คุณหนูโลลิคลั่งเนีย ลิสตัน - ตอนที่ 99 มหาราชหมีและโลลิคลั่งที่ออกเดทกันอย่างเปิดเผย
- Home
- คุณหนูโลลิคลั่งเนีย ลิสตัน
- ตอนที่ 99 มหาราชหมีและโลลิคลั่งที่ออกเดทกันอย่างเปิดเผย
99 พระราชาและฉันปรึกษาหารือกันอย่างเปิดเผย
ฉันทิ้งริโนกิสซึ่งหมกมุ่นอยู่กับการฝึกไว้เบื้องหลัง แล้วกลับไปที่วิลล่าก่อน
ปกติแล้ว ริโนกิสน่าจะไม่ยอมปล่อยให้ฉันแยกออกมาแบบนี้
อาจเป็นเพราะเธอพิจารณาแล้วว่าฉันไม่ต้องกันคนคุ้มกัน หรืออาจเป็นเพราะเธอหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนเทคนิค……
ม๊า อาจจะทั้งสองอย่าง
ความดื้อดึงของริโนกิส ไม่สิ การอุทิศตนต่อหน้าที่ของเธอเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม ไม่มีทางที่จะเผลอลืมแน่นอน
ตอนนี้ ฉันอยู่บนเกาะโดดเดี่ยวที่มีเพียงเพื่อน ที่มีเพียงราชวงศ์ที่มาได้ นอกจากนี้ยังพูดได้ว่าความน่ากังวลเกี่ยวกับศัตรูต่างชาตินั้นต่ำมาก ถึงฉันจะไม่รังเกียวหากมีศัตรูภายนอกปรากฎตัวมาบ้าง
――ม๊า ยังไงก็ตาม ก็สะดวกดีที่ริโนกิสไม่อยู่ด้วย
“องค์ราชาเพคะ”
ไม่มีใครอยู่รอบ ๆ พระราชาผู้ซึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบและอ่านหนังสืออย่างสง่า
การจ้องมองที่ฉันรู้สึกได้จากระยะไกลน่าจะเป็นเหล่าผู้คุ้มกัน ยังไงก็ตาม เนื่องจากระยะทาง พวกเขาไม่น่าจะได้ยินหากพูดคุยแบบปกติ
สามารถกล่าวได้ว่าเหมาะสำหรับการพูดคุยเรื่องลับ ๆ
“อะไร อย่ามาสนใจข้า”
เสียงทุ้มต่ำไร้อารมณ์ตอบกลับมา
เสียงพลิกหน้ากระดาษดังก้องอยู่ในหูของฉันอย่างน่าประหลาด
“หม่อมฉันมีเรื่องที่อยากจะปรึกษากับราชาเพคะ”
“ข้าไม่มีเวลาฟังความคิดที่น่าเบื่อของเด็ก ๆ”
“พระองค์เป็นผู้กล่าวกับหม่อมฉันเองว่าให้ใช้ทุกอย่างที่มีอยู่เองนะเพคะ”
“……โห๊ว?”
พระราชาเคลื่อนไหวในที่สุด
เขาวางหนังสือลงบนโต๊ะ ลุกขึ้น แล้วนั่งวางเท้าบนพื้นหันมาทางฉันทั้งตัว
ถ้าจำไม่ผิด ชื่อของเขาคือ ฮูเรนซ์・อาร์ตัวร์
ราชาองค์ที่สิบสี่แห่งอาณาจักรอาร์ตัวร์
อย่างแรก ฉันสามารถมองเห็นจุดสีแดงในดวงตาสีเขียวเช่นเดียวกับฮิลเดโทร่า
ว่ากันว่าเป็นหลักฐานของราชวงศ์ที่ทุกคนรู้ แต่การได้เห็นด้วยคาตัวเองนั้นก็ให้อารมณ์ลึกล้ำ ตอนฮิลเดโทร่าเองก็ด้วย ช่างเป็นสีตาที่แปลกจริง ๆ
ยังไงก็ตาม การจ้องมองของพระราชานั้นเฉียบม แตกต่างจากของเธอ และดูเหมือนว่าเขาจะเตรียมพร้อมที่จะไม่พลาดการเคลื่อนไหวแม้แต่ก้าวเดียวของผู้ที่กำลังมองอยู่
ผมบลอนด์สว่างดูซีด เพราะเจือด้วยสีขาว
อายุของเขาน่าจะอยู่ระหว่างสี่สิบถึงห้าสิบกลาง ๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกหากเขาจะมีผมหงอก
ทรงผมของเขาไม่เหมือนใคร แยกซ้ายขวาออจากกันบนหน้าผาก และเด้งออกข้างใบหู――บางทีเขาอาจจะม้วนออกด้านนอกในระหว่างที่ทำงานต่อหน้าผู้คน
ทว่า ฉันก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี……พลังที่คล้ายกับจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ หรือบางทีอาจจะเป็นบรรยากาศข่มขู่ของผู้ปกครอง
ใบหน้าเต็มไปด้วยสิ่งที่ยากจะอธิบาย มีความมุ่งมั่นและคมสัน ในขณะที่ทำให้รู้สึกเหมือนต้นไม้ที่อยู่มานาน ใบหน้าและร่างกายที่ไม่หย่อนคล้อยจนดูเหมือนอายุเพียงสามสิบ
――ฟุมุ ชายคนนี้ดูเหมือนจะมีกึ๋น
ดวงตาที่ทรงพลัง และร่างกายที่ไม่มีความฟุ่มเฟือย นั้นแตกต่างจากคนทั่วไปอย่างมาก
ในฐานะพ่อและในฐานะบุคคล เขาอาจไม่ได้รับการยกย่อง แต่เขาไม่ใช่ราชาที่โง่เขลา
ม๊า เขาอาจจะแข็งแกร่งทางจิตใจ แต่ดูเหมือนร่างกายเขาจะไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ ดังนั้นในระดับนี้ฉันสามารถทำให้เขาหลับได้ในเวลาไม่ถึงวินาที
ถ้าผลลัพท์ของการพูดคุยกลายเป็นเรื่องไม่คาดฝันและมีปัญหา บางทีฉันน่าจะขอให้เขานอนพักสักหน่อย
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นราชาหรือไม่ สำหรับฉัน เขาเป็นเพียงคนอ่อนหัด เด็กเมื่อวานซืนคนหนึ่ง
“เจ้าจะใช้ข้ารึ ยื่นอุทธรณ์โดยตรงรึยังไง จงรู้จักที่ต่ำที่สูงเสียบ้าง”
สีหน้าของพระราชาระหว่างพูดนั้นเป็นรอยยิ้มที่ปราศจากความกลัว
น่าสนุก ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะปฎิเสธด้วยคำพูดแบบนั้น
“หม่อมฉันก็ไม่คิดว่าผู้มีอำนาจจะสวมชุดคลุมอาบน้ำเช่นนี้หรอกนะเพคะ?”
พระราชาทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจ พูดตรง ๆ ก็คือแทบไม่มีอำนาจโน้มน้าวใจเลยยิ่งพูดถึงเรื่องมารยาท
“ฟู๊ว ก็ได้ ถ้าเป็นเรื่องน่าเบื่อ ข้าจะไม่ฟัง”
ดูเหมือนจะชวนออกเดทได้แล้ว ดังนั้นมาคุยกันแบบไม่เกรงใจกันเถอะ
ถ้าพูดยาวเกินไป มีความเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะเบื่อและสับสน ดังนั้นพูดให้สั้นเข้าไว้
ฉันต้องการจัดการแข่งขันเพื่อตัดสินว่าใครแข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรอาร์ตัวร์
มีกำหนดการในอีกหนึ่งปีข้างหน้า
ดังนั้นขอยืมกำลังหน่อย
สรุปย่อในสามประโยค
“จุดประสงค์ของการจัดทัวร์นาเมนต์นั้นคืออะไร? หากไม่มีข้อดีเกินห้าข้อก็ไม่คุ้มค่าที่จะคิด”
“เอ๊ะ ห้า?”
เรื่องนี้ทำฉันประหลาดใจเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าสมเป็นผู้ปกครองดีไหม ฉันคิดว่ามีข้อดีใหญ่ ๆ สักสองสามข้อก็น่าจะพอแล้ว แต่ต้องการมากกว่านั้นอย่างงั้นเหรอ
“ไม่ใช่ห้าข้อ แต่ต้องมากกว่าห้าข้อ ……ดูท่าคงจะจบเรื่องกันแค่นี้แล้วสินะ?”
“เอ๊ะ? ห้าใช่ไหม? แน่นอนว่าต้องมีมากกว่าห้าข้ออยู่แล้ว?”
ดูเหมือนจะเข้าใจกันและกัน
ฉันตอนนี้ ไม่มีทางคิดข้อดีได้เกินห้าข้อ และพระราชาก็มองออก
“งั้นรึ งั้นพูดมาสิ”
ยังไงก็ตาม หากยอมแพ้ให้เรื่องจบเท่านี้ พวกเราทั้งคู่ก็จะไม่ได้อะไรจากกันและกัน
――อย่างน้อย ดูจากท่าทีของพระราชาที่ยังพร้อมพูดคุยต่อไป ฉันคิดว่าไม่ว่าเขาไม่สนใจ
แต่ว่าความสัมพันธ์ของพวกเราไม่ได้มีมากมาย พระราชาจะไม่พูดหากไม่ได้ผลประโยชน์หรือข้อได้เปรียบ
โดยเฉพาะตอนนี้
ฉันก็เหมือนกัน
หลังจากทำงานมามากมาย ในที่สุดก็ได้เวลาพักผ่อนสักที ถ้าถูกพูดถึงงานที่ไม่ชอบ ก็จะรู้สึกอึดอัดเท่านั้น
ถ้าหากคิดแล้วว่าไม่มีความเป็นไปได้แม้แต่น้อย ก็คงจะเลิกคุยทันที
ดังนั้น นั่นคือเหตุผลที่ตอนนี้ฉันจำเป็นต้องหาผลประโยชน์อย่างน้อยห้าข้อ
“――อย่างแรก หากพระองค์มีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน ก็จะสามารถกำหนดรูปแบบและกฎในแบบที่พระองค์ต้องการได้ เป็นไปได้ที่จะสามารถสร้างเงินได้อย่างมหาศาลเพคะ”
“ข้อที่หนึ่ง กำไรทางการเงิน ต่อไป?”
“――การประลองศิลปะป้องการต่อสู้ของในระดับชั้นประถมและมัธยมต้นที่จัดขึ้นอาร์ตัวร์ นั้นได้รับความนิยมอย่างมากจนมีการออกอากาศซ้ำหลายครั้ง
หากสามารถสร้างความนิยมได้เทียบเท่าระดับนั้น แต่เป็นการจัดขึ้นในระดับประเทศ มีการถ่ายทำเมจิกวิชั่นและออกอากาศในกลุ่มผู้ใหญ่ที่เป็นเป้าหมาย สามารถคาดหวังได้ว่าจะมีส่วนช่วยอย่างมากในการแพร่กระจายแผ่นคริสตัลเวทมนตร์”
“คาดหวังได้จริง ๆ รึ?”
“แม้ว่าจำนวนการจัดส่งจะยังน้อย แต่เรามีประวัติการซื้อแผ่นคริสตัลเวทมนตร์จากผู้ปกครองของนักเรียนที่ไม่ได้อยู่ในระดับชั้นที่ทำการจัดงาน
หม่อมฉันแน่ใจว่ามีผู้คนจำนวนมากที่สนใจการแข่งขันเพื่อตัดสินว่าใครเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรแห่งอาร์ตัวร์ และอยากที่จะดูซ้ำแล้วซ้ำอีก กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ กระแสของผู้คนใหม่ ๆ ที่อยากจะรับชมเมจิกวิชั่นอีกครั้งจะทำให้ตัดสินใจที่จะซื้อใช่ไหมเพคะ”
“ข้อที่สอง การเผย่แพร่เมจิกวิชั่น ต่อไป?”
…………….
แย่แล้ว ฉันหมดวัตถุดิบอย่างรวดเร็ว”
“ม๊าม๊า ไม่เห็นต้องรีบร้อนขนาดนั้นก็ได้นะเพคะ มาคุยกันอย่างใจเย็นกันเถอะเพคะ?”
“ถ้าเจ้าเป็นผู้ส่งสารจากประเทศอื่น หรือเป็นสาวสวย ข้าคงเห็นด้วย ทว่าข้าไม่สนใจที่จะคุยกับเด็ก ๆ”
……ก็นั่นสินะ
ม๊า นั่นไง
ฉันแน่ใจว่าเขารู้เจตนาที่แท้จริงของฉันอยู่แล้ว เพราะงั้นพูดตรง ๆ ไปเลยแล้วกัน
“หมดแล้วเพคะ”
“โอ๊ยๆๆ ไม่เร็วเกินไปรึไง”
“ก็เร็วจริงแหละเพคะ”
ฉันเองก็คิดแบบนั้น แต่ก็ช่วยไม่ได้ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องมาพูดอะไรแบบนี้
“หากพูดถึงผลประโยชน์ที่นอกเหนือจากนี้ หม่อมฉันรออย่างมีความหวังเพคะ……อะ ฝ่าบาทเองก็ตั้งตารอ?”
” ――นา เนีย・ลิสตัน เจ้ากำลังทำเหมือนว่าข้าโง่อยู่อย่างงั้นรึ?”
ฉันรู้สึกถึงแรงกดดันที่สามารถบดขยี้เด็กคนหนึ่งได้จากสายตาที่แหลมคมของพระราชา สายตาค่อนข้างใช้ได้เลย ถ้าเป็นเด็กจริง ๆ คงร้องไห้ไปแล้ว
“แต่ก็ตั้งตารอใช่ไหมเพคะ? สนใจว่าใครจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศของตน?”
ม๊า ถ้าฉันยังเป็นแค่เด็กคงร้องไห้และฝังใจไปแล้ว แต่ฉันไม่ใส่ใจ ที่ฉันต้องทำก็แค่สับลงไปที่สันคอเขาเท่านั้นเอง
“ไม่ ไม่สำคัญเลยว่าใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน”
“เอ๊ะ? ทำไมล่ะ? ทุกคนล้วนแสวงหาพลังและความแข็งแกร่งอย่างน้อยก็สักครั้งในชีวิตใช่ไหม? อย่างน้อยก็ฟื้นความปรารถนาของตอนนั้น?”
“จบเรื่องกันตอนนี้เสียดีกว่าไหม? ถ้าพูดจบแล้วก็ไปซะ”
เอ๊ะ ไม่สนใจจริง ๆ เหรอ? ไม่อยากจะเชื่อเลย มีคนแบบนี้ด้วยเหรอ
เมื่อฉันมองไปที่พระราชาอย่างไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ――เขาก็ถอนหายใจออกมา
“มีอีกจริงไหม หากเจ้าวางแผนไว้สำหรับระดับประเทศจริง เช่นนั้นก็ควรสามารถเชิญชวนลูกค้าจากประเทศอื่น ๆ ได้ด้วย ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งสำคัญคือต้องอวดความแข็งแกร่งของประเทศนี้ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือการขยายรากฐานในการขายเมจิกวิชั่นสู่ประเทศอื่น ๆ หากมีโอกาสใหญ่เราอาจจะได้จับมือกับมิตรประเทศ ได้ดูรายการจากประเทศอื่น ๆ ในประเทศนี้ ส่งผ่านโครงการเผยแพร่ไปยังต่างประเทศ สิ่งนี้จะให้ผลกำไรสูงสุดที่ไม่สามารถแทนที่ได้ด้วยเงิน แน่นอนว่าเงินตราต่างประเทศจะหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมากด้วยเช่นกัน ทั้งการที่จะมีโอกาสในการตรวจสอบเทคโนโลยีเรือเหาะของจักรวรรดิการบินแว็ง เดอ ครุช……และเกี่ยวพันถึงโอกาสการแต่งงานของลูก ๆ ข้า ยิ่งการแข่งขันยิ่งใหญ่เท่าใด ชื่อเสียงและคุณค่าของอาณาจักรอาร์ตัวร์ก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น เจ้าจะได้เปรียบเหนือกว่าขึ้นอยู่กับว่าเจ้าสู้ยังไง หากเจ้าภาคภูมิใจในความแข็งแกร่ง เมื่อได้ยินข่าวลือเช่นนั้นนักผจญภัยที่มีฝีมือดีก็ควรจะหลั่งไหลเข้ามาเช่นกัน มองเห็นความก้าวหน้าในการสำรวจเกาะลอยฟ้าที่ยังไม่ได้สำรวจ และรับประกันความมั่นคงของทรัพยากร――และอื่น ๆ ควรพูดได้ขนาดนี้จริงไหม?”
…………
พูดตามตรงว่าฉันตามเรื่องนี้ไม่ทัน ตั้งแต่แถว ๆ ที่ว่า 「หากเป็นโครงการระดับประเทศ’」แล้ว ช่างเป็นคำพูดที่ลึกซึ้งอะไรแบบนี้
“พระราชาน่าทึ่งมาก ฉลาด”
นั่นคือทั้งหมดที่ฉันสามารถพูดได้
“เจ้าตั้งใจยั่วโมโหข้าจริง ๆ สินะ”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาทำหน้าตาไม่พอใจใส่ฉัน
อากาศแปรปรวนสุดๆจนอยากเป็นนีทหลับยาวๆ ฮา