คุณหนูโลลิคลั่งเนีย ลิสตัน - ตอนที่ 32 ปิดม่านลมสงบ、ก่อนพายุโลลิ
32 ปิดม่าน、
――「อย่ามาทักกันง่าย ๆ นะ ถึงเขาจะตายไปแล้ว แต่ฉันก็จะเป็นของเขาตลอดไป」
คณะละครไอซ์โรส ได้ทำการแสดงละครเวที『หญิงสาวในห้วงรัก』จำนวนเก้ารอบ ซึ่งเริ่มต้นด้วยประโยคแรกของแม่หม้ายนาตาชา
แม้ว่าจะมีอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นบ้างเล็กน้อย เช่น ความเสียหายต่อเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์ประกอบฉาก ความผิดพลาดเล็กน้อยของนักแสดง ความผิดพลาดของอุปกรณ์บนเวทีและการจัดแสง แต่ก็กล่าวได้ว่าโดยรวมแล้วประสบความสำเร็จ
ต้องขอบคุณผลของการโฆษณาผ่านเมจิกวิชั่น หรืออาจจะเป็นเพราะผลจากความนิยมในตัวฉันเอง จำนวนคนดูจึงดีมากทุกวัน
พวกเราสามารถเปิดตัวนักแสดงหญิงที่ไม่รู้จักได้อย่างยิ่งใหญ่ตามแผนของประธานจูเลียน และลูวิด้า
สิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงมากที่สุดคือ มีเด็กเล็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉันเยอะมาก แม้ว่าจะเป็นการแสดงสำหรับผู้ใหญ่ก็ตาม
ฉันคิดแค่ว่าอย่างน้อย พี่ชาย กับเพื่อน ๆ และคนรู้จักของเขาจะมากัน แต่ก็เกินกว่าที่ฉันคาดไว้
ฉันคิดว่าเนื้อหาดูยากสำหรับเด็ก ๆ ……แต่เรื่องที่แม่โยนลูกทิ้งอย่างสุดใจ ว่ายังไงดี ฉันไม่คิดว่าดีสำหรับการศึกษา
ม๊า ยังไงก็เถอะ
หลังจากจบการแสดงรอบสุดท้าย พวกเราก็ออกมากล่าวทักทายหลังจากได้รับการตบมือจากผู้ชมเรียกให้เหล่านักแสดงออกมาปรากฎตัวหน้าม่านอย่างล้นหลาม และน่ายินดีที่สามารถจบการแสดงทั้งหมดได้อย่างปลอดภัย
――ในฐานะมือสมัครเล่นแล้ว ฉันก็ได้แค่โล่งใจที่ไม่ได้ทำผิดพลาดที่ทำให้ฉากเวทีเสียหาย
ปรากฏการณ์นี้อาจเป็นเหมือนตอบจบที่มีความสุขสำหรับนักแสดง
ยังไงก็ตาม สำหรับฉัน นี่มีความหมายเพียงว่าได้ทำงานในฐานะ「บุตรีของตระกูลลิสตัน」ได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่อะไรเกินเลย หรือขาดตกบกพร่อง
ฉันรู้สึกโล่งใจที่ม่านเวทีปิดลงแล้ว
ฉันหวังว่าจะเปิดประตูนำไปสู่งานต่อไปของฉัน
“เนียจัง แขกล่ะจ๊ะ”
หืม?
แบ่งปันความสุขในห้องแต่งตัว เช็ดเหงื่อ รับมือนักแสดงนำหญิงที่เอาแต่ร้องไห้ หลบนักแสดงนำหญิงที่เอาแต่รบกวนการเปลี่ยนชุดและล้างเครื่องสำอาง เป็นนักแสดงนำหญิงเจ้าปัญหาเสียจริง ในตอนที่ฉันหันกลับไปหาลูซิด้าที่เรียกฉัน
“เนีย!”
พ่อแม่ พี่ชายของฉัน เบนเดริโอ สาวใช้ส่วนตัวของพี่ชาย และชายชราแปลกหน้าที่ไม่รู้จักที่มาชมการแสดงรอบสุดท้าย
ชายชราคนนั้นน่าจะคุณปู่ฝั่งพ่อของฉัน
ฉันไม่ได้ส่งตั๋วให้เขา แต่ดูเหมือนเขาจะมาได้
คณะละครไอซ์โรส ที่ถึงจะมีความสามารถ แต่ก็ยังคงเป็นคณะละครเล็ก ๆ ที่เพิ่งเริ่มต้น
พวกเขามีห้องแยกสำหรับชายหญิงสองห้อง แต่ห้องแต่งตัวเป็นห้องขนาดใหญ่ซึ่งใช้เป็นสถานที่ในการเปลี่ยนเสื้อผ้าและแต่งหน้า
แม้จะมีฉากกั้นในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อให้สามารถประตูเปิดได้ แต่ก็อย่างที่คิด คนนอกไม่สมควรอยู่นานในห้องแต่งตัวหญิงที่มีเหล่าหญิงสาวกำลังทำกิจกรรมกันอยู่
ครอบครัวของฉันดูเหมือนจะนึกขึ้นได้ ดังนั้นพวกเขาจึงพูดขึ้นมาทันทีว่า “จะออกไปรอที่ร้านอาหาร” และจากไป
ส่วนร้านอาหารไหนนั้น ริโนกิสดูเหมือนจะถูกบอกไว้อยู่แล้ว พวกเขาจึงไปโดยไม่รอให้ฉันถาม
ฉันไม่มีความคิดที่จะปล่อยให้พ่อแม่ พี่ชาย ปู่ต้องรอ ดังนั้นดูเหมือนว่ารีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เร็ว ๆ จะดีกว่า
“เมื่อกี้ ครอบครัวของเนียเหรอ?”
“ใช่ค่ะ ――ช่วยปล่อยให้หนูเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสร็จก่อนได้ไหมคะ?”
และอยากบอกว่า ชาโรก็ควรรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วเหมือนกัน
ฝั่งเด็ก ๆ ต้องบอกลากันตรงนี้ แต่ฝั่งผู้ใหญ่ยังมีงานเลี้ยงปิดเวทีอยู่ไม่ใช่เหรอ? จะได้ดื่มเหล้ารสเผ็ด หวาน และเข้มข้นกันใช่ไหม? ส่วนฉันต้องไปทานอาหารกับครอบครัวที่ร้านอาหาร ช่างน่าผิดหวังจนอย่างจากไปให้เร็วที่สุด
“ครอบครัวเหรอ ฉันก็ไม่ได้กลับบ้านเลยตั้งแต่เรียนจบชั้นประถาม ไม่ได้เจอกับที่บ้านมาสอง ถึงสามปีแล้วล่ะมั้งนะ”
“แล้วทำไมนาน ๆ ครั้งไม่ลองกลับไปดูล่ะ? ――แล้วก็ช่วยออกห่างหนูได้แล้ว?”
“ม๊ายอ๊าว……ครอบครัวฉันเป็นเกษตรกรน่ะ ฉันรู้สึกว่าถ้าฉันกลับบ้าน จะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว
ถึงยังไงก็ฉันจะถูกบังคับให้ช่วยทำเกษตรเมื่อฉันกลับถึงบ้าน และฉันคิดว่าอนาคตเดียวที่เหลือหลังจากนั้นของฉันก็คือต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ทางบ้านคิดว่าเหมาะสม และใช้ชีวิตที่เหลือในการทำเกษตร
เพราะฉันไม่ชอบเรื่องพวกนั้น ฉันเลยไม่อยากกลับบ้าน ดังนั้นฉันจึงกระโดดเข้าสู่โลกของโรงละครที่ฉันฝันถึงมาตลอด
――ฉันอยากกลับบ้าน แต่ถ้าฉันยังไม่สามารถหาเลี้ยงชีพในฐานะนักแสดงได้ ฉันคิดว่ายังไม่ควรกลับบ้านล่ะ”
“เห๊ แบบนั้นเอง ปล่อยหนูได้แล้วไหมคะ?”
ผู้คนมีสถานการณ์ของตัวเอง ดังนั้นฉันจะไม่บอกให้ “กลับบ้าน” หรือ “อย่ากลับบ้าน”
ทว่า ก็ได้แต่ภาวนาว่าจะเป็นการตัดสินใจที่จะไม่มาเสียใจในภายหลัง อีกอย่าง ฉันอยากให้เธอรีบออกไปห่าง ๆ ได้แล้ว
“ชาโร กำหนดการนับจากวันนี้――”
ต้องขอบคุณลูซิด้าที่ปรากฎตัวมาดึงความสนใจของแม่นักแสดงนำหญิงเจ้าปัญหาซึ่งไม่ยอมออกห่างจากฉันสักที ในที่สุดฉันก็สามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าได้อย่างรวดเร็ว
――ดีล่ะ
“เช่นนั้น ทุกท่านคะ หนูต้องขอตัวก่อนนะคะ”
ฉันกล่าวลาลูซิด้า ชาโร และนักแสดงหญิงคนอื่น ๆ
ด้วยเหตุผลบางอย่าง มีสมาชิกหลายคนในคณะละครที่ฉันสนิทสนมด้วย นอกจากชาโร
ประมาณหนึ่งเดือนที่พวกเราได้พบกันเกือบทุกวันและใช้เวลาร่วมกันอย่างลึกซึ้ง น่าแปลกที่จะไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว
หากไม่มีการร้องขอเพิ่มเติม นี่ก็คงเป็นการกล่าวลากันครั้งสุดท้ายกับคนเหล่านี้
แม้ว่าฉันจะรู้สึกเสียใจ แต่ชีวิตคือการพบเจอและพรากจากกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เป็นการจากกันที่เลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว และฉันไม่เก่งเรื่องหดหู่เรียกน้ำตา ดังนั้นรีบไปกันเถอะ
ฉันจะไปคุยกับประธานจูเลียนก่อน แต่ไม่รู้ว่าเขาจะอยู่ในห้องแต่งตัวของผู้ชายหรือเปล่า เพราะเขามีเรื่องต้องทำหลายอย่าง อย่างการยืนส่งผู้ชม
“อะ เนียจัง”
ลูซิดาเรียกฉัน ในขณะที่คว้าคอเสื้อของชาโรที่กำลังจะเข้ามาจู่โจมตีฉันด้วยเหตุผลบางอย่าง
“ฉันได้รับข้อความจากจูเลียนว่า 『ผมคิดว่าคงไม่สามารถพบกับเธอในคืนนี้ได้ เพราะต้องเก็บกวาดงานที่ยังเหลืออยู่ เพราะอย่างงงั้น ผมจะไปพบเธอที่โรงแรมในตอนเช้า วันพรุ่งนี้แทน』 พรุ่งนี้ฉันก็จะไปหาด้วยเหมือนกันจ๊ะ”
อ้า งั้นเหรอ
จ๊า งั้นก็กลับกันเลยดีกว่า
“เช่นนั้นแล้ว”
ฉันออกจากห้องแต่งตัวของผู้หญิงโดยมีเหล่านักแสดงหญิงมองส่ง
หลังจากนั้น ฉันก็เข้าไปกล่าวลานักแสดงชายในห้องแต่งตัวในลักษณะเดียวกัน จากนั้นก็ไปหาริโนกิสซึ่งกำลังรออยู่ที่ทางเข้าสำหรับผู้เกี่ยวข้อง แล้วจึงเดินทางไปยังร้านอาหารที่ครอบครัวของฉันรออยู่
――ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ประธานจูเลียนก็ได้พบกับเจ้าหญิงฮิลเดโทร่าที่โต๊ะวีไอพี ที่ร้องขอต้องการที่จะทักทายฉัน แต่ฉันจะไม่รู้เรื่องนี้จนกว่าจะถึงวันถัดไป
“ฉากสุดท้ายยอดเยี่ยมมากเลยนะคะ”
“ถึงฉันไม่ควรพูดแบบนี้ แต่การแสดงจริงแปดครั้งแรกก็เป็นเหมือนการซ้อมเหมือนจริงล่ะนะ”
จากการแสดงเก้าครั้ง แปดครั้งเป็นเหมือนการซ้อม
หากได้ยืนอยู่บนเวทีหลายครั้ง และได้คุ้นชินกับสิ่งต่าง ๆ โดยปกติความสมบูรณ์แบบจะสูงที่สุดในครั้งสุดท้าย
และในวันสุดท้ายก็มีกำหนดการถ่ายทำเมจิกวิชั่นอีกด้วย
ฉันจดจ่ออยู่การแสดงบนเวทีมาก จนไม่รู้ว่ามีกล้องหรือเปล่า
ม๊า ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ทำ ดังนั้นฉันแน่ใจว่าพวกเขาถ่ายไปแล้วแน่นอน
“ทีนี้ก็ได้บอกลายัยเด็กนั่นแล้วสินะคะ ไม่น๊า ดิฉันคิดว่าถ้านานกว่านี้อีกหน่อยคงได้เผลอฆ่าไปแน่นอนค่ะ”
“อย่าพูดหรือคิดทำอะไรแบบนั้นสิ”
“ก็ช่วยไม่ได้นิค่ะ ――ยัยเด็กนั่นทั้งที่มาจีบออเซาะคุณหนูทุกคืน ๆ แต่พอเช้าก็ไม่ลังเลที่จะทิ้งคุณหนูไว้เพียงลำพังเลยไม่ใช่เหรอคะ? พูดขนาดนี้แล้ว………..จะไม่อนุญาตให้ลงมือสักหน่อยเลยเหรอคะ?”
“ไม่อนุญาตจ๊ะ”
ไม่ว่ากลางคืนหรือกลางวัน พวกเราต่างก็มีหน้าที่ของตัวเอง ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการแสดงบนเวทีด้วย
นอกจากนี้ ถ้าพูดแบบนั้น ก็งานของฉันคือการโดนทิ้งนี่นะ ช่วยไม่ได้ล่ะนะ
ไฟบนถนนที่สว่างไสว เผยภาพที่มีผู้คนผ่านไปมาเพียงน้อยนิด
นั่นคือเรื่องที่ฉันกับริโนกิสคุยกันขณะเดินไปตามถนนยามค่ำคืนเพื่อไปยังร้านอาหาร
การแสดงจบลงแล้ว
พูดอีกอย่าง――ผ่านไปสองสัปดาห์นับจากวันที่สัญญาไว้
ฉันทำงานของตัวเองจนเสร็จเรียบร้อย ช่วงเวลาลมสงบก่อนพายุใหญ่ผ่านไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้ ฉันสามารถยืดอกต้อนรับวันแห่งสัญญาได้โดยต้องกังวลใจ ลังเลใจ หรืออดทนอีกต่อไป
ความสนุกที่แท้จริงของการได้พักที่เมืองหลวงแห่งนี้กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว