คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 280 แผนการ
ตอนที่ 280 แผนการ
เถาฮองเฮาทรงต้องการเป็นแม่สื่อให้จ้งซูหาว แต่กลับไม่ยอมออกหน้าเอง
นางมอบหมายภารกิจนี้ให้แก่ลูกสะใภ้อย่างเยียนอวิ๋นฉี ให้เยียนอวิ๋นฉีกลับไปถามความคิดเห็นของเซียวฮูหยิน หากสามารถผลักดันเรื่องนี้ให้ประสบความสำเร็จย่อมดีที่สุด
เยียนอวิ๋นฉี “…”
นางเต็มไปด้วยความสับสน
จ้งซูหาวชื่นชอบน้องสี่ขงตนเอง?
ล้อเล่นหรืออย่างไร
เมื่อปีที่เพิ่งเดินทางมาถึงเมืองหลวง น้องสี่พังทลายจวนองค์หญิง ผู้อื่นอาจลืมเรื่องนี้ไปแล้ว แต่นางยังไม่ลืม
หากน้องสี่แต่งเข้าจวนองค์หญิงจะไม่เป็นการเดินเข้าถ้ำเสือหรือ
หากองค์หญิงเฉิงหยางมีเจตนาร้ายแอบซ่อนอยู่ นางไม่กล้าแม้จะจินตนาการถึงผลที่ตามมา
นางปฏิเสธทันควัน
ใหขุนนางฝ่ายในทูลบอกเถาฮองเฮา “เรื่องคู่ครอวของน้องสี่ ข้าไม่สามารถแทรกแซงได้แม้แต่น้อย หากข้าเดินทางไปซักถามอย่างกะทันหัน เกรงว่าจะมีแต่ทำให้เสียเรื่อง เรี่องนี้ข้าช่วยไม่ได้ ขอฮองเฮาโปรดทรงอภัย”
ขุนนางฝ่ายในทำภารกิจที่เถาฮองเฮาทรงมอบหมายให้ไม่สำเร็จ เขาย่อมไม่พอใจอย่างมาก
“ท่านต้องคิดให้ดี ภารกิจที่ฮองเฮาทรงมอบหมายให้ ท่านจะปฏิเสธจริงหรือ”
“ไม่ได้จะปฏิเสธ แต่เกินกำลังที่ข้าจะช่วยได้ ข้ารู้ความสามรถของตนเองดี จึงไม่สร้างปัญหาให้ฮองเฮาเสียจะดีกว่า”
“ท่านคิดว่าฮองเฮาจะทรงเชื่อคำพูดของท่านหรือไม่ ผลที่ทำให้ฮองเฮาทรงขุ่นเคือง ท่านก็รู้ดี”
เยียนอวิ๋นฉีได้ยิน กลับหัวเราะออกมา “ข้าย่อมรู้ผลที่ตามมาดี! ดังนั้นขอให้ท่านทูลฮองเฮาตามความจริง เรื่องนี้ข้าทำไม่ได้”
ขุนนางฝ่ายในโกรธอย่างมาก เขาสะบัดแขนเสื้อจากไป
เยียนอวิ๋นฉีมองออกไปด้านนอกประตู คิ้วขมวดมุ่น
หลังจากนั้นสักพัก นางรับสั่งบ่าวรับใช้ “เตรียมรถ!”
…
เซียวฮูหยินประหลาดใจเมื่อรู้ว่าบุตรสาวคนที่สองกลับจวน
เมื่อแม่ลูกได้พบหน้ากัน นางจึงเอ่ยถาม “ไม่ใช่ช่วงเทศกาล เหตุใดวันนี้จึงกลับมา”
เยียนอวิ๋นฉีบอกให้บ่าวรับใช้ถอยไป จากนั้นพูดขึ้นอย่างจริงจัง “มีเรื่องหนึ่ง ข้าครุ่นคิดไปมา ไม่สะดวกให้คนมารายงานนัก ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจกลับมาด้วยตนเอง”
“เรื่องใด”
“ฮองเฮาทรงต้องการเป็นแม่สื่อสู่ขอน้องสี่แทนจ้งซูหาว อีกทั้งยังให้ข้ามาซักถามความคิดเห็นของท่านแม่ แต่ว่าข้าได้ปฏิเสธฮองเฮาไปแล้ว”
อะไรนะ
เซียวฮูหยินทำหน้าฉงน
ผ่านไปไม่นาน นางก็ดึงสติกลับมาได้ “เจ้าหมายความว่าองค์หญิงเฉิงหยางทรงโปรดปรานอวิ๋นเกอ ทูลขอให้เถาฮองเฮาเป็นแม่สื่อ เถาฮองเฮาทรงมอบหมายภารกิจนี้ให้เจ้า จากนั้นเจ้าปฏิเสธเถาฮองเฮา!”
เยียนอวิ๋นฉีพยักหน้า เรื่องเป็นเช่นนี้
เซียวฮูหยินหัวเราะออกมา “ข้าสงสัยอย่างมาก เหตุใดองค์หญิงเฉิงหยางจึงโปรดปรานอวิ๋นเกอ อีกทั้งยังไหว้วานให้เถาฮองเฮาช่วยเป็นแม่สื่อ การจับคู่ครั้งนี้ไม่เหมาะสม!”
“ข้าก็คิดเช่นนี้ องค์หญิงเฉิงหยางยังทรงแค้นใจเรื่องที่น้องสี่พังทลายจวนองค์หญิงในตอนนั้นหรือไม่ สู่ขอน้องสี่ก็เพื่อแก้แค้น?”
“เสียสละบุตรชายเพื่อแก้แค้นอวิ๋นเกอ? องค์หญิงเฉิงหยางจะโง่เขลาเพียงนั้น?”
เซียวฮูหยินส่ายหน้าด้วยความไม่เชื่อ
“เกรงว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด บนตัวของอวิ๋นเกอมีบางสิ่งที่ทำให้คนต้องการ เรือนพักร่ำรวยไม่คุณค่าแก่การพูดถึง แต่องครักษ์ที่เลี้ยงอยู่ในเรือนพักร่ำรวยกลับทำให้ทุกคนให้ความสำคัญ”
“ท่านแม่หมายความว่า องค์หญิงเฉิงหยางต้องการองครักษ์ของน้องสี่?”
“เป็นไปได้!”
เซียวฮูหยินไม่คุ้นเคยกับองค์หญิงเฉิงหยาง
ทั้งสองอายุห่างกัน ในวัยเด็กก็ไม่ค่อยได้พบหน้าไปมาหาสู่กัน
ตอนนั้น องค์หญิงเฉิงหยางถูกเลี้ยงไว้ในจวนอ๋อง ออกจากจวนน้อยครั้งมาก
เรื่องที่นางรู้จักเกี่ยวกับเฉิงหยางส่วนใหญ่ล้วนเป็นเรื่องที่ได้ยินมา
หากแต่นางกลับรู้จักฮ่องเต้หย่งไท่มากกว่า
ในวัยเด็ก ทั้งสองศึกษาอยู่ในห้องตำราเดียวกัน
ถึงแม้จะไม่ค่อยได้พูดคุย แต่พบหน้ากันเป็นประจำ อย่างไรก็พอจะรู้บ้าง
“นอกจากต้องการองครักษ์ของน้องสี่เจ้าแล้ว ข้าคิดเหตุผลที่องค์หญิงเฉิงหยางจะสู่ขอน้องสี่ของเจ้าแทนบุตรชายของนางไม่ออกเอาเสียเลย หากจ้งซูหาวเต็มใจ เขาจะสู่ขอองค์หญิงเป็นภรรยาย่อมได้ เหตุใดจึงต้องสละสิ่งที่อยู่ใกล้มือเพื่อไขว่คว้าสิ่งที่อยู่ห่างไกลอย่างน้องสี่ของเจ้า เรื่องนี้น่าประหลาดยิ่งนัก!”
เยียนอวิ๋นฉีถาม “ท่านแม่ต้องการให้ข้าทำอย่างไร”
เซียวฮูหยินเคาะโต๊ะเบาๆ “เจ้าอย่าปฏิเสธฮองเฮาอย่างเด็ดขาดเกินไป อย่างไรนางก็เป็นแม่สามีของเจ้า มีศักดิอยู่เหนือกว่าเจ้า เจ้าปฏิเสธนางในคราวนี้ นางย่อมต้องไม่พอใจ อีกทั้งยังจะส่งคนไปหาเจ้าที่จวนองค์ชาย เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าตอบรับไปตามน้ำก็พอ ผ่านไปสักสองสามวันเจ้าค่อยตอบนาง บอกว่าข้าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้”
“จะไม่เป็นประโยชน์ต่อท่านแม่หรือไม่”
“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้า เถาฮองเฮายังไม่กล้าทำอันใดข้า ถึงแม้นางจะข่มข้าได้ แต่ข้าก็มีวิธีตอบโต้นาง”
เยียนอวิ๋นฉีอ้าปาก เดิมทีนางอยากถามว่าท่านแม่มีวิธีใดตอบโต้เถาฮองเฮา
แต่เมื่อคำพูดมาถึงริมปาก นางก็เปลี่ยนใจ “เหตุใดวันนี้จึงไม่พบน้องสี่”
“หากเจ้ากลับมาเร็วกว่านี้หนึ่งชั่วยามก็สามารถพบกับน้องสี่ของเจ้าแล้ว นางออกนอกเมืองไปพักในเรือนพักร่ำรวยมาสักระยะ ถึงแม้ปีนี้จะดีกว่าปี่ที่แล้ว อย่างน้อยกามีฝนโปรยปรายลงมาหลายครั้ง แต่เรือนพักร่ำรวยตั้งอยู่ค่อนข้างสูง การใช้น้ำยังคงมีความยากลำบากเล็กน้อย นางต้องไปจับตาดู”
“ข้าได้ยินคนบอกว่าน้องสี่ได้เงินมาจากสำนักแรงงานก้อนหนึ่ง นอกจากนี้ยังได้ช่างฝีมือ พวกเขากำลังซ่อมแซมเขื่อนในเรือนพักร่ำรวย รวมทั้งยังขุดคูคลองอีกด้วย”
“ใช่! นางทำเรื่องใดก็สามารถทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้”
ถึงแม้น้ำเสียงของเซียวฮูหยินจะรังเกียจ แต่ดวงตาของนางกลับมีรอยยิ้ม
นางรู้สึกภาคภูมิใจในตัวของบุตรสาว
บุตรสาวของผู้ใดจะมีความสามารถยิ่งไปกว่าบุตรสาวของตนเอง
แม้แต่บุตรสาวของฮ่องเต้ก็ไม่อาจเทียบบุตรสาวของตนเองได้
เยียนอวิ๋นฉีสงสัยอย่างมาก “ข้ายังไม่เคยถามเลย ผู้ใดช่วยขอเงินจากสำนักแรงงานให้น้องสี่ สำนักแรงงานตระหนี่อย่างมาก คิดจะเอาเงินจากสำนักแรงงานไม่ใช่เรื่องง่าย”
“คนผู้นั้นเจ้าก็รู้จัก เขาคือเซียวอี้!”
“เซียวอี้?” เยียนอวิ๋นฉีรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก “ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน เหตุใดเขาจึงช่วยขอเงินจากสำนักหยาเหมินแทนน้องสี่ หรือว่าเขามีเจตนาใดต่อน้องสี่”
เซียวฮูหยินพยักหน้าระรัว ในที่สุดก็หาคนที่มีความเห็นตรงกับนางได้
นางพูดด้วยน้ำเสียงรังเกียจ “ข้าว่าเซียวอี้นั้นไม่มีเจตนาดีใดแม้แต่น้อย เขาย่อมมีแผนการต่อน้องสี่ของเจ้า แต่น้องสี่ของเจ้ายังแก้ตัวกับข้า บอกว่าเป็นเพียงความร่วมมือ นางโง่เขลายิ่งนัก
เซียวอี้ผู้นั้นเล่ห์เหลี่ยมมก ถึงแม้จะไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้แม้แต่น้อย แต่เขากลับใช้วิธีการที่ไร้เสียงเช่นนี้แทรกซึมเข้ามาในกิจการของน้องสี่เจ้า คนผู้นี้มีจิตใจลึกล้ำ อีกทั้งยังมีความอดทน เขาสามารถใช้เวลาหลายปีเข้าใกล้น้องสี่ของเจ้าอย่างเงียบๆ ถือว่าเป็นคนโหดเหี้ยม!
คนทั่วไปคงไม่มีความอดทนเช่นนี้ อีกทั้งไม่มีความมุ่งมั่นเช่นนี้ เขาไม่เอ่ยปากสู่ขอก็แล้วไป ข้าก็ไม่อาจพูดให้ชัดเจนเกินไป หากเขากล้าเอ่ยปากสู่ขอ พูดอย่างไรข้าก็ไม่ยอม เขาตัวคนเดียว ถูกท่านอ๋องตงผิงขับไล่ออกจากตระกูลมานานแล้ว แม้แต่คนในครอบครัวก็ไม่มี ไม่มีที่พึ่ง ยังต้องอาศัยชายคาของท่านลุงเขา ท่าโหวผิงอู่สืออุนอีก
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องความอาวุโสอีก อวิ๋นเฟยพี่ใหญ่ของเจ้าเป็นท่านป้าของเขา หากเขาแต่งกับอวิ๋นเกอ ระดับความอาวุโสก็มั่วไปหมด ระยะนี้เขาไม่อยู่ในเมืองหลวง เนื่องจากรับพระราชโองการนำทัพออกจากเมืองหลวงไปปราบปรามการจลาจล ข้าโล่งอกยิ่งนัก อวิ๋นเกอใกล้ถึงวัยปักปิ่น เรื่องคู่ครองถึงเวลาต้องเตรียมการ ข้ากังวลว่าเมื่อเขากลับมาถึงเมืองหลวงจะก่อเรื่องขึ้นทันที
พวกเราต้องฉวยโอกาสในช่วงที่เขาไม่อยู่ในเมืองหลวงรีบจัดการเรื่องคู่หมั้นของนางสี่เจ้าเสีย เสียดายเพียงเซิ่นซูเหวิน เด็กดีเพียงนั้น คู่ควรกับอวิ๋นเกอเช่นนั้น ทางตระกูลเซิ่นกลับไม่เห็นด้วย ข้าก็ไม่อาจบากหน้าไปขอให้พวกเขามาสู่ขออวิ๋นเกอ ทำให้คนดูถูก ทำให้อวิ๋นเกอไม่ได้รับความเป็นธรรม เฮ้อ…”
อย่างไรก็ตาม เซียวฮูหยินยังคงเสียดายอย่างมากที่อวิ๋นเกอพลาดเซิ่นซูเหวินไป
ทั้งสองล้วนเป็นเด็กดี นิสัยและความรู้ของเซิ่นซูเหวินล้วนไม่มีปัญหา บุตรเขยที่ดีเช่นนี้ สุดท้ายกลับไม่มีวาสนาต่อกัน
เมื่อพลาดเซิ่นซูเหวินไปแล้ว จะไปหาหลี่ซูเหวิน จางซูเหวินได้จากที่ใด
เซียวฮูหยินโปรดปรานบัณฑิตมากกว่า
นางอยากให้เยียนอวิ๋นเกอแต่งงานกับบัณฑิตที่สุภาพ หากแต่ไม่ใช่แม่ทัพที่โหดเหี้ยม นำทัพตลอดทั้งปีอย่างเซียวอี้
เยียนอวิ๋นฉีพูด “แม้พี่เซิ่นจะดีมากก็จริง แต่เรื่องคู่ครองไม่อาจบังคับได้ ท่านลุงเซิ่นไม่เห็นด้วยกับงานแต่งคราวนี้ พวกเราก็ไม่อาจไปอ้อนวอนด้วยความไร้ยางอายให้คนมีครหา ทำราวกับน้องสี่ขายไม่ออ จำเป็นต้องแต่งกับตระกูลเซิ่นเท่านั้น”
เซียวฮูหยินพยักหน้าระรัว “ถูกต้อง! ดังนั้นหลังจากได้รับจดหมายจากตระกูลเซิ่นแล้ว แม้จะเสียดาย แต่ข้าก็ล้มเลิกความคิด ระยะหลายเดือนมานี้ ข้าดูตัวแทนอวิ๋นเกอหลายตระกูล แต่ก็ยังไม่เหมาะสม เวลานี้ข้ากลุ้มใจยิ่งนัก!
นอกจากนี้ น้องสี่ของเจ้าดื้อรั้น ถึงแม้จะไม่พูดว่าไม่อยากออกเรือนแล้ว แต่ท่าทีของนางยังคงไม่จริงจัง ข้ากังวลว่าหากมีคนที่ถูกใจ นางจะทำให้ล้มเหลวอีก”
เยียนอวิ๋นฉีนึกวิธีหนึ่งขึ้นมาได้ “เวลานี้องค์หญิงเฉิงหยางทรงโปรดปรานน้องสี่ อยากจะสู่ขอน้องสี่เป็นลูกสะใภ้ หากท่านแม่ไม่อาจปฏิเสธได้ สู้ให้น้องสี่ล้มการหมั้นหมายในคราวนี้ด้วยตนเอง ข้ารู้สึกว่าน้องสี่แต่งงานกับจ้งซูหาว เรื่องนี้ไม่น่าไว้ใจนัก”
ไม่น่าไว้ใจจริงๆ!
คนที่ห่างไกลกันเป็นโยนชน์ เหตุใดจึงบังเกิดความคิดแต่งงานกันขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่ามีจุดประสงค์บางอย่าง
เซียวฮูหยินพูดกับนาง “เจ้ารับมือกับเถาฮองเฮาก็พอ ส่วนทางองค์หญิงเฉิงหยาง ข้าจัดการเอง อย่างไรก็ต้องรู้จุดประสงค์ของอีกฝ่ายให้ได้”
เยียนอวิ๋นฉีพยักหน้า “ท่านแม่พูดถูก!”