คุณหนูโลลิคลั่งเนีย ลิสตัน - ตอนที่ 47 การวัดทรีไซส์โลลิ ส่วนแรก
47 การวัดร่างกาย ส่วนแรก
พิธีเปิดภาคการศึกษาจะมีขึ้นในอีกไม่กี่วัน
นั่นเป็นวันที่ชีวิตในสถาบันการศึกษาเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ แต่ยังมีหลายสิ่งที่ต้องทำก่อนหน้านั้น
ทั้งการจัดเตรียมเครื่องแบบ การรับหนังสือเรียน การจัดหาเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน
ยังไงก็ตาม หนังสือเรียนเป็นของมีค่า และเนื่องจากได้รับมาในรูปแบบของการยืมจากสถาบัน พวกเขาจะโกรธมากหากดูแลรักษาไม่ดี
แน่นอนว่าหากทำหายก็ต้องจ่ายค่าชดเชย และดูเหมือนว่าพวกเขาจะสอบสวนหาสาเหตุที่นำไปสู่การสูญหาย และที่อยู่ของหนังสืออย่างละเอียดถี่ถ้วน
บางที แม้จะไม่ใช่ของที่ต้องถูกควบคุมที่เข้มงวดมากนัก แต่ก็เป็นสิ่งที่คุณไม่ต้องการให้หลุดสู่ประเทศอื่นอย่างง่ายดาย
เด็กทุกคนที่ไม่มีบ้านในเมืองหลวงของอาณาจักรอาร์ตัวร์จะต้องอาศัยอยู่ในหอพัก
แต่ว่าเหล่าเด็ก ๆ ต่างถูกรวมร่วมมาจากเกาะลอยฟ้าทั่วอาณาจักร จึงมีเด็กเพียงส่วนน้อยที่อาศัยอยู่ที่เมืองหลวง น่าจะประมาณสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่ได้มีมากมายเลย
――ม๊า เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น
“ไปกันเถอะเนีย”
“ค๊าค๊า”
วันนี้เด็กคนนั้นก็ยังคงดูสบายดี
ฉันเริ่มเดินตามเรเลียเรดซิลเวอร์และสาวใช้ร่างสูงที่ด้วยเหตุผลบางอย่างพวกเธอเริ่มเปิดใจให้บ้างแล้ว
แน่นอนว่ารวมทั้งสาวใช้ของกันและกันด้วย ที่ได้รับอนุญาตให้ตัวติดกันได้เสมอ ยกเว้นตอนเรียน ม๊า ฉันอยากอยู่คนเดียวมากกว่า แต่……เพราะริโนกิสคร่ำครวญ ฉันจึงไม่มีทางเลือกนอกจากพาเธอมาด้วย
ต้นฤดูใบไม้ผลิยังคงมีอากาศหนาวเย็นเล็กน้อย แต่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นและกางเกงขาสั้นไม่ค่อยมีประสิทธิภาพทั้งในการป้องกันความหนาวเย็น ทั้งพลังป้องกัน
ใช่แล้ว ฉันกำลังจะเริ่มการวัดร่างกาย
ชุดของเรเลียเรดเป็นผลิตภัณฑ์สั่งทำพิเศษที่เหมาะกับร่างกาย แต่ของฉันเป็นชุดพละธรรมดาที่ซื้อจากแผนกร้านค้า ร่างกายของฉันจะโตขึ้นในไม่ช้าและ ฉันจะใส่ได้ประมาณหนึ่งปีเท่านั้น เป็นของที่เปลืองเงินอย่างแรง
ขณะที่เรามุ่งหน้าไปยังสนามกีฬาที่มีเด็กๆ สวมชุดพละแบบเดียวกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
พวกเราก้าวต่อไปตามกระแสของผู้คนที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
――ดูเหมือนว่าจะมีสายตาสามประเภทที่จ้องมาที่พวกเรา
แบบแรก มองพวกเราเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นปกติ
แบบสอง มองด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในฐานะเนีย・ลิสตันและเรเลียเรด・ซิลเวอร์ ผู้ปรากฎตัวบนเมจิกวิชั่น
สุดท้าย เหล่าสาวใช้……พูดตรง ๆ ว่า มองด้วยความกลัวต่อฐานะของบุตรีขุนนางของพวกเรา
แม้ว่าในภาพรวมของระบบชนชั้นรวมถึงราชวงศ์จะอ่อนแอลง ฉันก็ไม่คิดว่าจะมีคนชาติพันธ์ไหนอยากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหาอย่างเปิดเผย
ในสนามกีฬา การวัดทางกายภาพจะแบ่งออกเป็นหลายประเภท
“――นี่จ๊ะ เขียนชื่อของหนูลงไป เดินเวียนขวาตามสนามกีฬา จากนั้นกลับมาที่นี่อีกครั้ง”
ฉันไปที่แผนกต้อนรับที่มีแต่โต๊ะตั้งอยู่ด้านนอก รับแบบฟอร์มจากเจ้าหน้าที่แนะนำ และเขียนชื่อของตัวเองตรงจุดนั้น
แบบฟอร์มมีเส้นบรรทัดและช่องว่างหลายช่อง
จากรายการที่ถูกแยกออกจากกัน ฉันเดาว่าใช้สำหรับจดผลการวัดที่ฉันจะเข้าทดสอบต่อจากนี้ไป
หลังรับแบบฟอร์มก็เดินไปตามทิศทางที่เจ้าหน้าที่ชี้
ยังไงก็ตาม แบบฟอร์มถูกเหล่าสาวใช้เอาไปดูแลในทันที คงเป็นความภูมิใจของพวกเธอในฐานะสาวใช้ที่ไม่ต้องการให้คุณหนูต้องถือแม้แต่กระดาษสักแผ่น
――ขั้นแรก ให้วัดส่วนสูงและน้ำหนัก
“ฉันสูงกว่า แต่เนียหนักกว่าสินะ ……แต่เธอไม่ได้อ้วนใช่ไหม? ออกจะผอมกว่าฉันขนาดนั้น?”
อืม เป็นความแตกต่างของกล้ามเนื้อไงล่ะ เพราะกล้ามเนื้อจะหนักกว่า
――ต่อไปคือการวัดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในการยกน้ำหนัก
“คุณหนูค่ะ กรุณาอย่าออกแรงเต็มกำลังเชียวนะคะ”
“ฉันรู้ดี”
ไม่จำเป็นต้องให้ริโนกิสเตือนด้วยซ้ำ
หากฉันออกแรงเต็มกำลัง ค่าที่ได้จะสูงกว่าค่าเฉลี่ยสำหรับเด็กวัยนี้ไปมาก
ถึงการปรากฎตัวบนเมจิกวิชั่นจะทำให้โดดเด่นมากอยู่แล้ว แต่เป็นการไม่ดีที่จะมาโดดเด่นในด้านนี้
เมื่ออยากโดดเด่นก็จงโดดเด่นให้ดี แต่ก้ต้องมีเวทีและสถานการณ์ที่เหมาะสม
นอกเหนือจากนั้น มีความเสี่ยงที่ความโดดเด่นจะสร้างความรู้สึกที่ไม่ดี นั่นคือสิ่งที่เป็น
ม๊า โชคดีที่มีเด็กอายุหกขวบของจริงอยู่ตรงหน้าซึ่งฉันสามารถใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงได้
เกี่ยวกับความสามารถทางร่างกาย การเลียนแบบเรเลียเรดเป็นวิธีที่ดี
――การวัดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเริ่มจาก การสปรินท์ และการวิ่งระยะไกล
“ฮา ฮา ……ทำไมผลรวมของเธอถึงดีกว่าของฉันนิดเดียวแบบนั้น……”
เพราะฉันไม่ชอบความพ่ายแพ้ ที่ถึงแม้อีกฝั่งจะเป็นเด็กก็ตาม
ถ้าพูดถูก แทบทุกครั้งที่ฉันคิดจะแกล้งแพ้ ก็จะมีความที่ว่า「ฉันไม่อยากแพ้」ออกมาในวินาทีสุดท้าย
ม๊า เพราะโดยพื้นฐานแล้ว นักศิลปะการต่อสู้เกลี่ยดการพ่ายแพ้ ยกโทษให้ฉันด้วย
――และ การวัดสุดท้าย สิ่งที่ติดอยู่ในใจของฉันเป็นเวลานานก็ปรากฎตัว
“การวัดเวทมนตร์สินะ ฉันหรือพูดให้ถูก ผู้หญิงทุกคนในตระกูลซิลเวอร์เป็น『สีแดง』ยังไงล่ะ”
การวัดสุดท้ายคือ การตรวจสอบขนาดปริมาณพลังเวทย์ และคุณสมบัติของเวทมนตร์อย่างคร่าว ๆ
『สีแดง』ที่เรเลียเรดพูดถึงนั้นเป็นสีที่โดดเด่นซึ่งว่ากันว่ามีพรสวรรค์ในด้านธาตุไฟ
มนุษย์ทุกคนมีพลังเวทมนตร์ในตัว
อีกนัยหนึ่ง พวกสัตว์ และสัตว์อสูรเองต่างก็มีด้วยเช่นกัน
การทำงานของเมจิกวิชั่นเอง ก็สามารถเปิดหรือปิดได้ด้วยการถ่ายทอดพลังเวทย์ลงไป
ยังไงก็ตาม ไม่เหมือนสมัยก่อนที่มีสงคราม ปริมาณของพลังเวทมนตร์ไม่ได้มีความสำคัญมากนักในตอนนี้
ไม่สิ ยังมีข้อยกเว้นคือ ผู้ที่มีพลังเวทมนตร์จำนวนมหาศาล และผู้ที่มีสีประจำตัวที่หายาก ดูเหมือนจะมีประโยชน์มากสำหรับการหางาน
แต่ว่านั่นก็เป็นข้อเว้นไม่กี่ข้อจริง ๆ
ทุกคนมีพลังเวทมนตร์ แต่กลับกัน ถ้าบอกว่าใคร ๆ ก็สามารถใช้เวทมนตร์ได้นั้นก็ไม่ใช่ ปริมาณพลังเวทมนตร์ที่เหมาะกับงานก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
และะการใช้เวทมนตร์ก็ค่อนข้างมีข้อจำกัดเช่นกัน
ตอนนี้เป็นยุคเช่นนั้น
“――ค่ะ สีประจำตัวคือ『สีแดง』คะ”
ฉันตั้งหน้าตั้งตารออยู่ในแถวที่กำลังทยอยสัมผัสคริสตัลตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
ผลลัพธ์ของเรเลียเรดรู้ผลก่อนหน้าที่จะวัดแล้ว เป็นไปตามที่เธอพูดอวดมาก่อนหน้านี้
วิธีวัดเวทมนตร์ เป็นการทดสอบง่าย ๆ เพียงแค่แตะที่คริสตัลบนโต๊ะเท่านั้น
เจ้าหน้าที่สาวอายุน้อยใช้พลังเวทมนตร์ของตัวเองกระตุ้นระหว่างสัมผัสกับคริสตัล ――ดูเหมือนการแสดงผลจะไม่ได้มาจากพลังของคริสตัลเอง แต่เป็นเพราะเวทมนตร์บางอย่างจากผู้หญิงคนนี้
“รู้อยู่แล้วว่าต้องเป็น『สีแดง』 แล้วปริมาณล่ะ?”
“นั่นสินะคะ……ค่อนข้างมากกว่าค่าเฉลี่ยค่ะ”
โห๊ ถ้าอย่างงั้นบางทีเรเลียเรดอาจใช้เวทมนตร์ได้ก็ได้สินะ
“――คนต่อไป เชิญค่ะ”
แล้วก็ถึงตาของฉันบ้าง
…………
ฉันกำลังคิดบางอย่าง แต่ฉันแน่ใจว่า――
“……อะ อาร๊า……สีประจำตัวไม่ออกสินะคะ……”
ตามที่คิดไว้
ไม่ว่าจะสัมผัสคริสตัลนานเพียงใด ไม่ว่าจะลูบสัมผัสมากเพียงใด คริสตัลก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
หากทำตามตัวอย่างตามเรเลียเรดก่อนหน้า ก็ควรย้อมด้วยสีที่โดดเด่น
ยังไงก็ตามก็เป็นสิ่งที่คาดเดาได้มาแต่ต้น
“ตั้งแต่ที่หนูเกือบตายไปเมื่อปีกว่า ๆ สีผมของหนูก็ไม่กลับมาอีกเลย หนูมั่นใจว่าเป็นเพราะแบบนั้นค่ะ”
แน่นอนว่ามีบางอย่างที่เหมือนกับวงจรพลังเวทย์อยู่ในร่างกายนี้ แต่ฉันคิดว่าคงพังไปแล้ว
ถ้าเหล่านักเวทย์ใช้พลังเวทมนตร์มากเกินไป ผมจะกลายเป็นสีขาว
ฉันคิดว่า――นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเนียตลอดเวลา
ตั้งแต่ที่ฉันเริ่มกังวลว่าสีผมจะไม่กลับมา ฉันก็คิดแบบนั้นมาตลอด
――ระหว่างการถ่ายทำครั้งแรก ผู้หญิงที่รับผิดชอบการแต่งหน้ากังวลเกี่ยวกับสีผมของฉัน และพ่อของฉันก็กังวลเช่นกันว่าจะทำยังไงดี
สถานการณ์ในตอนนั่นคงหมายถึงที่ฉันกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้แน่นอน
ฉันจะไม่ได้มีสีประจำตัวเหมือนทุกคนอีกต่อไป
อาจพูดได้ว่าเป็นผลพวงจากการตาย
――ม๊า เป็นเรื่องแบบนั้นแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
ฉันแน่ใจว่าตัวเองในชาติที่แล้วไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้แน่นอน เพราะแบบนั้นฉันเลยไม่คิดอยากได้เป็นพิเศษ
ต่อให้มีความรู้สึกอันแข็งแกร่งที่อยากใช้เวทมนตร์ได้ แล้วคุณจะใช้ทำอะไรในวัยเพียงเท่านี้ ฉันยังอายุแค่หกขวบ
โชคยังดีที่ฉันมีพลังเวทมนตร์มากพอที่สามารถใช้เปิดสวิตช์เมจิกวิชั่นได้
แค่นั้นก็มากเพียงพอแล้ว
ฉันไม่ต้องการพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์
――แต่แรกแล้ว การต่อยและเตะนั้นเร็วกว่าเวทมนตร์มาก นั่นเป็นเรื่องจริงที่น่าพอใจสำหรับฉัน
นอกจากนี้ ผลที่ตามมายังเป็นข้อพิสูจน์ว่าเนีย・ลิสตันพยายามมีชีวิตอย่างสุดกำลัง
ไม่มีเหตุผลที่ต้องรู้สึกต่ำต้อย
ปล.ไอทั้งวัน น้ำมูกไหลจนแสบตาน้ำตาไหล เสียงเปลี่ยนอีก พูดทีเหมือนก้องอยู่ในคอ ฮา