คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 123 ตัวละครเข้าสิง
ตอนที่ 123 ตัวละครเข้าสิง
ในวันที่อากาศสดใส ซุนฮูหยินพาเยียนอวิ๋นเพ่ยนำของขวัญมากมายมาเยือนจวนท่านหญิง
สีหน้าของเซียวฮูหยินเรียบเฉย
นางไม่ชอบแม่ลูกบ้านรอง คิดเพียงแค่รับรองสักพักก่อนจะหาข้ออ้างส่งคนจากไป
ซุนฮูหยินเหมือนกับมองความคิดของนางออก หลังจากนั่งลง นางก็ไม่ได้พูดพล่ามทำเพลงเรื่องอื่น หากแต่พูดตรงประเด็นในทันที
“อากาศนับวันยิ่งร้อนขึ้น ข้ากับนายท่านใกล้จะเดินทางกลับจวนแล้ว เรื่องอื่นก็แล้วไป มีเพียงไม่วางใจอวิ๋นเพ่ย อวิ๋นเพ่ยเป็นเด็กซื่อ ยอมทนลำบากในตระกูลหลิงโดยไม่บ่นสักคำ”
เซียวฮูหยินเลิกคิ้ว “ประเพณีของตระกูลหลิงให้ความสำคัญกับหลักและรอง ไม่รู้อวิ๋นเพ่ยได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างไร จึงบังเกิดความไม่พอใจ หรือนางจะได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดีในตระกูลหลิง”
เยียนอวิ๋นเพ่ยกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ แต่ซุนฮูหยินจับแขนนางเอาไว้ ไม่ให้นางเปิดปาก
“พี่สะใภ้พูดเล่นแล้ว การออกเรือนไปเป็นสะใภ้ของผู้อื่นจะได้รับความเป็นธรรมตลอดได้อย่างไร พี่สะใภ้ควรจะรู้เรื่องนี้ดี”
ซุนฮูหยินยิ้มอย่างมีนัย
เซียวฮูหยินหัวเราะออกมา “น้องสะใภ้รองพูดถูก ข้ารู้ดีอย่างมาก ผู้ใดให้ประเพณีของตระกูลเยียนไม่เที่ยง ไม่แบ่งแยกหลักรอง”
ซุนฮูหยินผงะ กล่าวตำหนิตระกูลสามีต่อหน้าสะใภ้อย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้…เซียวฮูหยินไร้ความเกรงกลัวแม้แต่น้อยเสียจริง
นางยิ้มเก้อ “พี่สะใภ้เป็นคนตรงไปตรงมา อยากพูดสิ่งใดก็พูด อยากทำเรื่องใดก็ทำ เฮ้อ ข้าคงไม่อาจเทียบพี่สะใภ้ได้ หากได้รับความไม่เป็นธรรมก็ทำได้เพียงกลืนลงท้อง จะว่าไปแล้ว รอพวกเรากลับไป อวิ๋นเพ่ยยังต้องให้พี่สะใภ้ช่วยดูแล”
เซียวฮูหยินพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่รู้ว่าต้องดูแลอย่างไร”
ซุนฮูหยินรีบพูด “หากพี่สะใภ้มีเวลาว่าง ให้คนส่งจดหมายเทียบเชิญให้อวิ๋นเพ่ยมาที่จวนท่านหญิงบ้าง เมื่อเป็นเช่นนี้ ตระกูลหลิงรู้ว่าตระกูลเยียนให้ความสำคัญกับอวิ๋นเพ่ย พวกเขาย่อมไม่กล้าดูถูกนาง”
เซียวฮูหยินมองไปทางเยียนอวิ๋นเพ่ย “อวิ๋นเพ่ย หลิงฉางเฟิงดูถูกเจ้าหรือไม่ หรือมีคนของตระกูลหลิงไม่เคารพเจ้าหรือ”
เยียนอวิ๋นเพ่ยตะกุกตะกัก คำถามนี้จะให้นางตอบอย่างไร
นางทำได้เพียงขอความช่วยเหลือ
ซุนฮูหยินกระแอมไอเบาๆ “พี่สะใภ้เพียงแค่ช่วยเหลือ เชิญให้อวิ๋นเพ่ยมานั่งในจวน เหตุใดต้องเซ้าซี้ถึงสาเหตุ…”
“คำพูดของน้องสะใภ้รองไม่ถูกต้อง หากข้าไม่รู้สถานการณ์ของอวิ๋นเพ่ยในตระกูลหลิง ข้าจะช่วยเหลือนางได้อย่างไร หากนางมีชีวิตที่ดีในตระกูลหลิง แต่ข้ากลับเข้าใจว่านางมีชีวิตที่ไม่ดี จากนั้นช่วยเหลือนางโดยพลการ สุดท้ายย่อมทำให้ตระกูลหลิงขุ่นเคือง เดือดร้อนอวิ๋นเพ่ย น้องสะใภ้รองไม่ยอมพูดความจริง แต่กลับให้ข้าดูแลอวิ๋นเพ่ย ช่างไม่เหมาะสมยิ่งนัก”
ท่าทีของเซียวฮูหยินแข็งกร้าว
คิดจะใช้เพียงประโยคเดียวกับความสัมพันธ์ของสะใภ้ในตระกูลให้นางดูแลเยียนอวิ๋นเพ่ย หน้าใหญ่เสียจริง
เรื่องความแค้นก่อนหน้านี้จะลืมเลือนอย่างง่ายดายได้อย่างไร
แม้จะบอกว่านางใจแคบ นางก็ยอมรับ
นางต้องการคิดบัญชี!
ใช้ความดีตอบแทนความแค้น แล้วจะใช้สิ่งใดตอบแทนความดี
ซุนฮูหยินขมวดคิ้ว เกิดโทสะขึ้นในใจ แต่นางก็ไม่อาจปะทุได้
อย่างไรแล้วนางต้องการขอความช่วยเหลืออีกฝ่าย
“ความผิดของข้าที่ไม่ได้พูดให้กระจ่าง ข้าแค่อยากขอให้พี่สะใภ้เรียกอวิ๋นเพ่ยมานั่งในจวนยามว่าง ส่วนทางตระกูลหลิง พี่สะใภ้ไม่ต้องกังวล”
เซียวฮูหยินยิ้ม “ข้าชอบความสงบ ไม่ชอบถูกคนรบกวน อีกทั้งมีงานมากมาย เวลาว่างมีน้อยนัก อวิ๋นเพ่ยอยากมานั่งในจวนท่านหญิง เกรงว่าปีหนึ่งก็คงไม่มีโอกาส น้องสะใภ้อย่าได้คาดหวังกับข้าเลย”
นี่ๆๆ …
นางปฏิเสธอย่างเด็ดขาดเช่นนี้ ทำให้ซุนฮูหยินผงะไปทันที
“เหตุใดพี่สะใภ้จึงเย็นชา ไร้เยื่อใยเพียงนี้” นางน้อยใจ นางลดตัวลงมาแล้ว เซียวฮูหยินยังต้องการสิ่งใดอีก
เซียวฮูหยินเลิกคิ้ว “ข้าเพียงแค่พูดความจริง น้องสะใภ้อย่าโทษว่าข้าไร้เยื่อใย คนดีช่างอยู่ยาก ข้าสามารถรับปากน้องสะใภ้แบบขอไปที แต่เมื่อน้องสะใภ้จากไป ก็ปล่อยอวิ๋นเพ่ยเอาไว้ ไม่รู้วิธีใดทำให้น้องสะใภ้ยอมรับได้ง่ายขึ้น”
ซุนฮูหยินหมดอารมณ์ในที่สุด
“พี่สะใภ้ช่างเจรจายากเสียจริง! ไม่รู้ว่าข้าทำให้พี่สะใภ้โกรธเรื่องใด จนทำให้พี่สะใภ้ไม่พอใจข้าอย่างไม่ปิดบัง แม้แต่เยื่อใยแห่งความเป็นญาติยังไม่เหลือไว้ให้”
นางซับน้ำตา พลันร้องทุกข์
เซียวฮูหยินโกรธจนหัวเราะออกมา นางวางแก้วชาลง พลันพูด “ข้ารู้จักกับน้องสะใภ้มาสิบยี่สิบปี ไม่รู้ว่าระหว่างพวกเรามีเยื่อใยใดให้พูดถึง”
“พวกเราเป็นสะใภ้จะไม่มีเยื่อใยเชียวหรือ”
“ข้าคิดว่าพี่สะใภ้ใหญ่ที่แท้จริงในใจของน้องสะใภ้คงจะเป็นเฉินฮูหยินเสียมากกว่า”
เซียวฮูหยินมองนางพลันยิ้มอย่างมีนัย
ซุนฮูหยินอับอาย พลันร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง “ข้ารู้แล้ว พี่สะใภ้โทษข้าที่สนิทกับเฉินฮูหยินจนละเลยท่าน ข้าก็ไร้หนทางเช่นเดียวกัน…”
เซียวฮูหยินพูดขัดนาง “น้องสะใภ้รองไม่จำเป็นต้องร้องไห้ เจ้าอยากสนิทกับผู้ใด ข้าไม่สนใจ อีกทั้งไม่เกี่ยวกับข้า ข้าเพียงแค่เตือนเจ้า อย่าคิดว่าเจ้าเป็นทั้งดำทั้งขาว เจ้าอยากทำสิ่งใดย่อมทำได้ บนโลกนี้ไม่มีเรื่องที่ง่ายเพียงนี้”
ไม่ฟัง ไม่ฟัง นางไม่ฟัง
ซุนฮูหยินร้องไห้ต่อ “ท่านต้องการให้ข้าทำอย่างไรจึงจะให้อภัยข้า จึงจะยอมดูแลอวิ๋นเพ่ย”
เซียวฮูหยินอยากหัวเราะ ที่แท้นางพูดมาขนาดนี้แล้ว อีกฝ่ายกลับฟังไม่เข้าใจแม้แต่น้อย
“อวิ๋นเพ่ยมีชีวิตที่ไม่ดีในตระกูลหลิงหรือ นางมีแม่สามีและสาวรับใช้ดูแล มีเงินเดือน เหตุใดต้องให้ข้าดูแล น้องสะใภ้อย่าทำให้ข้าลำบากใจ ทุกคนอยู่ห่างกันไม่ดีหรือ”
“พี่สะใภ้ใหญ่ไม่สนใจเยื่อใยของคนในตระกูลหรือ” ซุนฮูหยินเงยหน้าขึ้นซักถาม
สีหน้าของเซียวฮูหยินดำทะมึน สายตาแหลมคม
ซุนฮูหยินดึงเยียนอวิ๋นเพ่ย “คุกเข่าลง! เจ้าคุกเข่าให้ท่านแม่ของเจ้า!”
เยียนอวิ๋นเพ่ยทำหน้าฉงน
ซุนฮูหยินไม่สนใจ บังคับให้เยียนอวิ๋นเพ่ยคุกเข่าลง
จากนั้นพูดอย่างหนักแน่น “พี่สะใภ้อย่าลืม อวิ๋นเพ่ยถูกรับเลี้ยงเป็นบุตรสาวของท่านแล้ว มารดาดูแลบุตรสาวเป็นเรื่องสมเหตุสมผล”
เซียวฮูหยินหัวเราะ “น้องสะใภ้จะเล่นลูกไม้อย่างหน้าด้านๆ หรือ ทุกคนต่างรู้ดี การรับเลี้ยงเป็นแค่แผนการเพื่อผลประโยชน์ นอกจากตระกูลหลิงแล้ว ไม่มีผู้ใดในตระกูลเยียนคิดว่าเป็นเรื่องจริง อวิ๋นเพ่ยเป็นบุตรสาวของเจ้า เจ้าสมควรดูแล น้องสะใภ้อย่าได้ผลักภาระ อีกอย่าง บุตรสาวที่ออกเรือนไปย่อมเหมือนกับน้ำที่ถูกสาดออกไป ไม่ดูแลนางแล้วอย่างไร”
เยียนอวิ๋นเพ่ยถูกบังคับให้คุกเข่าอยู่บนพื้น ทั้งทำตัวไม่ถูกทั้งอับอาย
นางร้องไห้ออกมา “ท่านแม่ ท่านอย่าทำให้ฮูหยินลำบากใจเลย ข้าอยู่ดีในตระกูลหลิง…”
“ดีอันใดกัน แต่งเข้าตระกูลหลิงสองปีกว่า ท้องยังไม่มีการเคลื่อนไหว นี่เรียกว่าดีหรือ”
ซุนฮูหยินเปิดโปงจุดอ่อนของอีกฝ่ายภายใต้ความโกรธ
เยียนอวิ๋นเพ่ยทนรับไม่ได้ นางเป็นคนที่รักเกียรติของตนเอง ดังนั้นนางจึงสะบัดแขนของซุนฮูหยินออก แล้ววิ่งจากไป
ซุนฮูหยินโกรธจนกระทืบเท้า โกรธที่เยียนอวิ๋นเพ่ยไม่เอาไหน
นางไม่เชื่อ หากเยียนอวิ๋นเพ่ยคุกเข่าก้มกราบอยู่บนพื้น เซียวฮูหยินจะยังใจแข็งอยู่ได้
สุดท้ายนางไม่ให้ความร่วมมือแม้แต่น้อย
น่าโมโหยิ่งนัก!
…
เยียนอวิ๋นเพ่ยวิ่งออกจากห้องโถง นางรู้สึกเสียทั้งหน้าเสียทั้งเกียรติ อยากจะหารูมุดเข้าไป
นางวิ่งมาจนถึงสวนดอกไม้ด้านหลังอย่างเหม่อลอย เห็นเยียนอวิ๋นเกอกำลังนั่งตกปลาในศาลา เยียนอวิ๋นจือนั่งอ่านตำราอยู่ด้านข้าง
พี่น้องทั้งสองช่างว่างเสียจริง!
เยียนอวิ๋นจือกำเนิดจากอนุภรรยา แต่ชีวิตดีกว่านาง เกิดอยู่ในจวนโหว มารดาผู้ให้กำเนิดก็ได้รับความโปรดปราน
ส่วนนาง ถึงแม้จะกำเนิดจากภรรยาเอก แต่ในสายตาของผู้อื่น นางเป็นแค่คุณหนูตระกูลเยียน ไม่ใช่คุณหนูแห่งจวนโหว
ถึงแม้ตระกูลเยียนกับจวนโหวจะดูเหมือนเป็นหนึ่งเดียว แต่แท้จริงแล้วแบ่งแยกอย่างชัดเจน
หากนางกำเนิดจากเซียวฮูหยิน นางย่อมไม่จำเป็นต้องทนรับความไม่เป็นธรรมในตระกูลหลิง ทำให้ตนเองลำบากยากเข็ญเพียงนี้
นางเดินมาถึงศาลาอย่างไม่รู้ตัว
เยียนอวิ๋นเกอกวาดตามองนาง ไม่พูดสิ่งใด
เยียนอวิ๋นจือวางตำราในมือลง ขอความเห็นจากเยียนอวิ๋นเกอก่อนจะเอ่ยทักทาย “พี่อวิ๋นเพ่ยไม่อยู่ดื่มชาในห้องโถง เหตุใดจึงเดินเล่นมาถึงสวนดอกไม้ เรื่องที่ต้องเจรจาเสร็จแล้วหรือ”
เยียนอวิ๋นเพ่ยนั่งลงบนม้าหิน ยิ้มอย่างฝืนใจ รอยยิ้มของนางโศกเศร้าอย่างมาก
นางพูด “ข้าอิจฉาน้องทั้งสองเหลือเกิน”
เยียนอวิ๋นจือมองนางด้วยสีหน้าประหลาดใจ “เหตุใดพี่อวิ๋นเพ่ยจึงอิจฉาพวกข้า ท่านแต่งเข้าตระกูลหลิงไปเป็นนายหญิงน้อย รู้หรือไม่ว่ามีคนมากมายอิจฉาท่าน ทุกครั้งที่มีงานเลี้ยง ท่านล้วนกลายเป็นเป้าหมายถกเถียงของทุกคน”
เยียนอวิ๋นเพ่ยยิ้มขมขื่น “น้องอวิ๋นจือ เจ้าคิดว่าข้าแต่งได้ดีหรือ”
เยียนอวิ๋นจือพูดอย่างตรงไปตรงมา “ตระกูลหลิงเป็นตระกูลใหญ่ที่มีน้อยบนแผ่นดิน คนมากมายต้องการแต่งเข้าตระกูลหลิงแต่ก็ไม่มีโอกาส พี่อวิ๋นเพ่ยสามารถแต่งเข้าตระกูลหลิงได้ ไม่รู้มีคนอิจฉามากน้อยเพียงใด มิฉะนั้น ตอนนั้นท่านคงไม่พยายามวางแผนแย่งชิงงานสมรสนี้”
เยียนอวิ๋นจือมีความสามารถในการพูดจา เพียงแค่เปิดปากก็เปิดแผลของเยียนอวิ๋นเพ่ย
เหตุใดเยียนอวิ๋นเพ่ยจึงไร้ความมั่นใจ เหตุใดหลิงฉางเฟิงจึงไม่ปิดบังอารมณ์ที่มีต่อนาง ไม่ใช่เพราะว่างานสมรสนี้ได้มาอย่างไม่ถูกต้องหรือ
งานสมรสที่ได้มาจากกลอุบายต่ำทราม อย่างไรก็ทำให้คนดูถูก
เยียนอวิ๋นเพ่ยกัดฟัน นางค้อนเยียนอวิ๋นจือ “น้องอวิ๋นจือ เจ้าก็อิจฉาข้าหรือ”
เยียนอวิ๋นจือร้อนตัวเล็กน้อย นางเหลือบมองเยียนอวิ๋นเกอ เห็นอีกฝ่ายไม่ได้สนใจตนเองจึงแอบโล่งใจ
นางพูดเสียงเบา “ทุกคนต่างมีวาสนาของตนเอง เรื่องบางเรื่องอิจฉาก็ไม่ได้สิ่งใดกลับมา”
อันที่จริงในใจของนางอิจฉาเยียนอวิ๋นเพ่ยอย่างมาก
ไม่ว่าผู้ใดก็อยากแต่งเข้าตระกูลใหญ่ กลายเป็นคนที่ถูกอิจฉา
นางมักจะครุ่นคิดอยู่เสมอ โชคของเยียนอวิ๋นเพ่ยดีเกินไปหรือไม่ สถานการณ์เช่นนั้นยังสามารถแต่งกับหลิงฉางเฟิงได้ เรียกได้ว่าครบครันไปด้วยเวลา สถานที่และบุคคล
หากเป็นเวลาอื่น เกรงว่าเยียนอวิ๋นเพ่ยคงไม่อาจสมหวังได้ อย่างมากก็เป็นได้แค่อนุภรรยา
อับอายขายหน้า!
เยียนอวิ๋นเพ่ยย่อมฟังน้ำเสียงอิจฉาของเยียนอวิ๋นจือออก อารมณ์ของนางดีขึ้นไม่น้อย
“น้องอวิ๋นจืองดงามเพียงนี้ ไม่ว่าจะรูปลักษณ์หรือชาติตระกูลก็ไม่ด้อยไปกว่าผู้ใด เจ้าย่อมได้ออกเรือนกับบุรุษที่ปรารถนาอย่างแน่นอน”
ทุกคนต่างชอบฟังคำเยินยอ
เยียนอวิ๋นจือเผยยิ้มในทันที นางดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้
นางแสร้งถ่อมตัว “พี่อวิ๋นเพ่ยอย่าได้หยอกล้อข้าเลย”
เยียนอวิ๋นเพ่ยพูดอย่างจริงจัง “ข้าไม่ได้หยอกล้อเจ้า แต่จากรูปลักษณ์และชาติตระกูลของเจ้า ใช่ว่าจะแต่งงานกับตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงไม่ได้”
เยียนอวิ๋นจือเบิกตาโต คำพูดนี้ถูกใจนางยิ่งนัก
นางดีใจอย่างมาก แต่ปากกลับปฏิเสธ “พี่อวิ๋นเพ่ยอย่าได้ล้อข้าเล่นเลย ข้าจะมีสิทธิ์แต่งเข้าตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงได้อย่างไร ในสายตาผู้อื่น ข้าเป็นแค่เด็กที่มาจากบ้านนอก ไม่อาจพาออกไปได้”
“น้องอวิ๋นจืออย่าได้ต่อว่าตนเอง ถึงแม้ตระกูลเยียนจะอยู่ห่างไกล แต่ก็ถือเป็นตระกูลใหญ่ที่นับได้ในเวลานี้ เรื่องใหญ่อย่างการสมรสย่อมขึ้นอยู่กับวาสนา ไม่แน่ว่าวันใด วาสนาของน้องอวิ๋นจือก็มาถึงแล้ว”
เยียนอวิ๋นจือได้ยินก็เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม “ไม่ช้าข้าก็จะกลับแคว้นซ่างกู่ ไม่อาจอยู่ในเมืองหลวงต่อได้ เกรงว่าข้าคงรอวาสนาของตนเองมาไม่ถึงแล้ว”
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้” เยียนอวิ๋นเพ่ยแสร้งทำท่าตกใจ
เยียนอวิ๋นเกอกวาดตามองเยียนอวิ๋นเพ่ย ตัวละครเข้าสิงหรือ