คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 199 กำจัดเขา
ตอนที่ 199 กำจัดเขา
พระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงกำลังดื่มสุรากับเซียวอี้
การสนทนาของคนทั้งสองเหมือนคนคุ้นเคยที่รู้จักกันมาเป็นเวลานาน
โรงสุราแห่งนี้ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เงียบสงบ เวลานี้เป็นช่วงกลางดึก เด็กในร้านและเถ้าแก่ต่างนอนหลับไปแล้ว ไม่มีผู้ใดมารบกวน
ทั้งสองรินเองดื่มเอง กินพร้อมกับแกล้ม สุนทรีอย่างมาก
เซียวอี้คีบเนื้อวัวชิ้นหนึ่งขึ้นมา พลันหยอกล้อหลิวเป่าผิง “ท่านคิดจะเป็นพระราชบุตรเขยที่ดี ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขจริงหรือ”
หลิวเป่าผิงหัวเราะ “ไม่เป็นพระราชบุตรเขยที่ดี จะให้ข้าเป็นกบฏหรือ ท่านเองก็ยอมจำนนต่อฮ่องเต้ เป็นทหารหน้าม้าของเขาไม่ใช่หรือ”
เซียวอี้หัวเราะ “ข้าแซ่เซียว ท่านกับข้าไม่เหมือนกัน”
หลิวเป่าผิงรินสุราให้เขา “ไม่มีสิ่งใดไม่เหมือนกัน พวกเราล้วนรับใช้ราชวงศ์ กินข้าวของฮ่องเต้”
เซียวอี้เผยสีหน้าเสียดสี “ข้าดูท่านเหมือนจะกินข้าวของฮองเฮาเสียมากกว่า”
หลิวเป่าผิงได้ยินจึงหัวเราะขึ้นมา “พี่เซียวพูดผิดแล้ว ข้ากินข้าวของตระกูลหลิวต่างหาก”
“เวลานี้ท่านเป็นพระราชบุตรเขยแล้ว คืนนี้ท่านไม่กลับไป องค์หญิงติ้งเถาไม่หาเรื่องท่านหรือ”
“ข้าบอกนางแล้วว่าจะออกไปทำงานหลายวัน”
“จิ๊ๆๆ …ออกมาด้านนอกยังต้องบอกกล่าวสตรี ได้รับความยินยอมจากสตรี ท่านช่าง…”
สีหน้าของเซียวอี้ช่างยากที่จะอธิบาย
หลิวเป่าผิงไม่สนใจ เขาพูดเยาะเย้ยตนเอง “เมื่อเป็นพระราชบุตรเขยของราชวงศ์แล้ว ย่อมต้องรักษากฎของราชวงศ์”
เซียวอี้หัวเราะร่า เขาหยอกล้อ “คำพูดนี้ของท่านช่างเหมือนกับสะใภ้ตัวน้อยที่เพิ่งออกเรือน พี่หลิว ข้าเสียใจแทนท่านเสียจริง”
“ข้ามีภรรยาแล้ว ท่านเล่า ท่านยังตัวคนเดียว” หลิวเป่าผิงโจมตีกลับ
เซียวอี้ยกจอกสุรา เผยยิ้มมีนัย “ท่านวางใจ! ไม่นานข้าก็จะมีภรรยา”
“อ่อ! ไม่รู้คุณหนูตระกูลใดช่างโชคร้าย ต้องตาของท่านเข้า”
ถุย!
เซียวอี้กลอกตา “ข้าไม่เลว!”
อีกทั้งเขายังมีเหมือง
เขาเป็นบุรุษที่ไม่ขาดแคลนเงิน
สำหรับเซียวอี้แล้ว สิ่งที่ได้รับจากการลงใต้สยบสงครามท่านอ๋องมากที่สุดคือการฝึกฝนและนำทัพ ทำให้เขามีประสบการณ์ในสนามรบ อย่างที่สองคือการขุดเหมือง!
เหมืองแร่ทำให้เขาร่ำรวย
เหมืองแร่ทำให้เขามีความมั่นใจในการสร้างครอบครัวและกิจการ
บุรุษที่มีเหมืองย่อมยอดเยี่ยมเช่นนี้
หลิวเป่าผิงหัวเราะเยาะ “ท่านถูกท่านพ่อของท่านขับไล่ออกจากตระกูล ผู้คนต่างรู้ว่าท่านพยายามสังหารแม่เลี้ยงและพี่ชาย ท่านเป็นคนที่ไร้ความจงรักและอกตัญญู ท่านว่าพ่อแม่คนใดจะคิดไม่ตก ให้บุตรสาวแต่งงานกับคนที่ไร้ความจงรักและอกตัญญู แม้แต่จวนสักหลังยังไม่มี”
เซียวอี้โต้กลับ “ข้าเป็นคนที่ไร้ความจงรักและอกตัญญู แต่ข้าไร้พ่อไร้แม่ ไร้พี่ไร้น้อง สตรีคนใดแต่งงานกับข้าจะมีชีวิตที่มีความสุข ไม่ต้องรับใช้พ่อแม่สามี ไม่ต้องรับมือกับสะใภ้ ไม่ดีหรือ”
หลิวเป่าผิงพูดอย่างอารมณ์ดี “ดีอย่างไร ไม่มีพี่น้องก็ไม่มีคนช่วยเหลือ เมื่อประสบเรื่องใดล้วนมีแต่ท่านตัวคนเดียว ท่านคิดว่าตัวเองมีสามหัวและหกแขนหรือ ไม่มีพี่น้องย่อมหมายความว่าท่านไม่มีเครือญาติและเส้นสาย ตระกูลขุนนางยิ่งใหญ่ ท่านจะเจริญก้าวหน้าได้อย่างไร เพราะว่าท่านแซ่เซียว มีเงินเล็กน้อยก็ให้บุตรสาวแต่งกับท่านอย่างนั้นหรือ ไม่ได้ยากจนจนหมดหนทางเสียหน่อย!”
สีหน้าของเซียวอี้เปลี่ยนไปทันที
เขาขมวดคิ้ว “เงื่อนไขของข้าไม่ดีจริงหรือ”
หลิวเป่าผิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ตระกูลทั่วไป ผู้ใดจะยอมให้บุตรสาวแต่งงานกับคนเรื่อยเปื่อยอย่างท่าน ไม่มีแม้แต่ญาติมิตร การแต่งงานคือการสานสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูล แต่ท่านตัวคนเดียว จะสานสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลอย่างไร ถึงแม้ท่านแซ่เซียว แต่กลับไร้บรรดาศักดิ์ มีเพียงตำแหน่งขุนนางฝ่ายทหาร จะว่าไป ท่านทั้งไร้ที่พึ่งพิง ไร้พี่น้องเกื้อหนุน ไร้ญาติมิตรช่วยเหลือ คนอย่างท่านก็มีเพียงตระกูลเล็กที่ยินดีรับท่านเป็นบุตรเขย!”
โธ่เอ๋ย!
เซียวอี้กลอกตาใส่หลิวเป่าผิง
ที่แท้ในสายตาของหลิวเป่าผิง เขาเป็นคนที่ไร้ข้อดีแม้แต่น้อย
เหลวไหล!
เขาพูดอย่างจริงจัง “ข้ามีเหมือง!”
หลิวเป่าผิงทำหน้าอิจฉา เขาก็อยากมีเหมือง แต่เขาไม่มี
เขาโจมตีเซียวอี้ต่อ “มีเหมืองก็เปล่าประโยชน์ ตระกูลขุนนางในเวลานี้ แม้จะเป็นตระกูลขุนนางระดับล่าง มีตระกูลใดขาดแคลนเงินบ้าง พวกเขาจะอยากได้เหมืองของท่านหรือ”
เซียวอี้มองเขาด้วยความโกรธ “ท่านอยากได้!”
หลิวเป่าผิงพูด “ข้าไม่ใช่สตรี ไม่อาจมีสามีได้ ข้าอยากได้จะมีประโยชน์อันใด”
พู่!
เซียวอี้เช็ดมุมปาก เขาพบว่าหลิวเป่าผิงยิ่งชอบพูดจาเหลวไหลมากขึ้นหลังจากไม่เจอหลายปี
ไม่มีความกังวลแม้แต่น้อย
เกรงว่าองค์หญิงติ้งเถา องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินล้วนไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของหลิวเป่าผิง
เซียวอี้ตัดสินใจโจมตีกลับไป เขาพูด “พูดถึงการแต่งเข้า ในฐานะที่ท่านเป็นพระราชบุตรเขย ท่านก็เหมือนแต่งเข้าราชวงศ์”
แต่หลิวเป่าผิงกลับพูด “แต่บุตรของข้ากับองค์หญิงยังคงแซ่หลิว”
“อย่างไรแล้วสถานการณ์ท่านก็ไม่ได้ดีไปกว่าข้ามากนัก อย่างน้อยในมือข้าก็มีทหาร มีเงิน ในมือท่านมีสิ่งใด”
“ข้ามีความไว้ใจของฮ่องเต้ รวมทั้งข่าวในวัง”
ทั้งสองเริ่มโอ้อวดใส่กันเหมือนเด็กสามขวบ ไม่มีผู้ใดยอม
ต่อมา เซียวอี้พบว่าสาเหตุที่เขาพ่ายแพ้เพราะเขาไม่มีภรรยา
หากเขามีภรรยา รับรองว่าเขาสามารถชนะหลิวเป่าผิงได้ทันที
น่าโมโหยิ่งนัก!
เมื่อจบเรื่องไม่จริงจังแล้ว
หลิวเป่าผิงก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านคิดจะแต่งงานจริงหรือ มีสตรีที่เหมาะสมหรือไม่”
เซียวอี้พูด “ข้าก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรมีครอบครัวแล้ว”
“ข้าถามว่าท่านมีสตรีที่เหมาะสมหรือไม่ ไม่ได้สนใจว่าท่านจะมีครอบครัวหรือไม่” หลิวเป่าผิงทำหน้ารังเกียจ
เซียวอี้หัวเราะ “ไม่เกี่ยวกับท่าน!”
หลิวเป่าผิงถามเขาอย่างจริงจัง “พวกเราเป็นพี่น้องกันหรือไม่! หากเป็นพี่น้อง ท่านบอกความจริงข้ามา”
เซียวอี้ยังคงส่ายหน้า “อย่างไรก็ไม่บอก!”
หึ!
หลิวเป่าผิงถกแขนเสื้อขึ้น เขาอยากจะต่อยเซียวอี้สักทีเสียจริง
เซียวอี้ขาดการสั่งสอนในตอนเด็ก ดังนั้นเมื่อเติบโตจึงชอบยั่วยุผู้อื่นไปทั่ว
“หากท่านชื่นชอบคุณหนูตระกูลใด ข้าเป็นพ่อสื่อให้ท่านได้ ในฐานะพระราชบุตรเขย เรื่องแค่นี้ยังคงทำได้”
เซียวอี้กลับเบี่ยงเบนประเด็น “น้องสาวของท่านใกล้ถึงเมืองหลวงแล้วใช่หรือไม่”
หลิวเป่าผิงพยักหน้า “คำนวณจากเวลาใกล้จะถึงแล้ว”
เซียวอี้ยิ้ม “ไม่คิดว่า ท่านจะให้น้องสาวแต่งงานกับตาทึ่มอย่างเยียนอวิ๋นถง”
“ถึงแม้เยียนอวิ๋นถงจะทึ่ม แต่ก็เป็นคนทึ่มที่น่าเชื่อถือ ไม่เหมือนท่าน มีแต่แผนการอยู่ในท้อง เอาแต่คิดว่าจะสังหารผู้ใด ท่านคิดจะสังหารผู้ใดอีก”
หลิวเป่าผิงถามขึ้น
เซียวอี้เลิกคิ้วยิ้ม เขาดื่มสุราพลันถามกลับ “ท่านทาย!”
หลิวเป่าผิงขมวดคิ้ว “ท่านยังคิดจะสังหารคนตระกูลเถาอีกหรือ”
เซียวอี้ไม่ปฏิเสธ
หลิวเป่าผิงถอนหายใจ “ท่านเป็นมือสังหารลับของฮ่องเต้ คอยจัดการคนที่ขัดตาเขาจริงหรือ”
เซียวอี้ส่ายหน้า “ข้าไม่ใช่มือสังหารลับของผู้ใด”
“แต่ท่านรับคำสั่งให้สังหารนายท่านรองตระกูลเถา”
“จากมุมมองความสัมพันธ์ขององค์หญิงติ้งเถา ท่านควรแทนนายท่านรองตระกูลเถาว่าท่านลุงสอง” เซียวอี้หยอกล้อเขา
หลิวเป่าผิงยิ้มเสียดสี “นายท่านรองตระกูลเถาก็เป็นตาทึ่ม แต่เป็นตาทึ่มที่เลวทราม ตายไปก็ตายไปเถิด ถือว่ากำจัดคนชั่วแทนสามัญชน แต่ว่าข้ายังต้องเตือนท่าน ระวังถูกทิ้งเมื่อหมดประโยชน์”
เซียวอี้หัวเราะ “ท่านกังวลเรื่องของตัวเองเถิด เซียวเฉิงอี้ออกไปบรรเทาภัยพิบัติ เวลานี้เงียบสงบ เมื่อรอเขากลับมายังเมืองหลวงก็คงต้องนองเลือดแล้ว ท่านในฐานะพระราชบุตรเขย อีกทั้งยังเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลหลิวแห่งเหลียงโจว สถานการณ์ของท่านไม่ดีนัก!”
หลิวเป่าผิงเคาะโต๊ะเบาๆ สักพักเขาถึงได้ถามอย่างจริงจัง “ท่านยอมร่วมมือกับข้าหรือไม่”
เซียวอี้เงียบ เขาดื่มสุราอย่างไร้เสียง
หลิวเป่าผิงพูดต่อ “หลังจากสำเร็จ จะให้บรรดาศักดิ์แก่ท่าน”
เซียวอี้หัวเราะออกมา
หลิวเป่าผิงพูดอีก “องค์ชายสองสามารถทำได้ เพียงแค่ท่านยอมช่วย เขาจะหาทางให้บรรดาศักดิ์แก่ท่าน”
ในที่สุดเซียวอี้ก็พูดขึ้น แต่เขากลับถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้อง “ท่านอยากให้องค์ชายสามเซียวเฉิงอี้ หรือองค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินนั่งบนตำแหน่งนั้น”
หลิวเป่าผิงเลิกคิ้วยิ้ม “ข้าไม่ปิดบังท่าน ข้าอยากให้องค์ชายสามเซียวเฉิงอี้นั่งบนตำแหน่งนั้น เพราะว่าเขาเจรจาง่าย มีบรรทัดฐานในใจ ในฐานะฮ่องเต้ การมีบรรทัดฐานในใจสำคัญอย่างมาก เซียวเฉิงเหวินผู้นี้ ท่านต้องระวัง เขามีจิตใจที่ลึกซึ้ง ยากที่จะเจรจาด้วย บางทีภายหน้าเขาอาจเป็นศัตรูตัวฉกาจของท่าน”
เซียวอี้พยักหน้าอย่างกระจ่าง “แต่ท่านเคยคิดหรือไม่ เซียวเฉิงอี้จะนั่งอยู่บนตำแหน่งนั้นได้หรือ อย่าลืม ระหว่างทางนี้ เซียวเฉิงเหวินออกแรงไปจำนวนมาก เขาแทบจะควบคุมทั้งสถานการณ์เอาไว้”
หลิวเป่าผิงเคาะโต๊ะเบาๆ “ดังนั้น ยิ่งรู้จักเซียวเฉิงเหวิน ข้ายิ่งกลัวเขา หรือไม่หาโอกาสกำจัดเขาเสีย”
เซียวอี้ส่ายหน้า “ยังไม่ถึงเวลา”
หลิวเป่าผิงพยักหน้า “ท่านพูดถูก พวกเราจะใจร้อนไม่ได้ ใจร้อนกินเต้าหู้ร้อนไม่ได้! เต้าหู้หมาล่าของภัตตาคารหนานเป่ยรสชาติดีมาก วันอื่นข้าเลี้ยงท่าน”
“ไม่ต้อง! ข้าเคยกินแล้ว”
“ท่านเคยกินได้อย่างไร เต้าหู้หมาล่าเพิ่งออกมาไม่ถึงสิบวัน วันนี้ตอนบ่ายท่านเพิ่งเดินทางมาถึงเมืองหลวง จากนั้นพวกเราก็นั่งดื่มสุราอยู่ตรงนี้ ท่านจะมีโอกาสไปลองชิมได้อย่างไร”
เซียวอี้ทำหน้าได้ใจ “ท่านไม่อยากรู้หรอกว่าข้าไปกินเต้าหู้หมาล่ามาจากที่ใด”
———————————————-