คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 300 หุบปาก
ตอนที่ 300 หุบปาก
ความจริงใจจึงจะโน้มน้าวใจคนได้
เยียนอวิ๋นเกอหวั่นไหวเล็กน้อย
คำปฏิเสธที่อยากจะพูดในเดิมทีกลายเป็น “ข้าขอคิดดูก่อน!”
จ้งซูหาวพูดด้วยความโล่งอก “คิดนานเท่าใดก็ได้!”
เยียนอวิ๋นเกอถามคำถามที่ประหลาดออกมา “ไม่กลัวข้าตีเจ้า?”
จ้งซูหาวผงะไป ก่อนจะหัวเราะออกมา “เจ้าอาจสู้ข้าไม่ได้ก็ได้ แน่นอน หากเจ้าจะตี ข้าจะเป็นฝ่ายยอมแพ้”
เด็ดขาดเพียงนี้เชียว!
มั่นใจไม่น้อย!
เยียนอวิ๋นเกอเม้มปากยิ้ม “หากข้าบอกว่าข้าจะกำหนดเวลามีบุตรเอง หรืออาจไม่มีบุตรเลย เจ้าก็ยอมรับได้หรือ”
จ้งซูหาวถามนางกลับ “เจ้าไม่ต้องการผู้สืบทอดหรือ เด็กตัวนุ่ม ยิ้มไร้ฟัน น่ารักเพียงใดกัน!”
เยียนอวิ๋นเกอ “…”
นางกระแอมไอเสียงเบา
นางไม่มีทางยอมรับว่านางกลัวเด็กที่ตัวอ่อนนุ่ม
สักพัก นางจึงพูดขึ้นอีกครั้ง “องค์หญิงเฉิงหยาง มารดาของท่านไม่ชอบข้า”
จ้งซูหาวมั่นใจอย่างมาก “ความเห็นของนางไม่สำคัญ”
เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ “หากองค์หญิงเฉิงหยางได้ยิน เกรงว่านางคงจะโกรธจนล้มป่วย”
จ้งซูหาวกลับพูด “ท่านแม่ข้าแข็งแรงมาก นางมักจะรำกระบี่ทุกวัน”
เอ๊ะ?
องค์หญิงเฉิงหยางมีความสามารถด้านนี้ด้วย
เขาอธิบาย “ไม่ใช่รำกระบี่แบบที่เจ้าคิด แต่เป็นการรำกระบี่เพื่อสุขภาพ แต่ก่อนมีนักพรตผู้หนึ่งสอนมา หลังจากศึกษาแล้ว ขยันหมั่นเพียรในการฝึกฝน มีประโยชน์ต่อสุขภาพ”
เยียนอวิ๋นเกอถามทันที “วิชารำกระบี่สุขภาพนี้สามารถ่ายทอดให้ท่านแม่ข้าได้หรือไม่ นางอายุมากแล้ว ร่างกายไม่เหมือนแต่ก่อน”
“ข้าจะกลับไปรวบรวมวิชารำกระบี่สุขภาพเป็นตำราส่งมาให้เจ้า หากมีเรื่องที่ไม่เข้าใจ ข้าสามารถเป็นอาจารย์ถ่ายทอดวิชาให้องค์หญิงให้ได้ระยะหนึ่ง”
“เจ้าก็รำเป็นหรือ!”
“ไม่ปิดบังเจ้า วิชารำกระบี่สุขภาพนี้ ข้าเป็นผู้ร่ำเรียนมาจากนักพรตก่อน จากนั้นถ่ายทอดให้ท่านแม่ของข้า อย่ามองว่านางอยู่สุขสบาย ความจริงแล้วร่างกายแข็งแรงมาก”
เยียนอวิ๋นเกอเต็มไปด้วยความสนใจต่อวิชารำกระบี่สุขภาพนี้ นางรีบร้อนที่จะเรียนรู้มัน
จ้งซูหาวเป็นคนมีความรอบรู้เสียจริง
เขาสุ่มหักกิ่งไม้และโบกสะบัดมันขึ้นมาทันที
ท่าทางนั้นไม่ยาก มีแค่ท่าทางง่ายดายเพียงไม่กี่กระบวนท่า เมื่อร่ายรำขึ้นมาจึงงดงามอย่างมาก
เยียนอวิ๋นเกอดูเพียงครั้งเดียวก็ยกกิ่งไม้ขึ้นร่ายรำตาม นางสามารถเรียนรู้ได้อย่างว่องไว
จ้งซูหาวพูดด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนไม่จำเป็นต้องรวบรวมเป็นตำราแล้ว ข้าจะสอนวิชารำกระบี่ชุดนี้แก่เจ้า จากนั้นเจ้าถ่ายทอดให้องค์หญิงอีกที”
“จริงหรือ”
“ไม่กล้าโกหก!”
ดังนั้น คนหนึ่งมีหน้าที่สอน ส่วนอีกคนมีหน้าที่เรียน บรรยากาศสนุกสนาน
…
เมื่อเซียวฮูหยินเห็นว่าผ่านไปเป็นเวลานาน แต่ยังไม่เห็นคนกลับมา
นางจึงเป็นกังวล…
หรือทั้งสองคนเจรจากันล้มเหลว ลงไม้ลงมือกันขึ้นมา?
ดังนั้นนางจึงนำคนไปดูสถานการณ์ที่สวนดอกไม้ด้วยตนเอง
มองจากระยะไกลคิดว่าพวกเขากำลังต่อสู้กัน
เซียวฮูหยินร้อนใจ อดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้า
เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ๆ จึงได้รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิด
ทั้งวสองพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศกลมเกลียวมาน้อย
“พวกเขากำลังทำสิ่งใด เหตุใดจึงไม่ตกปลา”
เยียนอวิ๋นเกอได้ยินจึงวากิ่งไม่ลง วิ่งมาตรงหน้าของเซียวฮูหยิน “ท่านแม่ นายน้อยจ้งมีวิชารำกระบี่ชุดหนึ่ง บอกว่าได้ผลดีมาก ข้าเรียนมาแล้ว วันอื่นจะสอนท่านแม่รำกระบี่สุขภาพ”
เซียวฮูหยินมองนางด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้บอกว่าตกปลาหรือ เหตุใดจึงเรียนรำกระบี่ขึ้นมา”
“ปลาตกเมื่อใดก็ได้ วิชารำกระบี่สุขภาพสามารถพบเจอได้ แต่ไม่สามารถเรียกร้องมันมาได้”
เยียนอวิ๋นเกอมีเหตุผลอย่างมาก
“อืม” เซียวฮูหยินส่งเสียงตอบรับ พลันเชื้อเชิญจ้งซูหาว “นายน้อยจ้งอยู่ทานอาหารในจวนก่อน ข้าสั่งให้ห้องครัวเตรียมอาหารเอาไว้แล้ว”
จ้งซูหาวยินดีอย่างมาก แต่แล้วเขากลับปฏิเสธโอกาสนี้
เขารู้ว่าควรหยุดเมื่อใด องค์หญิงจู้หยางอาจไม่ต้องการให้เขาอยู่ต่อก็เป็นได้
“ขอบพระคุณองค์หญิง! วันนี้รบกวนเป็นเวลานานแล้ว สมควรลาไปแล้ว!”
เซียวฮูหยินพูดรั้งเขาเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นเขายืนกรานจะไป นางก็ไม่ได้บังคับ
ทันใดนั้น นางให้พ่อบ้านส่งจ้งซูหาวออกจากจวน
หลังจากนั้น เซียวฮูหยินให้บ่าวรับใช้ถอยไป
แม่ลูกสองคนนั่งอยู่ในศาลา
เมื่อเยียนอวิ๋นเกอได้ยิน นางจึงกังวลเล็กน้อย “ท่านแม่โกรธหรือ”
ท่านแม่ที่ไม่ชื่นชอบการตกปลากลับบอกว่าจะตกปลากับนาง ปัญหาร้ายแรงนัก
เซียวฮูหยินส่ายหน้า “ข้าไม่ได้โกรธ ตอนมาข้าเห็นเจ้ากับจ้งซูหาวพูดคุยอย่างสนุกสนาน เจ้าพอใจเขามาก?”
เยียนอวิ๋นเกอพูดด้วยความลังเล “ไม่ได้พอใจมาก แต่อย่างน้อยก็ไม่เกลียด”
ชะงักไปชั่วครู่ นางก็พูดต่อ “เขามีความจริงใจอย่างมาก ไตร่ตรองก็รอบคอบอย่างมาก เห็นได้ชัดวาเขาคำนึงมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาเองก็ยอมรับว่าเขาเป็นคนเสนอให้สู่ขอ ความจริงแล้วองค์หญิงเฉิงหยางไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ตั้งแต่แรก”
“สามารดูออก!” เซียวฮูหยินถามด้วยความลังเล “เจ้ายินดีที่จะแต่งงานกับเขาหรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอส่ายหน้า “ไม่ปิดบังท่านแม่ เวลานี้ข้ายังตัดสินใจไม่ได้ ข้าต้องไตร่ตรองดูก่อน ข้าไม่อาจตัดสินใจด้วยอารมณ์เพียงชั่ววูบเพราะความจริงใจของเขา ข้าควรจะสงบสติก่อน จากนั้นค่อยไตร่ตรองเรื่องนี้”
เซียวฮูหยินยิ้มอย่างพอใจ นางกุมมือของเยียนอวิ๋นเกอแน่น “ก่อนหน้านี้ ข้ากลัวเจ้าจะวู่วาม ทำในสิ่งที่จะทำให้ตนเองเสียใจ”
เยียนอวิ๋นเกอเลิกคิ้วยิ้ม “ท่านแม่ต้องมีความมั่นในใจตัวข้า!”
เซียวฮูหยินพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้ามั่นใจในตัวเจ้า แต่ไม่อาจสู้ฝีปากของจ้งซูหาวนั้นได้ เขาหลอกลวงจิตใจผู้อื่นเก่งเกินไป เขามีความจริงใจอย่างเต็มเปี่ยม หากคนที่มีความมุ่งมั่นไม่แข็งแกร่งพอ อาจจะพยักหนาตอบตกลงได้ทันที”
เยียนอวิ๋นเกอเอียงคอ “ท่านแม่คิดว่า ความจริงใจของจ้งซูหาวเป็นการแสดง?”
“ย่อมไม่ใช่! เขามีความจริงใจอย่างแท้จริง เขาต้องการแต่งงานกับเจ้าจากใจจริง แต่เรื่องใหญ่อย่างคู่ชีวิต หรือการปรองดองระหว่างสองตระกูล ไม่อาจสำเร็จได้เพียงเพราะความจริงใจของเขา ยังต้องคำนึงถึงท่านพ่อของเจ้า ตระกูลเยียน คำนึงถึงตระกูลจ้ง องค์หญิงเฉิงหยาง รวมทั้งท่าทีในวังหลวง หากตระกูลเยียนและตระกูลจ้งล้วนเป็นตระกูลธรรมดา ทุกสิ่งย่อมง่ายดายอย่าสงมาก แต่ภายใต้สถานการณ์เวลานี้ ไม่ว่าจะตัดสินใจเรื่องใดย่อมต้องระมัดระวัง เรื่องเล็กน้อยเพียงเรื่องเดียวอาจก่อให้เกิดผลร้ายแรงตามมา”
“ข้าไม่ออกเรือนเสียดีกว่า!”
เยียนอวิ๋นเกอหดหู่ในทันใด
เซียวฮูหยินลูบหัวนาง “เหตุใดจึงพูดจาหดหู่เช่นนี้อีกแล้ว ข้าให้เจ้าไตร่ตรองให้ดี ไม่ได้ให้เจ้าตัดสินใจในเวลานี้ แต่งหรือไม่แต่งล้วนไม่ควรตัดสินใจในเวลานี้ เวลานี้เจ้ายังไม่สงบเพียงพอ!”
อ่อ!
เยียนอวิ๋นเกอจ้องมองผิวน้ำเงียบๆ
หลังจากนั้นเป็นเวลานาน นางจึงเอ่ยขึ้น: “จ้งซูหาวในวันนี้เปลี่ยนแปลงภาพจำที่ข้าเคยมีต่อเขา แต่ก่อนเขามัวแต่แสร้งทำตัวอ่อนแออย่างนั้นหรือ”
เซียวฮูหยินยิ้ม “แสร้งทำตัวอ่อนแอหรือไม่นั้นคงพูดยาก แต่เขาไม่ชอบทำสิ่งใดที่โดดเด่นเป็นเรื่องที่แน่นอน”
เยียนอวิ๋นเกอราวกับกำลังพึมพำกับตัวเอง “เขามีความจริงใจอยางมากก็จริง คำนึงได้อย่างรอบคอบมาก เรียกได้ว่ารอบคอบทุกด้าน เรื่องที่ข้ากังวล เขาล้วนให้คำมั่นสัญญา ข้ารู้สึกว่า หากข้าต้องแต่งงาน เขาอาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของข้า เกรงว่าคงจะหาชายอื่นที่มีความจริงใจเหมือนเขาได้ยากแล้ว
ถึงแม้ข้าคิดว่าตนเองดีมาก ทั้งตัวมีแต่ข้อดี แต่ข้าก็รู้ดีว่าในสายตาผู้อื่น มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าเขาจะเป็นคนที่มีความจริงใจและจริงจังที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา”
เซียวฮูหยินได้ยินจึงขมวดคิ้ว
นางมองออกว่าบุตรสาวหวั่นไหวแล้ว
บุตรสาวถูกความจริงใจของจ้งซูหาวทำให้หวั่นไหวแล้ว
แต่สาเหตุที่นางยังลังเล ขัดแย้งนั้น เพียงเพราะบุตรสาวไม่มีความรักระหว่างชายหญิงต่อจ้งซูหาว
ก่อนหน้านี้ ทั้งสองคนไม่เคยติดต่อกันเป็นการส่วนตัว ไม่ถือว่าคุ้นเคยกันนัก
เพียงแต่ทันใดนั้นถูกความจริงใจของอีกฝ่ายทำให้หวั่นไหว
แต่ยังไม่ถึงกับอยากแต่งงานกับอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม บุตรสาวยังคงมีความต่อต้านต่อชีวิตคู่อยู่เล็กน้อย
นางไม่เคยเตรียมตัวที่ออกเรือนตั้งแต่ภายในสู่ภายนอก
เซียวฮูหยินยื่นมือออกมาโอบไหล่ของบุตรสาวเอาไว้ “ไม่ต้องบังคับตัวเอง! หากเจ้าไม่อยากแต่ง ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะปกป้องเจ้า ไม่มีทางบังคับให้เจ้าแต่ง หากเจ้าอยากแต่ง ข้าจะหาสามีที่เหมะสมให้แก่เจ้า”
เยียนอวิ๋นเกอทำหน้าน้อยใจ “ในเมื่อท่านแม่ไม่บังคับให้ข้าออกเรือน เหตุใดจึงดูตัวแทนข้าอยู่ทุกวัน”
“เจ้าเด็กคนนี้…”
ช่างไหลไปตามน้ำเก่งเสียเหลือเกิน
เซียวฮูหยินบีบแก้มของนาง “เจ้าเป็นหญิง อย่างไรก็ต้องออกเรือนในไม่ช้า”
เยียนอวิ๋นเกอเงยหน้า “แต่ก่อนหน้านี้ท่านแม่ยังบอกว่าไม่บังคับข้าออกเรือน”
“ฮึ” เซียวฮูหยินส่งเสียงไม่พอใจ “เจ้าคิดว่าจริงหรือ! ข้าแค่ปลอบเจ้าเท่านั้น”
ฮือๆ…
เยียนอวิ๋นเกออยากร้องไห้
เซียวฮูหยินหัวเราะ นวดคลึงแก้มของนาง “เอาล่ะ เอาล่ะ! วันนี้เจ้าทำปลา ข้าจะให้เกียรติเจ้าอย่างแน่นอน”
เยียนอวิ๋นเกอย่นจมูก แต่นางไม่มีอารมณ์ทำอาหารแล้ว
สุดท้าย…
นางยังคงต้องสยบอยู่ภายใต้อำนาจของมารดา ทำอาหารมื้อหนึ่งอย่างเชื่อฟัง
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ นางก็นอนลงบนเตียง ยากเหลือเกิน!
“คุณหนูอย่าท้อใจเลย! หรือไม่ก็แต่งกับนายน้อยจ้งเสียเถิด นายน้อยจ้งจริงใจเพียงนั้น อีกทั้งยังสัญญาว่าจะย้ายออกจากจวนองค์หญิง เรื่องเล็กใหญ่ล้วนให้คุณหนูตัดสินใจ ชายหนุ่มที่ดีเช่นนี้หาไม่ได้ง่ายๆ! หากพลาดนายน้อยจ้งไป คงจะหาคนที่เหมาะสมกว่าเขาไม่ได้อีกแล้ว”
สาวรับใช้ อาเป่ยพร่ำบนอยู่ข้างหูนาง
เยียนอวิ๋นเกอกลอกตาใส่นาง “ข้าไม่ได้แต่งไม่เอกำ นอกจากนี้ก็ไม่จำเป็นต้องแต่งกับเขาเท่านั้น”
“แต่ชายหนุ่มมากมาย ผู้ใดจริงใจยิ่งกว่านายน้อยจ้งอีก”
เยียนอวิ๋นเกอหงุดหงิดจนทุบเตียง “ข้าไม่ได้บอกว่าจะออกเรือน เจ้าอย่าพูดมาก ทุกคนอย่าพูดมาก”
“คุณหนูถึงวัยปักปิ่นแล้ว จะไม่ออกเรือนได้อย่างไร โตขึ้นทุกปี หากยืดเยื้อต่อไปจะกลายเป็นสาวแก่แล้วนะเจ้าคะ”
เยียนอวิ๋นเกอใช้หมอนปิดหน้า ไม่อยากได้ยินสาวรับใช้พร่ำบ่น
สาวแก่อย่างไรกัน ไม่น่าฟังเอาเสียเลย
นางอยู่ในวัยที่กำลังงดงาม ไม่ขาดแคลนเงิน นอกจากนี้ยังสามารถปกป้องตัวเองได้ เหตุใดจึงกลายเป็นสาวแก่ถูกคนรังเกียจ
นางเตะอาเป่ยหนึ่งที “หุบปาก หุบปาก! หากพูดมากอีก ข้าจะตัดเงินเจ้า”
“คุณหนูช่างไร้เหตุผล! บ่าวก็แค่เห็นคุณหนูหงุดหงิด จึงพูดคุยแก้เบื่อกับคุณหนู เหตุใดจึงกลายเป็นความผิด”
“พูดเรื่องอื่น อย่ามัวแต่พูดเรื่องคู่ชีวิตของข้า”
“เรื่องอื่นหรือ…หรือไม่พูดเรื่องนายน้อยเซียวอี้ เขาดีต่อคุณหนูอย่างมาก เอาเงินให้คุณหนูใช้ นอกจากนี้ยังช่วยคุณหนูแก้ไขปัญหา เพียงแค่ไม่มีตระกูล ตัวคนเดียว ดูแล้วน่าสงสาร”
เยียนอวิ๋นเกอทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว นางเปิดหมอนขึ้น พลันชี้ไปที่อาเป่ย “ข้าจะลงโทษเจ้า นับจากวันนี้ไม่อนุญาตให้เจ้าพูดสามวัน”
อาเป่ยเบ้ปากด้วยความไม่เป็นธรรม!