คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 198 เหยื่อล่อ
ตอนที่ 198 เหยื่อล่อ
อาหารกลางวันมื้อนี้ เถาฮองเฮาเสวยอย่างไม่รู้รสชาติ
แต่เซียวเฉิงเหวินกลับกินอย่างเอร็ดอร่อย
ฮ่องเต้หย่งไท่ก็เสวยอย่างพึงพอใจเพราะผ่อนคลายอารมณ์
หลังจากมื้อกลางวัน ฮ่องเต้หย่งไท่กลับไปพักผ่อนยังตำหนักซิงชิ่ง ยังมีฎีกาอีกมากมายรอเขาตรวจ
เถาฮองเฮาถามเซียวเฉิงเหวินเสียงดุ “เสด็จพ่อของเจ้าให้เจ้าเข้ามาฝึกฝนในราชสำนัก โอกาสที่หาได้ยากเช่นนี้ เหตุใดเจ้าจึงปฏิเสธ”
เซียวเฉิงเหวินล้างปากเสร็จจึงเช็ดมุมปาก เขาพูดเสียงเบา “เสด็จแม่ทรงมองไม่ออกหรือ เสด็จพ่อทรงไม่ได้อยากให้ข้าเข้ารับราชการในราชสำนักจากใจจริง เพียงแค่ทรงถามเท่านั้น หากข้ารับปาก เสด็จพ่อย่อมต้องโกรธ”
เถาฮองเฮากลับไม่คิดเช่นนี้ “เพียงแค่เจ้าเปิดปากบอกว่าร่างกายแข็งแรง อยากแบ่งเบาความทุกข์แทนราชสำนัก ถึงแม้เสด็จพ่อเจ้าจะเอ่ยขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ แต่สุดท้ายก็จะหางานให้เจ้า ส่วนเสด็จพ่อของเจ้าดีใจหรือไม่นั้นไม่สำคัญ น้องสามของเจ้าออกไปบรรเทาภัยพิบัตินอกเมืองหลวง เวลานี้เจ้าสมควรเข้าราชสำนัก จับตาดูแทนน้องสามและข้า”
เซียวเฉิงเหวินยิ้มเย้ยหยัน “หากเสด็จแม่ทรงต้องการคนจับตาดูการเคลื่อนไหวในราชสำนัก พระองค์ก็ทรงมอบหมายให้ท่านลุง หรือผู้อื่นได้ ส่วนข้าเป็นเพียงคนร่างกายอ่อนแอ ไม่ปวดหัวก็ตัวร้อน ถึงแม้จะได้รับมอบหมายงานก็ไม่อาจเข้าราชสำนักแบ่งเบาความทุกข์ของเสด็จแม่ทุกวัน ข้ารู้ตัวดี จึงไม่ไปยึดครองตำแหน่งทำให้คนเกลียดชัง”
“จะ…เจ้าช่างทำให้ข้าโมโหยิ่งนัก! บอกว่าเจ้าไม่กระตือรือร้น แต่เจ้าก็มีความคิดมากมาย บอกว่าเจ้ากระตือรือร้น โอกาสที่วางไว้ตรงหน้า เจ้ากลับปล่อยทิ้งไป เจ้าบอกข้ามา เจ้าคิดอย่างไรกันแน่”
เซียวเฉิงเหวินพูดจาเหลวไหลด้วยท่าทางจริงจัง “ข้าแค่อยากช่วยเสด็จแม่แบ่งเบาความกังวล คิดแผนการแทนเสด็จแม่ แต่ไม่เคยคิดจะอยากช่วยเสด็จพ่อหรือราชสำนักแบ่งเบาความกังวล”
ทั้งที่เถาฮองเฮารู้ว่าเขากำลังพูดจาเหลวไหล แต่ก็ไม่อาจอาละวาดได้
คำพูดนี้เสนาะหูเกินไป
เหมือนดั่งที่ว่าไม่ตบหน้าคนยิ้ม
เถาฮองเฮาถอนหายใจด้วยความอึดอัด “เอาเถิด! เจ้ามีความคิดของตนเอง คำพูดของข้าเจ้าถือว่าเป็นลมพักผ่านหู ข้าควบคุมเจ้าไม่ได้”
“เสด็จแม่ทรงเอ่ยวาจาด้วยความโกรธ ไร้ซึ่งความหมาย”
เซียวเฉิงเหวินพูดเตือนอย่างไม่หนักไม่เบา
เถาฮองเฮายิ่งหดหู่ นางพูดอย่างขุ่นเคือง “ต่อหน้าเจ้า แม้แต่บ่นข้ายังทำไม่ได้หรือ”
สีหน้าของเซียวเฉิงเหวินเรียบเฉย “ข้าบอกแล้ว ไร้ซึ่งความหมาย สู้เอ่ยเรื่องที่มีความหมายดีกว่า”
“เรื่องใดมีความหมาย เจ้าพูดมา ข้าฟังอยู่”
เซียวเฉิงเหวินวางแก้วชาลง พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “น้องสามออกไปบรรเทาภัยพิบัตินอกเมืองหลวง เสด็จแม่ล้วนจัดการดีแล้วหรือไม่”
“แน่นอน! เรื่องเสบียงมีเฉิงหยางช่วยเหลือ ทุกสิ่งราบรื่น ปัญหาด้านความปลอดภัย ข้ามอบองครักษ์ที่ไว้วางใจได้คุ้มกันอยู่ข้างกายน้องสามเจ้า อีกทั้งยังมีหมอหลวงและยา”
“เสด็จแม่ทรงไม่เคยคิดว่าตระกูลขุนนางจะก่อกวนหรือ”
“ข้าย่อมคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ดังนั้นข้าจึงกำชับให้ท่านลุงใหญ่ของเจ้าจับตามองตระกูลขุนนางเอาไว้ ไม่ว่าผู้ใดบังอาจกลั่นแกล้งน้องสามของเจ้า ข้าจะไม่ให้อภัยเขา”
เซียวเฉิงเหวินได้ยินจึงหัวเราะขึ้นมา “เสด็จแม่ทรงคำนึงแทนน้องสามอย่างรอบคอบมาก ละเลยแต่เพียงเสด็จพ่อ”
เถาฮองเฮาขมวดคิ้ว
เซียวเฉิงเหวินพูดต่อ “ตอนนั้นเสด็จพ่อตรัสว่า ‘ม้าพันลี้’ ออกมาทำให้เกิดความสงสัยต่างๆ นานา จากทุกคนในราชสำนัก เสด็จแม่ทรงทายดู เสด็จพ่อทรงเสียใจหรือไม่ หรือเมื่อน้องสามบรรเทาภัยพิบัติสำเร็จ กลับเมืองหลวงมาอย่างสง่างามแล้ว เสด็จพ่อจะทรงพระราชทานรางวัลเขาอย่างไร จากนิสัยตระหนี่ของเสด็จพ่อ พระองค์จะทรงแต่งตั้งเขาหรือ”
เถาฮองเฮาพูดไม่ออก นางขมวดคิ้วด้วยใบหน้าดำทะมึน
“เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อของเจ้ามีความเป็นไปได้ที่จะกลับใจ”
“จุดจบของตระกูลเถา เสด็จแม่คงไม่ลืมใช่หรือไม่”
เถาฮองเฮากัดฟันกรอด
เรื่องที่ตระกูลเถาต้องประสบเป็นความเจ็บปวดในใจของนางตลอดกาล แต่นางก็หมดหนทาง
ช่างน่าโมโหยิ่งนัก!
นางกัดฟัน พูดอย่างไม่มั่นใจ “แต่เขาเป็นน้องสามของเจ้า เป็นบุตรของเสด็จพ่อเจ้า”
เซียวเฉิงเหวินพูดด้วยเสียงราบเรียบ “เพื่ออำนาจ ไม่ว่าภรรยาหรือบุตรย่อมสังหารได้!”
น้ำเสียงแผ่วเบาอย่างมาก แต่กลับทำให้คนขนลุก ราวกับมีแรงอาฆาตประจันหน้าเข้ามา
เถาฮองเฮาอดที่จะตัวสั่นไม่ได้
นางจ้องมองเซียวเฉิงเหวิน พลันพูดขึ้น “นิสัยของเจ้าเหมือนเสด็จพ่อเจ้า”
ไร้หัวใจ!
เซียวเฉิงเหวินไม่ปฏิเสธ
เขาไม่สนใจคำวิจารณ์ของผู้อื่นที่มีต่อตนเองแม้แต่น้อย ท่ามกลางองค์ชาย เขาเป็นคนที่ใช้ชีวิตที่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางที่สุด
ร่างกายที่อ่อนแอเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดของเขา
ไม่ว่าเขาจะเอาแต่ใจเพียงใด เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางเพียงใด ร่างกายที่อ่อนแอก็เป็นข้ออ้างและเหตุผลที่ดีที่สุดของเขา
เถาฮองเฮาพร่ำบ่น ก่อนจะหันมาถามเขา “หากเสด็จพ่อของเจ้ากลับใจ ข้าควรทำอย่างไร เจ้ามีความเห็นหรือไม่”
เซียวเฉิงเหวินเลิกคิ้วยิ้ม “เสด็จแม่และเสด็จป้าเฉิงหยางล้วนคาดหวังที่จะใช้โอกาสบรรเทาภัยพิบัตินี้ ทำให้เจ้าสามได้มาซึ่งตำแหน่งองค์รัชทายาท ด้วยเหตุนี้จึงไม่เสียดายที่จะนำเสบียงจำนวนมากออกมาปูทางให้เจ้าสาม แต่เสด็จแม่เคยคิดหรือไม่ว่ามันอาจเป็นจุดประสงค์ของเสด็จพ่อ
สำนักเส้าฝู่และกรมคลังไม่มีเสบียง ตระกูลขุนนางมีเสบียงแต่ไม่ยอมนำออกมา เสด็จพ่อทรงรู้ทุกสิ่งอย่างชัดเจน พระองค์ควรทำอย่างไร เพียงแค่นำเหยื่อล่อหนึ่งมาไว้ตรงหน้า เสด็จแม่กับเสด็จป้าเฉิงหยางก็ติดกับนำเสบียงออกมาทันที
จากกำลังทรัพย์ของเสด็จป้าเฉิงหยาง อาจช่วยเหลือผู้ประสบภัยทุกคนไม่ได้ แต่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยสามสี่ส่วนก็ยังคงมีความเป็นไปได้อยู่ แต่สิ่งที่ต้องแลกก็มีเพียงคำพูดเพียงคำพูดเดียว เหยื่อล่อเพียงชิ้นเดียว เสด็จแม่ เสด็จพ่อคือคนที่มีความสามารถในการวางแผนที่สุดในแผ่นดิน พระองค์เชี่ยวชาญในการสูญเสียสิ่งที่มีมูลค่าน้อยสุดเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุด
ตอนนั้นตระกูลเถาช่วยเหลือเสด็จพ่อสังหารเหล่าท่านอ๋อง ก็เพราะเสด็จพ่อโยนเหยื่อล่อที่ชิ้นใหญ่เพียงพอออกมา หลอกล่อให้ตระกูลเถาเป็นทหารหน้ากองทัพ หลังจากสำเร็จก็เขี่ยทิ้ง! บทเรียนที่ผ่านมาเพียงไม่นาน เสด็จแม่จะทรงหลงกลเป็นครั้งที่สองได้อย่างไร ไม่สมควรอย่างยิ่ง!”
เถาฮองเฮาได้ยินจึงโกรธจัด “เวลานี้เจ้ากำลังต่อว่าข้าไม่สมควรหรือ แต่ว่าตอนนั้นเจ้ากำลังทำอันใด เจ้าหลบอยู่ในจวน ไม่ออกจากจวน ไม่ส่งเสียง เวลานี้มาพูดภายหลัง เจ้าได้ใจอย่างมากหรือ”
“เวลานั้นเสด็จแม่เคยส่งคนมาถามข้าหรือไม่ น้องสามจะออกจากเมืองหลวงไปบรรเทาภัยพิบัติ เสด็จแม่เคยถามความเห็นของข้าหรือไม่ พวกท่านไม่อาจทนต่อสิ่งยั่วยุได้ เพียงแค่คำว่า ‘ม้าพันลี้’ ก็ทำให้พวกท่านขาดสติ เสียสละทรัพย์สินกว่าครึ่งบรรเทาความทุกข์แทนเสด็จพ่อ เฮอะๆ เสียดาย เสด็จพ่อทรงเห็นพวกท่านเป็นเพียงกลุ่มคนที่ละโมบโลภมาก ภายในใจมีแต่รังเกียจ ไร้ซึ่งความซาบซึ่ง ไม่มีแผนการที่จะมอบความดีความชอบเสียด้วยซ้ำ”
เซียวเฉิงเหวินเสียดสี ทำให้เถาฮองเฮาอับอาย
เถาฮองเฮาโกรธจัด แต่ไม่ได้อาละวาด
นางถามด้วยสีหน้าดำทะมึน “ทุกสิ่งเป็นเหยื่อล่อที่เสด็จพ่อของเจ้าปล่อยออกมาจริงหรือ”
เซียวเฉิงเหวินถอนหายใจ “เสด็จแม่ลองไตร่ตรองอย่างละเอียด ตอนนั้นเสด็จพ่อหลอกล่อให้ตระกูลเถาสังหารเหล่าท่านอ๋องอย่างไร จากนั้นลองเทียบกับคราวนี้ เสด็จพ่อหลอกล่อให้ตระกูลเถาและเสด็จป้าเฉิงหยางนำเสบียงออกมาบรรเทาภัยพิบัติอย่างไร สองครั้งเป็นกลอุบายเดียวกันหรือไม่ ล้วนให้คำมั่นสัญญาผลประโยชน์ หลอกล่อให้พวกท่านช่วยเหลือเขาอย่างไม่สนใจสิ่งอื่นใด หลงกลมาสองครั้ง ไม่สมควรยิ่งนัก!”
สีหน้าของเถาฮองเฮาดำทะมึน นางไตร่ตรองอย่างละเอียด พลันพูด “ไม่เหมือน! คราวนี้มีเฉิงหยางเข้าร่วม เสด็จพ่อของเจ้าไม่มีทางไร้เยื่อใยเพียงนี้”
เซียวเฉิงเหวินยิ้มเย้ยหยัน “คราวก่อน การสังหารเหล่าท่านอ๋องย่อมต้องแบกรับคำสาปแช่งจากทั่วแผ่นดิน ดังนั้นตระกูลเถาก็เพียงพอ! แต่คราวนี้ การช่วยเหลือราษฎรในแผ่นดิน พลังของตระกูลเถาเพียงตระกูลเดียวเล็กน้อยเกินไป ไม่อาจแบกรับภาระใหญ่หลวงเพียงนี้ได้ ผู้คนต่างรู้ว่าเฉิงหยางร่ำรวย เพื่อแผ่นดิน เสด็จพ่อหลอกลวงเฉิงหยางย่อมสมเหตุสมผล หลังจากนั้น พระองค์จะทรงทำตามสัญญา ‘ม้าพันลี้’ หรือไม่ เสด็จแม่ทรงคิดว่าอย่างไร”
เดิมทีเถาฮองเฮามั่นใจอย่างมาก เพียงแค่เจ้าสามบรรเทาภัยพิบัติสำเร็จ กลับมายังเมืองหลวงอย่างสง่างาม ตำแหน่งองค์รัชทยาทย่อมเป็นของเขา
แต่หลังจากที่ฟังเซียวเฉิงเหวินวิเคราะห์ นางเริ่มสงสัยในเจตนาและความน่าเชื่อถือของฮ่องเต้
ฮ่องเต้มีประวัติมาก่อน
ตระกูลเถาเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด
นางถามด้วยสีหน้าซีดเผือด “เจ้ามั่นใจว่าเสด็จพ่อเจ้าไม่พระราชทานรางวัลให้น้องสามของเจ้าหรือ”
“รางวัลย่อมต้องพระราชทาน! พระราชทานเครื่องทองเครื่องหยก พระราชทานแปลงนาหลวง หรือยศถาบรรดาศักดิ์ เสด็จแม่จะทรงมั่นใจได้อย่างไรว่าเสด็จพ่อจะพระราชทานตำแหน่งองค์รัชทายาทให้น้องสาม”
ใช่ มั่นใจได้อย่างไร
แต่หากไม่พระราชทานตำแหน่งองค์รัชทายาท การที่นางคิดหาหนทางบรรเทาภัยพิบัติไม่กลายเป็นเรื่องตลกหรือ
คำพูดเพียงคำเดียวก็ทำให้ตระกูลเถาและเฉิงหยางนำเสบียงออกมานับหมื่นหาบ
มันเป็นจิตใจอย่างไร
จิตใจที่ไร้ซึ่งความเห็นแก่ตัว
ปัง!
เถาฮองเฮาหยิบแก้วชาเขวี้ยงลงบนพื้น
แก้วชาแตกละเอียดราวกับหัวใจของเถาฮองเฮา ไม่อาจสมานได้อีก
เซียวเฉิงเหวินปลอบเสียงเบา “เหตุใดเสด็จแม่จึงต้องโกรธ! เรื่องบนโลกไม่อาจเป็นไปตามแผนการของเสด็จพ่อตั้งแต่ต้นจนจบ รีบเตรียมการเสียเถิด!”
เถาฮองเฮาพูดเสียงดุดัน “หากเสด็จพ่อเจ้าไม่ยอมทำตามสัญญา ข้าก็ไม่เสียดายที่จะต้องบาดหมาง ตอนที่ทั้งแผ่นดินล้วนเป็นปรปักษ์ต่อเขา ไม่ยอมนำเสบียงออกมาบรรเทาภัยพิบัติ ข้าเป็นคนแบกรับภาระหนักนี้ รวบรวมเสบียง ช่วยเหลือเขา เขาไม่อาจใจร้ายเพียงนี้ ยิ่งไม่อาจทอดทิ้งเมื่อหมดประโยชน์”
เซียวเฉิงเหวินพูดเสียงเย็น “ข้าบอกแล้ว เพื่ออำนาจ ไม่ว่าผู้ใดก็สังหารได้!”
คำว่า ‘สังหาร’ ราวกับมีพลังทิ่งแทงหัวใจ หัวใจของเถาฮองเฮาเจ็บปวดอย่างมาก
นางกุมหน้าอกเอาไว้ พลันพูดขึ้น “เจ้าพูดถูก เพื่ออำนาจ ไม่ว่าผู้ใดก็สังหารได้!”
นางกัดฟัน ภายในใจกำลังคำนวณต้นทุนของตนเอง
เรื่องอื่นก็แล้วไป
สิ่งสำคัญคืออำนาจทางการทหารที่ยังหวังพึ่งบุตรเขย หลิวเป่าผิง
นางพูดกับเซียวเฉิงเหวิน “เจ้าสนิทกับพระราชบุตรเขยหลิว อย่าลืมติดต่อกับเขายามว่าง ลองดูความคิดเห็นของเขา”
เซียวเฉิงเหวินยิ้มอย่างมีนัย “เสด็จแม่อย่าทรงลืม ทหารของตระกูลหลิวอยู่ไกลถึงเหลียงโจว”
เถาฮองเฮาหัวเราะออกมา “ตะวันตกเฉียงเหนือก็แห้งแล้งเช่นเดียวกัน! เพียงแค่เสบียงไปไม่ถึงตะวันตกเฉียงเหนือ เจ้าว่าตะวันตกเฉียงเหนือจะเกิดสถานการณ์อย่างไร”
อ่อ!
ในที่สุดก็ตัดสินใจแล้วหรือ
เซียวเฉิงเหวินก้มหน้า ยิ้มเสียดสี
“ความหมายของเสด็จแม่ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไปคุนกับหลิวเป่าผิง”
“เช่นนี้ย่อมดี! เจ้าบอกเขา ข้าไม่มีทางทรยศตระกูลหลิว น้องสาวของเขากำลังจะเดินทางมาแต่งงานที่เมืองหลวง หากเขายอม ข้าสามารถออกพระราชโองการพระราชทานงานแต่งให้เขา”
“ไม่ต้องยุ่งยากเพียงนั้น ตอนงานแต่ง เสด็จแม่ส่งเหมยเส้าเจี้ยนไปมอบของขวัญก็เพียงพอ!”
“ทำตามที่เจ้าบอก!”
เถาฮองเฮาตัดสินใจแล้ว
เซียวเฉิงเหวินก็บรรลุเป้าหมาย เขาพาภรรยาและบุตรสาวกลับจวนด้วยความพึงพอใจ
มื้อค่ำ เขากินข้าวเข้าไปหนึ่งชามครึ่งอย่างหาได้ยาก ทำให้เฟ่ยกงกงดีใจอย่างมาก
เซียวเฉิงเหวินตำหนิเขา “สงวนท่าที!”
เขายากที่จะปิดบังความตื่นเต้น
———————————————-