คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 31 เขาไม่แต่ง ข้าแต่ง
ตอนที่ 31 เขาไม่แต่ง ข้าแต่ง
“วันนี้ลมแรงหิมะตก เจ้าไม่พักรักษาตัวอยู่ในห้อง เหตุใดจึงออกมา มีเรื่องใดที่พูดวันอื่นไม่ได้”
เถาฮองเฮามองโอรสองค์โตด้วยสายตาซับซ้อน มีทั้งเสียดาย มีทั้งผิดหวัง…
เขาเป็นถึงองค์ชาย แต่กลับมีร่างกายอ่อนแอตั้งแต่กำเนิด
ภายในใจของเถาฮองเฮาอดที่จะรู้สึกผิดหวังไม่ได้
ทำให้นางไม่อยากพบโอรสองค์โตอย่างมาก
“ลูกถวายบังคมเสด็จแม่!”
องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินร่างกายอ่อนแอ น้ำเสียงอ่อนแรง
ร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงทำให้ผู้อื่นเป็นกังวล
“อย่ายืนอยู่เลย นั่งลงเถิด”
ท่าทีของเถาฮองเฮาที่มีต่อเขา ไม่ใกล้ชิดแต่ก็ไม่ห่างเหิน เรียบเฉยราวกับความสัมพันธ์มารดากับบุตรทั่วไป
เมื่อพบโอรสองค์โต นางก็อดรู้สึกรำคาญใจไม่ได้
กำเนิดในราชวงศ์ แต่ร่างกายอ่อนแอเพียงนั้น ไม่เพียงช่วยเหลือนางไม่ได้แล้ว บางเวลายังเป็นตัวถ่วงอีก
นางเป็นผู้ที่ชอบเอาชนะ ไม่สามารถทนเห็นความอ่อนแอไร้ความสามารถของโอรสองค์โตได้
สู้ไม่เห็นเสียดีกว่า!
มารดาและบุตรมีความห่างเหินกัน นางมีบุตรชายคนเล็กอยู่ข้างกายก็เพียงพอแล้ว
แต่บุตรชายคนโตไม่รู้ประสีประสา วิ่งออกมาในวันลมแรงหิมะตก เขาไม่กลัวจะทรมานตัวเองตายหรืออย่างไร
“ขอบพระทัยเสด็จแม่!”
องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินนั่งลงในตำแหน่งถัดมา
เถาฮองเฮาเอ่ยถามเขา “ฝ่าลมฝ่าหิมะมาพบข้า มีเรื่องอันใดหรือ”
องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินป้องปากกระแอมไอขึ้นมา ใบหน้าแดงอย่างคนร่างกายไม่แข็งแรง
เถาฮองเฮาเห็นทีจึงขมวดคิ้วขึ้นมา “ผู้ใดก็ได้ ส่งองค์ชายสองกลับจวน”
องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินโบกมือระรัว เป็นเวลานานกว่าจะหยุดไอ “เสด็จแม่มิต้องเป็นกังวลพระทัย ลูกไม่เป็นอันใด ลูกได้ยินว่าเสด็จแม่กำลังจัดการเรื่องงานสมรสแทนพี่ใหญ่”
“เรื่องนี้เองหรือ…” เถาฮองเฮามองเขา “เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไร”
องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “ลูกได้ยินว่า เสด็จแม่หมั้นหมายคุณหนูรองตระกูลเยียนให้เสด็จพี่ แต่เสด็จพี่ไม่พึงพอใจในการหมั้นหมายครานี้”
“พี่รองข่าวว่องไวยิ่งนัก” องค์หญิงติ้งเถาพึมพำ
องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวิน ไม่แม้แต่จะมององค์หญิงติ้งเถา
หากแต่เป็นองค์ชายสามเซียวเฉิงอี้ที่ถลึงตาใส่นางเป็นการตักเตือน “น้องหญิงอย่าไร้มารยาท”
พี่สองกำลังพูดคุยกับเสด็จแม่ นางจะแทรกขึ้นมาได้อย่างไร
องค์หญิงติ้งเถายู่ปากพลันเบนหน้าหนี แสดงอาการไม่พอใจ
นางไม่ชอบพี่รอง
แม้ทั้งสองคนจะเป็นพี่น้องร่วมมารดากัน
แต่ในสายตาขององค์หญิงติ้งเถา พี่สองเป็นแค่ภาระ ไม่สามารถช่วยเหลือเรื่องใดได้ อีกทั้งยังมีแต่จะเพิ่มความลำบาก
เถาฮองเฮายิ้ม “วันนี้เจ้าสามกับติ้งเถาไปจวนองค์หญิงเฉิงหยางมา เจ้าใหญ่เป็นคนฉลาด เขาคงรู้ว่าข้ารู้ทันความคิดของเขา ไม่ว่าอย่างไรเขาต้องยอมรับที่จะสมรสกับตระกูลเยียน เขาไม่มีทางปฏิเสธได้”
องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินก้มหน้าเล็กน้อย “หากเป็นเช่นนี้ เสด็จแม่ส่งน้องสามกับน้องหญิงไปจวนองค์หญิงเพื่อสร้างแรงกดดันให้พี่ใหญ่ ทำให้ไม่กล้าทำสิ่งใดวู่วามใช่หรือไม่”
เถาฮองเฮายอมรับอย่างเปิดเผย “ถูกต้อง!”
องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินยิ้ม “ในเมื่อพี่ใหญ่ไม่ยินยอมที่จะสมรสกับคุณหนูตระกูลเยียน เหตุใดเสด็จแม่จึงต้องทรงบังคับเขา”
เถาฮองเฮาไม่พอใจที่ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของนางดำทะมึน “ข้าเป็นฮองเฮา ย่อมต้องจัดการเรื่องสมรสให้เจ้าใหญ่ จะตามใจเขาได้อย่างไร”
องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินเงยหน้าขึ้น “พี่ใหญ่ไม่ยอมสมรสกับคุณหนูตระกูลเยียน แต่ลูกยอม สู้ให้ลูกหมั้นหมายกับตระกูลเยียนเสียดีกว่า”
อย่างไรนะ
เจ้ารองเสียสติไปแล้วหรือ!
พี่รองเสียสติไปแล้วหรือ!
คนทั้งห้องล้วนมีสีหน้าตกตะลึง
ราวกับได้ยินเรื่องที่น่าเหลือเชื่อที่สุดในแผ่นดิน
เพี๊ยะ!
องค์หญิงติ้งเถาตบมือลงบนหน้าขาของตนเอง
เจ็บ!
“เป็นเรื่องจริง! ข้าไม่ได้ฝันไป!”
“พี่รอง ท่าน ท่านพูดจริงหรือ” องค์ชายสามเซียวเฉิงอี้ตกใจเล็กน้อย
“เหลวไหล!” เถาฮองเฮาดึงสติกลับมา ตำหนิด้วยเสียงโกรธเคือง “เจ้าออกไปเสีย เรื่องก่อนหน้านี้ข้าจะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น”
ถึงแม้องค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินจะมีร่างกายอ่อนแอ แต่เขาเป็นคนที่มีความคิดที่เที่ยงตรงอย่างมาก
“เสด็จแม่ทรงระงับความโกรธ! ลูกไม่ได้ล้อเล่น หากแต่ลูกกำลังอ้อนวอนเสด็จแม่ เพียงแค่เสด็จแม่ไม่คัดค้าน ลูกจะไปขอพระราชโองการจากเสด็จพ่อบัดนี้”
“เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ!” เถาฮองเฮาโกรธมาก มือจับแก้วน้ำชา
หากเป็นผู้อื่นบังอาจร้องขอเรื่องเหลวไหลแบบนี้ออกมา นางคงโยนแก้วน้ำชาใส่แล้ว
มีเพียงองค์ชายสองที่ร่างกายอ่อนแอ โอรสองค์โตของนาง นางถึงจะระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้
องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ลูกไม่ได้เสียสติ กลับกันลูกไตร่ตรองอย่างดีแล้ว พี่ใหญ่รังเกียจตระกูลเยียน แต่ลูกไม่รังเกียจ ลูกก็อายุไม่น้อยแล้ว ถึงเวลาต้องหมั้นหมายหาสะใภ้กลับไปจัดการเรื่องในจวนเสียที ลูกคิดว่าคุณหนูรองตระกูลเยียนไม่เลว เหมาะจะเป็นคู่ครองที่ดี”
เถาฮองเฮาตำหนิ “เหลวไหลสิ้นดี! เจ้าไม่รู้แม้แต่รูปลักษณ์ของคุณหนูรองตระกูลเยียนก็บอกว่านางเป็นคู่ครองที่ดี ข้าคิดว่าเจ้าต้องเสียสติไปแล้วอย่างแน่นอน”
“ถึงแม้ลูกจะไม่เคยพบคุณหนูรองตระกูลเยียน แต่ได้ยินเรื่องเล่าของสองพี่น้องตระกูลเยียนมาไม่น้อย ลูกเชื่อมั่นใจการตัดสินของตนเอง เต็มใจที่จะสมรสกับคุณหนูรองตระกูลเยียน เสด็จแม่ทรงอนุญาตด้วยเถิด”
องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินแน่วแน่
เถาฮองเฮาทำหน้าบึ้ง “ข้าไม่สนใจว่าเจ้ามีความคิดนี้ได้อย่างไร แต่เจ้ารีบล้มเลิกความคิดบัดนี้ เจ้าอยากสมรสมีครอบครัว ข้าจะหาตระกูลอื่นให้เจ้า สตรีตระกูลชนชั้นสูงในเมืองหลวงมีให้เจ้าเลือกตามใจ ไม่ว่าเจ้าโปรดปรานผู้ใด ข้าล้วนอนุญาต ยกเว้นตระกูลเยียน”
องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวิน หัวเราะเยาะตนเอง “เสด็จแม่มั่นใจหรือว่าสตรีตระกูลชนชั้นสูงในเมืองหลวงจะยอมสมรสกับลูก สตรีเหล่านั้นล้วนเป็นบุตรสาวล้ำค่าภายในตระกูล ผู้ใดจะโหดร้ายยอมให้บุตรสาวสมรสกับองค์ชายที่ไม่รู้จะอยู่ได้อีกกี่ปีอย่างลูก”
“เสด็จพ่อของเจ้ารับสั่ง ผู้ใดจะบังอาจขัดขืนพระราชโองการ” เถาฮองเฮายิ้มเย้ยหยัน
องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินถอนหายใจ “เหตุใดจึงต้องบังคับผู้อื่น”
“เจ้าสมรสกับคุณหนูรองตระกูลเยียนไม่ใช่การบังคับหรือ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าคุณหนูรองตระกูลเยียนยอมสมรสกับเจ้า” เถาฮองเฮาถามกลับ
องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินยิ้ม “คุณหนูรองตระกูลเยียนยอมสมรสหรือไม่ เสด็จแม่ทรงส่งคนไปถามก็รู้แล้ว ลูกคิดว่านางคงยินดีสมรสกับลูกมากกว่าพี่ใหญ่”
เหลวไหลสิ้นดี!
ภายในใจของเถาฮองเฮาคุกรุ่นไปด้วยไฟโกรธ ในขณะที่กำลังจะปะทุนั้น
องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินกระแอมไอขึ้นมากะทันหัน ดูท่าเหมือนจะกระแอมไอไม่หยุด เถาฮองเฮาจึงไม่กล้าที่จะระเบิดอารมณ์ออกมา
อย่างไรก็ตาม คนตรงหน้าก็เป็นบุตรชายของนาง
นางรีบสั่งให้คนส่งองค์ชายสองไปยังตำหนักด้านข้าง พร้อมทั้งให้หมอหลวงมาตรวจดู
หมอหลวงใช้ยาให้องค์ชายสอง ในที่สุดองค์ชายสองก็หยุดไอ อาการของเขาดีขึ้น
หมอหลวงบอกว่า โรคขององค์ชายสองไม่สามารถได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจได้
ไม่สามารถได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจได้ โอกาสที่หายากเพียงนี้จะพลาดไปได้อย่างไร
องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินฉวยโอกาสอ้อนวอน “เสด็จแม่ทรงอนุญาตด้วยเถิด!”
เถาฮองเฮาสีหน้าดำทะมึน ขับไล่ทุกคนออกจากตำหนักด้านข้าง
นางถามด้วยสายตาเย็นชา “บอกความจริงข้ามา เหตุใดเจ้าจึงอยากสมรสกับคุณหนูรองตระกูลเยียน เจ้าตั้งใจเป็นปรปักษ์กับข้า หรือเจ้าใหญ่ให้เจ้าหาทางปฏิเสธงานสมรสแทนเขา”
องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินส่ายหน้า “พี่ใหญ่ไม่ได้มาหาลูก ความคิดที่จะสมรสกับคุณหนูรองตระกูลเยียนเป็นความคิดของลูก ไม่เกี่ยวกับผู้อื่น”
“เจ้าบอกข้ามาตามตรง เพราะเหตุใด”
“เพราะคุณหนูรองตระกูลเยียนเหมาะสมที่สุด!”
เถาฮองเฮาหรี่ตาด้วยความไม่เชื่อ
องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินถอนหายใจ “ร่างกายของลูก หญิงสาวส่วนใหญ่สมรสกับลูกคงทนได้ไม่นาน คุณหนูรองตระกูลเยียนแตกต่างกัน นางกำเนิดในตระกูลแม่ทัพ เติบโตที่ชายแดน ความอดทนของนางมีมากกว่าหญิงสาวส่วนใหญ่ในวัยเดียวกัน ถึงแม้ร่างกายของลูกจะแย่ลงอย่างต่อเนื่องจนอาจต้องนอนอยู่บนเตียง นางก็สามารถรับได้”
“นอกจากนี้ นางรู้ดีแก่ใจ นางทำได้เพียงสมรสกับราชวงศ์ หากต้องสมรสกับพี่ใหญ่ผู้ไร้ความรับผิดชอบ สู้สมรสกับคนร่างกายอ่อนแออย่างลูก อย่างน้อยก็สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ หากวันใดลูกตายไป นางยังคงสามารถใช้ชีวิตอย่างมั่นคงในฐานะพระชายา”
“สมรสกับพี่ใหญ่อาจตายในวันใดวันหนึ่ง คนฉลาดล้วนรู้ว่าควรเลือกอย่างไร ลูกเชื่อว่าแม่ลูกตระกูลเยียนเป็นคนฉลาด!”
“เจ้าไม่เคยพบคุณหนูรองตระกูลเยียน แต่กลับชื่นชมนางเพียงนี้?” เถาฮองเฮาหรี่ตา ภายในใจมีคำถามมากมาย
องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินพยายามออกแรงลุกขึ้นนั่ง
เถาฮองเฮาเพียงแค่มอง ไม่มีความคิดจะยื่นมือช่วยเหลือแม้แต่น้อย
เขาใช้ความพยายามของตนเองลุกขึ้นนั่งในที่สุด เอนกายพิงหัวเตียงด้วยความเหนื่อยหอบ หัวเราะเยาะตนเอง “ร่างกายของลูก ผู้ใดจะยอมรับได้”
เถาฮองเฮาทำหน้าเย็นชา “ในเมื่อรู้ว่าร่างกายตนเองไม่ดี เจ้าก็อย่าได้วู่วาม สร้างความวุ่นวาย”
“ลูกไม่ได้ต้องการสร้างความวุ่นวายให้เสด็จแม่ เพื่อบุตรหลานและอนาคต ลูกคิดว่าสมควรสมรสกับหญิงสาวที่ร่างกายแข็งแรง ไม่เกรงกลัวปัญหา มีความสามารถในการปกป้องตนเอง สามารถสร้างความมั่นคงในจิตใจผู้คนได้ เมื่อคิดได้เช่นนี้ ลูกจึงคิดว่าคุณหนูรองตระกูลเยียนเหมาะสมที่สุด”
“เหลวไหลสิ้นดี” เถาฮองเฮาตำหนิ
องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินเงยหน้ามองนาง “เสด็จแม่ ลูกมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่ปี ลูกจำเป็นต้องสมรสกับหญิงสาวที่มีความสามารถ หลังจากลูกตาย นางจะได้ดูแลทรัพย์สินของตระกูล ปกป้องบุตรหลานไม่ให้ถูกเอาเปรียบ หากวันหนึ่งเมืองหลวงเกิดความโกลาหล พวกเขายังคงมีความสามารถในการปกป้องตนเอง”
“ถึงแม้ลูกไม่เคยพบคุณหนูรองตระกูลเยียน แต่ลูกรู้ ทุกครั้งที่คุณหนูสี่ตระกูลเยียนก่อเรื่อง ข้างกายล้วนมีคุณหนูรองตระกูลเยียน ฟังจากคำบอกเล่าของเหล่าบ่าวรับใช้ คุณหนูรองตระกูลเยียนไม่ใช่คนที่เกรงกลัวปัญหา ตอนที่คุณหนูสี่ตระกูลเยียนพังทลายจวนองค์หญิง นางนั่งอยู่ข้างกายฮูหยินของท่านโหวกว่างหนิงอย่างสง่างาม แม้แต่ตายังไม่กะพริบ”
“ลูกลองถาม มีหญิงสาวผู้ใดที่มีสติเหมือนนาง วันนั้นสตรีชนชั้นสูงที่ไปเป็นแขกในจวนองค์หญิงไม่มีหนึ่งร้อยก็มีห้าสิบ คนเหล่านั้นมีปฏิกิริยาอย่างไร แล้วคุณหนูรองมีปฏิกิริยาอย่างไร”
“นอกจากนี้ วันนี้ติ้งเถาหาเรื่องคุณหนูสี่ตระกูลเยียน ถึงแม้คุณหนูรองตระกูลเยียนไม่ได้เอ่ยปาก แต่นางก็ไม่ได้ถดถอย เพียงแค่ความใจกล้าของนาง นางก็สามารถรับตำแหน่งพระชายาของลูกได้”
เถาฮองเฮาหัวเราะเย้ยหยัน เอ่ยอย่างเสียดสี “ข่าวของเจ้าช่างว่องไวนัก ติ้งเถาเพิ่งเกิดความขัดแย้งกับเยียนอวิ๋นเกอไม่นาน เจ้าก็รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว”
องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินไม่ได้หลบสายตา “เรื่องที่เกี่ยวข้องกับคู่ครองของลูกย่อมต้องใส่ใจ”
เถาฮองเฮาหัวเราะออกมา สีหน้าจริงตัง “เจ้ายืนยันที่จะสมรสกับคุณหนูรองตระกูลเยียน?”
“พ่ะย่ะค่ะ! ลูกไม่ได้โปรดปรานหญิงสาวอย่างง่ายดาย เสด็จแม่ทรงอนุญาตด้วยเถิด”
“หากข้าไม่รับปาก เจ้าจะไปขอพระราชโองการจากเสด็จพ่อของเจ้า?”
องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินเงียบ ความเงียบถือเป็นคำตอบ
ภายในดวงตาของเถาฮองเฮาฉายแววเกลียดชัง “เจ้าต้องการเป็นศัตรูกับข้าใช่หรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ เจ้ากำลังทำลายแผนการของข้า”
องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินก้มหน้ายิ้ม “หากเสด็จแม่เพียงแค่ต้องการใช้โอกาสนี้กำจัดคนที่ขัดขวางภายในราชสำนักรวมทั้งพี่ใหญ่ ไม่ต้องยุ่งยากเพียงนั้น ลูกสามารถช่วยให้เสด็จแม่สมปรารถนาได้”