คุณหนูโลลิคลั่งเนีย ลิสตัน - ตอนที่ 30 การแสดงฮาเร็มโลลิเริ่มต้น
30 เริ่มต้นการแสดง
หลังการถ่ายทำการเยี่ยมชมธุรกิจเสร็จ วันเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในตอนแรก ฉันแสร้งทำเป็นยุ่งเพื่อพยายามหนีจากการตามติดของริโนกิสจากเหตุการณ์ที่ชาโรเข้าไปพัวพันกับอันธพาล แต่ในไม่ช้า ฉันก็ยุ่งมากจริง ๆ
ฉันไม่สามารถหาเวลาที่จะขอให้พี่ชายช่วยพาฉันไปเที่ยวรอบ ๆ เมืองหลวงได้ และในที่สุดฉันก็ได้เผชิญหน้ากับความจริงว่าจะไม่มีโอกาสนั้น
การซ้อมมีขึ้นวันแล้ววันเล่า และฉันเหงื่อออกอย่างหนักทุกวันร่วมกับนักแสดงซ้อมขั้นสุดท้ายเหมือนกับการแสดงจริง
ฉันเป็นมือสมัครเล่น และไม่ได้ใฝ่ฝันที่จะเป็นนักแสดง ดังนั้นฉันจึงไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก ――แต่ฉันก็ได้รับแรงบันดาลใจจากนักแสดงที่จริงจังรอบตัวฉัน และฉันคิดว่าฉันสามารถจบงานได้แน่นอน
ฉันไม่ใช่ลูกเจี๊ยบ แต่ฉันก็จะไม่พูดอวดดีเหมือนว่าตัวเองสามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง
เพราะแบบนั้น ฉันจะทำงานให้เสร็จสิ้นด้วยดี
ฉันสงสัยว่าตัวเองจะสามารถทำออกมาได้คะแนนผ่านพอดูได้ทันเวลาหรือเปล่า
เมื่อการแสดงใกล้จะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วัน สีหน้าของประธานจูเลียน ลูซิด้า และสมาชิกคนอื่น ๆ ในคณะก็เริ่มตึงเครียดขึ้น
ในห้องซ้อมมีความรู้สึกตึงเครียดอยู่เสมอ
――เมื่อเป็นแบบนี้ ฉันเองก็มีเรื่องติดในใจเหมือนกัน
“เน๊ ชาโร”
“หืม?”
ชาโร นักแสดงนำในครั้งนี้ กำลังยืนดูการซ้อมของคนอื่น ๆ อยู่ข้างฉัน
ทุกคนมีกำลังใจสูง แต่ในคนทั้งหมด ชาโร・ไวท์ ผู้พยายามไขว่คว้าโอกาสอย่างสุดกำลัง มีไฟที่แรงกว่าใคร ๆ
แม้แต่ในระหว่างการซ้อมจนถึงตอนนี้ ก็มีหลายครั้งที่เธอปะทะคารมกับหลาย ๆ คนทั้งในทีมกำกับ และทีมแสดง แต่ก็ยังมีช่วงเวลาที่ความหลงใหลและแรงจูงใจดังกล่าวกลับ ว่างเปล่า
” ――จะตบหนูก็ได้นะ”
“……ห๊ะ? ห๊า?”
สายตาที่เธอกำลังมองการซ้อมของสมาชิกในคณะละครไม่ขยับ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันพูดด้วยซ้ำ
“ในฉากที่ต้องทิ้งลูก ซาชูเต้ แล้ววิ่งไปหาคนงานชาย เพื่อสลัดลูกที่ดื้อรั้นออกไป เธอต้องตบใช่ไหม? อะเร๊ะ จะตบจริง ๆ ก็ได้นะ”
ด้วยแรงฝ่ามือเด็กผู้หญิงจะโดนกี่ครั้งก็ไม่สำคัญ
ฉันสงสัยมาตลอดว่ามือสมัครเล่นแบบฉันควรต้องอุทิศตนในฐานะนักแสดงให้มากขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยเพื่อให้ดูสมจริงมากที่สุดไหม
อย่างน้อยที่สุด ฉันก็คิดว่าน่าจะดูสมจริงมากกว่าการแกล้งตบ
“อ้า ฉันเข้าใจว่าเธอรู้สึกยังไง แต่เรื่องนั้นไม่ได้หรอก”
“ไม่ได้?”
“ฉันเองก็เคยพูดแบบเดียวกันนี้ ว่าจะตีฉันจริง ๆ ก็ได้
แต่ว่า ประธานบอกว่าหากทำมากเกินไปในละคร ด้วยมุมมองการดูละครของคนดูนั้นแตกต่างกัน จะเป็นการทำให้เกิดความกังวลขึ้นมา
ละครก็แค่ละคร ถ้าเราไปเกินขอบเขตของการแสดง คนดูจะไม่สามารถดูได้อย่างสบายใจ ดังนั้นจึงไม่ได้ …….ดูเหมือนนโยบายจะเป็นแบบนั้น”
เข้าใจล่ะ
เพราะเป็นละคร คนดูเลยสามารถดูได้อย่างสบายใจไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่หากทำมากเกินไป มุมมองของคนดูก็จะเกิดความไม่สบายใจ
…………
เรื่องที่พูดมาก็ไม่ผิดนัก
ละครเวทีเรื่อง『หญิงสาวในห้วงรัก』ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมชาโร・ไวท์ นักแสดงหญิงดาวเด่นรุ่นต่อไป
ฉากที่เธอละทิ้งความเป็นแม่ และทิ้งลูกไป เป็นฉากสำคัญที่ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงคลั่งในความรัก เรียกได้ว่าเป็นฉากไฮไลท์ที่สุดของการแสดงเลยก็ว่าได้
แน่นอนว่าในฉากไฮไลท์นั้น ถ้าเกิดมีการตบหน้านักแสดงเด็กจริง ๆ ฉันแน่ใจว่าพวกเขาจะหันมามองฉันมากกว่าเธอ พวกเขาจะมองมาที่ฉันด้วยสายตาเป็นกังวลหรืออะไรที่ใกล้เคียง
แทนที่จะเป็นตัวละครหลัก『หญิงสาวในห้วงรัก』ตามชื่อเรื่อง
นี่เป็นการแสดงที่ตั้งเป้าไปที่ผู้ใหญ่ ดังนั้นหาก「เด็กน่าสงสารที่ถูกทุบและถูกโยนทิ้ง」โดดเด่นขึ้นมาแทน คนดูที่เป็นผู้ใหญ่คงรู้สึกเจ็บปวดใจไม่น้อย
หากเป็นเช่นนั้น คนดูก็อาจไม่สามารถสนุกกับการแสดงที่เหลือได้อย่างเต็มที่
――คงกลายเป็นการแสดงที่ทำให้รู้สึกอึดอัดไม่น้อย
คงจะดีหากมีเรื่องราวที่เรียบง่าย ชัดเจน น่ารื่นรมย์ และน่าตื่นเต้นที่สามารถคลี่คลายความสัมพันธ์อันซับซ้อนของมนุษย์ได้ด้วยกำปั้นเดียว
“สำหรับวันนี้พอเท่านี้!จะไม่มีการอยู่ล่วงเวลาอีกแล้ว รีบกลับบ้านกันได้!”
วันนี้พวกเราก็ซ้อมตั้งแต่เช้าเช่นเคย และเมื่อถึงยามเย็นอยากรวดเร็ว ประธานจูเลียนก็ประกาศแยกย้าย
อีกสองวันจะถึงวันแสดง
พวกเราสามารถฝึกซ้อมได้จนถึงวันพรุ่งนี้
หลายวันมานี้ไม่มีการอยู่ล่วงเวลา
เพื่อให้มีสภาพร่างกายพร้อมที่สุด และเพื่อไม่ให้บาดเจ็บในเวลานี้ จึงต้องระวังไม่ให้ฝึกซ้อมมากเกินไป
“เนีย”
“ไม่ได้ค่ะ”
“แค่แป๊บเดียวเอง ขอร้องล่ะ”
“ถึงต่อให้จะแค่แป๊บเดียวแต่จะป่วยเอานะคะ”
“ช่วยหน่อยเถอะ ช่วยหน่อยเถอะน๊า”
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาที่เมื่อถูกห้ามการซ้อมล่วงเวลา ชาโรจึงแอบมาพักที่โรงแรมเดียวกันกับฉัน
ไม่ว่ายังไงฉันก็ยังอยากซ้อมต่อ ดังนั้นช่วยไปกับฉันที
ดึกแล้ว ขอฉันค้างด้วยนะ
เป็นการรบกวนไม่น้อย
ถ้าฉันไม่ใช่มือสมัครเล่น ฉันคงคัดค้านอย่างมาก แต่ในฐานะภาระผูกพัน ฉันก็ไม่คิดว่าจะแย่เท่าไหร่ที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่นักแสดงนำสามารถแสดงได้อย่างสบายใจ แต่……
ถ้าให้พูด ม๊า เธอไม่ได้รบกวนฉันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ดังนั้นไม่สำคัญว่าชาโรจะอยู่ด้วยหรือไม่ ――ถ้าจะมีปัญหาก็คงเป็น ริโนกิสที่อารมณ์ไม่ดีสุด ๆ ในช่วงนี้ แต่ก็ถือว่ายังอดทนได้ดีมาก
“――เนียจัง ขอเวลาสักหน่อยได้ไหม?”
ประธานจูเลียนเข้ามาหาฉันที่กำลังถูกจับแน่นโดยนักแสดงหญิงที่ส่งเสียงหวานเอาแต่ใจ
“ขอโทษที่ช้านะ ผมอยากมอบตั๋วให้น่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะต้องให้กี่ใบดี มีคนที่อยากเรียกมาดูไหม?”
อะ จริงด้วย
“ครอบครัวและคนรู้จักของหนูบอกให้เอาไปให้พวกเขาอยู่ค่ะ ถ้าได้รับมา ดังนั้นก็――”
เอ๊ะโตะ ก่อนอื่นก็พ่อแม่
นี่นีล
ลินเนตต์ เป็นสาวใช้ส่วนตัวของพี่ชาย คิดว่าคงไม่ดีถ้าปล่อยให้อยู่ห่างตัวพี่ชาย
นอกจากนี้ก็มีเบนเดริโอ้ที่บอกว่าเขาก็ต้องการตั๋วด้วยใบหน้าเคร่งขรึมฉูดฉาด
เพราะริโนกิสบอกว่าจะรออยู่ที่หลืบเวที ของเธอจึงไม่จำเป็น
และก็ ดูเหมือนว่าคุณปู่ของฉันอยากจะมาดูเหมือนกัน แต่ไม่มีข่าวเพิ่มเติม ฉันมีความรู้สึกว่าเขาจะมา แต่เป็นไปได้มากที่จะไม่มา
――ม๊า ของคุณปู่ก็ช่างเถอะ ฉันก็ไม่เคยเจอหน้าด้วยสิ
“ต้องการห้าใบค่ะ”
“เข้าใจแล้ว ผมจะเตรียมตั๋วห้าใบสำหรับการแสดงรอบสุดท้ายให้”
โห๊ การแสดงรอบสุดท้าย
ลองคิดดูแล้ว เหมือนฉันจะได้ยินมาว่าจะมีการถ่ายทำในการแสดงรอบสุดท้าย แต่…..ม๊า ก็ไม่ได้เกี่ยวกับฉันอยู่ดี
นอกจากพี่ชายของฉันที่เป็นนักเรียนแล้ว พ่อแม่ และเบนเดริโอ้ดูเหมือนจะต้องปรับตารางเวลาของพวกเขาใหม่ ดังนั้นคงจะดีกว่าถ้ามีเวลาให้พวกเขาจัดการ
หากเป็นการแสดงรอบสุดท้าย ก็จะยืดเวลาได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ ก็ง่ายต่อการปรับตารางเวลา
“ตั๋ววันแรกขายหมดแล้วสินะคะ?”
เมื่อชาโรถามอย่างมีความสุข ประธานจูเลียนพยักหน้าอย่างมีความสุขเช่นกัน
“อ้า และไม่ใช่แค่วันแรกหรอกนะ ยังมีการติดต่อเข้ามาจำนวนมากด้วย สำหรับนาทีนี้การแสดงรอบกลางวันก็น่าจะไม่มีปัญหา การประชาสัมพันธ์ดูเหมือนจะได้ผลดี”
――การแสดงตอนกลางคืนจะมีทุกวันเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ และจะมีการแสดงรอบกลางวันสองรอบที่ดูเหมือนว่าจะออกตั๋วในวันนั้นไม่ใช่ล่วงหน้า
ว่ากันว่าปกติจะให้สมาชิกของคณะละครออกไปเชิญชวนผู้ที่สัญจรผ่านไปมา เป็นวิธีการที่ค่อนข้างก้าวร้าวในการดึงดูดลูกค้า
ดูเหมือนคณะละครที่พึ่งเริ่มต้นจะทำแบบนี้บ่อยครั้ง เพราะแบบนั้นคณะละครไอซ์โรสเองก็วางแผนที่จะทำเช่นเดียวกัน
“แล้วก็ชาโร เธอไม่ควรสร้างปัญหาให้เนียจังนะ”
“นั่นสิคะ”
“โกหกน๊า!?ไม่ได้รบกวนใช่ไหม!?คืนนี้ก็นอนด้วยกันเถอะนะ!?”
“นอนด้วยกัน ก็รบกวนอยู่นะ แต่จะไม่กลับบ้านสักหน่อยเหรอ?”
ฉันไม่สนใจว่าชาโรจะอยู่ที่ห้องด้วยหรือไม่ แต่เธอควรเป็นห่วงริโนกิสมากกว่าฉัน ช่วงนี้เธออารมณ์ไม่ดีสุด ๆ
――ถึงฉันจะพูดแบบนั้น แต่ชาโรก็ยังมาที่ห้องพักเช่าของฉัน และขอร้องให้ซ้อมด้วยกัน และบอกฉันว่ากลัวการเดินบนถนนในตอนกลางคืน จึงค้างคืนด้วยตามปกติ
การแสดงจึงได้เริ่มต้นทั้งแบบนี้