คุณหนูโลลิคลั่งเนีย ลิสตัน - ตอนที่ 48 การวัดทรีไซส์โลลิ ส่วนหลัง
48 การวัดร่างกาย ส่วนหลัง
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะไม่มีสีประจำตัว ฉันพึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกเลย”
เมื่อเสร็จสิ้นการวัดเวทมนตร์ที่เป็นขั้นตอนสุดท้าย การวัดร่างกายก็จบลง ที่เหลือที่ต้องทำก็คือนำแบบฟอร์มที่กรอกเสร็จแล้วไปส่งที่แผนกต้อนรับ
“ไม่มีผลเวทมนตร์ หมายความว่ายังไงกันคะ?”
ฉันไม่มีความสนใจในเวทมนตร์ตั้งแต่แรก ทำให้ฉันรู้เพียงสามัญสำนึกพื้นฐานเท่านั้น
เรเลียเรดซึ่งดูเหมือนว่าจะสามารถใช้เวทมนตร์ได้ ดูจะรู้เรื่องนี้มากกว่าเล็กน้อย
ม๊า ฉันก็ไม่ได้อยากรู้จริง ๆ อยู่ดี
“ใช่แล้ว ต่อให้ใช้เวทมนตร์ได้หรือไม่ได้ ทุกคนก็ต้องมีสีประจำตัวของตัวเองอยู่แล้ว ดูเหมือนว่าจะมาจากลักษณะนิสัยของคน ๆ นั้น”
“ฟู๊ว เหรอ”
“เอ๊ะ ช่วยตอบกลับคนที่ช่วยอธิบายดี ๆ หน่อยสิยะ”
“ช่างเถอะ ไปกันเลยดีไหม”
“ช่างเถอะอะไรกันย๊า? ได้ยินไหม ฟังฉันก่อนสิ …..อะ จะไปไหนน่ะ?”
“ก็ไปที่ ๆ พี่สาวของเธอรออยู่ไง”
“……อ้า นึกดูแล้วก็มีสัญญาไว้นินะ”
พูดตามตรง เป็นสิ่งที่ฉันตั้งหน้าตั้งตารออยู่เลย
ฉันแน่ใจว่าความคาดหวังของฉันจะต้องถูกหักหลัง แต่ฉันก็ยังหยุดตื่นเต้นไม่ได้
ฉันกำลังจะไปเจอผู้ช่วยอาจารย์ของสำนักทลายสวรรค์
เมื่อวานระหว่างที่ฉันทานอาหารร่วมกับเหล่าพี่สาวตระกูลซิลเวอร์ ฉันก็บอกพี่สาวคนที่สาม ลิลิมิ・ซิลเวอร์ ว่าฉันจะไปดูการชักชวนเข้าร่วมคลับ
เธอบอกว่าจะรอ ดังนั้นฉันคิดว่าเธอจะอยู่ที่นั่นในวันนี้
อย่างแรก ไปส่งแบบฟอร์มวัดร่างกายให้เจ้าหน้าที่――
“ขณะนี้มีการจัดแสดงแนะนำคลับอยู่ภายในโรงยิมค่ะ หากสนในสามารถไปลองดูได้นะคะ”
เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้คำแนะนำ
เป็นเรื่องบังเอิญสินะ ฉันเดาว่าน่าจะเป็นหน้าที่ที่จะต้องชี้นำเล็กน้อยกับทุกคนที่มาที่นี่
“เน๊ เนีย”
เนื่องจากจะไปหาพี่สาวของเธอที่กำลังรออยู่ เรเลียเรดจึงตัดสินใจที่จะมากับฉัน
“เนียจะเข้าคลับสำนักทลายสวรรค์เหรอ?”
ไม่ล่ะ
ฉันคิดว่ากำปั้นของฉันกับสำนักทลายสวรรค์เป็นคนละสไตล์กันอย่างชัดเจน ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องเข้าร่วม และไม่อยากเรียนเลยสักนิด จะบอกให้ฉันเรียนรู้จากคนที่อ่อนแอกว่าตัวเองนั้นเหรอ ฉันไม่อยากได้ยินข้ออ้างไปเรื่อยจากคนที่อ่อนแอหรอกนะ
ยิ่งไปกว่า มีปัญหามาก่อนแล้วด้วย
“ปัญหาไม่ใช่ว่ารู้สึกยังไง แต่เป็นปัญหาของหน้าที่ต่างหาก ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะมีเวลาไปเที่ยวเล่นที่คลับไหนหรอก”
“อืม ม๊า นั้นสินะ……ฉันเองก็อยากลองเข้าดูสักที่เหมือนกันน๊า”
ฉันกับเรเลียเรดยังต้องทำงานบนเมจิกวิชั่นของพวกเราต่อไป
ทั้งยังมีสัญญาที่จะทำงานร่วมกันกับเจ้าหญิงลำดับที่สาม ฮิลเดโทร่าซามะ เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมเมจิกวิชั่นในอนาคตอีกด้วย เพียงเพราะชีวิตในสถาบันได้เริ่มต้นขึ้นแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะสามารถหยุดงานได้
――และในความเป็นจริง ฉันยังมีอุปสรรค์สูงใหญ่ที่เรียกว่าวิกฤตทางการเงินของตระกูลลิสตันอยู่ด้วย ฉันไม่สามารถถอนตัวจากงานไปได้
“เลเรียต้องการแข็งแกร่งขึ้นเหรอ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว ――ฉันอยากแข็งแกร่งกว่าเธอไงล่ะ”
“เอ๊ะ? กว่าฉัน?”
“ฉันมั่นใจว่าตัวเองชนะทั้งหน้าตาและบุคลิก แต่ฉันแพ้ในด้านความแข็งแกร่ง ในฐานะลูกสาวของตระกูลซิลเวอร์ ฉันไม่อยากแพ้เธอในทุก ๆ เรื่อง”
“ฮา ฮา ฮ่าๆๆๆ”
“หะ หัวเราะอะไรกันยะ”
“อุฟุๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ ไม่มีอะไร ……ฟุๆๆๆ ฟุๆๆๆๆๆๆๆ……แข็งแกร่งกว่าฉัน? เอาจริงเหรอ?”
“ก็แล้วหัวเราะอะไรกันล่ะยะ!”
ฉันรู้ว่าจะไม่มีทางเป็นจริง แต่ก็ทำให้ฉันรู้สึกมีความสุขอยู่นิดหน่อย
ฉันไม่ได้กำลังเยาะเย้ย หรือกำลังดูถูก
――ฉันต้องการให้เธอเหนือกว่าฉันจริง ๆ
“เชิญยิ้มเล็กยิ้มน้อยแบบนั้นไปเถอะยะ! เพราะฉันจะไม่มีวันแพ้เด็ดขาด!”
――แหม ฉันอยากให้เกิดขึ้นจริง ๆ เหมือนกัน
ยุคแห่งสงครามสิ้นสุดลงแล้ว และปัจจุบันเทคโนโลยีของเรือเหาะได้ทำให้โลกใกล้ชิดกันมากขึ้น
ถึงยังงั้นก็ยังมีภัยคุกคามต่อมนุษย์ที่เรียกว่าสัตว์อสูร หรืองานที่เสี่ยงอันตราย เช่น สำรวจเกาะลอยฟ้า พิชิตดันเจี้ยน สิ่งที่เรียกว่า 「เทคนิคการต่อสู้」 จึงยังคงมีประโยชน์
พี่นีลเลือกที่จะฝึกฝนอย่างหนักในศิลปะการฟันดาบ ดูเหมือนว่าจะมีชั้นเรียนที่สอน 「วิธีการต่อสู้」 ในสถาบันแห่งนี้ด้วยเช่นกัน
และที่คลับจะลงลึกยิ่งกว่า――หรือจะบอกว่าเป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าสหายที่สามารถสอน「วิธีการต่อสู้」นอกเวลาเรียน หรือคนที่ต้องการลงลึกไปยิ่งกว่านั้นด้วยตัวเอง
แน่นอนว่ามีทั้งคลับที่เกี่ยวข้องกับศิลปศาสตร์แขนงต่าง ๆ ทั้งคลับที่เกี่ยวกับงานอดิเรก แต่ดูเหมือนว่างานโชว์คลับในโรงยิมตอนนี้ จะมีเพียงคลับที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้เท่านั้น
ภายในโรงยิมขนาดใหญ่ที่ปูพื้นด้วยไม้ มีทั้งนักเรียนใหม่ และผู้คนจำนวนมากตั้งแต่ผู้ใหญ่ไปจนถึงนักเรียนที่กำลังชักชวน และแนะนำคลับกันอยู่
“วิชาดาบ เวทมนตร์ ขวาน ธนู หอก……ล่ะ”
หลังจากมองไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าจะมีการดำเนินการแนะนำ และชักชวนเข้าคลับด้วยการโชว์อาวุธหรือทักษะพิเศษ
“อะ ทลายสวรรค์อยู่ตรงนั้นใช่ไหมน่ะ?”
เรเลียเรดชี้ไปยังจุดที่กำลังมีการโชว์โดยผู้ใหญ่ที่สวมเสื้อท่อนบนสีน้ำเงินกรมท่า อยู่ส่วนลึกเข้าไปด้านใน
“ไปก่อนนะ”
“ไม่เอาสิ ฉันก็จะไปด้วย ลิลิมิเน่ซามะก็น่าจะอยู่ที่นั่นด้วยเหมือนกัน”
พวกเราตรงไปที่มุมชักชวนของคลับสำนักทลายสวรรค์ด้วยความรู้สึกรีบร้อน
“อะ เนียจัง!”
ในไม่ช้าพวกเราก็พบกับลิลิมิ ลูกสาวคนที่สามของตระกูลซิลเวอร์ซึ่งดูเหมือนกำลังรอฉันอยู่ และรีบพาพวกเราเข้าไปในวงล้อมของกลุ่มคนที่สวมชุดฝึกของทลายสวรรค์
โอ๊ย โอ๊ย เกินไปแล้ว
ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ ถ้าอยากจะเล่น เดี๋ยวฉันจะช่วยเล่นด้วยเท่าที่อยากเลย
“เด็กคนนี้ค่ะ! เด็กใหม่มาแรง!”
………..
หืม?
มีหลายอย่างที่ติดใจในการแนะนำตัวของลิลิมิ แต่―― ไม่สิ ยิ่งไปกว่านั้น
“……เข้าใจล่ะ”
มีทั้งผู้ใหญ่ เด็ก และคนในวัยเดียวกันปะปนกันไป แต่ที่โดดเด่นคือ ชายร่างใหญ่ตรงหน้า
ชายร่างใหญ่กำยำบึกบึนที่ดูราวกับหินผาน่าจะเป็นผู้ช่วยอาจารย์แน่ ๆ
ดูจากหนวดเครานั่นแล้ว ฉันคิดว่าว่าเขาน่าจะมีอายุมากกว่าสามสิบปี ดังนั้นเขาจึงไม่ใช่นักเรียนของสถาบัน
――จากที่ฉันเห็น ก็ไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งเป็นพิเศษเช่นกัน
นี่เป็นไทป์แข็งแกร่งที่ได้เปรียบด้านร่างกาย
รู้สึกได้เลยว่าให้ความสนใจกับกล้ามเนื้อเป็นหลัก มากกว่าความสามารถด้านทักษะสินะ ขาดความสมดุลในฐานะนักสู้ เป็นแค่พวกใช้แรงเข้าว่า
แต่ทว่านั้นก็ไม่ทำให้เขาอ่อนแอ
เช่นเดียวกับร่างกายที่พรั่งพร้อม แต่ก็อาจมีบางอย่าง เช่นพรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้แอบแฝงอยู่ก็ได้
แต่ว่า ม๊า ถึงอย่างงั้น ฉันก็น่าจะสามารถเอาชนะได้เหมือนปกติในระหว่างอ่านสคริปต์สำหรับการถ่ายทำได้ล่ะนะ
เรื่องเดียวที่จะได้รับการยกย่องจากฉันก็คือ แม้ว่าฉันจะซัดเขาอย่างแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ในตอนนี้ ฉันก็มั่นใจว่าเขาจะทนได้โดยไม่ตาย
เฉพาะร่างกายนั่นเท่านั้น เฉพาะกล้ามเนื้อนั่นเท่านั้น ไม่ยุติธรรมเลย
“เด็กคนนี้แข็งแกร่งอย่างที่เธอพูดจริง ๆ เรอะ?”
นอกจากชายร่างใหญ่ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยอาจารย์แล้ว คนรอบข้างที่สวมชุดฝึกต่างก็มองมาที่ฉันด้วยความสงสัยเช่นกัน ……มีเด็กหลายคนที่ดูเหมือนจะมีพรสวรรค์ ยอดเยี่ยมจริง ๆ
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ เนีย・ลิสตันค่ะ”
ยังไงก่อนอื่นก็กล่าวทักทายกันก่อน
ฉันไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่――ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากจะซัดใครสักคนเร็ว ๆ
――แต่ก็อย่างที่กะไว้แล้ว ความผิดหวังยังตามมาจองเวรฉันอยู่ ทลายสวรรค์น่าผิดหวังจริง ๆ
ปล.อากาศแย่จนกินข้าวลงแค่มื้อครึ่ง แต่ดันไม่หิวยันดึก ฮา