คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 328 แย่งกลับมา
ตอนที่ 328 แย่งกลับมา
เรือพักร่ำรวยเต็มไปด้วยความเจริญรุ่งเรือง
เถ้าแก่ได้รับการสั่งซื้อจากสำนักเส้าฝู่ อีกทั้งยังเป็นเพียงการสั่งซื้อครั้งแรก ต่อจากนี้ยังจะมีการสั่งซื้อที่มากยิ่งขึ้น
ทำให้ทุกคนยุ่งจรนตัวเป็นเกลียวตั้งแต่ร้านผ้าสี่ฤดูยันโรงงานทอผ้า
เพื่อส่งมอบสินค้าที่สำนักเส้าฝู่สั่งเอาไว้อย่างตรงเวลา ทำได้เพียงลำบากพ่อค้ารายเล็ก สินค้าขอพวกเขาทำได้เพียงส่งให้ล่าช้ากว่าเวลาหน่อย
พ่อค้ารายเล็ก “…”
ทำอย่างไรได้
ทำได้เพียงพักอยู่ในโรงเตี๊ยมหนานเป่ยรอสินค้าต่อ
ผู้ใดให้สำหนักเส้าฝู่เป็นเจ้าใหญ่ ทุกคนต่างต้องยอมถอยหนึ่งก้าว
หวังหยวนเหนียงและพี่เซิ่นต่างต้องตื่นขึ้นมาทำงานตั้งแต่เช้ายันค่ำเพื่อหาเงิน
ตอนที่หวังซานเหนียงไม่ยุ่ง พวกเขาก็ให้ซานเหนียงช่วยดูแลเด็ก
ตอนที่ยุ่ง หวังหยวนเหนียงก็หยิบผ้าผืนหนึ่งแบกเด็กเอาไว้ด้านหลัง พลางทำงานพลางดูแลเด็ก
เพื่อไถ่แรงงานเกณฑ์ เงินที่เก็บไว้ในเรือนล้วนถูกควักออกมาหมด
เงินคือความกล้าหาญ
เมื่อไม่มีเงิน จิตใจก็รู้สึกกระสับกระส่าย
สองสามีภรรยามีความคิดเหมือนกันคือรีบทำงานเก็บเงิน
ปีนี้ธุรกิจของเถ้าแก่ดี แต่ละวันล้วนเปิดทำงานเต็มวัน
ทำงานให้มาก พยายามเก็บเงินที่จำเป็นสำหรับข้ามปีก่อนวันปีใหม่
หากมีเหลือก็ยิ่งดี
เมื่อถึงเวลานั้น ซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เด็กอีกชุด ตอบแทนผู้ใหญ่ในบ้านให้มาก
อืม ยังสามารถซื้อสิ่งของในบ้านเพิ่มอีกหลายชิ้น
คราวก่อนหยวนเหนียงถูกใจกระจกทองแดงบานหนึ่งในร้านขายของชำหนานเป่ย แต่แพงเกินไปจึงไม่ได้ซื้อ
แต่พี่เซิ่นรู้ว่าหยวนเหนียงอยากได้กระจกทองแดงบานนั้นอยู่ตลอด
เขาแอบตัดสินใจ ตอนปีใหม่ เขาจะเก็บเงินซื้อกระจกบานนั้นให้หยวนเหนียง
ซานเหนียงช่วยดูแลเด็กก็เหน็ดเหนื่อย
ตอนปีใหม่ยังต้องเตรียมของขวัญให้ซานเหนียงอีกชิ้นหนึ่ง
พี่เซิ่นแอบคำนวณในใจ ปีใหม่หนึ่งต้องใช้เงินมากน้อยเพียงใด
การคำนวณของเขาแม่นยำถึงหน่วยสลึง ทำให้เขาต้องทำงานอย่างขยันขันแข็งกว่าเดิม
…
เรือนพักร่ำรวยส่งของได้ตรงเวลา
มีประชาชนอีกขบวนเดินทางออกจากเมืองหลวง มุ่งหน้าชายแดนที่หนาวเย็น
สำนักเส้าฝู่พึงพอใจกับเรือนพักร่ำรวยอย่างมาก ไม่เพียงตรงเวลา คุณภาพสินค้าก็ดีมาก ไม่มีการแอบลดคุณภาพสินค้าลงเพราะเวลาคับขัน
โดยเฉพาะชุดสำเร็จรูป นุ่นที่ใช้ล้วนแน่นหนาอย่างมาก
ถึงแม้จะเพราะราคาต่ำ นุ่นที่ใช้ยังคงเป็นนุ่นเก่า แต่สำนักเส้าฝู่ก็ไม่พบปัญหาใด
เดิมทีตอนที่สั่งสินค้าก็ได้มีการระบุไว้ นุ่นที่ใช้นั้นต้องเป็นนุ่นเก่าเท่านั้น
ชุดนุ่นที่ให้ทหารใส่ ราชสำนักจะยอมใช้นุ่นใหม่ได้อย่างไร
สามารถยัดนุ่นเก่าในชุดนุ่นก็ถือว่ามีมโนธรรมอย่างมากแล้ว
ไม่นานนัก การสั่งซื้อรอบที่สองของสำนักเส้าฝู่ก็มาถึง
ขุนนางของสำนักเส้าฝู่เห็นแล้วการสั่งสินค้ากับเรือนพักร่ำรวย นอกจากสะดวกแล้วรวดเร็วแล้ว ยังประหยัดเงินอีกด้วย
ประหลาด!
ต้นทุนการใช้ผ้าทอทำชุดสำเร็จรูปของแปลงนาหลวงยังแพงกว่าการซื้อจากเรือนพักร่ำรวยเสียอีก
เงินส่วนที่เกินมานั้นไปที่ใด ไม่มีผู้ใดถาม ทุกคนต่างรักษาความเงียบ
ในเวลาเดียวกันที่เงียบก็มีความคิดเห็นที่ตรงกัน
สิ่งของใช้สำหรับกองทัพที่เร่งรีบนี้ ล้วนมอบให้เรือนพักร่ำรวยจัดหา
ทางแปลงนาหลวง…
อืม…
ให้พวกเขาอยู่อย่างนั้นต่อไปเถิด!
สมัยนี้ ทุกคนต่างยากลำบาก
ไม่จำเป็นต้องกลั่นแกล้งอีกฝ่าย
…
เรือนพักร่ำรวยรีบผลิตสินค้า หานฉีจงยุ่งจนเหยียบพื้นไม่ติด
บ่าวรับใช้บอกเขาว่าในเมืองหลวงมีคนมา มีข่าวใหม่มาด้วย
เขารีบเดินทางกลับเรือนใหญ่ของเรือนพัก
“อันใดนะ เจ้ามั่นใจ?”
หานฉีจงตะโกนด้วยความโกรธ สีหน้าของเขาตกตะลึงด้วยความเหลือเชื่อ
องครักษ์ที่มาส่งข่าวพยักหน้า “คุณหนูสี่พูดเช่นนี้ ทางนี้ยังมีจดหมายฉบับหนึ่งจากคุณหนูสี่ หานซินแสโปรดดู”
มีจดหมายก็รีบบอกสิ!
หานฉีจงรีบเปิดจดหมายออก ข่าวเป็นเรื่องจริง
ข่าวใด
ทำภารกิจไม่สำเร็จ อีกทั้งยังมีคนจำนวนมากได้รับบาดเจ็บ ผู้คุมก็โบกสะบัดแส้ให้ประชาชนที่ยังสามารถเดินทางได้รีบออกเดินทาง ไม่ต้องสนใจคนเจ็บ
คนเจ็บล้วนเป็นภาระ ทิ้งไว้ในอี้จ้านหรือข้างทางให้พวกเขาหาทางรอดเอาเอง
ประชาชนย่อมไม่รับปาก
คนที่ตายก็แล้วไป ทำได้เพียงฝังเอาไว้ตรงนั้น
คนที่บาดเจ็บต้องนำไปด้วย มิฉะนั้นอากาศที่หนาวเช่นนี้ พวกเขาต้องตายอย่างแน่นอน
ผู้คุมไม่ยอม
เสบียงถูกปล้น ไม่สามารถขนส่งเสบียงไปถึงชายแดนได้ตามจำนวนและทันเวลา ภารกิจรอบนี้ก็ไม่สำเร็จแล้ว
หากไม่รีบเร่ง ล่าช้าต่อไป อาจจะถูกลงโทษด้วยกฎทหาร ประหารหัวเซ่นฟ้า
ไม่มีคนอยากตาย
แต่แม่ทัพเหล่านั้นไม่มีทางสังหารประชาชน พวกเขามีแต่จะสังหารผู้คุม เพื่อปลอบประโลมจิตใจที่ว้าวุ่นของบรรดาทหารที่ขาดแคลนเสบียง
หัวที่อยู่บนบ่าของแต่ละคนล้วนไม่มั่นคง
แต่ละคนล้วนกำลังพยายามต่อสู้เพื่อหัวของตัวเอง
ประชนชนไม่เข้าใจผู้คุม รู้สึกแต่เพียงผู้คุมโหดเหี้ยมเย็นชา ไร้ซึ่งมนุษยธรรม
ผู้คุมก็ไม่เข้าใจประชาชน
ประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บเหล่านั้น แม้จะนำพวกเขาไปด้วย แต่ส่วนใหญ่ก็ต้องตายเพราะขาดแคลนยารักษา
ในเมื่ออย่างไรก็ต้องตาย เหตุใดจึงต้องนำพวกเขาไปด้วย ถ่วงเวลาการเดินทางของทุกคน อีกทั้งยังสิ้นเปลืองเสบียงและกำลังคนในการดูแลพวกเขา
ยิ่งไปกว่านั้นคือ คนที่ได้รับบาดเจ็บยังต้องกินพื้นที่รถม้าสำหรับการขนส่งเสบียง
เดิมทีการถูกปล้นก็เสียหายหนักมากแล้ว
แต่ยังต้องสูญเสียเสบียงอีกส่วนเพราะคนบาดเจ็บ ผู้คุมย่อมไม่ยอม
ทั้งสองฝ่ายเกิดการปะทะ
ประชาชนอาละวาด ไม่ยอมเดินทาง
นอกจากผู้คุมยอมจำนน
ผู้คุมก็คงถูกบีบต้อนจนจนมุม พวกเขาใช้วิธีที่รุนแรงและโง่เขลาที่สุด
เขาสังหารคนที่มีอิทธิพลสูงในบรรดาประชนชนทิ้ง
เรียกว่าเชือดไก่ให้ลิงดู
คราวนี้แย่แล้ว เหมือนกับแหย่รังผึ้ง
ภายนอกประชาชนคล้อยตาม ขนส่งเสบียงต่อ
แต่ลับหลังพวกเขาแอบเคลื่อนไหว วางแผนกัน
ในที่สุด ตอนที่พักผ่อนอยู่ในอี้จ้านที่มีผู้คนน้อย ประชนชานับหมื่นปฏิบัติการสังหารขุนนางก่อบกฏ!
เดิมทีเสบียงที่จะขนส่งไปยังชายแดนนั้นกลายเป็นต้นทุนในการก่อกบฏของประชาชน
ข่าวถูกส่งไปถึงเมืองหลวง ทั้งเมืองตกตะลึง!
…
“สมควรตาย! สมควรตาย! สมควรตาย! “
หานฉีจงสบถหลายครั้ง เขาโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ
ประชาชนที่ขนส่งเสบียงรอบแรกนั้นมีผู้ลี้ภัยและผู้เช่าแปลงนาของเรือนพัก มีส่วนหนึ่งเป็นชาวนาในพื้นที่
เรื่องนี้จะว่าหนักก็หนัก จะว่าง่ายก็ง่าย
อยู่ที่จะจัดการอย่างไร
เขารีบตัดสินใจ จัดการเรื่องทุกอย่างให้เสร็จ จากนั้นไหว้วานให้จี้ผิงเฝ้าดูโรงงานแทนเขา “ข้าต้องกลับเมืองหลวงไปถามเถ้าแก่ เรื่องนี้จะจัดการอย่างไร หากราชสำนักหาคนรับผิดชอบ เดือดร้อนมาถึงเรือนพัก ต้องเตรียมรับมือเอาไว้ก่อน”
จี้ผิงรับปาก “หานซินแสรีบกลับเมืองหลวง เรือนพักมีข้าดูอยู่ ไม่มีทางเกิดเรื่อง”
“ฝากพ่อบ้านจี้ด้วย”
หานฉีจงขี่ม้าแทนนั่งรถม้าเพื่อความรรวดเร็ว
ขี่ม้าในฤดูหนาวช่างเย็นสาแก่ใจ…
ขี่ม้าเป็นความสามารถหนึ่งที่เขาเรียนรู้จากเรือนพักร่ำรวย
ขี่ม้าเดินทาง ใช้เวลาหนึ่งวันครึ่งก็มาถึงเมืองหลวง
เหนื่อยเสียจริง!
แต่ยังพักผ่อนไม่ได้
เขารีบเดินทางมายังจวนองค์หญิง พักผ่อนเล็กน้อย จากนั้นเข้าพบเถ้าแก่เยียนอวิ๋นเกอ
“คุณหนู เรื่องนี้ร้ายแรงหรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอพูด “เรื่องนี้ร้ายแรงกว่าที่เจ้าจินตนาการสิบเท่า ประชาชนฆ่าขุนนางก่อกบฏไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ปีก่อนก็เคยเกิดขึ้น ปัญหาสำคัญอยู่ที่เสบียงนั้นเป็นเสบียงที่ให้กองทัพชายแดน เวลานี้เสบียงไม่มีแล้ว เสบียงที่เหลือของกองทัพไม่อาจประคองสงครามใหญ่ได้ อีกทั้งอากาศหนาวเย็น ราชวงศ์อูเหิงเข้าใกล้ทุกวัน สงครามทางเหนือเกรงว่าจะมีการกลับตาลปัตร!”
นางพูดอย่าอ้อมค้อมมาแล้ว
เพียงแค่บอกว่าสงครามมีการลับตาลปัตร ไม่ได้บอกว่ากองทัพต้าเว้ยพ่ายแพ้
หากไม่มีเสบียงและชุดนุ่น กองทัพอาจพ่ายแพ่เร็วขึ้น
ทั้งราชสำนักต่างเต็มไปด้วยความกังวลใจ
ได้ยินว่าฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ทรงโกรธจนหมดสติไป หลังจากที่รู้ว่าประชาชนก่อกบฏ แล้วนำเสบียงและผ้านุ่นทั้งหมดไป
โชคดีที่เซียวเฉิงอี้อายุน้อย ร่างกายแข็งแรง เขาฟื้นขึ้นมาในไม่ช้า
หากเป็นฮ่องเต้ที่แก่ชรา เกรงว่าจะกลายเป็นฮ่องเต้อีกองค์ที่โกรธจนตายไป
หานฉีจงตกตะลึง “คุณหนูหมายความว่ากองทัพเหนือจะพ่ายแพ้?”
เยียนอวิ๋นเกอครุ่นคิดเล็กน้อย “ไม่เพียงกองทัพเหนือจะพ่ายแพ้ กองทัพเหลียงโจว กองทัพโยวโจว หรือแม้แต่กองทัพอวี้โจวของท่านโหวผิงอู่ สืออุนก็อาจพ่ายแพ้ อากาศที่หนาวเย็นเพียงนี้ ทำสงครามด้วยความหิวโหย แม้แต่ชุดนุ่นต้านลมหนาวยังไม่มี เจ้าคิดว่าจะทำสงครามอย่างไร”
“แต่ราชวงศ์อูเหิงก็ไม่มีเสบียงเช่นเดียวกัน”
“ราชวงศ์อูเหิงสามารถปล้นชิงประชาชนได้ แต่กองทัพราชสำนักทำได้เพียงขอเงิน ขอเสบียง ขอชุดนุ่นจากสำนักราชการ ไม่อาจบุกเข้าไปปล้นในเรือนของประชนชน หากกองทัพของต้าเว้ยต้องอาศัยการปล้นชิงประชนชาในการอยู่รอด ต้าเว้ยคงวิกฤต!”
ใช่ กองทัพของราชสำนักต้องอาศัยการปล้นชิงประชาชนจึงจะอยู่รอด แผ่นดินต้องวุ่นวายระดับใด
หานฉีจงกังวล “ในประชนชากลุ่มนี้มีคนของเรือนพักร่ำรวย เรือนพักจะเดือดร้อนหรือไม่”
นี่คือคำถามที่เขากังวลมากที่สุด
เยียนอวิ๋นเกอพูด “เวลานี้ยังไม่แน่ใจ ราชสำนักวุ่นวายกับการส่งทหารลำเลียงเสบียง รอจัดการปัญหาเสบียงเสด็จสิน ราชสำนักจึงจะมีเวลาว่างหาคนรับผิดชอบ เจ้าพักอยู่ที่นี่ดูทิศทางลมก่อน”
“ขอรับ!”
…
โครม!
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้เตะเก้าอี้เล็กล้ม
เขาชี้ไปที่หัวหน้าสำนักเส้าฝู่ ปากอ้าๆ หุบๆ แต่กลับพูดไม่ออก
ผ่านไปสักพัก เขาจึงก่นด่าออกมา “เจ้าสมควรตาย!”
หัวหน้าสำนักเส้าฝู่คุกเข่าลงที่พื้น “กระหม่อมสมควรตาย! ฝ่าบาททรงลงโทษ!”
ปัญหาในเวลานี้ไม่ใช่ให้ผู้ใดส่งเสบียง หากแต่เป็นเสบียงไม่เพียงพอ
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้รู้สึกลายตา มองตรงหน้าไม่ชัด
เขานวดขมับ สักพักถึงได้เป็นปกติ
“สำนักเส้าฝู่ขนาดใหญ่ เจ้ากลับบอกข้าว่าไม่มีเสบียง เจ้าทำงานอย่างไร เจ้าไม่ได้บอกว่าส่วยในปีนี้เก็บได้เต็มจำนวนหรือ”
หัวหน้าสำนักเส้าฝู่รีบพูด “ทูลฝ่าบาท ส่วยในปีนี้เก็บได้เต็มจำนวนจริง แต่ก็มีเรื่องที่ต้องเสียเงินจำนวนมาก เพียงแค่หนี้ที่ติดสำนักราชการท้องถิ่นเอาไว้ก็เกือบร้อยละสี่สิบของส่วยแล้ว ส่วยที่เหลือถูกขนส่งไปยังเมืองหลวง เสียหายอีกสองส่วน
ที่เหลือยังมีอีกสี่ส่วน หักส่วนหนึ่งจ่ายเงินเดือนของขุนนางราชสำนักก่อน ขุนนางราชสำนักไม่ได้รับเงินเดือนมาเกือบปีแล้ว ส่วนที่เหลือถูกกองทัพเหนือนำไปส่วนหนึ่ง คราวนี้ประชาชนก่อกบฏปล้นชิงเสบียง สำนักเส้าฝู่คิดหาทุกวิธีอย่างสุดความสามารถ จึงรวบรวมเสบียงที่กองทัพสองแสนคนต้องการได้
แต่ไม่คิดว่าจะเกิดปัญหาระหว่างการขนส่ง ฝ่าบาท สำนักเส้าฝู่ไม่มีเสบียงที่เพียงพอแล้ว เหลือเพียงเล็กน้อยสำหรับการใช้ในวังหลวง กระหม่อมขอเสนอให้กองทัพใต้เคลื่อนไหว กำจัดประชาชนที่ก่อกบฏกลุ่มนั้นทิ้ง แย่งเสบียงกลับมา เสบียงมากมายเพียงนั้นพอประชาชนเหล่านั้นกินอย่างน้อยสองปี เพียงแค่แย่งกลับมา ปัญหาก็จะถูกจัดการ!”