คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 104 แขวะซึ่งกันและกัน
ตอนที่ 104 แขวะซึ่งกันและกัน
ตู้ซินแสนำขบวนรถของตระกูลเยียน ฝ่าลมเย็นยะเยือกในฤดูหนาว เร่งเดินทางในแต่ละวัน
เหน็ดเหนือยอย่างมาก รู้สึกทั้งเนื้อทั้งตัวหนังถลกลงมาสองชั้น ในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาถึงเมืองหลวงในช่วงปลายเดือนสิบสอง
เมืองหลวงอยู่ใกล้แค่เอื้อม คนทั้งขบวนต่างโล่งใจ
ทุกคนเรียกร้องอย่างมาก พักผ่อนในอี้จานสองวัน เดินทางเข้าเมืองหลวงด้วยท่าทีที่กระปรี้กระเปร่าที่สุด
มิฉะนั้น ทั้งเนื้อทั้งตัวเปรอะเปื้อน สภาพดูไม่ดี เกรงว่าจะถูกคนหัวเราะเอา
เกียรติยศใหญ่กว่าฟ้า อย่างไรแล้วก็เหลือระยะทางเพียงครึ่งวัน ตู้ซินแสจึงยอมรับปาก ไม่บังคับให้ทุกคนเร่งเดินทาง
พักผ่อนมาหนึ่งวันหนึ่งคืน ทุกคนต่างมีชีวิตชีวาขึ้นมา เปลี่ยนเป็นชุดนุ่นที่สะอาด
ดูกระปรี้กระเปร่าเพียงใด
ซุนฮูหยินถามนายท่านรองตระกูลเยียน “ท่านว่าอวิ๋นเพ่ยรู้เรื่องที่พวกเรามาเมืองหลวงหรือไม่”
“ย่อมรู้ จดหมายเดินทางเร็วกว่าคน จดหมายที่เขียนให้นาง นางย่อมได้รับแล้ว”
“ท่านคิดว่าอวิ๋นเพ่ยจะดีใจที่พวกเรามาเยี่ยมนางหรือไม่”
“จะไม่ดีใจได้อย่างไร เจ้าคิดสิ่งใดอยู่กันแน่” นายท่านรองตระกูลเยียนไม่พอใจเล็กน้อย
เมื่อเห็นเมืองหลวงอยู่ใกล้แค่เอื้อม ซุนฮูหยินประหม่าเล็กน้อย
นางกังวลาว่าการมาถึงของตนเองจะสร้างปัญหาให้บุตรสาวอันเป็นที่รัก ทำให้บุตรสาวของนางอยู่ยากในตระกูลหลิง
นางมีความกังวลในใจ ยากที่จะไม่ประหม่า
นายท่านรองตระกูลเยียนส่งเสียงไม่พอใจ “อย่ามัวแต่คิดถึงบุตรสาวของเจ้า เจ้าเคยคิดหรือไม่ พวกเราไปถึงเมืองหลวงจะพักที่ใด ตระกูลเยียนไม่มีจวนในเมืองหลวง”
ซุนฮูหยินพูด “พี่สะใภ้ใหญ่พักที่ใด พวกเราก็พักที่นั่น เรื่องนี้ยังต้องคำนึงหรือ”
นายท่านรองตระกูลเยียนหัวเราะ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าพี่สะใภ้ใหญ่พักที่ใด”
ซุนฮูหยินทำหน้าฉงน นางไม่เคยสนใจปัญหานี้
นายท่านรองตระกูลเยียนบอกนาง “พี่สะใภ้ใหญ่พักในจวนองค์หญิง บนตัวของพี่สะใภ้ใหญ่มียศองค์หญิง จวนนั้นได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้จงจ้งก่อนที่พระองค์สวรรคต เจ้าคิดว่าพี่สะใภ้ใหญ่จะให้เจ้าพักในจวนองค์หญิง? เจ้าคิดว่าตนเองหน้าใหญ่เพียงนั้น?”
“อย่างนั้น อย่างนั้นพวกเราพักที่ใด ท่านโหวส่งคนมาเมืองหลวง จะไม่มการซื้อจวนในเมืองหลวงก่อนหรือ”
นายท่านรองตระกูลเยียนก็ฉงน
ตระกูลเยียนไม่มีจวนในเมืองหลวง จะพักอย่างไร
หรือว่าคนทั้งตระกูลพักโรงเตี๊ยมหรือ
พูดออกไปคงขายหน้าแย่
เขาพูด “ข้าไปถามตู้ซินแส”
…
ขบวนรถของตระกูลเยียนเดินทางเข้าเมืองหลวงในที่สุด
เมื่อเข้าใกล้ปีใหม่ ความมั่งคั่งคึกคักของเมืองหลวงมากกว่าแคว้นซ่างกู่ ทำให้คนเปิดโลกทัศน์
เยียนอวิ๋นฉวนเดินทางมาต้อนรับที่ประตูเมืองด้วยตนเอง เมื่อรับคนมาแล้ว เขาก็นำทุกคนไปพักในจวนที่ซื้อใหม่ในเมือง
เงินที่ซื้อจวน เยียนอวิ๋นเพ่ยยังออกห้าพันก้วน
สองสามีภรรยาบ้านรอง รวมทั้งบ่าวรับใช้จากบ้านรองล้วนพักอยู่ในจวนใหม่
จวนหลังนี้จัดซื้อให้เพื่อบ้านรองโดยเฉพาะ
นายท่านรองตระกูลเยียนมองบ้านใหม่ เห็นได้ชัดว่าไม่มีคนอยู่ แต่ว่าเครื่องเรือนครบครัน
เขาถาม “ไม่รู้ว่าอวิ๋นฉวนเจ้าพักที่ใด”
เยียนอวิ๋นฉวนโน้มตัวเล็กน้อย “เรียนท่านลุงสอง ข้าพักในจวนที่ห่างจากตรงนี้สองตรอก เล็กกว่าจวนของท่านลุงรองเล็กน้อย”
“อ่อ! หมายความว่าเจ้าไม่ได้พักในจวนองค์หญิง?”
“ใช่ขอรับ!”
“พี่สะใภ้ไม่ควรทำเช่นนี้ นางไม่ให้พวกเราพักในจวนองค์หญิง ข้าเข้าใจได้ เพราะอย่างไรพวกเราก็แยกจวนกันแล้ว แต่ไม่ให้เจ้าพักจวนองค์หญิงคงไม่สมเหตุสมผล เจ้าเป็นบุตรชายคนโตของจวนโหว สมควรพักในจวนองค์หญิง”
ใบหน้าของเยียนอวิ๋นฉวนยังคงมีรอยยิ้ม “ขอบคุณท่านลุงสองคิดแทนข้า แต่ข้าชอบพักในจวนหลังนั้น ทำงานสะดวก”
นายท่านรองตระกูลเยียนหัวเราะ เจ้าเด็กน้อย อวดอ้างทั้งที่ตนไม่มี
หากพักในจวนองค์หญิงได้ ผู้ใดยอมพักจวนด้านนอก
เขาไม่อยากเปิดโปงเยียนอวิ๋นฉวน
มาถึงเมืองหลวง อาจคาดหวังกับเซียวฮูหยินผู้เป็นพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้ ทำได้เพียงคาดหวังเยียนอวิ๋นฉวนที่เดินทางมาถึงก่อนพวกเขาครึ่งปี
เขาพูด “อวิ๋นฉวน ระยะนี้เหน็ดเหนื่อยเจ้าจัดการแทนพวกเราแล้ว วันนี้พึ่งปักหลักลง ทุกหนแห่งยังไม่เข้าที่ พรุ่งนี้…พรุ่งนี้เจ้ามา พวกเราลุงหลานดื่มกันสักแก้ว”
“ขอบคุณท่านลุงสองเชื้อเชิญ! พรุ่งนี้ข้ามีนัดหมายแล้ว เกรงว่าจะหาเวลาไม่ได้ เอาอย่างนั้น ห้าวันหลัง ห้าวันหลังข้าเชิญท่านลุงสองท่านป้าสองดื่มสุรา เมื่อถึงเวลาเรียกน้องอวิ๋นเพ่ยมาด้วย”
“อ่อ เจ้าไปมาหาสู่กับอวิ๋นเพ่ยเป็นประจำหรือ” นายท่านรองตระกูลเยียนสนใจอย่างมาก
เยียนอวิ๋นฉวนพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ปิดบังท่านลุงสอง ข้ากับนายน้อยใหญ่ตระกูลหลิงไปมาหาสู่กันเป็นประจำ”
มีความสามารถ!
นายท่านรองตระกูลเยียนตบไหล่ของเยียนอวิ๋นฉวน “ไม่เลว ไม่เลว รู้ว่าเจ้ามีความสามารถ หากพูดเช่นนี้ งานในเมืองหลวงของเจ้าก็มีแนวโน้มแล้ว”
เยียนอวิ๋นฉวนยังคงยิ้ม พูดอย่างถ่อมตน “เรื่องงานไม่สำคัญ ตระกูลเยียนของพวกเราเป็นตระกูลแม่ทัพ การนำทหารออกรบเหมาะสมกับข้ายิ่งกว่า”
นายท่านรองตระกูลเยียนเลิกคิ้วยิ้ม “ข้าเข้าใจ…ข้าเข้าใจ เจ้าเป็นบุตรชายคนโตของจวนโหว ท่านโหวคาดหวังกับเจ้ามาก เจ้าพูดถูก ในฐานะบุตรชายคนโต สมควรให้ความสำคัญกับอำนาจทหารมากกว่า เรื่องงานในราชสำนักเป็นเพียงเครื่องมือสนับสนุน ไม่อาจทิ้งรากฐานได้”
“ท่านลุงสองพูดถูก! ข้าต้องพาน้องสามไปแล้ว วันอื่นข้ามาหาท่านลุงสองใหม่”
“ไปเถิด! วันพรุ่งนี้ข้าก็ต้องไปจวนองค์หญิงพบพี่สะใภ้ใหญ่ ข้าต้องบอกพี่สะใภ้ใหญ่ เจ้าเป็นบุตรชายคนโตของจวนโหว ไม่อาจให้เจ้าพักด้านนอกต่อไปได้ ต้องพักเข้าไปในจวนองค์หญิง”
เยียนอวิ๋นฉวนเหนื่อยใจอย่างมาก
แต่เขายังคงยิ้ม “ขอบคุณท่านลุงสองคำนึงแทนข้า! เรื่องข้าข้าไม่รบกวนให้ท่านลุงสองต้องกังวล พักด้านนอกสะดวกมากจริงๆ เวลานี้ยังไม่อยากย้ายเข้าไปในจวนองค์หญิง”
นายท่านรองตระกูลเยียนผงะ ก่อนจะหัวเราะออกมา “ได้ๆ ข้าไม่ยุ่งแล้ว”
ส่งเยียนอวิ๋นฉวนจากไป นายท่านรองตระกูลเยียนนอนลงบนเตียงหลัวฮั่น สบายตัว
เขาพูดกับซุนฮูหยิน “พี่สะใภ้โหดนัก ให้เยียนอวิ๋นฉวนพักด้านนอก ทางจวนองค์หญิง เยียนอวิ๋นฉวนไม่อาจแทรกแซงได้แม้แต่น้อย”
ซุนฮูหยินรีบถาม “ท่านว่าเรื่องนี้ ท่านโหวรู้หรือไม่”
“ท่านโหวย่อมรู้ แต่ท่านโหวไม่พูด เห็นได้ชัดว่าเขาเห็นด้วยกับการกระทำของพี่สะใภ้ใหญ่ อย่างไรที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง คำพูดของท่านโหวไม่มีประโยชน์เท่าที่สะใภ้ใหญ่”
นายท่านรองตระกูลเยียนยิ้มเสียดสี ก่อนจะถอนหายใจ
“เจ้าเห็นท่าทีของพี่สะใภ้ใหญ่แล้ว วันนี้พวกเราเดินทางมาถึงเมืองหลวง นางอย่าว่าแต่ออกหน้า แม้แต่ก่วนเจียนยังไม่ส่งมา ทุกเรื่องล้วนให้เยียนอวิ๋นฉวนรับหน้า ดังนั้นวันต่อไป เจ้าอย่าหวังพึ่งพี่สะใภ้ใหญ่ คนเดียวที่หวังพึ่งได้มีเพียงวิ๋นเพ่ย อวิ๋นเพ่ยแต่งเข้าตระกูลหลิงสองปีแล้ว เวลานี้อยู่ห่างจากแม่สามี พักอยู่ในเมืองหลวง เรือนหลังของตระกูลหลิงในเมืองหลวงสมควรให้นางจัดการ”
นายท่านรองตระกูลเยียนพูดถึงตรงนี้ก็ได้ใจเล็กน้อย
ตอนนั้นยืนกรานให้บุตรสาวแต่งเข้าตระกูลหลิงเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว
ซุนฮูหยินไม่ได้มองโลกในแง่ดีเหมือนนายท่านรองตระกูลเยียนอย่างหาได้ยาก
“อวิ๋นเพ่ยแต่งเข้าตระกูลหลิงสองปีแล้ว ท้องยังไม่มีการเคลื่อนไหว ข้ากังวลใจ! เวลานี้เรื่องที่สำคัญไม่ใช่การดูแลเรื่องในจวน หากแต่ให้กำเนิดบุตรชายคนโตให้บุตรเขย หากให้ภรรยาลองชิงหน้าไปก่อน จะทำอย่างไร”
นายท่านรองตระกูลเยียนโกบกมือ ไม่กังวลแม้แต่น้อย “ตระกูลหลิงกฎระเบียบเข้มงวด ก่อนที่บุตรชายคนโตกำเนิด ไม่มีทางให้บุตรชายจากภรรยารองกำเนิดออกมา”
“แต่หากอวิ๋นเพ่ยไม่มีข่าวคราวสามห้าปี ตระกูลหลิงยังจะยืนกรานรอนางให้กำเนิดบุตรอีกหรือ”
“นี่…”
นายท่านรองตระกูลเยียนอึ้ง หลังจากนั้นพูดถึง “อีกสองวันเจ้าไปเยี่ยมอวิ๋นเพ่ย ถามสถานการณ์จากนาง นางขัดแย้งกับบุตรเขยหรือไม่ ไม่ว่าอย่างไร นางต้องรีบให้กำเนิดบุตร”
ซุนฮูหยินกรอกตาใส่เขา “เรื่องนี้ไม่ต้องให้ท่าเตือน ข้ารู้ดีแก่ใจ ครานี้มาเมืองหลวง ไม่ว่าอย่างไรต้องรออวิ๋นเพ่ยมีครรภ์ ข้าถึงจะกลับไป”
“ไม่ได้! ข้ารับปากท่านโหว ก่อนการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงต้องกลับไป”
“จะกลับท่านกลับเอง อวิ๋นเพ่ยไม่ตั้งครรภ์หนึ่งวัน ข้าไม่ไปหนึ่งวัน”
“เหลวไหล! เจ้ายังอยากพบบุตรสาวอยู่หรือไม่ หากทำให้ท่านโหวดโกรธ จะมีประโยชน์อันใดกับเจ้า”
“แต่หากอวิ๋นเพ่ยไม่ตั้งครรภ์…”
“ถึงแม้อวิ๋นเพ่ยจะไม่ตั้งครรภ์ เจ้าก็ต้องกลับไปกับข้า หากเจ้ายังอยากมีโอกาสพบหน้าบุตรสาวครั้งต่อไปก็อย่าเหลวไหล หากท่านโหวไม่เอ่ยปาก ข้าบอกเจ้า อย่าว่าแต่แคว้นซ่างกู่ แม้แต่ตระกูลเยียนเจ้ายังก้าวออกไปไม่ได้”
ซุนฮูหยินทำหน้าหดหู่ “แบ่งจวนมานานหลายปี พวกเรายังต้องอาศัยจวนโหวในการใช้ชีวิต เมื่อใดจะสิ้นสุด”
นายท่านรองตระกูลเยียนถลึงตา “เจ้าพูดเหลวไหลอันใด! ถึงแม้จะแยกจวน แต่ทุกคนยังเป็นตระกูลเดียวกัน ท่านโหวเป็นแกนหลักของตระกูล ไม่มีท่านโหว ไม่มีโจวโหว พวกเราเป็นผู้ใด ผู้ใดจะมองพวกเรา เจ้าลองคิดให้ดี”
ซุนฮูหยินพูดเบาๆ “ข้าแค่บ่นเท่านั้น”
“คำพูดเช่นนี้ อย่าได้พูดอีก ระวังส่งไปถึงหูของท่านโหวและพี่สะใภ้ใหญ่”
“ท่านต้องกลัวพี่สะใภ้ใหญ่เพียงนั้นหรือ”
เมื่อพูดถึงเซียวฮูหยิน ซุนฮูหยินก็มีความมั่นใจขึ้นมาทันที
ในฐานะภรรยาหลวง เซียวฮูหยินไม่อาจเทียบได้แม้แต่ภรรยารอง เหอะๆ ช่างทำให้คนดูถูกเสียจริง
นายท่านรองตระกูลเยียนกรอกตา “บอกว่าเจ้าผมยาวแต่วิสัยทัศน์สั้น เจ้ายังเถียงข้า ที่นี่เป็นเมืองหลวง ไม่ใช่จวนโหว ตอนอยู่ในจวนโหว พี่สะใภ้ใหญ่เห็นแก่หน้าท่านโหว อดทนกับเฉินฮูหยิน เวลานี้ตัวอยู่เมืองหลวง เจ้าดูพี่สะใภ้ใหญ่จะอดทนกับผู้ใด แม้แต่เยียนอวิ๋นฉวนนางยังไล่ให้ไปอยู่ด้านนอก หากนางรู้ว่าเจ้าพูดเหลวไหล เจ้าดูว่านางจะยอมเจ้าหรือไม่”
ซุนฮูหยินส่งเสียงไม่พอใจ “พี่สะใภ้ใหญ่ก็แค่รังแกที่พวกเรามาไกล ไม่เหมือนนางที่เติบโตในเมืองหลวง อีกทั้งยังมีญาติจำนวนมาก”
“มีความสามารถ เจ้าก็เป็นญาติกับฮ่องเต้สิ!”
“หากข้าเป็นญาติกับฮ่องเต้ ข้าจะนั่งฟังท่านบ่นตรงนี้?”
สองสามีภรรยาต่างแขวะกัน ล้วนแสดงท่าทางรังเกียจ สมกับเป็นสามีภรรยา
“เยียนอวิ๋นจือพักที่ใด” ซุนฮูหยินนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้
นายท่านรองตระกูลเยียนพูด “คงจะพักในจวนกับเยียนอวิ๋นฉวนกระมัง!”
สุดท้าย เมื่อรอถึงวันที่สอง สองสามีภรรยาเดินทางไปเยือนจวนองค์หญิง พบว่าเยียนอวิ๋นจือพักเข้าไปในจวนองค์หญิงก็ต่างตกใจ
“เหตุใดเยียนอวิ๋นจือพักเข้าในจวนองค์หญิงได้”
“เยียนอวิ๋นฉวนยังไม่มีสิทธิพักจวนองค์หญิง แต่เยียนอวิ๋นจือกลับพักเข้ามา พี่สะใภ้ใหญ่มีจุดประสงค์ใด”
“จวนองค์หญิงขนาดใหญ่ เด็กยังพักได้ พวกเรากลับพักไม่ได้ ไร้เหตุผล!”
“พี่สะใภ้ใหญ่ทำสิ่งใดตามใจตัวเองเสียจริง ไม่มีกฎระเบียบแม้แต่น้อย”
สองสามีภรรยาบ่นไปเรื่อยเปื่อย
เซียวฮูหยินมองมา “พวกเจ้าสองคนไม่พอใจข้าหรือ”