คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 125 ฝันสลาย
ตอนที่ 125 ฝันสลาย
แม่ลูกบ้านรองดิ้นรนอยู่ครึ่งวัน ได้กลับมาเพียงความอัดอั้นตันใจ
ซุนฮูหยินยิ่งคิดยิ่งโกรธ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกไม่ควรปล่อยผ่าน
นางเป็นคนที่ไม่ยอมขาดทุน หากให้นางเก็บความอัดอั้นตันใจที่มากมายเพียงนี้ นางย่อมต้องเป็นบ้า
ดังนั้นนางจึงลากเยียนอวิ๋นเพ่ยไปหาเซียวฮูหยิน ทั้งร้องห่มร้องไห้ทั้งคุกเข่าก้มกราบ…
แสดงจิตวิญญาณแห่งความไร้ยางอายอย่างถึงอกถึงใจ
เซียวฮูหยินไม่อดทนอีกต่อไป นางออกคำสั่งในทันที “ไล่พวกนางออกไป!”
บ่าวรับใช้รับคำสั่ง
หญิงชราร่างใหญ่สิบกว่าคนเดินเข้ามาในห้องโถง ฉุดกระชากลากถูแม่ลูกบ้านรองออกจากประตูไป
ซุนฮูหยินตะโกนโหวกเหวก สุดท้ายถูกหญิงชราใช้ผ้าเช็ดโต๊ะผืนหนึ่งอุดปาก เหม็นจนนางเกือบสลบไป
แม่ลูกทั้งสองถูกโยนออกจากจวนท่านหญิง
หญิงชราถ่มน้ำลายใส่พวกนาง “ไม่ส่องกระจกดูว่าตนเองเป็นอย่างไร บังอาจกำเริบเสิบสานต่อหน้าท่านหญิง ไม่คาดโทษว่าพวกเจ้าดูหมิ่นก็ถือว่าให้เกียรติมากแล้ว หากยังกล้าก่อเรื่องอีก พวกเจ้าต้องถูกโบยจนตาย!”
แม่ลูกบ้านรองอับอายขายหน้าอย่างมาก เมื่ออยู่บนรถม้า แม่ลูกทั้งสองจึงมีปากเสียงกันขึ้นมา
เยียนอวิ๋นเพ่ยร้องห่มร้องไห้ โทษซุนฮูหยินที่ทำให้นางขายหน้า
เซียวฮูหยินไม่ยินดีช่วยเหลือดูแลนาง นางก็ไม่บังคับ
เหตุใดจึงต้องอาละวาดดั่งสตรีชั้นต่ำ
สุดท้ายถูกขับไล่ออกมา เสียทั้งหน้าเสียทั้งเกียรติ
“ฮูหยินขุ่นเคืองในเรื่องที่ท่านแม่ทำ ต่อจากนี้หากอยากมาจวนท่านหญิงอีกคงจะยากขึ้นแล้ว!”
ซุนฮูหยินได้ยินจึงโกรธมาก “ข้าทำเพื่อผู้ใด ไม่ใช่เพื่อเจ้าหรือ หากเจ้าเด็ดเดี่ยว ข้าจำเป็นต้องบากหน้ามาอ้อนวอนแทนเจ้าหรือ เหตุใดข้าจึงให้กำเนิดบุตรที่คอยทวงหนี้อย่างเจ้า”
เยียนอวิ๋นเพ่ยสะอึกสะอื้น “ข้าเป็นบุตรที่คอยทวงหนี้! ท่านแม่เกลียดชังข้าเพียงนี้ เหตุใดต้องคิดแทนข้า เรื่องทำไม่สำเร็จ อีกทั้งยังทำให้คนโกรธ สู้ท่านไม่ต้องทำสิ่งใดเหมือนก่อนหน้านี้ อย่างน้อยยังรักษาความเกรงใจได้”
“เวลานี้เจ้าโทษข้า! ตอนที่ข้าลากเจ้าไปอาละวาดที่ห้องโถง เหตุใดเจ้าจึงไม่ปฏิเสธ ตอนที่ก้มกราบอ้อนวอน เหตุใดเจ้าจึงไม่ปฏิเสธ แต่เจ้ากลับเริ่มบ่นเมื่อถูกคนไล่ออกมา เจ้าบังอาจนัก!”
“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านแม่จะอาละวาดหนักเพียงนี้ หากข้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่ไปกับท่าน”
เยียนอวิ๋นเพ่ยร้องไห้หนักกว่าเดิม นางร้องไห้จนตาแดงก่ำ
นางถือผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา ภายในใจเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ซุนฮูหยินโกรธจนหน้ามืด
ผ่านไปสักระยะ นางจึงรู้สึกดีขึ้น
ระยะนี้ เยียนอวิ๋นเพ่ยไม่สังเกตเห็นอาการผิดปกติของนางแม้แต่น้อย
ซุนฮูหยินรู้สึกผิดหวังในทันใด ความโกรธของนางก็หมดไป
นางยิ้มเยาะเย้ยตนเอง “โทษข้าที่บังคับเจ้าไป ข้าคิดได้แล้ว ไม่ว่าเรื่องนี้สำเร็จหรือไม่ เจ้าก็จะโทษข้า หากเรื่องนี้สำเร็จ เจ้าก็จะโทษข้าที่ทำให้เจ้าอับอาย หากเรื่องนี้ไม่สำเร็จ เจ้าก็จะโทษข้าที่ทำให้เจ้าอับอาย ไม่ว่าทำอย่างไร ข้าก็ไม่อาจทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพอใจได้”
เยียนอวิ๋นเพ่ยร้องไห้พลางพูด “ท่านเป็นเช่นนี้อีกแล้ว! ท่านมักจะตำหนิว่าข้าอกตัญญู หากข้าอกตัญญู ข้าจะตามท่านมาจวนท่านหญิงได้อย่างไร”
ซุนฮูหยินโบกมือ “เอาเถิด เอาเถิด ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว”
แม่ลูกทั้งสองจากกันด้วยความโกรธ
พวกนางคิดว่าเรื่องจบเพียงเท่านี้ แต่ไม่คิดว่าเรื่องนี้เพิ่งเริ่มต้นขึ้น
เรื่องที่พวกนางถูกจวนท่านหญิงขับไล่ออกมาไม่อาจปิดบังผู้คนได้
ในคืนวันนั้น หลิงฉางเฟิงก็เกิดปากเสียงขึ้นกับเยียนอวิ๋นเพ่ย เขาชี้หน้าด่านางว่าโง่เขลา อีกทั้งยังบอกว่าต่อจากนี้หากไม่ได้รับอนุญาตจากเขา นางไม่อาจออกจากจวนได้
เยียนอวิ๋นเพ่ยร้องไห้ทั้งคืนจนดวงตาแดงก่ำ ไม่อาจพบผู้คนได้หลายวัน
นายท่านรองตระกูลเยียนก็ทะเลาะกับซุนฮูหยิน
โทษนางที่ทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองเพราะความบุ่มบ่าม
ซุนฮูหยินผิดหวังอย่างมาก นางไร้เรี่ยวแรงที่จะโต้เถียง “ท่านพูดถูก ข้าบุ่มบ่าม เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว ท่านพูดอย่างไรก็ถูก”
นางไม่สนใจว่าจะทำให้ผู้ใดขุ่นเคือง
นางไม่สนใจว่าสามีจะมองนางอย่างไร
นางอยากอยู่คนเดียว!
ดังนั้น นางจึงเก็บตัวเงียบ ไม่สนใจผู้ใดทั้งสิ้น
นายท่านรองตระกูลเยียนคิดว่านางโกรธ จึงไม่พอใจอย่างมาก
ถึงแม้ไม่พอใจ แต่เขาก็ต้องจัดการปัญหาให้ภรรยาและบุตรสาว
เช้าวันรุ่งขึ้น เขาลากเยียนอวิ๋นฉวน พร้อมกับของขวัญเดินทางไปขอโทษที่จวนท่านหญิง
สำหรับนายท่านรองตระกูลเยียน เซียวฮูหยินยังมีความเกรงใจ
อย่างน้อยอีกฝ่ายก็มีเหตุผล
ไม่เหมือนซุนฮูหยินที่อาละวาดในจวนท่านหญิงราวกับหญิงชั้นต่ำ
“พี่สะใภ้ใหญ่ใจกว้าง อย่าได้ถือสาพวกนางแม่ลูกเลย น้องสะใภ้ของท่านไม่มีเจตนาร้าย นางแค่เป็นคนตรงไปตรงมา คิดสิ่งใดพูดสิ่งนั้น หากทำให้ท่านไม่พอใจ ขอท่านโปรดอภัยด้วย”
“ข้ารู้ว่าเมื่อวานนางทำให้พี่สะใภ้โกรธมาก ดังนั้นวันนี้จึงนำของขวัญมาขอโทษ หวังว่าพี่สะใภ้จะเห็นแก่ที่ทุกคนต่างแซ่เยียน ให้อภัยนางเถิด!”
“เวลานี้นางกลัวเสียหน้า อีกสองสามวัน รอนางใจเย็นลง ข้าจะพานางมาขอโทษพี่สะใภ้ด้วยตัวเอง”
นายท่านรองตระกูลเยียนลดตัวอย่างมาก ท่าทางขอโทษก็จริงใจ ช่างลำบากเขาเหลือเกิน
เยียนอวิ๋นฉวนช่วยพูดอีกแรง
เซียวฮูหยินวางแก้วชาลง “หากน้องสะใภ้รองยอมรับผิดด้วยความจริงใจ ข้าย่อมไม่ถือโทษโกรธนาง เพียงแต่อย่าได้มีครั้งต่อไปอีก จวนท่านหญิงไม่ใช่ตลาดที่นางจะมาตะคอกขึ้นเสียงได้”
“ขอบคุณพี่สะใภ้ใหญ่! ขอบคุณพี่สะใภ้ใหญ่!”
นายท่านรองตระกูลเยียนโล่งอก
เส้นสายและอิทธิพลของเซียวฮูหยินในเมืองหลวงทำให้เขาจำเป็นต้องก้มหัว
เซียวฮูหยินที่ห่างจากเยียนโส่วจ้านเปิดเผยความน่าเกรงขามของราชวงศ์อย่างหมดสิ้น
เซียวฮูหยินไม่ได้รั้งให้พวกเขาอยู่ทานอาหาร หากแต่ยกแก้วชาส่งแขก
นายท่านรองตระกูลเยียนทิ้งของขวัญเอาไว้ ก่อนจะขอตัวจากไป
เยียนอวิ๋นฉวนฉวยโอกาสอยู่ต่อโดยใช้ข้ออ้างเยือนอวิ๋นจือ
สำหรับเยียนอวิ๋นฉวน เซียวฮูหยินมีท่าทีเรียบเฉย แต่นางก็ไม่กีดขวางเขา
นางไม่มีอคติต่อเยียนอวิ๋นฉวน บางครั้งยังชื่นชมวิธีการรับมือกับผู้คนของเขาอย่างมาก
แต่เสียดายที่พวกเขาไม่ได้มีเจตนาไปในทิศทางเดียวกัน อยู่ห่างกันย่อมดีต่อทั้งสองฝ่าย
…
เยียนอวิ๋นฉวนมาหาเยียนอวิ๋นจือเพื่อสืบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
เยียนอวิ๋นจือเล่าเรื่องที่ตนเองรู้ทั้งหมด
เมื่อรู้ว่าเยียนอวิ๋นเพ่ยยั่วยุให้น้องสาวของตนเองก่อความวุ่นวาย เยียนอวิ๋นฉวนก็โกรธอย่างมาก
แอบคิดภายในใจ สมควรถูกไล่ออกจากจวนท่านหญิง
เขาพูดกับเยียนอวิ๋นจืออย่างจริงจัง “ต่อจากนี้อยู่ห่างจากเยียนอวิ๋นเพ่ยเอาไว้ อย่าไปมาหาสู่กับนางบ่อย นางไม่ได้หวังดีกับเจ้า”
เยียนอวิ๋นจือก้มหน้า ความคิดตีกันในหัว “แต่บางเรื่องที่นางพูดมีเหตุผลอย่างมาก พี่ใหญ่ ท่านคิดว่าข้าจะแต่งเข้ามาในเมืองหลวงได้หรือไม่”
เยียนอวิ๋นฉวนขมวดคิ้ว “เจ้าอย่าลืม ท่านพ่อมีแผนการเกี่ยวกับงานสมรสของเจ้าแล้ว หากเจ้าก่อเรื่องในเวลานี้ ระวังท่านพ่อลงโทษเจ้า อีกอย่างเจ้าอยากแต่งเข้ามาในเมืองหลวง ผู้ใดจะเป็นแม่สื่อให้เจ้า ถึงแม้ท่านแม่ได้รับความโปรดปราน แต่ในสายตาของผู้อื่น เจ้ากับข้าล้วนกำเนิดจากอนุภรรยา เจ้าคิดว่าตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงจะสู่ขอเจ้าเป็นภรรยาเอกหรือ เจ้าได้แต่ออกเรือนกับชายที่กำเนิดจากอนุภรรยา เจ้ายอมหรือ”
ขอบตาของเยียนอวิ๋นจือเต็มไปด้วยน้ำตา “หรือข้าทำได้เพียงกลับไปสมรสที่บ้านเกิดหรือ”
เยียนอวิ๋นฉวนทำหน้าสุขุม พลันพูด “กลับไปสมรสที่บ้านเกิดไม่ดีอย่างไร มีท่านพ่อ มีท่านแม่ มีท่านลุง อีกทั้งยังมีข้าดูแลเจ้า เจ้าไม่ต้องกังวลว่าจะได้รับความไม่เป็นธรรมในตระกูลของสามี หากเจ้าแต่งเข้ามาในเมืองหลวง เจ้าย่อมต้องเหมือนกับเยียนอวิ๋นเพ่ย ไม่มีผู้ใดช่วยเหลือเมื่อนางไม่ได้รับความเป็นธรรม เจ้ารู้หรือไม่ เหตุใดจนถึงเวลานี้เยียนอวิ๋นเพ่ยยังไม่ตั้งครรภ์”
เยียนอวิ๋นจือส่ายหน้า นางจะรู้ได้อย่างไร
เยียนอวิ๋นฉวนกดเสียงต่ำ “ข้าบอกเจ้าเพียงคนเดียว เจ้าอย่าได้แพร่งพรายออกไป หลิงฉางเฟิงไม่เข้าห้องของเยียนอวิ๋นเพ่ย ดังนั้นนางจึงไม่ตั้งครรภ์”
“ฮะ?”
เยียนอวิ๋นจือปิดปากอย่างรวดเร็ว ดวงตาของนางถลึงโตด้วยความเหลือเชื่อ
เยียนอวิ๋นฉวนส่งเสียงเย้ยหยัน “นี่คือจุดจบของคนที่แย่งชิงคู่ครองที่ไม่ใช่ของตนเอง เจ้าเห็นเพียงนางแต่งเข้าตระกูลหลิง สง่างามอย่างไร้ที่ติ แต่หารู้ไม่ว่านางมักจะน้ำตาอาบหน้าตอนอยู่ในตระกูลหลิง ทั้งชีวิตนี้นางจะมีบุตรของตนเองหรือไม่ยังพูดได้ยาก”
เยียนอวิ๋นจือกลอกตาไปมา อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ “แต่หลิงฉางเฟิงโปรดปรานนางไม่ใช่หรือ มิฉะนั้นตอนนั้นก็คงไม่ก่อเรื่องแบบนั้นตอนที่มาสู่ขอ”
“เจ้าก็พูดว่าตอนนั้น เวลานี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ตอนนั้นพวกเขาทรยศต่อครรลอง ย่อมรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก ต่อมาถูกบังคับให้ครองคู่เป็นสามีภรรยา ย่อมรู้สึกรังเกียจซึ่งกันและกัน น้องหญิง เจ้าอย่าได้เผลอไผลหลงผิด เยียนอวิ๋นเพ่ยเป็นตัวอย่าง เจ้าอย่าได้คิดจะครอบครองคู่ครองที่ไม่ใช่ของตนเอง”
เยียนอวิ๋นฉวนทั้งมองความเป็นจริงทั้งใจเย็น
เยียนอวิ๋นจือกัดริมฝีปาก ภายในใจยังคงไม่อยากปล่อยไป
“ไม่มีโอกาสแต่งเข้าเมืองหลวงจริงหรือ”
เยียนอวิ๋นฉวนส่ายหน้า “ข้าเคยคิดที่จะให้เจ้าแต่งเข้าเมืองหลวง แต่ข้าดูไปดูมา ยังหาคู่ครองที่เหมาะสมกับเจ้าไม่ได้”
เยียนอวิ๋นจือประหลาดใจ นางไม่คิดว่าพี่ใหญ่จะคิดแทนนางแล้ว
แต่นางยังคงไม่อยากปล่อยมือ “ไม่มีคนที่เหมาะสมกับข้าจริงหรือ”
เยียนอวิ๋นฉวนทำหน้าจริงจัง ถาม “เจ้ายอมสมรสกับชายที่กำเนิดจากอนุภรรยาหรือไม่ หากเจ้ายอมย่อมมีคนที่เหมาะสม ข้าสามารถขอให้คนช่วยเป็นแม่สื่อให้”
เยียนอวิ๋นจือทำหน้าลังเล
นางถาม “มีเพียงสมรสกับชายที่กำเนิดจากอนุภรรยาหรือ”
“ใช่ มีเพียงสมรสกับชายที่กำเนิดจากอนุภรรยา”
เยียนอวิ๋นจือร้องไห้ออกมา!
นางใช้แขนเสื้อซับน้ำตาด้วยความน้อยใจอย่างมาก “ข้าคู่ควรกับชายที่กำเนิดจากอนุภรรยาเท่านั้นหรือ”
เยียนอวิ๋นฉวนพูด “หากเจ้ากลับไปหาคู่ครองที่บ้านเกิด มีบุรุษมากมายให้เจ้าเลือก”
จากชาติตระกูลของตระกูลเยียน เจ้าย่อมไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใดในรัฐโยวโจว ไม่มีผู้ใดกล้ากีดขวางเจ้า
เยียนอวิ๋นจือฟุบอยู่บนโต๊ะ ร้องไห้เสียงดัง
เยียนอวิ๋นฉวนถอนหายใจยาว เขารู้ว่าน้องสาวยอมรับชะตากรรมของตนเองแล้ว
เยียนอวิ๋นจือกำลังร้องไห้เพราะฝันที่แตกสลาย กำลังร้องไห้กับชะตากรรมที่หมดหนทาง
แต่ก่อน นางมักคิดว่าชาติตระกูลของตนเองดีมาก
เมื่อเดินทางมาเมืองหลวงถึงได้พบว่า ชาติตระกูลของตนเองต่ำต้อย
ในสายตาของผู้อื่น นางเป็นแค่เด็กเมื่อวานซืนที่มาจากชนบท
แม้แต่บรรดาสตรีในเมืองหลวงยังให้ความสำคัญกับเยียนอวิ๋นเกอมากกว่านาง
ถึงแม้เยียนอวิ๋นเกอจะมีชื่อเสียงไม่ดี นิสัยไม่ดี อีกทั้งไม่สนใจที่จะไปมาหาสู่กับบรรดาสตรีในเมืองหลวง
นางร้องไห้เป็นเวลานาน ร้องไห้จนหายใจไม่ทัน
เมื่อร้องไห้จนเหนื่อย นางก็นอนพักบนเตียง ก่อนจะผล็อยหลับไป
ในห้วงความฝัน นางถึงจะมีโอกาสแต่งเข้าเมืองหลวง แต่งเข้าตระกูลใหญ่ กลายเป็นคนที่ทุกคนต้องอิจฉา