คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 132 หลีกหนีความจริง
ตอนที่ 132 หลีกหนีความจริง
เถาชีจากไป โรคทางใจของเถาฮองเฮาถูกกำจัด
เจี่ยซูเฟยตายแล้ว เถาชีตายแล้ว ระยะนี้ราบรื่นอย่างมาก!
เมื่อนางพบบุตรชายคนเล็ก เซียวเฉิงอี้ นางจึงพูดขึ้น “เถาชีจากไปแล้ว เจ้าก็ไม่เด็กแล้ว เรื่องงานอภิเษกของเจ้าต้องเร่งมือแล้ว”
สีหน้าขององค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้เคร่งเครียด แต่ยังคงนิ่งเงียบ
เถาฮองเฮาไม่พอใจเล็กน้อย “เจ้ามีสิ่งใดจะพูดก็พูดมา”
เซียวเฉิงอี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เสด็จแม่ ข้ามีคำถามที่ซ่อนอยู่ในใจมาเป็นเวลานาน ไม่รู้ควรถามหรือไม่”
“มีคำถามใดเเพียงแค่ถามออกมา”
“เสด็จแม่ทรงคาดการณ์ถึงวันนี้มาก่อนแล้วใช่หรือไม่ คาดการณ์ว่าเถาชีจะตาย”
เซียวเฉิงอี้ถามออกมา
เขาไม่ใช่คนโง่และไร้เดียงสา การจากไปอย่างกะทันหันของเถาชี รวมทั้งเรื่องที่จะถอนหมั้นกับตระกูลเถาที่เสด็จแม่เคยเอ่ยไว้ก่อนหน้านี้ เขาจำเป็นต้องคิดให้มาก
การตายของเถาชีเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด มันกะทันหันเกินไป อีกทั้งเวลาก็พอดีเกินไป
จะมีเรื่องบังเอิญแบบนี้ในโลกได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้น เถาชีเป็นหญิงสาวที่มีสุขภาพแข็งแรงตั้งแต่เด็ก ไม่เคยเป็นโรคภัยไข้เจ็บใดๆ แต่กลับเสียชีวิตอย่างกะทันหัน จะคิดอย่างไรมันก็แปลกประหลาด
สีหน้าของเถาฮองเฮาดำทะมึน สายตาเย็นชา “เจ้าสงสัยข้าหรือ”
เซียวเฉิงอี้ก้มหน้า พลันยิ้มอย่างเศร้าสร้อย “ข้าแค่รู้สึกไม่คุ้มค่าแทนเถาชี นางบริสุทธิ์ ข้าแค่ต้องการรู้ความจริง”
เถาฮองเฮาทำหน้าบึ้ง พูดอย่างจริงการ “การตายของเถาชีไม่เกี่ยวกับข้า ข้าไม่ได้ทำสิ่งใด ไม่ว่าจะพูดอย่างไรเถาชีก็แค่ไร้วาสนา จึงได้เป็นโรคร้ายแรงจนตาย”
เซียวเฉิงอี้ขมวดคิ้ว “เสด็จแม่คิดว่าเถาชีเป็นโรคร้ายแรงจนตายจริงหรือ”
เถาฮองเฮาถามกลับ “หากไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงจนตาย อย่างนั้นเจ้าบอกข้า เถาชีตายอย่างไร”
เซียวเฉิงอี้อ้าปาก เขาก็ไม่รู้ว่าเถาชีตายอย่างไร
เถาฮองเฮาตะหวาดเสียงดัง
“เจ้าช่างบังอาจ! เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนอย่างไร เถาชีเป็นหลานสาวของข้า ข้าโปรดปรานนางเสมอมา ตอนนั้นข้าเป็นคนหมั้นหมายเถาชีกับเจ้าด้วยตัวเอง เวลานี้เจ้ากลับสงสัยว่าข้าทำให้เถาชีตาย เจ้าทำร้ายจิตใจของข้า ทำให้ข้าผิดหวังอย่างมาก
หลายวันนี้ ข้าต้องทนทุกข์ทรมาน นอนไม่หลับแม้แต่น้อย ข้าทำเพื่อผู้ใด สิ่งที่ข้าทำทั้งหมดล้วนทำเพื่อเจ้า ส่วนเจ้ากลับสงสัยเจตนาของข้าเพียงเพราะคนนอกคนเดียว”
เซียวเฉิงอี้แสดงสีหน้ารู้สึกผิด “ข้าผิดไปแล้ว เสด็จแม่โปรดทรงอภัย เพียงแต่เรื่องการตายของเถา ข้าไม่อาจปล่อยมันไปไม่ได้ หากข้าพูดสิ่งใดที่ไม่เหมาะสมก็เป็นเพราะข้ากระวนกระวายใจ”
เถาฮองเฮาส่งเสียงไม่พอใจ “เห็นแก่ที่เจ้ายอมรับผิด ข้าไม่ถือสาเจ้า ชีเถาจากไปแล้ว ข้าก็เสียใจอย่างมาก แต่คนตายไม่อาจฟื้นคืนชีพได้ เจ้าก็ไม่เด็กแล้ว ดังนั้นจึงควรจัดการเรื่องอภิเษกให้เร็วที่สุด หลี่ปิ้งถิงกำลังตั้งครรภ์แล้ว หากนางให้กำเนิดพระราชนัดดาจะไม่เป็นผลดีต่อเจ้า”
เซียวเฉิงอี้กลับพูด “เถาชีเพิ่งจากไป ข้าไม่อยากหารือเรื่องอภิเษกในเวลานี้ รอปีหน้าเถิด ปีหน้าค่อยหารือเรื่องอภิเษก”
“เจ้าเหลวไหล!” เถาฮองเฮาไม่พอใจอย่างมาก
เซียวเฉิงอี้อธิบาย “แม้ว่าข้าจะอภิเษกตอนนี้ก็ไล่ตามเสด็จพี่ใหญ่ไม่ทัน พี่สะใภ้ตั้งครรภ์มาหลายเดือนแล้ว ได้ยินว่าจะคลอดในต้นปีหน้า อย่างไรก็ไล่ตามไม่ทัน เหตุใดจึงต้องรีบร้อนให้คนวิพากย์วิจารณ์ว่าข้าไร้เยื่อใยลับหลัง อีกทั้งเวลานี้ข้าไม่อาจรับสตรีนางใดได้ ขอเสด็จแม่โปรดทรงอภัย ปล่อยให้ข้าเอาแต่ใจสักครั้ง”
เถาฮองเฮาประหลาดใจอย่างมาก
“เจ้ารักเถาชีอย่างนั้นหรือ”
นางไม่อยากจะเชื่อ
นับแต่บุตรชายคนเล็กหมั้นหมายกับเถาชี พวกเขาก็จึงไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กันเพราะต้องหลีกเลี่ยงข้อครหา
เหตุใดจึงเกิดความรักใคร่ขึ้นมาได้
เซียวเฉิงอี้ยิ้มขมขื่น “นับแต่รู้ว่าเถาชีเป็นว่าที่ภรรยาของข้า ข้าก็มีนางอยู่ในใจ เมื่อเวลาผ่านไปยาวนาน ไม่มีความรักก็บังเกิดเป็นความรักได้”
หากไม่เคยลืม ย่อมมีการตอบสนอง
ระลึกถึงคนผู้หนึ่งในทุกวัน อย่างไรย่อมต้องมีความรู้สึกขึ้นมาบ้าง
เวลานี้คนที่ระลึกถึงตายแล้ว หากบอกว่าไม่เสียใจย่อมเป็นการโกหก
เขาต้องการเวลาปรับตัว ต้องค่อยๆ ลืมเลือนคนที่จากไปแล้ว
เถาฮองเฮาผิดหวังอย่างมาก
ในฐานะองค์ชาย ในฐานะมกุฎราชกุมาร หรือแม้กระทั่งจักรพรรดิในอนาคตจะต้องเย็นชาไร้หัวใจ
หากมีความรักหรือความรู้สึกมากเกินไปจะกลายเป็นตัวถ่วง
แต่นางไม่อาจตำหนิบุตรชายคนเล็กได้
เพราะว่าส่วนลึกในใจของนางหวังให้บุตรชายคนเล็กเป็นคนที่มีมโนธรรม
มีมโนธรรมจึงจะมีเยื่อใยและสัมพันธ์ความเป็นแม่ลูก
หากคาดหวังให้ชายไร้หัวใจอย่างบุตชายคนโตเซียวเฉิงเหวินระลึกถึงสัมพันธ์ความเป็นแม่ลูก คงจะเป็นเรื่องที่เพ้อเจ้อ
เถาฮองเฮารู้สึกลำบากใจอย่างมาก!
นางถอนหายใจ “เอาเถิด ตามใจเจ้า รอปีหน้าค่อยหารือเรื่องงานสมรสของเจ้า แต่ว่าข้าจะดูให้เจ้าไว้ก่อน”
“ขอบพระทัยเสด็จแม่ที่ทรงเห็นใจ!”
เซียวเฉิงอี้โล่งใจอย่างเห็นได้ชัด
เขาก็ลำบากใจเช่นกัน
เขาไม่อยากสงสัยเสด็จแม่ แต่เสด็จแม่น่าสงสัยที่สุด
แม้ว่าเสด็จแม้จะอ้างว่าไม่ได้ทำ แต่เขาก็ปล่อยมันไปไม่ได้
เถาชีตายเพราะโรคจริงหรือ
เขาไม่เชื่อ!
ภายในใจมีเสียงหนึ่งบอกกับเขาว่า การตายของเถาชีไม่ง่ายอย่างนั้น นางอาจถูกใครบางคนฆ่า
อย่างไรก็ตาม คนที่ฆ่าเถาชีอาจจะเป็นญาติของเขาเอง
ภายในใจของเขาทุกข์ทรมานอย่างมาก
อีกทั้งหลังจากเถาฮองเฮาปฏิเสธเรื่องนี้ เขาก็บังเกิดความคิดที่จะหลบหนีไป เขาไม่อยากบีบเค้นตามต่อ ไม่อยากเผชิญหน้ากับความจริงที่นองเลือด
บางครั้งการเป็นคนโง่จะทำให้ตัวเองเจ็บปวดน้อยลง
อย่างไรแล้ว เขาก็ไม่อาจก้าวผ่านด่านของตัวเองไปได้
เขาออกจากตำหนักเว่ยหยางด้วยอารมณ์ที่หดหู่ ปิดประตูไม่ต้องรับแขก ขังตัวเองอยู่ในจวน
เถาฮองเฮาเห็นจึงโกรธอย่างมาก
นางรับสั่งให้เชิญบุตรชายคนโต เซียวเฉิงเหวินเข้าวัง
นางพูดอย่างตรงประเด็น “เจ้าเห็นสถานการณ์ของเจ้าสามแล้ว ข้าไม่มีวิธีรับมือกับเขาแม้แต่น้อย ข้าไม่คิดว่าเขาจะมีความรู้สึกที่ไม่ควรมีต่อเถาชี”
เซียวเฉิงเหวินกระแอมไอสองครั้ง
ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูแห่งปีที่ทำให้เขารู้สึกสบายตัวที่สุด อีกทั้งยังเป็นฤดูที่ภาพร่างกายของเขาดีที่สุดอีกด้วย
เขาดื่มน้ำชา พลันพูดอย่างเชื่องช้า “เสด็จแม่อย่าทรงกังวล! สถานการณ์ของน้องสามเป็นแค่ชั่วคราว ไม่นานเขาจะคิดได้เอง”
“เจ้าไปหาเขา ไปชี้แนะเขาหน่อยเถิด ข้ากลัวเขาจะดื้อรั้น”
เถาฮองเฮาไม่วางใจองค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้อยู่ดี
เซียวเฉิงเหวินยิ้มเยาะเย้ยตนเอง “เสด็จแม่ น้องสามไม่ฟังข้าหรอก”
เถาฮองเฮากลับพูด “เจ้าลองไปดูเถิด ไม่ลองดูจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่ฟังเจ้า”
เซียวเฉิงเหวินถอนหายใจ “เสด็จแม่ช่างเป็นห่วงน้องสามเสียจริง”
คำพูดนี้ฟังดูประหลาด
ดูเหมือนว่าจะการพูดธรรมดา แต่ก็เหมือนการประชดประชัน
เถาหงเฮาหรี่ตาเล็กน้อย “เจ้าไม่พอใจข้าหรือ”
เซียวเฉิงเหวินหัวเราะ พูดอย่างสบายๆ “ข้าไม่บังอาจ! ข้าเพียงแค่รู้สึกว่าน้องสามเป็นคนโชคดี เขาเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่แข็งแรง อีกทั้งยังได้รับความโปรดปรานจากเสด็จพ่อและเสด็จแม่ ได้รับการชื่นชมจากขุนนางราชสำนัก เฮ้อ…ข้าเทียบไม่ติดเลย!”
เถาฮองเฮาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เจ้าไม่ต้องบ่น อย่างไรพวกเจ้าก็เป็นพี่น้องกันเสมอ ในอนาคตหากเขได้รับตำแหน่งนั้น เจ้าย่อมมีความดีความชอบ”
เซียวเฉิงเหวินพยักหน้ายิ้ม “เสด็จแม่ทรงพูดถูก ข้าไม่ควรพูดเรื่องเล็กน้อยพวกนั้นเสียจริง ในเมื่อเสด็จแม่ทรงขอร้อง ข้าจะไปหาเขา พยายามชี้แนะเขา”
…
องค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินนั่งรถม้าออกจากวังมุ่งหน้าไปยังจวนองค์ชายสาม
ขุนนางฝ่ายใน เฟ่ยกงกงปรนนิบัติอยู่ข้างตัวเขา
“พระองค์จะเชื่อฟังรับสั่งของฮองเฮา เสด็จไปชี้แนะองค์ชายสามจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าเป็นคนมีสัจจะ เรื่องที่รับปากย่อมต้องทำให้สำเร็จ”
เซียวเฉิงเหวินยิ้มราวกับคนไร้พิษภัย
แต่เฟ่ยกงกงกลับหัวใจเต้นผิดไปหนึ่งจังหวะ เขาปาดเหงื่อแทนองค์ชายสาม
คนที่สามารถหลบหลีกกับดักขององค์ชายคงยังไม่เกิดออกมา
ดูจากรอยยิ้มขององค์ชายแล้ว องค์ชายสามเป็นคนที่อยู่บนรายชื่อรอการวางกับดัก
เมื่อถึงจวนองค์ชายสาม หลังจากผ่านการรายงาน รถมาเดินทางเข้าไปจากประตูรอง
องค์ชายสามเซียวเฉิงอี้ จัดการตัวเองอย่างสะอาดสะอ้าน ไม่ได้ขังตัวเองไว้ในจวนจนไม่สนใจภาพพจน์ เพียงแต่อารมณ์ของเขาสลดหดหู่ ยากที่จะเห็นรอยยิ้ม
“เสด็จพี่สอง!”
เขาทักทายเหมือนคนที่สิ้นหวัง
องค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินยืนอยู่หน้าประตู “น้องสามไม่เชิญข้าเข้าไปนั่งหรือ”
“เสด็จพี่สองเชิญทางนี้”
เซียวเฉิงอี้เชิญองค์ชายสองไปนั่งในห้องตำรา สาวรับใช้ถวายชา
พี่น้องสองคนเผชิญหน้ากัน ใบหน้ามีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก
สิ่งที่แตกต่างคือ องค์ชายสามหล่อเหลาตามารตฐานชายงาม
ส่วนองค์ชายสองสีหน้าซีดเซียว สมกับเป็นชายงามในคราบคนป่วย
“เสด็จแม่ให้พระองค์มาหรือ”
องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้ถามขึ้น
องค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินพยักหน้า “เสด็จแม่ให้ข้ามาชี้แนะเจ้า แต่ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ต้องการคำชี้แนะ ปัญหาทุกอย่างเจ้าจะเข้าใจในไม่ช้า”
องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้เงยหน้าขึ้น “เสด็จพี่สองต้องการพูดสิ่งใด”
เซียวเฉิงเหวินยิ้มมีนัย “น้องสาม เรื่องบางเรื่องไม่ต้องสืบหาความจริง”
“ไม่! เสด็จพี่สอง ท่านรู้เรื่องใดมาใช่หรือไม่”
เดิมทีองค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้ที่ตัดสินใจหลบหนีความจริงถูกคำพูดขององค์ชายหกกระตุ้นให้เกิดความสงสัย เขาอยากรู้ความจริง
เซียวเฉิงเหวินส่ายหัว พลันพูดอย่างจริงจัง “คนตายไม่สามารถคืนชีพได้ คนเป็นสำคัญที่สุด เจ้าต้องจำไว้ว่าทุกสิ่งที่เสด็จแม่ทรงทำล้วนทำเพื่อเจ้า ในใจของเจ้าไม่อาจมีความโกรธแค้น เจ้าต้องยอมรับเจตนาดีของเสด็จแม้ อย่าทำให้เสด็จแม่ทรงผิดหวัง”
ใบหน้าของเซียวเฉิงอี้ซีดเผือด “เป็นฝีมือของเสด็จแม่จริงหรือ”
เซียวเฉิงเหวินส่ายหน้าอีกครั้ง “ทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวกับเสด็จแม่ ทุกเรื่องล้วนเป็นลิขิตสวรรค์ น้องสาม อย่าจมปลักกับอดีต”
เซียวเฉิงอี้ยิ้มขมขื่น “เสด็จพี่รองไม่จำเป็นต้องเกลี้ยกล่อมข้า พระองค์ทรงพูดถูก ความจริงแล้วข้าเข้าใจปัญหาทุกอย่าง ข้าเพียงไม่ยอมรับความจริงเท่านั้น เหมือนที่พระองค์ทรงพูด ทุกสิ่งที่เสด็จแม่ทรงทำล้วนทำเพื่อข้า ข้าจะอกตัญญูตำหนิเสด็จแม่ได้อย่างไร”
เขาใช้สองมือกุมศีรษะด้วยความเจ็บปวด
เซียวเฉิงเหวินตบไหล่เขา “เสียใจด้วย! เจ้าพักสองสามวัน หลังจากนั้นก็ไปเข้าเฝ้าในวังสีย ในเมื่อเจ้าเลือกไปฝึกฝนที่กองทัพเหนือก็อย่าลานานเกินไป มิฉะนั้นทั้งเสด็จพ่อทั้งทหารกองทัพเหนือจะไม่พอใจกันหมด”
“ขอบพระทัยเสด็จพี่สองที่ชี้แนะ ข้าจะพยายามปรับตัวให้ดีที่สุด”
เซียวเฉิงอี้เช็ดหน้าของตนเอง เต็มไปด้วยความรู้สึกในใจ
“ขอบพระทัยเสด็จพี่สองที่มาเยี่ยมข้า ข้าซาบซึ้งอย่างมาก เพียงแต่ทางตระกูลเถา ข้าไม่อาจเผชิญหน้าได้ ต่อจากนี้หากตระกูลเถามีเรื่องลำบาก เสด็จพี่สองทรงโปรดดูแลด้วย”
เซียวเฉิงเหวินกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ข้าจะดูแลตระกูลเถาอย่างดี!”
ดวงตาของเขาลุกวาวราวกับสัตว์ประหลาดที่พยายามจะกลืนกินทุกสิ่ง