คุณหนูโลลิคลั่งเนีย ลิสตัน - ตอนที่ 66 เริ่มต้นการย้อมสีโลลิ
66 เริ่มต้นการสัมภาษณ์
นอกจากจะมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับทีมถ่ายทำไม่คุ้นเคยกันแล้ว เรื่องของเวลาก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่กำลังกดดันเช่นกัน
“จำบทพูดกันได้แล้วใช่ไหม?”
ฮิลเดโทร่าถามฉันกับเรเลียเรด ขณะเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว
“คำถามสี่ข้อ ฉันจำได้แล้ว”
อืม ฉันด้วย
เพราะไม่ได้ต้องแสดงอะไรที่แปลกประหลาดเป็นพิเศษ มีเพียงคำถามทั่ว ๆ ไป จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะจดจำ
จากนี้ไป พวกเราจะไปสัมภาษณ์อาจารย์และผู้เข้าแข่งขันของแต่ละโรงฝึก แต่คำถามมีจำกัด
หนึ่ง、ขอให้แนะนำตัวเอง และชื่อของศิลปะการต่อสู้ที่ฝึก
สอง、ถามเกี่ยวกับบ้านเกิด
สาม、ถามถึงแรงผลักดันในการเข้าประลอง
สี่、ถามให้พูดอะไรก็ได้
ในการถ่ายทำจะให้มีการตั้งคำถามสดนอกจากทั้งสี่ข้อที่เป็นบทที่กำหนดไว้แล้วปนเข้าไปในระหว่างการสัมภาษณ์ของพวกเราเป็นช่วง ๆ
ในขณะเดียวกันก็ต้องใช้เวลาให้น้อยที่สุดด้วย
เพื่อถ่ายทำผู้เข้าแข่งขันให้ได้มากที่สุด เพราะจุดประสงค์คือการออกอากาศบนเมจิกวิชั่น
ยังไงก็ตาม การประลองศิลปะการต่อสู้มีทั้งแบบใช้อาวุธและไม่ใช้อาวุธ และในตอนท้ายผู้ชนะของทั้งสองฝ่ายสามารถมาต่อสู้กันเองได้หากต้องการ
เฉพาะนักเรียนระดับชั้นประถมและมัธยมต้นเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมได้ และการแข่งขันยังแบ่งออกเป็นระดับประถมและมัธยมต้นด้วยเช่นกัน
――ดูเหมือนว่าจะมีการประลองศิลปะการต่อสู้ที่เรียกว่า งานพบปะแลกเปลี่ยนระหว่างสำนัก ในทุกฤดูใบไม้ร่วง ในปีก่อน ลิลิมิ・ซิลเวอร์พี่สาวของเรเลียเรดเป็นรองชนะเลิส และผู้ชนะเลิสคือ ซาโนวิล・บาดร์ที่ยังภาคภูมิใจในความสำเร็จนี้จนเข้ามาท้าทายฉัน
บางทีการประลองศิลปะการต่อสู้ในครั้งนี้ คงถูกมองว่าเป็นการซ้อมสำหรับงานพบปะแลกเปลี่ยนระหว่างสำนัก……หรืออาจเป็นการเก็บเกี่ยวผลงานก็ได้
เพื่อให้ทีมถ่ายทำของเมืองหลวงได้รับโอกาสเข้าร่วมงานพบปะแลกเปลี่ยนระหว่างสำนักที่จะจัดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังจะมาถึง และได้ออกอากาศในวงกว้าง ―― ฉันคิดว่าทัวร์นาเมนต์นี้เป็นก้าวแรกสู่เป้าหมายนั้น
เมื่อคุณได้ลองทำสักครั้งแล้ว ครั้งต่อไปก็จะง่ายขึ้น
ยิ่งเสียงสนับสนุนจากผู้ชมดังมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะทำให้สำเร็จได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
――เว้นแต่คุณจะทำผิดพลาดครั้งใหญ่
อย่างที่คิด ฉันอดเป็นห่วงทีมถ่ายทำไม่ได้เลยจริง ๆ ……ไม่สิ อย่าพูดเลย
ไม่มีประโยชน์ที่จะขอสิ่งที่ไม่มี เหนือสิ่งอื่นใด ก็ยังมีข้อดีมากมายที่พวกเราสามารถมีทีมถ่ายทำที่เป็นส่วนหนึ่งของสถาบันการศึกษา
ฉันแน่ใจว่าจะกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับแผนการเผยแพร่เมจิกวิชั่นในอนาคตอย่างแน่นอน
ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถไว้วางใจได้ หรือกังวลใจ
ฉันสงสัยว่าต้องได้รับการดูแลจากพวกเราน่าจะถูกกว่า แต่ว่าต่อให้เป็นทีมงานออกอากาศมืออาชีพก็ไม่ควรพูดออกไป อย่างน้อยก็ทำเท่าที่จะทำได้ไป
……อุมุ ฉันเองก็ควรช่วยสักหน่อยดีรึเปล่านะ ยังไงก็ตามฉันต้องการให้พวกเขาทำให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้มีปัญหา
สถานที่แรกที่เราไปคือโรงฝึกดาบอัลฟอน
กล่าวกันว่าเป็นโรงฝึกดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในสถาบัน และว่ากันว่าทุก ๆ ปีในงานพบปะแลกเปลี่ยนระหว่างสำนัก พวกเขาจะต่อสู้และทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะเท่านั้น
น่าจะเป็นโรงฝึกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะมีลูกศิษย์อยู่มากที่สุด
หากเป็นภาพสะท้อนเกี่ยวกับทัวร์นาเมนต์การต่อสู้ ทุกคนดูเหมือนจะคิดตรงกันว่าที่นี่เหมาะสมที่จะแนะนำเป็นแห่งแรก
ดูเหมือนที่นี่จะเป็นสำนักที่ก่อตั้งโดยวีรชนในอดีต แต่……ฉันก็ไม่รู้รายละเอียดมากนัก ถึงยังไงพอได้ลองทดสอบสักหน่อยก็คงเป็นสำนึกดีแต่ชื่อเหมือนทลายสวรรค์นั่นแหละ ฉันแค่ผิดหวัง
ตอนนี้ยังเป็นเวลาพักกลางวัน จึงมีลูกศิษย์ไม่มากนัก แต่
“ขออนุญาตนะคะ ขอเวลาสักครู่ได้ไหมคะ?”
เมื่อฮิลเดโทร่าส่งเสียงเรียก ชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะเป็นอาจารย์ และเด็กชายในชุดฝึกที่กำลังฝึกเบา ๆ ก็หันกลับมา และเดินมาหา
“ยินดีต้อนรับพะยะค่ะ ฮิลเดโทร่าซามะ กระหม่อมเป็นอาจารย์ประจำโรงฝึกสอนดาบอัลฟอนแห่งนี้ ได้โปรดอภัยให้กับกระหม่อมที่มายืนต่อหน้าพระองค์ด้วยสภาพที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้ด้วยพะยะค่ะ”
ชายวัยกลางคนที่ตัวเล็กเกินกว่าที่จะเรียกว่านักรบได้ เขาทั้งตัวเล็กและผอมบางจนไม่น่าเชื่อว่าจะแข็งแกร่ง แต่ ――ทว่ากลับแข็งแกร่ง เพียงได้เห็นร่างกายที่อยู่ใต้เสื้อท่อนบน ก็รู้ได้ว่าวิธีการฝึกของเขานั้นไม่ธรรมดา
ฟุมุ ได้เจอกับคนที่คาดไม่ถึงซะแล้ว
แต่ว่า ม๊า เขาก็ยังไม่ใช่คู่มือของฉันอยู่ดี ฉันสามารถเอาชนะเขาได้แม้ในขณะที่กำลังผูกเชือกผูกรองเท้าอยู่ ――บางทีเขาอาจจะเป็นประเภทที่สอนเก่ง แทนที่จะเป็นผู้ชาญศึก
“………….”
สำหรับหลักฐานนั้นคือ เด็กชายที่ยืนอยู่ข้างหลังอาจารย์นั้นค่อนข้างแข็งแกร่งเมื่อเปรียบเทียบกับอายุ ดูแข็งแกร่งไล่เลี่ยกับซาโนวิลที่เจอเมื่อวันก่อนเลย
“ไม่หรอกค่ะ เราเองก็ต้องขออภัยด้วยที่เรียกหาท่านในขณะที่กำลังยุ่งอยู่เช่นนี้”
ฮิลเดโทร่าตอบกลับคำทักทายอย่างสุภาพ ――บางทีคงเพราะติดสินใจไปแล้วว่าจะต้องทำการสัมภาษณ์เขาให้ได้ จึงจำเป็นต้องมาพบกับเขาในช่วงเวลาแบบนี้
“กาเซลล์ซังก็ด้วย ขอบคุณนะคะที่มา”
” ――ก็ไม่ได้เต็มใจที่จะมาหรอก ข้าไม่ว่างหรอกนะ”
โอ๊ตโตะ
เด็กชายที่อยู่ข้างหลังอาจารย์ถึงกับกระเดาะปากใส่เจ้าหญิง ――ดี ดี จิตวิญญาณที่ไม่ยอมจำนนต่ออำนาจ เป็นของนักสู้แน่นอน
น่าเสียดายที่ความสามารถยังตามไม่ทันจิตวิญญาณนั่น
――ส่วนฮิลเดโทร่า
แม้จะถูกดูหมิ่นอย่างร้ายแรงโดยคนที่ต่ำต้อยกว่าตรงหน้า แต่ถึงอย่างงั้น รอยยิ้มของเธอก็ไม่สั่นคลอนแม้แต่ชั่วขณะหนึ่ง
พูดตามตรงฉันต้องพิจารณาเธอใหม่แล้ว
แม้จะเป็นเจ้าหญิงแต่ก็มีทัศนคติที่อุทิศตนเพื่องาน เป็นภาพลักษณ์ของคนใช้ชีวิตเพื่ออุตสาหกรรมเมจิกวิชั่นอย่างแท้จริง
ไม่มีประโยชน์ที่จะโต้เถียง เธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่าถ้าทำเช่นนั้น จะเป็นการขัดขวางการถ่ายทำ
――และเรเลียเรด
อย่าเข้ามากระซิบว่า「เอาเลย จัดการเจ้านั่น……เพื่อฮิลเด้ซามะกัน」ที่ข้างหูของฉันสิ ฉันไม่ได้เกลียดการใช้กำปั้นโดยไม่เหตุผลหรอกนะ แต่ความเป็นจริงตอนนี้ทำไม่ได้หรอกนะ
“กาเซลล์”
“เข้าใจแล้ว ……รีบจัดการธุระให้เสร็จเร็ว ๆ แล้วกัน”
เด็กชายกาเซลล์ตอบรับการสัมภาษณ์ด้วยสีหน้าไม่เต็มใจ เมื่อโดนดุโดยอาจารย์
ทีมถ่ายทำเสร็จสิ้นการเตรียมการถ่ายทำอย่างงุ่มง่าม
ฉันดีใจที่อย่างน้อยพวกเขาก็ยังสามารถเตรียมการถ่ายทำได้
ฉันรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นทุกคนยืนเหม่อลอยมองการพูดคุยระหว่างฮิลเดโทร่า อาจารย์ และกาเซลล์
ฉันรู้สึกแปลกใจจริง ๆ ที่ไม่มีใครขยับจนกว่าฉันจะพูดว่า「มาเตรียมอุปกรณ์พร้อมกันเถอะค่ะ」
ม๊า มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้จากความล้มเหลว
ไม่มีใครสามารถทำทุกอย่างได้ตั้งแต่เริ่มต้น ดังนั้นฉันหวังว่าหากพวกเขาจะคุ้นเคยในที่สุด ฉันจะช่วยดูแลมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
“――ก่อนอื่น เราแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกับโรงฝึกดาบอัลฟอน ว่ากันว่าอัลฟิน・อัลฟอน อัศวินศักดิ์สิทธิ์ ผู้สังหารจอมมารเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อครั้งในอดีต
และทางด้านนี้ คือ คุณกาเซลล์・บล็อก ผู้คว้ารางวัลรองชนะอันดับที่สองในหมวดวิชาดาบจากการประลองศิลปะการต่อสู้ในปีก่อนค่ะ และเป็นผู้ที่จะเข้าร่วมการประลองที่กำลังจะมาถึง”
จากนั้นฮิลเดโทร่าก็ถามคำถามตามบท ส่วนกาเซลล์ก็ตอบคำถามด้วยหน้าบูดบึ้ง
กาเซลล์มีบรรยากาศบึ้งตึงตรงกันข้ามกับฮิลเดโทร่าที่น่ารักและเป็นมิตร แต่ก็ไม่เลวเลยสำหรับการเป็นนักสู้ เพราะรู้สึก「เหมือน」วิธีที่เงอะงะ
ยังไงก็ตาม นี่ก็น่าเบื่อนิดหน่อยเหมือนกัน
กาเซลล์พูดตอบน้อยเกินไป
สั้นเกินไปและข้อมูลน้อยเกินไป การสัมภาษณ์จะไม่มีความน่าสนใจ หรือไฮไลท์ให้ดู
――ความคิดแบบนี้ บางทีฉันคงโดนย้อมสีด้วยอุตสาหกรรมเมจิกวิชั่นไปแล้วรึเปล่านะ
ฉันขอยืมกระดานดำเล็ก ๆ จากเด็กผู้หญิงในทีมถ่ายทำที่อยู่ข้าง ๆ ฉัน
ฉันจะเขียนข้อความให้คำแนะนำแก่ฮิลเดโทร่าเป็นตัวหนังสือแทนที่จะใช้คำพูด เพราะถ้าให้คำแนะนำด้วยเสียง เสียงพูดจะรวมเข้าไปอยู่ในภาพสะท้อนด้วย
จากนั้นฉันก็เขียนบนกระดานดำ และโชว์ให้เห็น
――ฮิลเดโทร่ามองมาที่กระดานดำ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งโดยไม่แสดงออกทางสีหน้า……เธอก็พูดตามที่ฉันแนะนำ
“ช่างน่าเสียดายนะคะ ที่คุณได้เพียงรองชนะเลิศในงานพบปะแลกเปลี่ยนระหว่างสำนักในปีที่แล้ว คุณกะไว้ว่าจะต้องคว้าชัยชนะในทัวร์นาเมนต์ครั้งนี้อยู่รึไม่คะ?”
เมื่อถูกถามด้วยคำถามแบบนั้น ใบหน้าของกาเซลล์ซึ่งบูดบึ้งมาตั้งแต่ต้นก็บึ้งตึงยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“คราวนี้ข้าจะไม่แพ้ซาโนวิลเด็ดขาด ไม่แน่นอน”
――สีหน้าแบบนั้นยอดเยี่ยม ใบหน้าของคนที่บิดเบี้ยวด้วยความอัปยศอดสูและถูกเผาไหม้ด้วยความเคียดแค้น
ตอนนี้ผู้ชมจะเห็นกาเซลล์และซาโนวิลมีความสัมพันธ์เป็นคู่แข่งกัน และคาดหวังต่อการประลองระหว่างทั้งสองคน
คำตอบแบบนักเรียนดีเด่นนั้นน่าเบื่อ
เรื่องราวความสัมพันธ์ส่วนตัวต่างหากที่ผู้ชมจะให้ความสนใจ
…………
ว่าแล้ว ฉันถูกย้อมไปแล้วเรียบร้อยสินะ
ดูเหมือนว่าคำสอนของเบนเดริโอ้ผู้มีใบหน้าฉูดฉาดจะมีชีวิตอยู่ในตัวฉันอย่างแน่นอน
ปล.อยากเที่ยวรถไฟสายนักดื่มที่วื่งรอบโลกจังน้อ จะได้ดื่มจนลื่มตัวตนไปสักพัก ฮา