คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 27 ไม่อยากแต่งงาน
ตอนที่ 27 ไม่อยากแต่งงาน
องค์หญิงเฉิงหยางอารมณ์ร้อน
นางบ่นกับขันทีคนสนิท “เสด็จพี่เชื่อคำพูดของฮองเฮา คิดจะหมั้นหมายคุณหนูรองตระกูลเยียนให้องค์ชายใหญ่ เสด็จพี่ทรงเสียสติไปแล้วหรือ”
ขันทีคนสนิทปลอบนาง “องค์หญิงอย่าทรงร้อนพระทัย เรื่องนี้ยังคงเป็นคำพูดเพียงฝ่ายเดียวจากตระกูลเยียน ภายในพระราชวังไม่มีข่าวรั่วไหลออกมาแม้แต่น้อย”
องค์หญิงเฉิงหยางพูดด้วยความโกรธ “พูดมาได้! เสด็จพี่เรียกตระกูลเยียนเข้าเฝ้าในตำหนักเว่ยยาง มิใช่ตำหนักซิงชิ่ง ตำหนักเว่ยยางถูกอารักขาอย่างแน่นหนาราวกับถังเหล็ก แม้แต่น้ำยังสาดเข้าไปไม่ได้ หากเจ้าได้ข่าวจากตำหนักเว่ยยาง ข้าคงต้องมองเจ้าใหม่”
ขันทีคนสนิทกระอักกระอ่วนอย่างมาก
องค์หญิงเฉิงหยางกระวนกระวายพระทัย
“เจ้าว่าข้าควรช่วยตระกูลเยียนหรือไม่”
“องค์หญิงทรงอยากช่วยก็ช่วย หากทรงไม่อยากช่วย กระหม่อมจะไล่พวกเขาไปแทนองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงเฉิงหยางขมวดคิ้วพลันกัดปาก ยากที่จะตัดสินใจ
นางพึมพำ “รอฮองเฮาทรงกำจัดองค์ชายใหญ่แล้ว คนต่อไปคงจะเป็นข้าใช่หรือไม่”
ขันทีคนสนิทได้ยิน รู้สึกตกใจ “องค์หญิงอย่าได้ข่มขวัญตนเอง พระองค์ทรงเป็นพระขนิษฐาของฝ่าบาท ไม่ว่าอย่างไร…”
“องค์ชายใหญ่ก็เป็นโอรสแท้ๆ ของเสด็จพี่ แต่ฮองเฮาทรงกลั่นแกล้งเขาเพียงนั้น อีกทั้งยังทรงแทรกแซงงานสมรสของเขา เสด็จพี่เคยทวงความยุติธรรมให้เขาหรือไม่”
“มันไม่เหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ!”
“ไม่มีอะไรไม่เหมือนกัน ความสัมพันธ์ในราชวงศ์ล้วนเป็นเช่นนี้ ภายนอกฮองเฮาดูเหมือนจะเกรงใจข้า แต่ภายในใจไม่รู้จะรังเกียจข้าอย่างไร นางเป็นคนใจแคบ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างข้ากับนางเมื่อหลายปีก่อน นางย่อมต้องแก้แค้นในไม่ช้า ข้าจะนั่งเฉยอยู่ได้อย่างไร”
ขันทีคนสนิทถามอย่างระมัดระวัง “องค์หญิงจะทรงช่วยตระกูลเยียนหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
องค์หญิงเฉิงหยางหัวเราะเย้ยหยัน “ส่งข่าวแทนตระกูลเยียนไม่ใช่เรื่องยาก เจ้าถือจดหมายเทียบเชิญของข้าไปเชิญองค์ชายใหญ่มา บอกว่าข้ามีเรื่องสำคัญจะหารือกับเขา”
“ข้าน้อยรับคำสั่ง!”
องค์หญิงเฉิงหยางเอนกายพิงเตียงหลัวฮั่น[1] พูดพึมพำกับตนเอง “พี่จู้หยาง ข้าช่วยท่านมากเพียงนี้ ท่านต้องตอบแทนข้าให้มาก”
…
องค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่ อายุยี่สิบปี คิ้วเข้มตาโต
แต่ระหว่างคิ้วของเขามักเผยให้เห็นถึงความเศร้าโศกและความอาฆาตที่ไม่เคยสลายไป
ภายนอกเขาเป็นผู้สูงส่ง แต่สถานการณ์ในเวลานี้ทำให้เขาตกอยู่ในอันตราย
เขาสามารถสัมผัสได้ว่าตั้งแต่ราชสำนักถึงภายในพระราชวัง มีพลังกลุ่มหนึ่งกำลังเคลื่อนไหวเพ่งเล็งมาทางเขา
แต่เขาไม่มีหนทางใดทั้งสิ้น
เขาไม่มีความสามารถเพียงพอ ไม่มีอำนาจเพียงพอ ไม่มีแม้แต่ความสามารถที่จะทำให้เสด็จพ่อแต่งตั้งมารดาของตนเองเป็นฮองเฮา
เขาครุ่นคิดเรื่องมากมายจนหัวแทบจะระเบิด
ปัง!
เขาทุบกำปั้นลงบนโต๊ะ
เขาเป็นเพียงแค่องค์ชาย
นอกจากครอบครองฐานะโอรสองค์โตแล้ว เขาก็เป็นองค์ชายที่ไร้ภัยคุกคามแต่อย่างใด
คนเหล่านั้นต้องพยายามกำจัดเขาเพียงนี้เชียวหรือ
บีบเขาให้ตายง่ายดายราวกับบีบมดตัวหนึ่ง
เฮอะๆ …
เขาหัวเราะเยาะตนเอง
บ่าวรับใช้ทูลรายงานว่าน้องหญิงตระกูลหลี่มาเยือน
ตระกูลหลี่คือตระกูลมารดาของเขา
เมื่อเขาได้ยินจึงตะโกนด้วยความโกรธ “บอกนางไปให้พ้น!”
คนตระกูลหลี่ที่ไร้ความสามารถ ดีแต่ดูดเลือดอยู่บนตัวของเขา
เพียงแค่ตระกูลหลี่มีบุรุษที่มีความสามารถอย่างน้อยหนึ่งคน พวกเขาก็คงไม่ต้องอาศัยการขายบุตรสาวเพื่อแลกกับความมั่งคั่งในหลายปีนี้
หลังจากนั้นชั่วครู่ บ่าวรับใช้เข้ามารบกวนอีก
เขารำคาญอย่างมาก “นางยังไม่ยอมไปหรือ”
“มิใช่พ่ะย่ะค่ะ องค์ชายทรงเข้าพระทัยผิดแล้ว องค์หญิงเฉิงหยางส่งคนมาเชิญองค์ชายเสด็จไปที่จวน ตรัสว่ามีเรื่องหารือพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่ตั้งสติขึ้นมาได้ในทันที
เขาหันกลับไปจ้องมองบ่าวรับใช้ “แน่ใจหรือว่าเสด็จอาเฉิงหยางส่งคนมา”
“แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ! เรื่องใหญ่เพียงนี้ กระหม่อมไม่พลาดอย่างแน่นอน”
องค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที “ปรนนิบัติข้าเปลี่ยนเสื้อผ้า!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
หลังจากแต่งตัวเรียบร้อย เขานั่งรถม้าเสด็จไปยังจวนองค์หญิงเฉิงหยาง
ไม่ต้องทูลรายงาน บ่าวรับใช้ของจวนองค์หญิงนำเขาเสด็จไปยังห้องโถงในเรือนด้านหลัง
…
“หลานถวายบังคมเสด็จอา!” องค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่เผยรอยยิ้มบนใบหน้า แสดงออกถึงความสนิทสนม
องค์หญิงเฉิงหยางดีใจ “รีบลุกขึ้น ครอบครัวเดียวกัน เหตุใดต้องมากพิธี หลายวันนี้เจ้าสบายดีหรือไม่ เจ้าทำงานในหยาเหมิน[2] ราบรื่นดีหรือไม่”
“ขอบพระทัยเสด็จอา หลานสบายดี”
“เห็นเจ้าเติบใหญ่อย่างปลอดภัย ข้าก็ดีใจยิ่งนัก เวลานี้เจ้าสบายดีทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องสมรส เสียดายมารดาของเจ้าจากไปเร็ว มิฉะนั้นเรื่องนี้คงไม่ต้องให้ข้าเป็นกังวลแทน”
องค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่ใจเต้นแรง “เสด็จอาจะทรงเป็นแม่สื่อให้หลานหรือ”
องค์หญิงเฉิงหยางโบกมือ “มิใช่อย่างนั้น ข้าได้ข่าวว่าฝ่าบาททรงคิดจะหมั้นหมายคุณหนูรองตระกูลเยียนให้เจ้า”
“ตระกูลเยียน?” องค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่ทำหน้าผงะ
องค์หญิงเฉิงหยางพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ใช่ คือตระกูลเยียนที่เจ้ากำลังคิดอยู่ตอนนี้ ตระกูลเยียน จวนท่านโหวกว่างหนิง”
องค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ลุกขึ้นโค้งคำนับอย่างจริงจัง “เสด็จอาทรงช่วยข้าด้วย”
องค์หญิงเฉิงหยางยกมือขึ้น “เจ้าไม่ต้องมากพิธี พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน หากข้าไม่ช่วยเจ้า เหตุใดข้าจึงส่งคนไปเชิญเจ้ามาได้ แต่เจ้าต้องบอกข้าก่อน เจ้าอยากสมรสกับคุณหนูตระกูลเยียนหรือไม่ ข้าเคยพบคุณหนูรองตระกูลเยียนมาก่อน นางมีรูปลักษณ์งดงาม อีกทั้งมีกิริยามารยาทที่ดี หากนางสมรสกับเจ้า อย่างน้อยนางก็ยังมีองครักษ์พกอาวุธห้าร้อยนายเป็นสินสมรส พวกเขาเป็นทหารเก่าแก่ที่เคยผ่านสนามรบมา ล้วนเป็นคนโหดเหี้ยมที่เคยเห็นเลือดมาก่อน”
องค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่หัวเราะเสียงขมขื่น “สิ่งที่เสด็จอาตรัสนั้นหลานเข้าใจ แต่สถานการณ์ของหลานในเวลานี้ หากสมรสกับคุณหนูตระกูลเยียน เกรงว่าจะตายเร็วยิ่งขึ้น”
องค์หญิงเฉิงหยางยิ้มอย่างมีนัย “ภายในใจของเจ้ากระจ่างยิ่งนัก แต่หากลองคิดกลับกัน หากเจ้าสมรสกับคุณหนูตระกูลเยียน เจ้าอาจได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเยียน รวมทั้งการสนับสนุนของแม่ทัพท่านอื่นด้วย”
“เป็นไปได้หรือ” องค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่เอ่ยถาม
สมรสกับสตรีตระกูลเยียนจะได้รับการสนับสนุนของแม่ทัพ เป็นไปได้หรือ
มารดาของเขาไม่ได้รับการแต่งตั้ง ทำให้ตัวตนของเขากระอักกระอ่วน
ทั้งที่เขาเป็นโอรสองค์โต แต่กลับไม่ได้รับการสนับสนุนจากขุนนางราชสำนัก ไม่ใช่เพียงเพราะเรื่องตัวตนไม่ได้รับการจัดการเสมอมาหรือ
ขุนนางฝ่ายปกครองออกห่างจากเขา ขุนนางฝ่ายทหารมีท่าทีลังเลต่อเขา
แม้จะได้รับการสนับสนุนจากเสด็จพ่อให้หมั้นหมายกับตระกูลที่ดี
แต่ไม่คิดว่าห่างจากงานสมรสเพียงครึ่งปี คุณหนูตระกูลหลิวจะตายอย่างประหลาด
นับจากนั้นมา เสด็จพ่อก็ไม่ยอมที่จะเหลือบมองเขาอีก
ราวกับเขาเป็นคนอัปมงคล
เวลานี้ เสด็จพ่อทรงหมั้นหมายเขากับคุณหนูตระกูลเยียน ใช้นิ้วเท้าคิดยังรู้ว่าเป็นความคิดของเถาฮองเฮา
แต่…
พระราชโองการยังไม่ออกมาหนึ่งวัน ย่อมมีหนทางในการเปลี่ยนแปลง
องค์หญิงเฉิงหยางยืนยันอีกครั้ง “เจ้ามั่นใจว่าเจ้าไม่ยินดีสมรสกับคุณหนูรองตระกูลเยียนจริงหรือ”
องค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่พยักหน้าอย่างหนักแน่น “หลานไม่ยินดีพ่ะย่ะค่ะ”
“แต่เจ้าเคยคิดหรือไม่ อายุของเจ้าไม่น้อยเจ้าแล้ว ย่อมต้องสมรสในไม่ช้า เจ้าคิดจะสมรสกับคุณหนูตระกูลใด เจ้าคิดจะสมรสกับตระกูลหลี่หรือ”
“หลานไม่สมรสกับตระกูลหลี่ ไม่มีทางสมรสกับผู้ใดในตระกูลหลี่”
“เจ้าจะสมรสกับผู้ใด เจ้าควรเข้าใจ เจ้าไม่มีการสนับสนุนจากตระกูลมารดา มีเพียงคาดหวังกับการสนับสนุนจากตระกูลพระชายา หากพลาดตระกูลหลิวไป เจ้าแน่ใจหรือว่าจะพลาดตระกูลเยียนไปอีก เรื่องอื่นข้าไม่อาจรับรองได้ แต่ข้ารับรองได้ว่าอายุขัยของคนตระกูลเยียนยืนยาว”
องค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่มองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ “หลานได้ยินว่า คุณหนูสี่ตระกูลเยียนพังทลายจวนองค์หญิงในงานเลี้ยง เหตุใดเสด็จอาจึงทรงชื่นชมตระกูลเยียน”
องค์หญิงเฉิงหยางส่ายหัว “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้ชื่นชมตระกูลเยียน หากแต่คำนึงแทนเจ้า เนื่องจากคุณหนูสี่ตระกูลเยียนพังทลายจวนองค์หญิงทำให้ข้าเห็นความเป็นไปได้อีกทางหนึ่ง”
“ทางใด” องค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่สงสัยอย่างมาก
องค์หญิงเฉิงหยางเลิกคิ้วยิ้ม “ตระกูลเยียนเป็นตระกูลที่มีความดีความชอบ ปักหลักอยู่ที่ชายแดน คนในตระกูลดุร้ายโหดเหี้ยม ข้าส่งคนไปสืบประเพณีของตระกูลเยียนมา สินสมรสเมื่อคุณหนูออกเรือน คือองครักษ์นับร้อยนาย”
“เจ้าเคยคิดหรือไม่ ถึงแม้คุณหนูหลิวไม่ตาย แต่นางก็อาจไม่เหมาะสมกับเจ้า หญิงสาวผู้นั้นอ่อนแอ นางจะรับมือกับเชื้อสายราชวงศ์ที่ดุร้ายราวกับเสือได้หรือ ในทางกลับกัน คุณหนูรองตระกูลเยียนเติบโตในชายแดนที่ป่าเถื่อน อีกทั้งในมือยังมีกองกำลัง หากเจ้าสมรสกับนาง จากนิสัยของคนตระกูลเยียน บางทีนางอาจช่วยเจ้าคลี่คลายสถานการณ์อันยากลำบากในเวลานี้”
องค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่ขมวดคิ้วครุ่นคิด
หลังจากนั้นชั่วครู่ เขาเอ่ยถาม “ตระกูลเยียนคงไม่ยอมให้บุตรสาวสมรสกับข้า ข้าคิดว่าตระกูลเยียนคงไหว้วานให้เสด็จอามาโน้มน้าวให้ข้าหาทางทำให้เสด็จพ่อล้มเลิกงานอภิเษกสมรสในคราวนี้ ในเมื่อเสด็จอาทรงรับปากช่วยตระกูลเยียนแล้ว เหตุใดจึงหันกลับมาโน้มน้าวให้ข้ายอมรับการสมรสนี้ ท่านไม่ทรงกลัวว่าเมื่อตระกูลเยียนรู้ความจริงแล้ว จะเกิดปัญหาหรือ”
องค์หญิงเฉิงหยางทรงหัวเราะ “ข้ากลัวตระกูลเยียน น่าขันสิ้นดี ตระกูลเยียนอยากปฏิเสธงานสมรสนี้ แต่พวกเขาไม่ลองคิดดู พระดำริของฝ่าบาทเปลี่ยนแปลงได้ง่ายดายอย่างนั้นหรือ อีกทั้งยังมีลมข้างหมอนของฮองเฮา เรื่องนี้ไม่ง่าย เจ้ามั่นใจที่จะทำให้ฝ่าบาททรงเปลี่ยนแปลงความคิด พระราชทานหญิงอื่นให้เจ้าหรือ”
องค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่ส่ายหัว “ข้าไม่มั่นใจ แต่ข้าก็ไม่อยากบังคับตนเองสมรสกับคุณหนูตระกูลเยียน สถานการณ์ของตระกูลเยียนไม่ได้ดีกว่าข้ามากนัก ราชสำนักอยากกำจัดแม่ทัพชายแดนเหล่านี้ให้เร็วที่สุด หากข้าสมรสกับคุณหนูรองตระกูลเยียน ย่อมเปรียบเสมือนคนที่ใกล้จมน้ำตายสองคนอยู่ด้วยกัน การอาศัยสตรีหาทางรอด…” เขาส่ายหัว “หากคาดหวังให้สตรีผู้หนึ่งหาทางรอดให้ สู้ข้าคาดหวังตนเองเสียดีกว่า อีกอย่างหญิงสาวที่เติบโตมาในตระกูลที่ป่าเถื่อน ใช่ว่าจะเหมาะสมเข้ามาในราชวงศ์มากกว่าหญิงสาวที่อ่อนโยน”
องค์หญิงเฉิงหยางทรงหัวเราะ “ข้าไม่บังคับเจ้า ในเมื่อเจ้าไม่ยินดี เจ้าต้องหาวิธีโน้มน้าวเสด็จพ่อของเจ้า ให้พระองค์พระราชทานหญิงอื่นให้เจ้า”
[1] เตียงหลัวฮั่น เป็นเครื่องเรือนสมัยโบราณของจีน ใช้สำหรับนั่งรับแขกหรือนอนเล่น ลักษณะคล้ายตั่งขนาดใหญ่ แต่ไม่ใช้เป็นเตียงนอนในห้องนอน
[2] หยาเหมิน[2] คือที่ว่าการท้องถิ่น