นไปได้
แต่ว่า――แต่ทว่า
“ตอนนี้มีคนเกินสามสิบคนไปแล้วน๊าย๊า!? มันแทบไม่มีที่อยู่เหลือแล้ว ถึงได้มีเด็กอยู่ที่นี่ด้วยไม่ใช่รึไงกัน!”
ลิลลี่ให้การรักษา
เด็ก ๆ ได้รับการรักษา
เด็ก ๆ กำลังรอคิวเข้ารับการรักษา
แม้ว่าการรักษาจะเสร็จสิ้นแล้ว แต่เด็กๆ ก็ไม่อยากจากไปจากข้าง ๆ ลิลลี่ซึ่งพวกเขาสามารถพึ่งพาได้
ด้วยเหตุผลแบบนั้น จึงมีคนประมาณสิบคนอยู่ในห้องนี้
และบนเตียงที่ใหญ่โดยไม่จำเป็นซึ่งกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของห้องนี้ มีลูเซียโด มนุษย์สัตว์เสือดาวนอนหลับอย่างสงบสุขพร้อมกับพวกเด็ก ๆ ที่รักษาเสร็จแล้ว
ในขณะที่โสเภณีคนอื่น ๆ กำลังยุ่งอยู่กับการดูแลพวกเด็ก ๆ เธอก็มาอยู่ที่นี่
เป็นภาพที่น่าหงุดหงิดมาก
“เข้าใจแล้วเข้าใจแล้ว”
ลิลลี่พูดขณะรักษาเด็กที่แขนหัก
“วันนี้ฉันจะพาผู้หญิงมาช่วยดูแลเพิ่มให้เอง”
เอสเธอร์รู้สึกวิงเวียนศีรษะ
“ไม่ใช่อย่างงั้นสิย๊า! ฉันกำลังบอกว่าที่นี่มันเล็กเกินไปจนไม่เหลือที่ว่างแล้วต่างหาก! ไม่มีที่มากกว่านี้แล้ว! อย่าทำอะไรไร้แผนสิย๊ะ! คนน่ะ! อย่าเอามาเพิ่อมากกว่านี้น๊า!!”
เพื่อไม่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับลิลลี่รั่วไหล ก็ทำให้ต้องใช้ชีวิตค่อนข้างรัดกุมยุ่งยากพออยู่แล้ว
แต่จำนวนคนก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
คนทั้งหมดนี้ก็ถูกบีบให้อยู่แต่ในอาคารแคบ ๆ นี้ด้วย
จริง ๆ แล้วแค่นี้ก็หายใจลำบากอยู่แล้ว
ต้องจำกัดจำนวนคนด่วน
“――กรุณาอย่าตะโกน มันจะทำให้เด็กกลัว”
เสียงสงบนิ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังเอสเธอร์ซึ่งกำลังโกรธจัด
“อาซีร์……”
ใช่แล้ว อาซีร์ ผู้ที่มักจะเงียบและจมดิ่งลงสู่ความสิ้นหวังอยู่เสมอ
แม้ว่าใบหน้าที่เศร้าหมองและไร้อารมณ์ของเธอจะยังคงเหมือนเดิม แต่ทัศนคติต่อชีวิตของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และเธอกำลังยืนถือถังน้ำอยู่ตรงนั้น คงมีไว้สำหรับเช็ดตัวพวกเด็ก ๆ
อาซีร์เป็นคนแรกที่เห็นด้วย และให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือเด็กที่ดูขาดความรับผิดชอบของลิลลี่
ท่าทางที่เธอริเริ่มในการเป็นผู้ดูแลเด็ก……ม๊า ก็ดูเป็นผู้หญิงใจดีธรรมดา ๆ
อาซีร์พึ่งมาอยู่ในหมู่เกาะโจรสลัดอากาศาแห่งนี้เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ดังนั้นเธอจึงเป็นผู้หญิงที่ยังไม่ร่วงหล่นซึ่งหาได้ยากในหมู่ทาสที่นี่
“ในส่วนของที่อยู่อาศัย โอลิเวียร์ซังได้ลงมือจัดการไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว รอฟังข่าวกันก่อนเถอะ”
“เอ๊ะ จริงเหรอ?”
“ใช่ ――ถ้าที่นี่ยุ่งวุ่นวายขนาดนี้ พวกเราก็ไม่สามารถรักษาขาของลุยซาซังได้ตามที่คาดไว้”
“อ้า……ได้ยินมาว่าถ้าเริ่มการรักษาแล้ว ก็ต้องนอนพักบนเตียงเป็นเวลาหนึ่งหรือสองสัปดาห์สินะ”
ทว่าหากยังต้องการเช่นนั้น สถานการณ์ปัจจุบันคือพื้นที่พักผ่อนถูกครอบครองโดยเด็ก ๆ ไม่มีที่เพื่อลุยซา หญิงสาวที่ใช้ไม้ค้ำยันสำหรับ「พักผ่อนอย่างเต็มที่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์」
อันที่จริงมันจะเป็นปัญหาหากมีคนดูแลเด็กน้อยลง แม้ว่าเธอจะเดินไม่ได้ก็ตาม
ตอนนี้ไม่ใช่แค่มีพื้นที่ไม่เพียงพอสำหรับการอยู่อาศัย แต่ยังมีแรงงานไม่เพียงพอด้วย
「ม๊า ฉันมีเงินแล้วล่ะเน๊ะ」ลิลลี่กระซิบ
“ฉันแน่ใจว่าโอลิเวียร์น่าจัหาบ้านใหม่ได้ ดังนั้นฉันแน่ใจว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นวันนี้หรือพรุ่งนี้ล่ะนะ?”
นอกจากจะลักพาเด็กมาจากที่ไหนสักแห่งแล้ว ลิลลี่ยังปล้นเงินและสินค้ามาอีกด้วย ตอนนี้ถึงบอกว่ารวยนิดหน่อย
แม้ว่าจำนวนคนจะเพิ่มขึ้นมาก แต่ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและค่าครองชีพเลย
ทว่า ที่นี่การใช้ชีวิตก็เหมือนไต่อยู่บนเส้นเชือก อาจมีพวกป่าเถื่อนเข้ามาเหยียบย่ำเราเมือไหร่ก็ได้
พวกโสเภณีไม่รู้รายละเอียดว่าลิลลี่กำลังทำอะไรอยู่
ทว่า ทุกคนรู้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังทำสิ่งที่ค่อนข้างผิดในสายตาของโลก
บางทีอาจเหมือนกับตอนที่เธอเข้าควบคุมซ่องแห่งนี้ เธอโจมตีและปล้นสะดมเกาะนี้ซึ่งปกครองโดยราชาแฟรกไจล์ ราชาแห่งการหลบหนีซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แม้ว่าจะยังไม่ถูกค้นพบ แต่ก็น่าจะมีข่าวลือเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวอย่างลับ ๆ ของลิลลี่ออกไปแล้ว
ความอยู่รอดเพียงอย่างเดียวคือ พวกเด็ก ๆ นั้นเข้าใจถึงอันตรายของสถานการณ์ปัจจุบันด้วยเหมือนกัน ถึงจะมีคนจำนวนเท่านี้ แต่พวกเขาก็ยังใช้เวลาอย่างเงียบ ๆ
คนที่ส่งเสียงดังที่สุดในไม่กี่วันที่ผ่านมาน่าจะเป็นเอสเธอร์ที่ตะโกนใส่ก่อนหน้านี้
“――เด็ก ๆ! ได้เวลาอาหารแล้ว!”
ดูเหมือนว่าจะเที่ยงแล้ว
เด็ก ๆ วิ่งกรูกันออกไปข้างนอกหน้าตอบสนองต่อเสียงของเอด้าผู้ดูแลมื้ออาหาร ――ไม่ว่ารสชาติจะเป็นอย่างไร แค่ได้ทานอาหารครบสามมื้อก็ถือว่าโชคดีแล้ว
เด็กที่สามารถเคลื่อนไหวได้ไปกันหมดแล้ว
ลูเซียโด มนุษย์สัตว์เสือดาวที่นอนด้วยท่าทีที่ไม่สนใจใคร จู่ ๆ ก็หายตัวไปเช่นกัน
เหลือเด็กอยู่อีกสองสามคน รวมเอสเธอร์กับอาซีร์ด้วย
“ฟู๊ว……”
จากนั้น ลิลลี่ก็ถอนหายใจ บางทีอาจจะเหนื่อยก็ได้
“ลิลลี่จัง ทำไมไม่พักผ่อนสักหน่อยล่ะ? ทำการรักษามาตั้งแต่เช้าแล้วใช่ไหม?”
“หืม? อ้า นั่นสินะ จ๊าขอรับไว้แล้วกัน”
ด้วยคำพูดของอาซีร์ ลิลลี่ก็โยนตัวเองลงเตียงโดยไม่ลังเล เธอหลับตาลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่คลุกคลีกับเด็กที่เหลืออีกสองหรือสามคน
“……นี่มันอะไรกันเล่า”
เหลือเพียงเอสเธอร์ที่มาเพื่อบ่นอยู่คนเดียว
เธอพูดด้วยเสียงแผ่วเบาเพื่อไม่ให้สาวน้อยผมดำที่หลับไปอย่างรวดเร็วตื่นขึ้น
――แม้ว่าจะมีข้อตำหนิมากมาย แต่เธอก็ไม่ได้รังเกียจชีวิตที่เป็นแบบนี้มากเท่าที่เคยเกลียดมาก่อน
คนที่ปลุกลิลลี่ผู้เหนื่อยล้า และลูเซียโด มนุษย์สัตว์เสือดาวที่มานอนอยู่ข้าง ๆ เธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คือ โอลิเวียร์ที่กลับมาในตอนบ่าย
“เช่าบ้านสำเร็จแล้วค่ะ ……ถึงจะมีซ่องทั้งสองฝั่งก็ตาม
มีโชคอยู่
ตอนนี้ปัญหาเรื่องพื้นที่อยู่อาศัยได้รับการแก้ไขไประดับหนึ่งแล้ว หากเป็นพื้นที่ข้าง ๆ ก็เคลื่อนย้ายได้ง่าย
“ทว่า……ในที่สุดก็มีข่าวลือเกี่ยวกับลิลลี่แล้วเน๊ะ 『มีโจรล่าโจรสลัดอากาศาแทรกซึมเข้ามา』แบบนั้นล่ะ”
“โจร? ฉันเหรอ?”
“ก็คุณทั้งโจมตีโจรสลัดอากาศ และยึดเงิน อาวุธ และสิ่งของมีค่าอื่น ๆ ของพวกเขามาจริงไหม?”
“ฟุอืม ม๊า ก็ไม่ได้มีของดีอะไรอยู่เลย”
คำพูดยังกับอะไรก็ได้แบบนั้น ทำให้คำพูดของลิลลี่ฟังดูขาดความรับผิดชอบ
ทว่า、สำหรับโอลิเวียร์――
“ฉันกังวลค่ะ”
ลิลลี่ได้ทำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่อาจหวนกลับได้ไปแล้ว
ไม่สิ ถ้าพูดอย่างนั้น ผู้อยู่อาศัยในซ่องนี้ทุกคนก็คือผู้สมรู้ร่วมคิดกันทั้งหมด
เธอก็ตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน――แต่ความกังวลของโอลิเวียร์นั้นนั้นมีไว้สำหรับเวลาที่ลิลลี่ออกไปก่ออาชญากรรมเท่านั้น
เธอคิดว่าที่ทำอยู่กำลังทำอะไรที่เป็นเรื่องประมาท และประมาทมาก
ทว่า เธอไม่ต้องการที่จะตำหนิหรือหยุดพฤติกรรมนั้น
――เพราะเธอกำลังได้ใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์ ไม่ใช่ทาส
แทนที่จะถูกใช้ประโยชน์เพื่อใคร เธออยากใช้ชีวิตด้วยตัวเอง
เธอได้ชีวิตที่ไม่ได้เป็นของใครกลับคืนมา เป็นความรู้สึกแบบนั้น
ตั้งแต่ลิลลี่มาที่นี่ โอลิเวียร์ก็ได้กลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง ในเวลานี้ เธอรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งที่ได้กลับมมามีชีวิตอยู่ในฐานะมนุษย์
ต่อให้พรุ่งนี้จะมีใครมาฆ่าเธอก็ตาม。
“อืーม……ม? ……อืーอ”
ลูเซียโด มนุษย์สัตว์เสือดาววางหัวลงบนตักของลิลลี่ที่ยังนั่งอยู่บนเตียง ดูเป็นธรรมชาติมาก และลิลลี่ก็ลูบหัวลูเซียโดอย่างเป็นกันเอง เป็นความผูกพันทางอารมณ์
“”ฉันอยู่ที่นี่มาห้าวันแล้ว ดังนั้นฉันเดาว่าน่าจะใกล้ถึงเวลาที่ต้องทำอะไรครั้งใหญ่แล้วล่ะน๊า……”
“เอ๊ะ?”
“――ฉันตัดสินใจแล้ว เริ่มตั้งแต่วันนี้ ฉันจะทำลายเรือโจรสลัดอากาศทั้งหมดล๊า”
“ไม่สิ ไม่ไม่ รอเดี๋ยวก่อน นั่นหมายความว่าคุณจะลงมือทำลายเรือโจรสลัดอากาศที่อยู่ในสังกัดของแฟรกไจล์ ราชาแห่งการหลบหนีด้วยใชไหม? แบบนั้นแย่มาก ๆ เลยนะ”
ยังไงก็ตาม จะเป็นเรื่องที่แย่มากถ้าไปยุ่งกับเรือ
หากว่าเธอพยายามทำลายเรือโจรสลัดอากาศจริง ๆ พวกโจรสลัดอากาศจะต้องเริ่มตามหาลิลลี่ด้วยท่าทีบ้าคลั่งแน่ ๆ
หากเป็นเช่นนั้น ก็เป็นแค่เรื่องของเวลาก่อนที่สถานที่แห่งนี้จะถูกค้นพบ
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เพราะฉันจะซัดทุกคนให้กระจุยเอง”
ไม่สิ จะไม่เป็นไรได้ยังไงกัน
มีเหตุผลที่จับต้องได้น้อยเกินไปที่จะบอกว่าไม่เป็นไร
“ไม่ได้ค่ะ ไม่ได้อย่างแน่นอน ตอนนี้มันไม่เป็นไร เพราะยังแก้ปัญหาได้ด้วยการต่อสู้ แต่หากไปยุ่งกับเรือ ไม่ได้จริง ๆ ค่ะ ผลกรรมจะมาเยือนอย่างแน่นอน”
“ฮ่าๆๆๆๆ ฉันกำลังตั้งตารอเรื่องนั้นอยู่เลย
“อย่าไปตั้งตารอสิค๊า!”
จากนั้น ไม่ว่าโอลิเวียร์จะพยายามโน้มน้าวเธอมากแค่ไหน ลิลลี่ก็หัวเราะออกมาอย่างเดียว
คืนนั้นมีเรือโจรสลัดสองลำถูกจม
“กลับมาแล้ว วันนี้จับได้ปลาใหญ่ล่ะ “
และเมื่อลิลลี่กลับมาจากการออกไปข้างนอกยามดึกตามปกติ ในมือของเธอก็มีของปล้นอยู่จำนวนมหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
――แม่นี้ทำลงไปจริง ๆ! นั่นคือทั้งหมดที่เธอพูดได้!
โอลิเวียร์มองขึ้นไปบนท้องฟ้า
ยังไงซะเธอก็หนีไม่พ้น และก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่แล้ว
นับจากนี้เธอก็ได้แต่เตรียมตัวให้พร้อมเท่านั้น