คุณหนูโลลิคลั่งเนีย ลิสตัน - ตอนที่ 5 ฝึกโลลิเซน
05 ฝึกซาเซน*
(การนั่งสมาธิของนิกายเซน)
เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่การเจอหน้าพ่อแม่หลังเลิกงานกลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันของฉัน
ประมาณสองสัปดาห์แล้วตั้งแต่ฉันกลายเป็นเนีย
“――ได้เวลาแล้วสินะ……”
หลังจากทานอาหารที่ปริมาณยังคงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเช่นเคยบนเตียงจนเสร็จ ฉันก็พึมพำออกมา
“คะ?”
ฉันพูดกับริโนกิสที่อยู่ใกล้ ๆ
“อยู่ดูแลตอนกลางคืนพอแล้วก็ได้น่ะ”
“เอ๊ะ”
ริโนกิสจะรออยู่ที่ข้างนอกห้องระหว่างที่ฉันกำลังหลับทุกคืน เพื่อที่ว่าหากฉันเรียกหาจะสามารถตอบรับได้ในทันที
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาไอที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ――เพื่อให้สามารถช่วยเหลือได้ก่อนที่จะสายเกินไป
ทว่าฉันไม่ต้องการอีกแล้ว
“จำนวนครั้งอาการไอก็ลดลงแล้ว ฉันคิดว่าไม่เป็นไรแล้วล่ะ แถมยังไปห้องน้ำด้วยตัวเองได้แล้วด้วย”
ด้วยพลังของ「คิ」ความรุนแรงของอาการป่วยก็ถูกชำระออกไป
ยังอีกไกลจากการรักษาอย่างสมบูรณ์ ฉันยังมีหนทางอีกยาวไกลที่ต้องเผชิญ
แต่สำหรับตอนนี้ ฉันคิดสามารถข้ามภูเขาลูกใหญ่มาได้แล้ว
เงาของยมทูตหายไป
ฉันตัดสินว่าความเป็นไปได้ที่จะเสียชีวิตกะทันหันเนื่องจากสภาพร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันได้หายไปแล้ว
“……นั่นสินะคะ คิดดูแล้วเมื่อไม่นานมานี้ก็ดูเหมือนความอยากอาหารจะคงที่แล้วด้วย”
“อ้อ ควรจะพูดว่าถือโอกาสปริมาณอาหารเพิ่มขึ้นทีละน้อยทุกครั้งจะถูกกว่าใช่ไหม?”
“――จะรีบไปตามเจย์ซังมาเพื่อให้หารือทันทีค่ะ”
“ไม่ต้อง ปริมาณปล่อยไว้แบบนั้นก็ได้”
ฉันพยายามบอก แต่เธอไปซะแล้ว
นั่นคงเป็นอาการตอบสนองการที่เห็นได้ชัดว่า รู้ว่าปริมาณอาหารเพิ่มขึ้นแต่เงียบไว้ ไม่สิ เธออาจจะถูกชักจูงให้ทำเช่นนั้นด้วยซ้ำ
ม๊า ยังไงก็ได้
แม้ว่าท้องของฉันจะทรมานหลังอาหารทุกมื้อ แต่การรับพลังงานที่จำเป็นเข้ามาก็สำคัญอย่างยิ่ง ถึงต้องฝืนบังคับให้รับเข้ามาในร่างกายก็ตาม แต่ก็ไม่เสียหายอะไร
และแม้ว่าปริมาณจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตของสามัญสำนึก
ตั้งแต่แรกแล้วแม้แต่เด็กในวัยเดียวกันกับร่างของเนียก็กินมากกว่านี้เยอะ ฉันคิดว่าปริมาณที่ฉันกินอยู่ตอนนี้ยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำ
ริโนกิสกลับมาพร้อมกับเจย์……พ่อบ้านเก่าแก่ของตระกูลลิสตัน และคุยเรื่องที่ฉันพึ่งพูดไปอีกครั้ง
“……เช่นนั้นรึขอรับ หากคุณหนูกล่าวว่าไม่เป็นไรแล้วแม้ในยามราตรี กระผมจะแจ้งให้นายท่านและนายหญิงได้ทราบขอรับ”
ใบหน้าเคร่งครัด――ไม่คิดปิดซ่อนความกังวล แต่สุภาพบุรุษสูงวัยเจย์ก็ยอมรับข้อเสนอของฉัน
“อย่างไรก็ตาม ริโนกิสจะย้ายมาอยู่ในห้องถัดไปแทน และในกรณีฉุกเฉิน กรุณาสั่นกระดิ่งและเรียกหาเธอด้วยนะขอรับ ตกลงสินะขอรับ? ให้สัญญาได้ใช่ไหมขอรับ?”
“ได้”
ถึงจะไม่มีโอกาสให้ต้องใช้อยู่แล้ว แต่ก็น่ามีไว้เผื่อว่าเกิดเหตุจำเป็นขึ้นมาจริง ๆ จึงไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธอย่างดื้อรั้น
ยิ่งถ้าช่วยให้สามารถหลบหนีจากการสอดส่องของริโนกิสได้ นั่นก็เป็นคำสัญญาง่าย ๆ
วันนี้ก็เช่นเคย เมื่อฉันส่งพ่อแม่ไปทำงานแล้วก็กลับมาที่ห้องของตัวเอง
“เช่นนั้น ดิฉันขออนุญาตไปพักสักครู่นะคะ คุณหนู หากมีสิ่งใดเกิดขึ้น โปรดเรียกเมดที่อยู่ใกล้ที่สุดทันทีนะคะ”
ริโนกิสจะงีบหลับตั้งแต่ตอนนี้จนถึงเที่ยง……ไม่สิ นอนจริงจังเลยมากกว่า
เธอคอยตื่นนอนตอนกลางคืนเพื่อฉัน ถึงจะงานแต่ก็น่าชื่นชม ม๊า ตั้งแต่คืนนี้ฉันเองก็ควรพักผ่อนบ้างเหมือนกัน
――ดีล่ะ ถ้างั้น
เมื่อริโนกิสออกจากห้อง จากนี้ก็ถึงเวลาของฉัน
โดยพื้นฐานแล้ว วัฏจักรชีวิตของเนียคือ ทานอาหาร กินยา และพักผ่อน เรียกว่าเป็นวงเวียนที่ซ้ำซาก
「 การพักผ่อน」 เป็นเรื่องที่สำคัญเป็นพิเศษ ไม่มีใครรจะเข้ามารับกวนการพักผ่อนของฉันได้ ยกเว้นแต่ฉันจะเป็นคนเรียกพวกเขา
ในระหว่างที่ฉันออกจากห้องไปเพื่อส่งพ่อแม่พักหนึ่ง ก็มีการทำความสะอาดห้องและเตียงง่าย ๆ จนเสร็จ
ฉันจะอยู่คนเดียวไปจนกว่าริโนกิสเรียกให้ทานอาหารกลางวัน
――ดังนั้น ได้เวลาแล้ว
ฉันลุกออกจากเตียง และค่อย ๆ วางเท้าลงบนพื้นพรมเบา ๆ
ร่างกายของฉันซึ่งยังคงผอมและอ่อนแอ แค่ยืนก็เจ็บปวดแล้ว
ฉันสามารถเดินช้า ๆ ได้ แต่การเคลื่อนที่โดยพื้นฐานแล้วคือ รถเข็น และอ้อมอกของริโนกิส
ม๊า นั่นก็แค่ตอนนี้เท่านั้น
“……ต้องฝืนหน่อยล่ะนะ”
ฉันพยายามงอตัวแค่เล็กน้อย แต่ก็ดูเหมือนจะยากเย็นแสนสาหัส และคิดว่าหากงอเข่าและก้มลงเมื่อไหร่ก็จะไม่สามารถยืนกลับขึ้นมาได้แน่นอน
ยังไงก็ตาม ฉันแค่มีกล้ามเนื้อไม่เพียงพอ
เป็นปัญหาที่ต้องแก้ก่อนฝึกฝนร่างกาย
ดูเหมือนจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะถึงจะสามารถเดินได้เหมือนคนปกติ ――ไม่สามารถใช้มือเปล่าเจาะลำตัวออร์คที่น่าขยะแขยงได้ด้วยซ้ำ
ม๊า ช่างเถอะ
ตอนนี้อาการป่วยสำคัญกว่ากล้ามเนื้อ
ฉันอยู่ข้างเตียง ――นั่งลงบนพื้นข้างเตียงฝั่งตรงข้ามกับประตูซึ่งช่วยให้มองไม่เห็นว่ากำลังทำอะไรอยู่ หากว่าประตูถูกเปิดอย่างกะทันหัน
ถึงไม่คิดว่าจะมีใครเข้ามา แต่ก็เผื่อไว้ก่อน
ฉันไม่เดือดร้อนอยู่แล้วหากว่าจะมีใครมาเห็น แต่ยังไงก็ตาม「เนียเป็นเด็กไร้เดียงสาที่ยังไม่รู้อะไรเลย」 มันจะเป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผลที่จะรู้เรื่องพวกนี้
ฉันนั่งขัดสมาธิ ไขว้ขา
เหยียดแขนไปทางซ้ายและขวาเล็กน้อย
หงายฝ่ามือขึ้นแล้วผสานกัน ยกให้สูงกว่าระดับหัวเข่า
” ――อุมุ”
ว่าแล้ว「คิ」ไหลเวียนได้ง่ายที่สุดในท่วงท่าซาเซน
จากมือซ้ายผ่านเท้าซ้ายไปเท้าขวา
จากขาขวาไปแขนขวา ผ่านไหล่ขวาถึงศีรษะ
จากนั้นตามไหล่ซ้ายย้อนกลับไปทางซ้าย
นุ่มนวล เร็วขึ้น และแข็งแกร่งกว่าที่เคยทำตอนนอนบนเตียง
ถึงร่างกายของเด็กจะอ่อนแอ แต่มี「คิ」ไหลเวียนอยู่แน่นอน และจะต้องขัดเกลาในร่างกายอย่างระมัดระวัง
ฉันมีอาการป่วยที่ศูนย์กลางของร่างกาย
「คิ」ที่หยุดเคลื่อนไหลจากอาการป่วยที่ตกตะกอนมาจนถึงตอนนี้จะถูก「คิ」ที่ไหลเวียนไปทั่วร่างกายขูดออกทีละเล็กทีละน้อย และสลายหายไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นการดีที่สามารถใช้เวลาในยามราตรีอันยาวนานสำหรับเรื่องนี้ได้
หากได้ใช้เวลาสักหนึ่งสัปดาห์ ฉันก็จะสามารถฟื้นตัวสู่ขั้นตอนถัดไปได้
……เดี๋ยวนะ ซาเซนคืออะไรกันน่ะ
ฉันรู้โดยสัญชาตญาณว่าฉันควร「ทำสิ่งนี้」 แต่ฉันรู้ได้ยังไง เรียนมาจากที่ไหน ฉันไม่เข้าใจเลย
ฉันรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับว่าฉันคือใคร……ไม่สิ ตอนนี้ไม่มีประโยชน์ที่จะมาคิดเรื่องพวกนี้
หากเป็นความทรงจำที่จำเป็น สักวันก็จะจำได้เอง
“เอาล่ะ เจ้าความป่วยเอ๋ย ต่อจากนี้ไปมาต่อสู้กันอย่างจริงจังกันเถอะ”
ฉันจะไม่ยอมตายจากความเจ็บป่วย
เหมือนกับชาติก่อนหน้านี้
ฉันจำได้เลือนลางเช่นนั้น
ฉันนรู้สึก……ขอร้องเป็นอย่างยิ่ง เพราะฉันเกลียดวิธีตายเช่นนั้น
“สิ่งแรกที่สมควรจะฆ่า ฉันบอกเลยว่าเจ้าไม่มีโอกาสชนะแน่นอน”
และครั้งนี้ก็เช่นกัน
ต่อจากนี้จะไม่ใช่ความเจ็บป่วยที่สามารถฆ่าฉัน ฆ่าเนียได้อีกแล้ว