คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 319 กำจัดเซียวอี้อย่างไร
ตอนที่ 319 กำจัดเซียวอี้อย่างไร
“วันนี้ได้เห็นความโหดเหี้ยมดุจหมาป่าของบรรดาขุนนาง มีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง”
การหารือในท้องพระโรงสิ้นสุดลงแล้ว
พระพันปีเถาและฮ่องเต้องค์ใหม่เซียวเฉิงอี้นั่งเผชิญหน้ากัน แม้จะบอกว่าเป็นการพูดคุยสัพเพเหระ แต่ความจริงแล้วเป็นการพูดคุยที่จริงจังมาก
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้แสดงสีหน้าไม่พอใจ ไฟโกรธภายในใจยากที่จะมอดดับลง “ข้าให้ขันทีทำหน้าที่บรรเทาภัย มีความผิดอันใด บรรดาขุนนางโวยวายต่อข้า เห็นได้ชัดว่าต้องการที่จะตอนข้าจนมุม เชื้อพระวงศ์ไม่สนใจ มองดูอย่างไร้เสียงหมายความว่าอย่างไร พวกเขาอยากเห็นข้าโชคร้ายเหมือนกันอย่างนั้นหรือ”
ปัง!
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ทุบหมัดลงบนโต๊ะ แก้วชาสะเทือนขึ้น น้ำชาหยดลงบนผิวโต๊ะหลายหยด
เหมาเส้าเจี้ยนยกเหยือกชาขึ้นรินชา พลันฉวยโอกาสใช้แขนเสื้อเช็ดคราบบนโต๊ะทิ้งไปด้วย
ทุกการกระทำล้วนเป็นธรรมชาติและคล่องแคล่ว
ขุนนางฝ่ายในทั้งหลายข้างกายเซียวเฉิงอี้ไม่อาจเทียบเหมาเส้าเจี้ยนได้ ไม่มีวิสัยทัศน์ ทำงานไม่เก่งเท่าเหมาเส้าเจี้ยน
รายละเอียดเล็กๆ ก็สามารถมองออก คนข้างตัวของฮ่องเต้องค์ใหม่เซียวเฉิงอี้ยังต้องฝึกฝนอีกมาก
พระพันปีเถาเม้มปากยิ้ม “เป็นเรื่องดีที่เจ้าให้ขุนนางฝ่ายในบรรเทาภัยพิบัติ ทั้งหมดก็เพื่อประโยชน์ของผู้ประสบภัย ข้าเข้าใจได้ แต่การกระทำของเจ้าทำลายผลประโยชน์ของบรรดาขุนนาง หรือแม้กระทั่งผลประโยชน์ของเชื้อพระวงศ์
เจ้าตำหนิเชื้อพระวงศ์ที่ไม่มีผู้ใดยืนออกมาทวงความยุติธรรมให้เจ้า เพียงเพราะเจ้ามอบหมายงานให้กับขุนนางฝ่ายในในวังหลวงโดยข้ามผ่านพวกเขาไป เจ้าเข้าใจหรือไม่”
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ขมวดคิ้วมุ่น ไม่ส่งเสียง
พระพันปีเถากล่าวอย่างไม่เร่งรีบ “สิ่งที่เรียกว่างานหมายถึงอำนาจและผลประโยชน์ แค่มีตำแหน่งราชการแต่ไม่มีงาน มันก็เป็นแค่เปลือก ไม่มีอำนาจหรือผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น การช่วยเหลือผู้ประสบภัยดูเหมือนจะเป็นงานหนัก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคืองานสำคัญ
งานสำคัญเช่นนี้ เจ้ากลับมอบหมายให้ขุนนางฝ่ายในในวังหลวง ไม่เพียงแต่เป็นการแย่งงานของบรรดาขุนนาง แต่ยังเป็นการแย่งผลประโยชน์และอำนาจของพวกเขา มีครั้งแรกย่อมมีครั้งที่สอง มีครั้งที่สองย่อมมีครั้งที่สาม หากคราวนี้ไม่ห้ามปราม คราวหน้าเจ้าย่อมจะมอบหมายงานให้ขุนนางฝ่ายในอีก มันไม่ใช่เรื่องที่บรรดาขุนนางและเชื้อพระวงศ์อยากเห็น
อย่างเรื่องในคราวนี้ เจ้าไม่เชื่อใจบรรดาขุนนาง แต่อย่างน้อยเจ้าก็สามารถมอบหมายงานให้เชื้อพระวงศ์ พวกเขาเองก็ย่อมจะสนับสนุนเจ้า ออกรบกับบรรดาขุนนางแทนเจ้า แต่เจ้าทั้งไม่ใช้งานขุนนาง ทั้งไม่ใช้งานเชื้อพระวงศ์ เจ้าจึงจะโทษขุนนางโจมตีเจ้า เชื้อพระวงศ์เย็นชาต่อเจ้าไม่ได้”
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้กัดฟันกรอด “แม้แต่อำนาจในการใช้คนของตนเอง ข้าก็ไม่มีหรือ”
พระพันปีเถาวางแก้วชาลง “เจ้าย่อมใช้คนของตนเองได้ แต่เจ้าต้องรู้จักขอบเขต เจ้าอย่าลืมว่าเจ้าเพิ่งขึ้นครองราชย์ อีกทั้งยังมีปัญหามากมาย ทุกคนกำลังรอดูความสามารถของเจ้า ชั่งน้ำหนักเจ้า
แต่เวลานี้กลับบังเอิญเกิดการระเบิดในสำนักอาวุธขึ้นมา เจ้าคิดว่าจะมีคนฉวยโอกาสนี้บอกว่าเรื่องนี้เป็นการลงโทษของสวรรค์หรือไม่ น้ำหนักของคำว่า ‘การลงโทษของสวรรค์’ ข้าเชื่อว่าเจ้ารู้ดียิ่งกว่าข้า เจ้าย่อมไม่อยากเผชิญกับเหตุการณ์นี้
แต่เวลานี้เจ้ามอบหมายงานให้ขุนนางฝ่ายใน มีเพียงจะทำให้เรื่องย่ำแย่ลง เพื่อกอบกู้สถานการณ์ให้ดีขึ้น เจ้าต้องชนะใจบรรดาขุนนางและเชื้อพระวงศ์ รอหลังจากนี้หนึ่งถึงสองปี สถานการณ์บรรเทาลง เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าค่อยมอบหมายงานให้ขุนนางฝ่ายในก็ยังไม่สาย เจ้าเพียงแค่ใจร้อนเกินไปเท่านั้น”
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้หลุบตาต่ำ ดื่มน้ำชาอย่างไร้เสียง
พระพันปีเถาเห็นท่าทางเขาเช่นนี้ จึงอดถอนหายใจไม่ได้ “ตำแหน่งฮ่องเต้นี้ไม่ได้ครองกันง่ายๆ มิฉะนั้นเสด็จพ่อของเจ้าก็คงไม่โกรธจนกลายเป็นเช่นนั้น เขา…เฮ้อ…ผู้ใดก็ได้ ไปเรียกหลัวเสี่ยวเหนียนกลับมา เรื่องการบรรเทาภัยมอบหมายให้สำนักเซ่าฝู่ทั้งหมด”
เหมาเส้าเจี้ยนเหลือบมองฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยา เขาจึงได้โน้มตัวน้อมรับคำสั่ง
พระพันปีเถาโบกมือให้ข้าหลวงในตำหนักใหญ่ถอยออกไป
นางพูดโน้มน้าวเขา “ทุกราชวงศ์ยากที่จะมีฮ่องเต้มีชีวิตอยู่ถึงหกสิบปี เจ้ารู้ว่าเพราะเหตุใดหรือไม่ คำตอบอยู่ตรงหน้าเจ้า มันคือทุกสิ่งที่เจ้าเผชิญในวันนี้ อยากมีชีวิตอยู่นานขึ้น เจ้าก็ต้องปล่อยวาง อย่าดื้อรั้น อย่าโกรธ อย่าใส่ใจกับคำพูดเหลวไหลของบรรดาขุนนาง”
“คำพูดเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องเหลวไหล มันเป็นคำพูดจากใจจริงของบรรดาขุนนาง พวกเขาดูถูกข้า ข้าเพียงแค่มอบหมายงานให้ขุนนางฝ่ายใน พวกเขาก็คิดจะกำจัดข้า อยากจะใช้โอกาสนี้ตีตราว่าข้าเป็นจักรพรรดิที่ไร้ความสามารถ มันคือการดูหมิ่นอย่างร้ายแรง เท่ากับการก่อกบฏ!”
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้พูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
พระพันปีเถามองเขา “จากนั้นเล่า เจ้าจะทำอย่างไรได้ เจ้าจะเพิกถอนยศของขุนนางทั้งหมด ให้พวกเขากลับจวนไปหรือ เจ้าอย่าลืม ตั้งแต่ท้องถิ่นยันราชสำนักล้วนอยู่ในการควบคุมของขุนนาง
ถึงแม้เจ้าจะเป็นโอรสสวรรค์ แต่ความจริงแล้วเจ้าไม่ได้ครอบครองทั้งแผ่นดิน หากไม่มีความร่วมมือจากขุนนางเหล่านี้ พระราชโองการของเจ้าก็ไม่อาจออกจากพระราชวังได้ เสด็จพ่อของเจ้ายอมอดทนต่อการเหยียดหยามมาสิบกว่าปีจึงกล้าที่จะเปิดศึกกับตระกูลขุนนาง สุดท้ายต้องพ่ายแพ้อย่างราบคาบ แม้แต่ชีวิตก็ต้องเสียไป เจ้าคิดว่าเจ้าเก่งกว่าเสด็จพ่อของเจ้ามากน้อยเพียงใด”
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้สีหน้าซีดเผือด เขาไม่เต็มใจที่จะยอมจำนน ไฟโกรธปะทุขึ้น
พระพันปีเถาเกลี้ยกล่อมเขา “ปล่อยวางเถิด! เรื่องสำคัญในเวลานี้ไม่ใช่การปะทะกับตระกูลขุนนาง หากแต่เป็นการสืบหาความจริงเหตุระเบิดสำนักอาวุธ กำจัดราชวงศ์อูเหิง กำจัดโจรกบฏเหล่านั้น รอเรื่องเหล่านี้จัดการเสร็จสิ้น เจ้าค่อยหันกลับมาดู เวลานั้นเจ้าย่อมจะมีความคิดที่แตกต่างออกไป”
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้สูดลมหายใจเข้า “เสด็จแม่จะทรงให้ข้ายอมจำนน”
“ข้ายอมจำนนแทนเจ้า! งานที่ต้องอ่อนข้อเช่นนี้ ข้าจะทำแทนเจ้า แต่เจ้าก็อย่าแข็งกร้าวเกินไป ค่อยเป็นค่อยไป อย่าได้รีบร้อน”
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้หัวเราะเยาะตนเอง “ไม่เคยคิดมาก่อน ในฐานะโอรสสวรรค์จะต้องมีชีวิตอย่างอดสูเช่นนี้ ยังไม่อาจเทียบได้กับตอนเป็นองค์ชาย เวลานั้นยังสามารถปิดประตูดื่มสุราคลายความกลุ้มใจ ไม่จำเป็นต้องสนใจคำพูดของบรรดาขุนนาง แต่เวลานี้ แม้แต่ดื่มสุราข้าก็ยังทำไม่ได้ หากวันนี้กล้าดื่มสุรา พรุ่งนี้ย่อมจะมีขุนนางจำนวนมากส่งฎีกาตำหนิข้า บอกว่าข้าเป็นจักรพรรดิที่ไร้ความสามารถ”
พระพันปีเถามองเขาด้วยความสงสาร “นี่คืออำนาจราชวงศ์ นี่คือบัลลังก์ เจ้าต้องคุ้นเคยกับมัน”
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้กัดฟัน “ข้าจะคุ้นเคยกับมัน!”
เขาไม่มีวันยอมจำนน ยิ่งไม่มีวันไร้ความสามารถเช่นนี้ตลอดไป
เวลานี้ ข้าหลวงทูลรายงาน หัวหน้าองครักษ์จินอู่เจิ้งกังขอเข้าเฝ้า
“ดูท่าจะมีข่าวแล้ว เชิญใต้เท้าเจิ้งเข้ามา” ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้เผยรอยยิ้มอย่างหาได้ยาก
เรื่องมีความคืบหน้าก็พอ!
หัวหน้าองครักษ์จินอู่เจิ้งกังเดินเข้าตำหนักใหญ่ โน้มตัวถวายบังคม
“ไม่ต้องมากพิธี! ใต้เท้าเจิ้งสืบพบหลักฐานใดหรือไม่ เหตุระเบิดสำนักอาวุธเป็นอย่างไรบ้าง”
“ทูลฝ่าบาท เหตุระเบิดคราวนี้บาดเจ็บสาหัส ทั่วทั้งสำนักอาวุธแทบจะเสียชีวิตทั้งหมด อีกทั้งคนส่วนใหญ่ยังบอกว่าวันนั้นทุกอย่างปกติ ไม่มีคนแปลกหน้าเข้าออก ไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้น ดูจากภายนอกเป็นเพียงอุบัติเหตุ แต่กระหม่อมสืบลึกลงไป ลงมือจากครอบครัวของช่างฝีมือในสำนักอาวุธ พบว่ามีเรื่องผิดปกติบางอย่าง”
“มีเรื่องใดผิดปกติ รีบพูดมา” ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ร้อนใจอย่างมาก
หากเหตุระเบิดคราวนี้เป็นฝีมือมนุษย์ ผู้ใดจะเป็นคนวางแผนเรื่องทั้งหมดนี้ มีจุดประสงค์ใดกัน
มีคนกำลังวางแผนก่อกบฏใช่หรือไม่
มีคนต้องการล้มล้างเขาใช่หรือไม่
ดังนั้นเขาจึงให้ความสำคัญกับผลการสืบสวนเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นพิเศษ
หัวหน้าองครักษ์จินอู่เจิ้งกังพูด “ช่างฝีมือของเตาหลอม หวงเหล่าฮั่น กระหม่อมสืบไปถึงเรือนของเขา พบว่าภรรยาและบุตรของเขาตายในวันที่เกิดเหตุระเบิด นี่คือข้อสงสัยแรก ช่างฝีมือใหญ่ของสำนักอาวุธ ช่างเหล็กอู๋ล้มขาหักเมื่อยี่สิบวันก่อน จากนั้นก็ป่วยตายไป นี่คือข้อสงสัยสอง”
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ถามด้วยความร้อนใจ “ยังมีเรื่องอื่นหรือไม่”
หัวหน้าองครักษ์จินอู่เจิ้งกังตอบอย่างไม่มั่นใจ “กระหม่อมไร้ความสามารถ เวลานี้ยังสืบหาข้อสงสัยอื่นไม่ได้”
“สืบต่อไป ต้องสืบปัญหาให้ได้ ไม่ว่าเกี่ยวข้องกับผู้ใด ข้าไห้อำนาจเจ้าจับกุม ไม่ว่าอย่างไรต้องรีบสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง ผู้ใดเป็นคนวางแผนเหตุระเบิดในคราวนี้ เขามีจุดประสงค์ใด!”
“กระหม่อมน้อมรับคำสั่ง!”
หัวหน้าองครักษ์จินอู่เจิ้งกังตอบรับเสียงดัง ดวงตาของเขาฉายแววตื่นเต้น เขาน้อมรับคำสั่งพลันถอยออกไป
เขากำลังจะทำคดีใหญ่ที่สะเทือนคนทั้งแผ่นดิน
…
“ย่อมต้องมีคนคิดล้มล้างข้า! ไม่เร็วไม่ช้า มาเกิดเหตุระเบิดตอนที่ข้าเพิ่งขึ้นครองราชย์พอดี พื้นที่กระทบกว้างขวางเช่นนี้ บาดเจ็บสาหัสเพียงนี้ หากจับคนผู้นี้ได้ ข้าจะประหารเขาเก้าชั่วโคตร”
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้กัดฟันกรอด
หากไม่ใช่เหตุระเบิดนี้ บรรดาขุนนางจะมีโอกาสคัดค้านเขาได้อย่างไร ยังบังอาจโจมตีเขาซึ่งหน้า
ต้นเหตุทั้งหมดล้วนมาจากเหตุระเบิดนี้
พระพันปีเถาขมวดคิ้ว “เจ้าสงบลงก่อน! เจ้าคิดว่าเหตุระเบิดเป็นฝีมือมนุษย์จริงหรือ”
“เสด็จแม่ทรงคิดว่าเป็นอุบัติเหตุอย่างนั้นหรือ” ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ไม่อยากเชื่อ ราวกับยอมรับไม่ได้ที่เสด็จแม่ไม่ได้ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับเขา
พระพันปีเถาขมวดคิ้วเล็กน้อย เพียงแค่เอ่ยเตือน “เจ้าต้องระวัง! หากเป็นฝีมือมนุษย์ เรื่องนี้ย่อมไม่ธรรมดา”
“ข้ารู้ ขอบพระทัยเสด็จแม่ที่ทรงกังวล กองทัพใต้เดินทางมาถึงเขตนครบาลแล้ว รอกองทัพใต้กลับมา ข้าจะออกรับสั่งให้กองทัพใต้เฝ้ารักษาเมืองหลวง มีกองทัพใต้อยู่ ไม่ว่าจะมีผีสางตนใดก็อย่าคิดจะก่อความวุ่นวาย”
พระพันปีเถากลับพูด “กองทัพใต้กำลังกลับเมืองหลวง ข้าก็มีอีกเรื่องที่ต้องรีบจัดการ เปลี่ยนเซียวอี้!”
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้เข้าใจทันที “เสด็จแม่จะทรงจัดการเซียวอี้อย่างไร”
สีหน้าของพระพันปีเถาดำทะมึน “ฆ่าคนย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิต เขาฆ่าท่านลุงสองของเจ้า ย่อมต้องชดใช้ ฮ่องเต้องค์ก่อนปกป้องเขา แต่เจ้าจะปกป้องเขาไม่ได้ เซียวอี้ทะเยอทะยาน ระวังถูกเขาแว้งกัดเอา!”
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ไตร่ตรองสักครู่ “ได้ เรื่องนี้ทำตามรับสั่งของเสด็จแม่ พรุ่งนี้ข้าจะออกพระราชโองการให้เซียวอี้เข้าเฝ้าทันทีที่เข้าเมืองหลวง ข้าจะให้รางวัลเขาซึ่งหน้า”
พระพันปีเถาส่ายหน้า “เซียวอี้เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก เจ้าออกพระราชโองการให้เขา เกรงว่าจะทำให้เขาสงสัย เพียงแค่ให้สำนักทหารเร่งเร้าให้เขารีบกลับเมืองหลวงก็พอ ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบ”
“เสด็จแม่ทรงกังวลว่าเขาจะหนี เขาเป็นขุนนางราชสำนัก ไม่มีพระราชโองการจะกล้าหนีไปโดยพลการได้อย่างไร มันเป็นความผิดฐานทรยศจักรพรรดิ ต้องถูกประหาร”
“เขากล้าฆ่าแม้แต่ท่านลุงสองของเจ้า เขาจะกลัวความผิดฐานทรยศจักรพรรดิหรือ อย่ามองเขาในแง่ดีเกินไป เขาไม่ใช่คนดีตั้งแต่แรก! ความผิดฐานทรยศจักรพรรดิสำหรับเขาเกรงว่าจะธรรมดาเหมือนการกินข้าวดื่มน้ำ เอาเถิด เอาเถิด เรื่องนี้ข้าจัดการเอง”
พระพันปีเถาคิดแต่จะแก้แค้น คิดแต่จะฉีกร่างของเซียวอี้ให้แหลก
แต่ก็กังวลเรื่องวิธีการ
นางต้องหาวิธีที่จะทำให้เซียวอี้ยอมกระโดดลงกับดักแต่โดยดี