คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 333 พวกคนชั่วช้า
ตอนที่ 333 พวกคนชั่วช้า
จ้งซูหาวดื่มจนมึนเมา สุดท้ายก็ถูกคนหามกลับจวนองค์หญิง
องค์หญิงเฉิงหยางโกรธจนกระทืบเท้า
นางบ่นกับพระราชบุตรเขยจ้ง “ท่านดูเขา ท่านดู! เข้าท่าหรือ เพื่อสตรีเพียงนางเดียวทำให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าเขาเป็นคนมีความรักที่ลึกซึ้งเสียด้วย ช่างน่าโมโหยิ่งนัก!”
พระราชบุตรเขยจ้งเกลี้ยกล่อมนาง “เอาเถิด ปล่อยเขาไปเพียงไม่กี่วันก่อน ดูท่าทาง ทางองค์หญิงจู้หยางได้ปฏิเสธเขาอย่างเป็นทางการแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวลว่าเขาจะแต่งงานกับเยียนอวิ๋นเกออีก”
องค์หญิงเฉิงหยางกัดฟันกรอด “ซูหาวดีเพียงนี้ จริงใจเพียงนี้ เยียนอวิ๋นเกอมีสิทธิ์ใดปฏิเสธเขา”
พระราชบุตรเขยจ้งทำหน้าเอือมระอา
เขาอยากจะต่อว่าอย่างมาก เพียงแต่ไม่กล้านัก
ความกล้าของเขามีไม่เพียงพอที่จะต่อต้านองค์หญิงเฉิงหยาง
เขากระแอมไอเสียงเบา “แต่มันคือผลลัพธ์ที่พวกเราต้องการเห็นไม่ใช่หรือ”
“แต่เยียนอวิ๋นเกอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธซูหาว เพราะนางไม่คู่ควร!”
องค์หญิงเฉิงหยางขุ่นเคืองอย่างมาก
นางโกรธที่บุตรชายของตนเองถูกปฏิเสธ
ถึงแม้มันเป็นผลลัพธ์ที่นางคาดหวังตั้งแต่แรก
แต่เมื่อเห็นบุตรชายโศกเศร้าเพราะความรัก ดื่มสุราจนมึนเมา นางก็โยนความผิดทั้งหมดไปให้เยียนอวิ๋นเกอ
มีเพียงบุตรชายของตนเองปฏิเสธผู้อื่น ผู้อื่นไม่มีสิทธิ์มาปฏิเสธบบุตรชายของนาง
เหลวไหลสิ้นดี!
พระราชบุตรเขยจ้งทำได้เพียงเกลี้ยกล่อมให้องค์หญิงเฉิงหยางหายโกรธ
เขาไม่อยากเกิดปัญหา
เรื่องของสำนักเซ่าฝู่มีมากมาย สำนักเซ่าฝู่ยากจนอย่างยิ่ง
เขาไม่อยากสร้างปัญหาให้ตนเองในเวลานี้
ดังนั้น เขาเกลี้ยกล่อมองค์หญิงเฉิงหยาง ไม่ให้นางก่อเรื่อง
องค์หญิงเฉิงหยางส่งเสียงไม่พอใจ “ท่านกลัวทำให้จู้หยางไม่พอใจใช่หรือไม่”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น! ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจู้หยางหน้าตาเป็นอย่างไร แทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ” พระราชบุตรเขยจ้งปฏิเสธ
องค์หญิงเฉิงหยางหัวเราะ “ข้าจะเชื่อท่าน! รอซูหาวตื่นขึ้นมา ข้าต้องคุยกับเขาเสียหน่อย”
“ให้ข้าคุยกับเขาเองเถิด! บางทีคุยอย่างลูกผู้ชาย เขาอาจจะฟังเข้าหูบ้าง”
องค์หญิงเฉิงหยางลังเลเล็กน้อย “ได้ ท่านคุยกับเขา ทำให้เขาเข้มแข็งขึ้นมาให้ได้ สตรีไม่ได้มีคนเดียวในโลก เหตุใดต้องทำเหมือนจะเป็นจะตายเพราะเยียนอวิ๋นเกอเพียงคนเดียว ข้ามองเยียนอวิ๋นเกอผู้นั้นไม่ไหวแม้แต่น้อย อารมณ์ร้าย นิสัยไม่อ่อนโยน แต่งงานกับสตรีเช่นนี้ ครอบครัวจะสงบสุขได้อย่างไร”
โรคปากมากของพระราชบุตรเขยจ้งกำเริบขึ้น เขาพูดต่อ “ข้าเห็นหลิงฉางจื้อดูชื่นชมเยียนอวิ๋นเกอมาก พยายามเป็นพ่อสื่อให้นางหลายครั้ง หรือเป็นเพราะการแต่งงานระหว่างตระกูลหลิงกับตระกูลเยียน”
“ท่านหุบปาก!”
องค์หญิงเฉิงหยางโกรธจัด
นางจ้องมองเขา “ท่านอยากพูดสิ่งใด ท่านคิดจะเป็นปรปักษ์กับข้าหรือ อยากบอกว่าเยียนอวิ๋นเกอไม่ได้แย่ขนาดนั้น ข้าไม่ชอบนาง ย่อมมีผู้อื่นชอบนาง ใช่หรือไม่”
พระราชบุตรเขยจ้งอยากจะตบปากของตนเองอย่างมาก
เจ้าปากเสีย!
ใครให้เจ้าพูดมาก!
เขายิ้มเก้อ “ข้านึกขึ้นได้ว่ายังมีเรื่องด่วนไม่ได้จัดการ องค์หญิง ข้าขอตัวก่อน!”
พระราชบุตรเขยจ้งวิ่งหนีไปอย่างไร้ศักดิ์ศรี วิ่งอย่างรวดเร็ว เกรงว่าแม้แต่สุนัขก็ไล่ตามไม่ทัน
องค์หญิงเฉิงหยางหัวเราะเสียงเย็น หนีวันนี้ไปได้ วันอื่นจะหนีได้หรือ
…
ข่าวการปฏิเสธการแต่งงานของเยียนอวิ๋นเกอถูกส่งไปถึงหูของหลิงฉางจื้อเป็นเวลาแรก
เขาหัวเราะร่า หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
เขาพูดกับพ่อบ้านใหญ่หลิงกุ้ย “เวลานานเพียงนี้ ในที่สุดก็ได้ยินข่าวดี เตรียมของขวัญชิ้นหนึ่ง ข้าจะไปเยือนองค์หญิงจู้หยาง เยียนอวิ๋นเกอไม่เด็กแล้ว ล้มเหลวในเรื่องแต่งงานอย่างต่อเนื่อง คิดว่าองค์หญิงจู้หยางคงจะร้อนใจไม่น้อย ข้าเองก็ร้อนใจในเรื่องที่ผู้อื่นร้อนใจ ย่อมต้องช่วยบรรเทาความกังวลแทนองค์หญิงจู้หยาง”
“นายน้อยคำนึงได้รอบคอบ”
ในหัวของหลิงกุ้ยมีรายการของกำนัลชุดหนึ่งแล้ว คิดว่าจะทำให้นายน้อยและองค์หญิงจู้หยางพอใจอย่างแน่นอน
หลิงฉางจื้อถามอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมา “เซียวอี้อยู่ที่ใด สืบได้หรือไม่”
หลิงกุ้ยส่ายหน้า “รู้แต่นายน้อยอี้หนีออกจากนครบาลไปแล้ว แต่ว่าไปที่ใด เวลานี้ยังไม่มีเบาะแส”
หลังจากชะงักไป เขาก็เสนออย่างระมัดระวัง “นายน้อยจะส่งจดหมายไปหาท่านโหวผิงอู่หรือไม่ ถามแนวทางโดยละเอียด”
หลิงฉางจื้อครุ่นคิด ก่อนจะส่ายหน้า
“ข้าไม่เหมือนกับเซียวอี้ เซียวอี้โดดเดี่ยวตัวคนเดียว ดังนั้นท่านลุงจึงยอมใช้เขา แต่ก็เพียงใช้เขาเท่านั้น เบื้องหลังข้าเป็นตระกูลหลิง ตระกูลหลิงกับตระกูลสือเป็นทั้งญาติ แต่บางเวลาก็เป็นศัตรู ท่านลุงไม่มีทางพูดความจริงกับข้า!”
“เช่นนั้น…นายน้อยหมายความว่า ไม่ต้องสนใจสถานการณ์ของนายน้อยอี้หรือ”
หลิงฉางจื้อยิ้ม “ไม่ช้าเขาก็ต้องวิ่งออกมา จากการพูดคุยกับเขาครั้งก่อน ข้ามั่นใจว่าเขาถูกใจคุณหนูตระกูลใดตระกูลหนึ่งแล้ว เขาอยากจะแต่งงานกับอีกฝ่าย ไม่นานเขาก็ต้องกลับจวนท่านอ๋องตงผิง ฟื้นคืนสถานะนายน้อยจวนอ๋อง เมื่อถึงเวลานั้น เขาต้องมาขอร้องข้า”
“นายน้อยอี้คิดจะแต่งงานจริงหรือ ไม่รู้คุณหนูตระกูลใดที่โชคร้าย ต้องตาเขาเข้า”
หลิงกุ้ยส่ายหน้าพลันถอนหายใจ เขารู้สึกเสียดายแทนคุณหนูที่ต้องตาเซียวอี้
น่าสงสาร!
กุลสตรีตระกูลใหญ่ดีๆ กลับต้องตาคนชั่วอย่างเซียวอี้
โครมคราม…
แผ่นดินสั่นสะเทือน!
“เสียงใดกัน”
หลิงฉางจื้อลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว พลันวิ่งออกไปด้านนอก
เสียงดังที่เกิดขึ้น ทุกคนในเมืองหลวงต่างได้ยินและรับรู้ได้
แต่ละคนล้วนตกอยู่ในอาการอกสั่นขวัญแขวน
“เกิดเรื่องใดขึ้น เกิดเรื่องใดขึ้น”
“หรือว่าแผ่นดินไหวหรือ”
“ไม่ใช่แผ่นดินไหว!”
…
บนถนนเต็มไปด้วยผู้คน
ผู้คนต่างกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
แต่ละคนล้วนกำลังหาสถานที่ที่สามารถหลบซ่อนตัวเพื่อเอาชีวิตรอดได้
ถึงแม้ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น แต่ย่อมไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
หนีก่อนค่อยว่ากัน
ทิศทางของเสียงนั้นมาจากทางโกดังหลวง
หลิงฉางจื้อควบม้าอย่างบ้าคลั่ง
หลิงกุ้ยและองครักษ์ตระกูลหลิงไล่ตามอยู่ด้านหลัง
เหตุใดโกดังหลวงจึงมีเสียงดังเช่นนี้เกิดขึ้น
ย่อมต้องเกิดเรื่องอย่างแน่นอน
พลันทำให้นึกถึงคดีระเบิดสำนักอาวุธที่ยังไม่สามารถปิดคดีได้ หลิงฉางจื้อก็อดไม่ได้ที่จะเชื่อมโยงสองเรื่องนี้เข้าด้วยกัน
เรื่องราวที่คล้ายคลึงกันสองเรื่อง หรือจะเป็นฝีมือของคนกลุ่มเดียวกัน
ผู้ใดกันแน่ที่แอบซ่อนอยู่ในเมืองหลวงได้ลึกเช่นนี้
แม้แต่องครักษ์จินอู่ที่เพียบพร้อมไปด้วยความสามารถก็ไร้ซึ่งหนทาง
…
จวนท่านอ๋องผิงชิน!
โครมคราม…
แผ่นดินสั่นสะเทือน ท่านอ๋องผิงชินเซียวเฉิงเหวินลุกขึ้นนั่งทันที
“เกิดเรื่องแล้ว! รีบปรนนิบัติข้าเปลี่ยนชุด เตรียมรถ ข้าจะออกไปดูที่เกิดเหตุ”
เฟ่ยกงกงกังวลอย่างมาก “ร่างกายของท่านอ๋อง…”
เซียวเฉิงเหวินพูดเสียงดัง “เวลานี้ไม่ต้องสนใจมากมาย รีบเตรียมรถ!”
…
พระราชวัง!
ใบหน้าของฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ซีดเผือด
อีกครั้ง…
แผ่นดินสั่นสะเทือนอีกครั้ง เสียงนั้นราวกับดังก้องอยู่ข้างหู ทำให้หูของเขาเจ็บปวด
ใบหน้าของเขาซีดเผือด สายตาบ้าคลั่ง
“รีบส่งคนไปดู สืบให้กระจ่างว่าเกิดเรื่องใดขึ้น ให้หัวหน้าองครักษ์จินอู่เจิ้งกังรู้หน้าที่ มิฉะนั้นนำหัวมาเข้าเฝ้า! ออกรับสั่งให้ควบคุมการเข้าออกในเมืองอย่างเข้มงวดหลังจากนี้หนึ่งชั่วยาม ระหว่างช่วงควบคุม หากมีการเคลื่อนไหวบนท้องถนน จับเอาไว้ให้หมด”
คำสั่งแล้วคำสั่งเล่าถูกส่งจากพระราชวังไปยังทุกสำนักราชการทั่วเมืองหลวง
โหม่ง โหม่ง โหม่ง…
นักการของจิงเจ้าอิ่นตีฆ้องเสียงดังไปทั่วถนนที่เงียบสงัด แจ้งเตือนไปยังแต่ละตรอก
องครักษ์ซิ่วอีคาดมีดไว้ที่เอว เดินลาดตระเวนไปตามถนน เมื่อพบผู้ต้องสงสัยล้วนต้องเดินเข้าไปซักถาม
ประชาชนต่างเกิดความหวาดกลัวขึ้นภายในใจ
ไม่ค้าขาย ไม่ทำงาน…
ทุกคนต่างรีบกลับจวน ปิดประตูหน้าต่าง กลัวว่าจะถูกลูกหลง
เถ้าแก่ซูของร้านผักดองซูจี้ในตรอกจินหยินกอดบานประตูเอาไว้ ติดตั้งทีละบานเพื่อเตรียมปิดร้าน
เขาบ่นกับจั่งกุ้ยร้านเสบียงด้านข้าง “ปีนี้ไม่สงบเอาเสียเลย! ตั้งแต่ต้นปียันปลายปี ลองนับดูว่าเกิดเรื่องมากน้อยเพียงใด ก่อนหน้านี้มีซีหยง เมื่อถูกขับไล่ไปแล้วก็มีอูเหิงมาอีก ฮ่องเต้องค์ก่อนไม่มีแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ เดี๋ยวขันที เดี๋ยวญาติฝ่ายนอก เดี๋ยวระเบิด เฮ้อ ไม่รู้ปีนี้จะผ่านพ้นไปอย่างสงบได้หรือไม่”
“ถุยๆๆ …อย่าพูดเหลวไหล! จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าอย่าได้พูดจาอัปมงคลในเวลานี้ ปีนี้ย่อมต้องผ่านพ้นไปอย่างปลอดภัย ปีหน้าย่อมต้องดีกว่าปีนี้”
จั้งกุ้ยของร้านเสบียงเชื่อเรื่องวาจาอย่างมาก ไม่ยอมพูดวาจาที่ไม่ดีแม้แต่น้อย
กลัวปากอีกาจะเห็นผล
“อ่อ” เถ้าแก่ซูตอบรับ เขาหันหน้าไปมองจั้งกุ้ยของร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ยสาขาหนึ่งฝั่งตรงข้าม “ฉินจั่งกุ้ย ท่านว่าปีหน้าจะเป็นอย่างไร”
ฉินจั่งกุ้ยยิ้ม เขามีใบหน้ายิ้มแย้มแต่กำเนิด ไม่ว่ามองผู้ใดก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เป็นคนที่มีความสงบและนำพามาซึ่งความร่ำรวย
เขาได้รับการสนับสนุนจากจั่งกุ้ยใหญ่เยียนมู่ อายุสามสิบกว่า ถือได้ว่าอายุน้อยแข็งแรง
เขาพูด “ปีหน้าย่อมต้องดี! เมื่อข้ามผ่านวันที่สามสิบไปก็เป็นไท่หยวน ปีที่หนึ่งแล้ว ฮ่องเต้ทรงพระราชทานอภัยโทษให้ทั้งแผ่นดิน จะไม่ดีได้หรือ”
“ไม่แน่!”
เถ้าแก่ซูไม่ได้มองโลกในแง่ดีขนาดนั้น
จั่งกุ้ยของร้านเสบียงก็ตำหนิเขาอีกหลายยก บอกให้เขาอย่าพูดจาเหลวไหล อย่าพูดเรื่องที่ไม่ดี
“ระวังสวรรค์ได้ยิน ชีวิตจะไม่ดีจริงๆ”
“หากสวรรค์ได้ยินจริงๆ ชีวิตก็คงไม่ลำบากขนาดนี้ เดี๋ยวภัยแล้ง เดี๋ยวภัยหิมะ หลายวันก่อนที่หิมะตก ได้ยินว่าบ้านเรือนนอกเมืองพังทลายลงจำนวนมาก คนส่วนใหญ่ถูกทับอยู่ด้านล่าง ไม่สามารถช่วยได้”
“มันเป็นอุบัติเหตุ!”
“อย่างไรปีนี้ก็ไม่สงบนัก! หรือว่าจะเป็นปีชง หรือไม่ต้องหาวันไปไหว้ที่ศาลหลักเมืองเสียหน่อย จุดธูปสักการะศาลหลักเมือง ให้ท่านคุ้มครองเมืองหลวง อย่าได้เกิดเรื่องอีกเลย”
แม้ปากของเถ้าแก่ซูจะบอกว่าไม่เชื่อสวรรค์ แต่เขาก็มีความศรัทธาอย่างมากที่จะไปจุดธูปสักการะที่ศาลหลักเมือง
จั่งกุ้ยของร้านเสบียงบอกว่าจะไปกับเขา เพื่อขอความสบายใจ
เถ้าแก่ซูถามจั่งกุ้ยร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ยสาขาหนึ่งอีกครั้ง “เสี่ยวฉิน เจ้าจะไปกับพวกเราหรือไม่”
“ไปสิ! ย่อมต้องไป! ถือว่าไปขอพรให้กับตรอกจินหยิน!”
“มีเหตุผล!”
เมืองหลวงกำลังจะมีการจำกัดการเข้าออกอย่างเข้มงวด คงไปศาลหลักเมืองไม่ได้
พวกเขาต่างนัดหมายกัน เมื่อใดที่เมืองหลวงปลดการเฝ้าระวัง เมื่อนั้นก็ไปศาลหลักเมือง
ไม่เลือกวัน เพียงแค่ขอให้เร็ว
ให้ศาลหลักเมืองได้ยินความปรารถนาของทุกคนเร็วขึ้นหน่อย
ให้เรื่องต่างๆ เหล่านี้รีบผ่านพ้นไป
ให้กองทัพเหนือรีบจัดการอูเหิงทางทิศเหนือได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังมีโจรกบฏที่อาละวาดอย่างรุนแรงก็รีบกำจัดทิ้งเสียเถิด!
พวกคนชั่วช้าเหล่านี้ ทำให้แผ่นดินนี้ไม่สงบสุข
เดิมทีต้องการทำการค้าอย่างสงบเสงี่ยม กลับต้องอกสั่นขวัญแขวน กลัวว่าจะเกิดปัญหาใดขึ้นจนต้องมีการเฝ้าระวังและไม่ให้ออกมาบนถนนอีก
บนถนนไม่มีแม้แต่เงาคน จะทำการค้าอย่างไร
ไม่เปิดประตูค้าขาย จะมีเงินเลี้ยงครอบครัวได้อย่างไร
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ประชาชนในเมืองหลวงก็แทบจะไม่มีข้าวกินแล้ว!