คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 298 หวั่นไหว
ตอนที่ 298 หวั่นไหว
“ตระกูลจ้งก็เลี้ยงองครักษ์ได้! อีกทั้งยังสามารถเลี้ยงองครักษ์ได้มากกว่าเรือนพักร่ำรวย”
องค์หญิงเฉิงหยางแทบจะกัดฟันพูด
นางไม่พอใจต่อความดื้อรั้นของบุตรชายอย่างมาก
จ้งซูหาวกลับส่ายหน้าระรัว “ไม่เหมือนกัน! องครักษ์ของเรือนพักร่ำรวยฝึกฝนออกมาจากองครักษ์ของตำหนักบูรพาภายใต้นาขององค์หญิงจู้หยาง ตระกูลจ้งของพวกเราขาดแคลนการฝึกฝน องครักษ์ของพวกเราอาจสู้กับคนทั่วไปได้ แต่หากเผชิญหน้ากับกองทัพจริงๆ โดยเฉพาะกองทัพที่เคยผ่านสนามรบมานั้น คงไม่อาจชนะได้แม้แต่น้อย
ปีก่อน กองทัพเหนือปลงพระชนม์เชื้อพระวงศ์ตามพระราชโองการเท็จ ข้าเป็นคนนำองครักษ์ปะทะกับขบวนย่อยหนึ่งของกองทัพเหนือ กองลังพลของเราห้าเท่ายังไม่พอสู้กับกองทัพเหนือขบวนเล็ก นี่คือความแตกต่าง! หากต้องการชดเชยความแตกต่างนี้ ยังมีสิ่งใดเร็วกว่าการแต่งงานกับหญิงสาวที่มีกำลังพลหลายพันเป็นสินสอด”
องค์หญิงเฉิงหยางขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
ร่งเงยหน้าขึ้นมองบุตรชายอยู่นาน “เจ้าบอกมาตรงๆ เจ้าชอบเยียนอวิ๋นเกอใช่หรือไม่ จึงจำเป็นต้องเป็นนาง”
“ข้าไม่ได้ชอบนาง!”
“เจ้าโกหก! เจ้าว่าเจ้าชอบเยียนอวิ๋นเกอ สินสอดใด ทหารผู้กล้าใดล้วนเป็นข้อแก้ตัวของเจ้า เจ้าแค่ตกหลุมรักเยียนวิ๋นเกอ”
องค์หญิงเฉิงหยางโกรธมาก
จ้งซูหาวยังคงปฏิเสธ “ท่านแม่เข้าใจข้าผิดแล้ว”
เฮอะๆ!
องค์หญิงเฉิงหยางหัวเราะเยาะซ้ำแล้วซ้ำอีก “เจ้าเกิดมาจากข้า ข้าจะไม่รู้อุปนิสัยของเจ้าได้อย่างไร อย่าแสร้งทำเป็นจริงจัง ยิ่งเจ้าจริงจังเท่าใด เจ้ายิ่งดูร้อนตัวเท่านั้น”
จ้งซูหาวพูดไม่ออก
องค์หญิงเฉิงหยางยิ้มเหน็บแนม “บอกมา เจ้ามีความคิดเช่นนั้นต่อเยียนอวิ๋นเกอตั้งแต่เมื่อใด หญิงสาวชาวป่านั้นมีดีอย่างไร ทำให้เจ้ายอมละทิ้งคุณหนูตระกูลชุย”
จ้งซูหาวยิ้มอย่างขมขื่น “ท่านแม่เข้าใจข้าผิดแล้ว ข้าไม่มีความคิดอื่นใดต่อเยียนอวิ๋นเกอ”
“เจ้าเอาแต่บอกว่าไม่มีความคิดอื่นใดต่อเยียนอวิ๋นเกอ ในเมื่อองค์หญิงจู้หยางปฏิเสธการสู่ขอของข้าแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็แต่งงานกับคุณหนูตระกูลชุย อย่างไรก็ต้องแต่งงาน อย่างน้อยตระกูลชุยก็ดีกว่าตระกูลเยียนอยู่มาก”
จ้งซูหาวนวดหัวคิ้ว “ไม่เหมือนกัน”
องค์หญิงเฉิงหยางหัวเราะ “ข้ารู้ว่าเจ้ามีความคิดบางอย่างภายในใจ แต่กลับพูดไม่เหมือนที่ใจคิด เจ้าอยากแต่งงานกับเยียนอวิ๋นเกอ แต่เยียนอวิ๋นเกอไม่อยากแต่งงานกับเจ้า”
จ้งซูหาวกลับพูด “นางอยากหรือไม่นั้นไม่สำคัญ เมื่อเป็นสามีภรรยาแล้ว มีบุตรแล้ว หัวใจที่เย็นชาและแข็งกระด้างเพียงใดก็อบอุ่นขึ้นมาได้”
องค์หญิงเฉิงหยางหัวเราะเยาะ “ข้าบอกเจ้า ข้าไม่มีทางทูลขอพระราชโองการ เจ้ารีบตัดใจเสีย”
จ้งซูหาวขมวดคิ้วด้วยสีหน้าผิดหวัง “ท่านแม่อย่าได้ยึดความคิดตนเองเป็นใหญ่”
องค์หญิงเฉิงหยางตำหนิ “เจ้าต่างหากที่อย่าได้ยึดความคิดตนเองเป็นใหญ่! เหตุใดข้าจึงมีบุตรอย่างเจ้า เจ้าไม่เด็กแล้ว แต่ก็ไม่รีบร้อนเรื่องคู่ครองแม้แต่น้อย กว่าจะหลุดปากยอมแต่งงานได้ แต่กลับเจาะจงเยียนอวิ๋นเกอ
เยียนวิ๋นเกอ นอกจากหาเงินเก่ง มีสินสอดมากแล้ว นางสมควรได้รับการยกย่องเรื่องใดอีก นางทั้งไม่มีคุณธรรม ทั้งไม่อ่อนโยน แค่ดูก็รู้ว่านางไม่อยู่อย่างสงบ อย่าลืม ตอนนั้นที่นางพังจวนองค์หญิงเท่ากับตบหน้าข้า”
“เรื่องเมื่อหลายปีก่อนแล้ว เหตุใดท่านแม่ต้องเอาเรื่องนี้มาพูดอีก”
“ข้าก็จะพูดเรื่องเก่า! ข้าบอกเจ้าอย่างชัดเจน ในเมื่อจู้หยางปฏิเสธการสู่ขอของข้า เรื่องนี้ก็จบเพียงเท่านี้!”
“หากข้าสามารถโน้มน้าวให้องค์หญิงจู้หยางเปลี่ยนใจได้ ท่านแม่จะยอมรับปากหรือไม่”
องค์หญิงเฉิงหยางหรี่ตาลงด้วยสีหน้าประหลาด “เจ้าจะเอาแค่เยียนอวิ๋นเกอเท่านั้นจริงหรือ ตามที่ข้ารู้ เจ้าไม่ได้มีการติดต่อกับนางเป็นการส่วนตัว เหตุใดเจ้าจึงต้องเจาะจงนาง เจ้าช่างเหลวไหล!”
“ท่านแม่ตอบข้าเสียก่อนเถิด หากข้าสามารถโน้มน้าวให้องค์หญิงจู้หยางเปลี่ยนใจได้ ท่านแม่จะยังคัดค้านหรือไม่”
จ้งซูหาวมีความเพียรอย่างมาก
องค์หญิงเฉิงหยางโกรธมาก
นางหายใจเข้าลึกๆ “รอเจ้าโน้มน้าวจู้หยางให้ได้ก่อนค่อยมาเจรจาเรื่องงานแต่ง เวลานี้เจ้าบอกข้ามา เหตุใดเจ้าจึงต้องการเพียงเยียนอวิ๋นเกอ นางมีดีอย่างไร”
จ้งซูหาวก้มหน้ายิ้ม ส่ายหัวอย่างหมดหนทางเล็กน้อย
“คนส่วนใหญ่ล้วนใช้กฎเกณฑ์ในการตัดสินเยียนอวิ๋นเกอ นางไม่รักษากฎเกณฑ์ ดังนั้นนางจึงไม่อ่อนโยน ไม่รู้จักการปรนนิบัติรับใช้สามี ไม่ใช่คู่ครองที่ดี อีกทั้งยังมีคนบอกว่านางเป็นตัวป่วนเรือน แต่เดิมทีนางก็ไม่ใช่กุลสตรีทั่วไป เหตุใดจึงต้องนำกฏเกณฑ์ที่ไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงไปใช้กับนาง”
“ไม่สนใจกฎเกณฑ์ บนตัวนางเต็มไปด้วยข้อดี ความกล้าหาญที่จะลงมือทำและยอมรับผลของการกระทำ นางไม่ขาดสิ่งใดเลยแม้แต่น้อย วิสัยทัศน์ ความมั่นใจ ความมุ่งมั่นของนางยิ่งโดดเด่น! ในฐานะสตรี นางสามารถนำองครักษ์นับพัน มันช่างเป็นความกล้าหาญที่พิเศษเสียจริง”
“นางมีพละกำลังมากแต่กำเนิด ฝีมือการยิงธนูไม่มีผู้ใดเทียบได้ ไม่เกรงกลัวภัยคุกคามแม้แต่น้อย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นข้อดี เหตุใดทุกคนจึงมองไม่เห็น สตรีมีคุณธรรมหลากหลายพันคน แต่มีเพียงเยียนอวิ๋นเกอที่มีความกล้าและวิสัยทัศน์! สตรีเช่นนี้ ข้ารู้สึกโชคดีที่นางยังไม่แต่งงาน ทำให้ข้ายังมีโอกาส”
องค์หญิงเฉิงหยางขมวดคิ้วด้วยความกังวลอย่างมาก
นางมองเห็นแสงสว่างในดวงตาของบุตรชาย มันเป็นแสงที่สุกใส
แสงสว่างนั้นมาจากเยียนอวิ๋นเกอ ซึ่งมันทำให้นางอดที่จะตื่นตระหนกไม่ได้
นางมั่นใจได้ว่าบุตรชายของนางกำลังหวั่นไหว!
ดังนั้นเขาจึงไม่ยอมแพ้เพื่อไขว่คว้า
องค์หญิงเฉิงหยางถอนหายใจ “ข้าเห็นความมุ่งมั่นของเจ้าแล้ว แต่ข้าจำเป็นต้องตักเตือนเจ้า ไม่ว่าอย่างไรจู้หยางก็ไม่มีทางยกเยียนอวิ๋นเกอให้เจ้า! เจ้ารีบล้มเลิกความคิดนี้เสีย!”
“ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นไปไม่ได้”
“เจ้าไม่เจออุปสรรคจะไม่ยอมหันหลังกลับใช่หรือไม่ เจ้าคิดแต่จะแต่งงานกับเยียนอวิ๋นเกอ เจ้าพูดถูก นางดีมากก็จริง แต่เจ้ามี่ความจำเป็นต้องแต่งงานกับหญิงสาวที่ ‘ดี’ เช่นนี้หรือ แต่งงานกับหญิงสาวที่อ่อนแอไม่ดีหรือ เจ้าเชื่อหรือไม่ หากเจ้าแต่งงานกับเยียนอวิ๋นเกอ ชีวิตขอพวกเจ้าย่อมไม่งดงามเหมือนที่เจ้าคิด นางไม่มีทางอยู่ปรนนิบัติสามีที่เรือนพัก หากเจ้าคาดหวังว่านางจะต้อนรับเจ้าที่หน้าประตูทุกวัน เจ้าคงกำลังฝัน!”
องค์หญิงเฉิงหยางพูดบนหลักของความเป็นจริงอย่างมาก
เมื่อแต่งงานกับเยียนอวิ๋นเกอแล้ว คาดหวังให้นางเชื่อฟังสามีคงเป็นไปไม่ได้
หญิงสาวที่มีความคิดของตนเองเพียงนั้น หากให้นางเชื่อฟังก็ราวกับฝันกลางวัน
จ้งซูหาวยิ้ม “เรื่องที่ท่านแม่พูดข้าล้วนเคยคิด ท่านแม่เข้าใจข้าผิดแล้ว มักคิดว่าข้าอยากแต่งงานกับเยียนอวิ๋นเกอเพราะความวู่วาม แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น เรื่องนี้ข้าไตร่ตรองมาอย่างรอบคอบในทุกด้านแล้ว ปัญหาและความขัดแย้งทั้งหมด ข้าล้วนเตรียมการเอาไว้ ข้าเชื่อว่าตนเองจะรับมือได้ สามารถหาวิธีที่เหมาะสมกับการอยู่ร่วมกันของคนทั้งสองได้”
องค์หญิงเฉิงหยางนวดคลึงขมับ “ท้ายที่สุดแล้ว หากเจ้ายืนกรานอยากจะแต่ง ไม่ว่าข้าจะพยายามโน้มน้าวเจ้าอย่างไร เจ้าก็ยังไม่ยอมฟัง ใช่หรือไม่”
“ท่านแม่ให้ข้าได้ลองเถิด หากข้าต้องประสบกับอุปสรรคจริง ไม่แน่ว่าข้าอาจหันหลังกลับไปแต่งงานกับผู้อื่นก็เป็นได้”
องค์หญิงเฉิงหยางพ่ายแพ้ นางโบกมือ “เอาเถิด เอาเถิด ตามใจเจ้า แต่ข้าขอพูดก่อน ข้าไม่ช่วยเจ้า ทุกอย่างต้องอาศัยตัวเจ้าเอง”
“ขอบพระคุณท่านแม่! ตราบใดที่ท่านแม่ไม่คัดค้าน ย่อมเป็นกำลังใจให้ข้าได้ดีที่สุด!”
จ้งซูหาวยิ้มอย่างพึงพอใจ
องค์หญิงเฉิงหยางถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างหมดหนทาง
ผู้ที่เป็นแม่ไม่ชนะบุตรของตนเองได้เสมอ
…
จ้งซูหาวส่งคนไปส่งเทียบยังจวนองค์หญิงจู้หยาง พร้อมทั้งเลือกวันที่จะมาเยือน
“เขาไม่ยอมแพ้เสียจริง!”
เซียวฮูหยินถือเทียบด้วยความกลุ้ม
การ์ดอวยพรรู้สึกเศร้าเล็กน้อย
เยียนอวิ๋นเกอเหลือบมองเนื้อหาในเทียบ “ตัวหนังสือของจ้งซูหาวงดงามดี”
เซียวฮูหยินหัวเราะแล้วพูดขึ้น “ถึงแม้จ้งซูหาวจะไม่โดดเด่น แต่เขาก็เป็นศิษย์ของอาจารย์หยู ศึกษาอยู่ข้างกายอาจารย์หยูแต่เด็ก เขามักทำตัวไม่โดดเด่น ไม่แสดงออกหน้าผู้อื่น”
อ่อ!
“ท่านแม่ดูจะพอใจกับจ้งซูหาวไม่น้อย?”
“ข้าไม่มีอคติต่อเขา เขาเป็นเด็กดี แต่องค์หญิงเฉิงหยางมารดาของเขา ข้าไม่อยากมีความเกี่ยวข้องกับเฉิงหยางเสียจริง ยิ่งไม่อยากเป็นญาติกับเฉิงหยาง”
แต่การแต่งงานคือการสานสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูล
ตราบใดที่แต่งงาน เซียวฮูหยินไม่มีทางไม่ติดต่อกับเฉิงหยางได้
เยียนอวิ๋นเกอถาม “ท่านแม่จะพบเขาหรือไม่”
เซียวฮูหยินถามกลับ “เจ้าอยากให้ข้าพบเขาหรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “พบก็ไม่เรื่องเสียหาย ลองฟังเขาพูดก่อน พวกเราก็ถือโอกาสนี้ชี้แจงให้ชัดเจน ทั้งสองตระกูลจะเป็นครอบครัวกันไม่ได้ ให้เขายอมแพ้โดยเร็วที่สุด ด้านนอกมีกุลสตรีงดงามมากมาย ด้วยเงื่อนไขของเขา เขาย่อมสามารถแต่งงานกับสตรีอื่นๆ ได้มากมาย”
“ได้! ข้าจะลองฟังสิ่งที่เขาพูดก่อน ส่วนเจ้าก็ใส่ใจบ้าง ต่อจากนี้จะมีคนมากขึ้นสนใจเรื่องหมั้นหมายของเจ้า หากมันดึงดูดความสนใจของฮ่องเต้ ถึงเวลานั้นคงจะต้องตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ”
เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า “ข้าเชื่อฟังท่านแม่”
นางจะใส่ใจเรื่องแต่งงานของตนเองอย่างไร
ไม่มีเป้าหมายที่เหมาะสม จะให้นางแต่งงานกับผู้ใดก็ได้หรือ
หนีไปเสียดีหรือไม่!
เยียนอวิ๋นเกอเกิดความคิดที่จะ “หนี” ไม่เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
หนีออกจากเมืองหลวง นางไม่เชื่อว่าฮ่องเต้ยังจะบังคับให้นางแต่งงานได้
…
วันที่จ้งซูหาวมาเยือน ท้องฟ้าสดใส ไร้ซึ่งก้อนเมฆ
อากาศที่ดีเช่นนี้เหมาะแก่การนอนเล่นอยู่ในจวน!
หลังจากรายงาน จ้งซูหาวก็ได้รับเชิญให้ไปนั่งที่ห้องโถง
เขาโค้งคำนับเซียวฮูหยินด้วยประเพณีของผู้น้อย ท่าทีเคารพอย่างมาก!
ใบหน้าของเซียวฮูหยินเปื้อนยิ้ม ทักทายให้เขาดื่มชา
เริ่มแรกให้พูดคุยสัพเพเหระ
ตั้งแต่คนในตระกูลจนถึงความชอบส่วนตัว งานอดิเรกประจำวัน และสถานการณ์การคบสหาย
เซียวฮูหยินรู้จักจ้งซูหาวพอประมาณผ่านการพูดคุย
รูปลักษณ์ของจ้งซูหาวไร้ที่ติ สง่างามแต่ก็สุขุม
กิริยาวาจามีขอบเขต ไม่ถ่อมตนแต่ก็ไม่หยิ่งยโส
รู้จักพูดอย่างมาก
เซียวฮูหยินเกือบถูกเขาเบี่ยงเบนประเด็นไปหลายครั้ง
ดูอย่างไร จ้งซูหาวก็เป็นนายน้อยตระกูลใหญ่ที่เหมาะสม มีพื้นฐานจาะตระกูลขุนนาง รวมทั้งมีความถ่อมตนของตระกูลขุนนาง
เซียวฮูหยินเองยังต้องยอมรับ หากมองเพียงตัวของจ้งซูหาว เขาถือเป็นคู่ครองที่ดี
เพียงแต่…
“เจตนาของเจ้าข้าพอจะรู้อยู่บ้างแล้ว ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะใส่ใจเรื่องนี้เพียงนี้ ยังอุตส่าห์เดินทางมาด้วยตนเอง เจ้ามีใจแล้ว! เพียงแต่ก่อนหน้านี้ข้าปฏิเสธมารดาของเจ้า องค์หญิงเฉิงหยางไปแล้ว เหตุผลก็บอกกล่าวอย่างชัดเจน ตระกูลของพวกเราไม่เหมาะสมที่จะปรองดองกัน ข้าคิดว่าเหตุผลนี้เพียงพอแล้ว!”
จ้งซูหาวโน้มตัวเล็กน้อย “ข้ารู้ว่าการเดินทางมาเยือนกะทันหันเกินไป แต่ข้าจริงใจที่จะแต่งงานกับคุณหนูสี่ ข้าขอให้องค์หญิงให้โอกาสข้าครั้งสุดท้าย ให้ข้าได้พบคุณหนูสี่ หากนางปฏิเสธข้าด้วยตนเอง ข้ารับรองว่าต่อจากนี้จะไม่ตามเกาะแกะ นับจากนี้ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน!”