คุณหนูโลลิคลั่งเนีย ลิสตัน - ตอนที่ 62 พบเจอหมีนอกรึตระหว่างทาง
62 พบเจอระหว่างทาง
เวลาผ่านไปกว่าสองสัปดาห์นับตั้งแต่ชีวิตในสถานศึกษาเริ่มต้นขึ้น
ฉัน เรเลียเรด และฮิลเดโทร่าต่างเริ่มยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเมจิกวิชั่น
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่มีเวลาว่างหรอกนะ
ที่จริงตามเดิม เรเลียเรดจะเป็นสมาชิกของคลับทลายสวรรค์ ดูเหมือนเธอจะมีด้านที่อยากจะไล่ตามพี่สาวของตัวเองอยู่
ฉันใช้เวลามากมายในการเกลี้ยกล่อมเรเลียเรดจนเธอยอมตกลงพาฉันไปยังพื้นที่ทำกิจกรรมของคลับในวันนี้หลังเลิกเรียน
แต่แน่นอนว่าไม่ใช่พี่สาวของเธอที่ฉันมีธุระด้วยเป็นพิเศษ ม๊า แบบนั้นก็ไม่เห็นเป็นไรเลย
――โชคดีที่ริโนกิสเป็นสาวใช้ไทป์ปฏิเสธ เธอจึงมักรอให้ฉันกลับไปหาที่หอพักเอง ฉันจึงมีเวลาหลังเลิกเรียนเล็กน้อย
และฉันมั่นใจมากว่าหากเวลาผ่านไปนานเกินไป เธอจะออกมาตามหาอย่างแน่นอน
ฉันไม่มีเวลามากพอที่จะออกไปนอกพื้นที่ แต่หากเป็นเพียงทางอ้อมสั้น ๆ ภายในสถานศึกษา ฉันก็สามารถจบเรื่องได้โดยไม่ถูกสงสัยอะไร
ดังนั้นแทนที่จะกลับไปที่หอพักทั้งแบบนี้ ฉันจึงไปยังพื้นที่ที่ลูกศิษย์ของสำนักทลายสวรรค์ใช้เรียนกันอยู่พร้อมกับเรเลียเรด
“เนียจะไม่เข้าคลับของทลายสวรรค์เหรอ? กำลังฝึกอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่แล้ว เพราะฉันมีพอแล้ว”
ตอนนี้ ฉันยังไม่เจอใครที่แข็งแกร่งพอที่จะขอรับคำสั่งสอน ไม่ใช่แค่สำนักทลายสวรรค์ ดังนั้นจึงไม่มีความหมายหรือเหตุผลที่จะเข้าร่วม
“แต่ฉันสนใจล่ะ”
พูดถึงคลับทลายสวรรค์แล้ว ฉันก็นึกถึงชายร่างใหญ่ที่ดูเหมือนก้อนหินที่ทำหน้าที่ผู้ช่วยอาจารย์อยู่
ถ้าเป็นร่างกายนั่นล่ะก็ ฉันมั่นใจเลยว่าจะไม่พังง่าย ๆ แม้ว่าฉันจะเอาจริงสักเล็กน้อย เป็นอะไรที่นาสนใจมาก
“อะ นี่เธอกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนองเลือดอีกแล้วเหรอ?”
“เปล่าน๊า?”
รู้ได้ยังไงกัน
ทำไมถึงรู้ได้ว่าฉันกำลังจินตนาการว่ากำลังต่อยกับผู้ช่วยอาจารย์อยู่ได้กัน
เราเพิ่งคบกันได้ไม่ถึงเดือนแล้วทำไม……ไม่จริงน้า ฉันเป็นพวกเข้าใจง่ายงั้นเหรอ? ฉันเข้าใจง่ายกว่าที่คิด?
――ขณะที่พูดแบบนั้น ฉันก็ออกจากอาคารเรียนชั้นประถม และมุ่งหน้าไปยังคนละทางกับหอพัก
ฉันไม่เคยไปที่นั่น แต่ฉันได้ยินมาว่าพื้นที่อันกว้างใหญ่ของสถาบันมีอาคารที่ใช้สำหรับคลับกระจายอยู่ทั่วไป
โรงฝึกที่ใช้โดยคลับทลายสวรรค์ก็เป็นหนึ่งในนั้น ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนประถม มัธยมต้น หรือมัธยมปลาย ต่างมารวมตัวกันที่นั่น และออกกำลังจนเหงื่อออก
“เป็นไง? สำนักทลายสวรรค์น่าสนใจใช่ไหมล่ะ?”
“เป็นคำถามที่เหมือนมองมาด้วยสายตาที่เหนือกว่าเลยน๊า”
ช่วยไม่ได้ที่แนวสายตาจะค่อนข้างมองจากด้านบน
แม้ว่าฉันจะมีความทรงจำจากชาติ แต่ฉันก็อายุแค่หกขวบ
“บอกไว้ก่อนนะว่า สาวใช้ของฉันแข็งแกร่งกว่าสาวใช้ของเธอ”
อ้า ลองคิดดูแล้ว ฉากหน้าพวกเราทั้งคู่ต่างได้เรียนรู้จากสาวใช้ของตัวเอง
เรเลียเรดอาจจะเป็นแบบนั้นจริง แต่กับพวกฉันนั้นตรงกันข้าม
――ฉันเองก็อยากเห็นการต่อสู้ระหว่างสาวใช้เร็ว ๆ เหมือนกัน แต่ลำดับความสำคัญในตอนนี้คือสนามประลองใต้ดิน การต่อสู้ระหว่างสาวใช้สามารถทำได้ในภายหลัง
“พูดเรื่องนี้แล้ว สำนักของเนียคือที่ไหนเหรอ?”
“ซ้า? ฉันไม่ได้สนใจเท่าไหร่น่ะ”
“แต่ไม่ใช่ทลายสวรรค์ใช่ ―― อะ”
อะ?
“เนีย อย่าพูดอะไรที่ไม่จำเป็นเด็ดขาดนะ แล้วก็ห้ามจู่ ๆ พุ่งเข้าไปต่อยด้วย และไม่ว่าจะยังไง การทำให้พวกเขาเลือดออกก็ไม่ดีเหมือนกัน”
……? จู่ ๆ ก็เป็นอะไรเนี่ย? ……อะ พวกนั่นสินะ
“ฉันมีเวลาไม่มากด้วยสิ”
ถ้าไม่รีบล่ะก็เดี๋ยวริโนกิสจะมาตามหาอีก
“ช่วยไม่ได้นะสิ อดทนไว้”
ในขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น พวกเราก็ถูกล้อมรอบด้วยเด็กผู้ชายประมาณหกคนพร้อมดาบไม้
ดูเหมือนว่าเราจะถูกซุ่มโจมตี
เนื่องจากไม่มีเจตนาฆ่าฟันหรือแสดงความเป็นศัตรูอย่างเด่นชัด จากระยะไกลจึงดูเหมือนไม่มีอะไรมากไปกว่าการรวมกลุ่มกัน
……หากพิจารณาจากความแตกต่างทางร่างกายแล้ว ฉันคิดว่าพวกเขาอยู่ปีสามหรือปีสี่ พวกเขาดูตัวค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับเด็กใหม่อย่างพวกเรา
” ――เรเลีย หยุดไปทลายสวรรค์ได้แล้ว มาที่โรงฝึกดาบของพวกเราซะ”
เด็กที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำของกลุ่มเด็กชาย ประกาศขึ้นมาอย่างเปิดเผย
งั้นเหรอ พวกนี้มีวัตถุประสงค์ในการดึงคนเข้าสำนักสินะ หนุดไปที่สำนักทลายสวรรค์แล้วมาที่สำนักของพวกเราอะไรทำนองนั้น นั่นคือสิ่งที่กำลังทำอยู่สินะ
“คนรู้จักเหรอ?”
“ก็รู้จักอยู่หรอก……จะพูดยังไงดีล่ะ”
ดูเหมือนว่าจะเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ยากจะอธิบาย
“เอ๊ะโตะ จะบอกว่าเขาเป็นลูกศิษย์ของคู่แข่งของผู้ช่วยอาจารย์ก็คงจะได้น่ะ เราพึ่งได้พบกันแค่ไม่กี่ครั้งเองด้วย”
ลูกศิษย์ของคู่แข่งของผู้ช่วยอาจารย์
ฉันเข้าใจแล้ว ดูท่าจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรเลียเรดโดยตรง แต่เป็นเพราะพรหมลิขิตระหว่างสหายผู้นำโรงฝึก
“――ลูซิน! ว่าแล้วไง เนียไงล่ะ! เนีย・ลิสตัน!”
” ――รู้อยู่แล้วน้า!แค่เห็นผมหงอกบนหัวนั่นก็รู้ได้แล้ว!”
ขณะที่ฉันลอบมองพวกเขาจากตรงนี้ อีกฝ่ายก็ลอบมองมาที่ฉันเช่นกัน ฉันเองก็พอมีชื่อเสียงเหมือนกันสิน๊า พอโบกมือให้ก็ได้ยินเสียงแว่ว ๆ ว่า「อุโอ๊ววว เอาจริงดิ」 ดูจะได้รับความนิยมขนาดนั้น
แต่หัวหน้าอย่างลูซิน
อย่างน้อยก็อยากให้เรียกว่าผมสีขาวสักหน่อย ถึงอายุทางจิตใจจะแก่ แต่อายุร่างกายคือเด็กหกขวบของแท้เลยน่ะ
“พอดีเลย! พวกเราจะพาเนียไปที่โรงฝึกของพวกเราพร้อมกับเรเลียไปเลย!”
เอ๋ ฉันด้วยเหรอ?
เมื่อลูซินประกาศออกมาราวกับเห็นเป็นโอกาส พวกเด็กผู้ชายทั้งห้าคนที่ตามมาด้วยก็ส่งเสียง「วู้ฮู้ฮู้ฮู้วววว」 ……ม๊า? ฉันก็ไม่ได้รังเกียจที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีหรอกนะ แต่ว่า?
“ฉันไม่ใช่ทลายสวรรค์ ดังนั้นฉันขอผ่านน่ะ”
“พวกเราไม่สน!”
โอ้ เป็นการตอบกลับที่ซื่อตรงและมีชีวิตชีวาซะจริง แต่ฉันสนนะสิ
“ลูซิน วันนี้ช่วยเลิกลาไปก่อนทีเถอะ เนียไม่เกี่ยวข้องด้วยจริง ๆ”
เรเลียเรดก้าวขึ้นไปข้างหน้าฉัน และพูดราวกับกำลังปกป้องฉันอยู่ โอ้……เด็กคนนี้กำลังพยายามปกป้องฉันอยู่สินะ หัวใจของฉันสั่นไหวในบางครั้งเมื่อได้รับการปกป้องจากพี่ชาย แต่การได้รับการปกป้องจากเรเลียเรดก็ไม่เลวเหมือนกัน ทั้งเท่ห์และน่ารักมาก ๆ
“ที่ฉันพูด ก็พูดเพื่อพวกนายทุกคนเองนะ จะเป็นการดีกว่าถ้าจะไม่มายุ่งกับเนีย”
หืม?
“เด็กคนนี้อันตราย อันตรายจริง ๆ”
……อะเร๊ะ?
“เรเลีย?”
ฉันคิดว่าเธอน่ารักมาก ๆ ที่พยายามจะปกป้องฉัน แต่จริง ๆ แล้วกลับเป็นเรื่องตรงกันข้ามยังงั้นเรอะ?
นี่เป็นแผนการที่จะปกป้องพวกเขาจากฉันงั้นเหรอ?
“รีบไปเร็วเข้า ก่อนที่เธอจะสนใจ”
“เรเลีย?”
“รีบไปซะ ตอนที่ฉันยังห้ามไว้ได้”
“เรเลีย?”
“มัวแต่จ้องอะไรอยู่กัน!?รีบไปเร็ว ๆ เข้าสิ!”
“โอ๊ย”
แน่ใจแล้วว่าไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดอย่างที่คิดไว้? คิดจะปกป้องพวกเขาจากฉันจริง ๆ สินะ?
……ฉันไม่เคยใช้ความรุนแรงต่อหน้าเรเลียเรดมาก่อนเลย
ทำไมหล่อยถึงเข้าใจฉันไปทางนั้นได้กัน ห๊า
…………
ม๊า ก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าใจผิดหรอกนะ แต่ว่า
ถ้าฉันไม่อยู่ที่นี่ด้วย สถานการณ์จะเปลี่ยนเป็นเด็กผู้หญิงอายุน้อยหนึ่งคนที่ถูกล้อมรอบด้วยเด็กผู้ชายหกคนพร้อมอาวุธครบมือแทน
ในฐานะที่เป็นคนที่เกี่ยวข้องกับศิลปะการต่อสู้ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้
ตอนนี้จึงเป็นเรื่องที่พึงสมควรที่จะให้บทเรียนการลงโทษด้วยกำปั้นเหล็ก
……ถ้าเรเลียเรดตั้งใจที่จะช่วยชีวิตพวกเขาที่นี่ ม๊า ฉันก็ไม่ได้รังเกียจหรอกนะ
อาจจะดีกว่านี้ถ้ามีผู้ใหญ่อยู่ที่นี่ ยังไงก็ตามนี่ก็เป็นข้อพิพาทระหว่างเด็ก ๆ พวกเขาคงรู้สึกข่มใจไม่อยากยื่นคอเข้ามาในการโต้เถียงของเด็ก ๆ
“พูดอะไรไม่เห็นเข้าใจเลย ยังไงก็เถอะมากับพวกเราซะดี ๆ!”
แต่ลูซินที่อยู่ตรงนั้นก็พูดตัดบทอย่างไม่ใยดี สงสัยว่าเขาเป็นประเภทที่ไม่ฟังคำพูดคนอื่นเหมือนกับริโนกิสหรือเปล่า
“แต่แรกแล้วพวกทลายสวรรค์ก็อ่อนแอสิ้นดี!”
เรื่องนั้นฉันเห็นด้วย
สำนักทลายสวรรค์เป็นอะไรที่น่าผิดหวัง ฉันไม่เคยเห็นคนที่แข็งแกร่งในทลายสวรรค์เลย ไม่มีคนที่แข็งแกร่งไปมากกว่านี้อีกแล้วใช่ไหม
“แม้แต่ในการต่อสู้ตอนที่วัดร่างกาย ก็ยังแพ้ในการต่อสู้มือเปล่าให้กับคู่ต่อสู้คนนอกเลยไม่ใช่รึไงกัน!”
จากมุมมองของคนวงใน ก็เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ และไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ
“ทั้งที่มีโอกาสที่จะแข็งแกร่งขึ้นได้ แต่ทำไมเธอถึงเลือกที่จะอยู่กับของอ่อนแอพรรค์นั้นกัน!」
จริง ๆ เลย
ถ้าอยากแข็งแกร่งขึ้นก็จงข้ามทลายสวรรค์ไปซะสินะ ต้องการบอกกับฉันแบบนั้นใช่ไหม
――ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเรเลียเรดรู้สึกยังไงเมื่อเธอได้ฟัง พวกเขาท่าทางจะไม่รู้เลยว่าเธอกำลังพยายามปกป้อง(พวกเขา)อยู่
ในฐานะลูกศิษย์ ไม่มีทางที่จะไม่โกรธเมื่ออาจารย์และสำนักถูกเยาะเย้ย
ทว่า
ถึงกระนั้นในมุมมองของฉันแล้ว ดูเหมือนว่าคำพูดของลูซินซึ่งถูกยิงออกมาอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วจนไม่สามารถพูดอะไรแทรกได้แม้แต่คำเดียวได้เจาะเข้าไปในจุดที่เจ็บปวดที่สุดด้วยความเฉียบคมและแม่นยำ
ทว่า ยังไงก็ตาม
“แทนที่ทำไมถึงต้องไปสู้ด้วยมือเปล่า! คุณน่ะตัดสินใจที่จะแข็งแกร่งขึ้นด้วยอาวุธที่อยู่ในมือต่างหาก!”
――ฉันไม่สามารถเพิกเฉยต่อคำพูดเหล่านั้นได้
“เน๊”
“อะ เดี่ยวสิ ไม่ได้นะ”
ฉันผลักเรเลียเรดออกไป และก้าวไปข้างหน้า
“ฉันจะไม่ว่าอะไรที่คุณพูดล้อเลียนสำนักทลายสวรรค์ แต่ฉันไม่สามารถมองข้ามที่คุณทำเหมือนการต่อสู้มือเปล่าเป็นไอ้งั่งได้หรอกนะ?”
แกนะ แข็งแกร่งขึ้นได้ด้วยอาวุธไม่ใช่หรือไง?
พูดบ้าอะไรอยู่ ห๊า?
――ผู้ที่มุ่งมั่นที่จะแข็งแกร่งขึ้นจนเข้าใกล้ถึงขีดสุดจะมีหรือไม่มีอาวุธก็ไม่ใช่ปัญหา
ปล.วันสองวันนี้ ลมฝนกรรโชก ฟ้าฝ่าแรง จนไฟที่บ้านตกกระตุกบ่อยๆ เปิดคอมทีเสียวเป็นระยะๆ ฮา ข้อดีเดียวคือ อากาศเย็นลงมาบ้างไม่ต้องเปิดแอร์นอนได้ ฮา