คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 335 ความจริงทำร้ายคน
ตอนที่ 335 ความจริงทำร้ายคน
จิตใจของผู้คนสั่นคลอน!
เพียงค่ำคืนเดียว ทั้งตรอกเล็กตรอกใหญ่ต่างมีข่าวลือแพร่สะพัดว่าฮ่องเต้ทรงขึ้นครองบัลลังก์อย่างไม่ถูกต้อง ไม่คู่ควรกับตำแหน่ง การกระทำขัดต่อเจตจำนง ทำให้เกิด ‘อาเพศ’
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้โกรธจัด!
หัวหน้าองครักษ์จินอู่เจิ้งกังเหงื่อตก เขารีบเดินทางเข้ามายอมรับความผิดในวังหลวง
เซียวเฉิงอี้จะประหารเจิ้งกัง
“ไร้ความสามารถ! โง่เขลา! เวลานานเพียงนี้ยังสืบไม่ได้อีก ตอนนี้ทั้งตรอกล้วนมีข่าวลือที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อข้า หาแหล่งที่มาไม่ได้เช่นเดียวกัน ไร้ความสามารถเช่นนี้ ข้าจะมีเจ้าไว้เพื่อประโยชน์ใด”
“กระหม่อมสมควรตาย!”
หัวหน้าองครักษ์จินอู่เจิ้งกังก้มกราบ
นอกจากบอกว่าสมควรตาย เขาก็ไม่รู้ว่าควรพูดคำใดดี
“เจ้าย่อมสมควรตาย! ผู้ใดก็ได้…”
“ฝ่าบาท…” หลัวเสี่ยวเหนียนกระแอมไอเสียงเบา ขัดเสียงออกคำสั่งของฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้
เซียวเฉิงอี้มองเขาด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร
หากเขาพูดเหตุผลที่ไม่เหมาะสมออกมา ทั้งสองคนต้องถูกประหารด้วยกัน
หลัวเสี่ยวเหนียนกระซิบที่ข้างหูของเซียวเฉิงอี้ “ฝ่าบาททรงลืมคำเตือนของพระพันปีแล้วหรือ เวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ต้องการใช้คน หากประหารใต้เท้าเจิ้งไป เวลานี้ก็หาคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้าองครักษ์จินอู่มากกว่าเขาไม่ได้แล้ว หากประหารเขาในเวลานี้ มีแต่จะสร้างอุปสรรคให้ฝ่าบาท”
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้หรี่ตาลง จ้องมองหลัวเสี่ยวเหนียนเขม็ง
ตุบ!
หลัวเสี่ยวเหนียนคุกเข่าอยู่บนพื้นเพื่อยอมรับผิด “กระหม่อมสมควรตาย กระหม่อมสมควรตาย…”
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ส่งเสียงไม่พอใจ เขากดเสียงต่ำพูด “พอได้แล้ว ไปเรียกซุนปังเหนียนมา”
หลัวเสี่ยวเหนียนผงะไป ก่อนจะถูกฮ่องเต้ตวาด “รีบไป” เขาจึงได้ตั้งสติกลับมา
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปเชิญซุนกงกงมาบัดนี้”
ขันทีคนสนิทของฮ่องเต้องค์ก่อน ซุนปังเหนียนยังไม่ตาย
เซียวเฉิงอี้อนุญาตให้เขาออกจากวังหลวงไปใช้ชีวิตบั้นปลาย เขาพักอยู่ในเรือนแห่งหนึ่งทางตะวันตกอย่างไม่สนใจเรื่องภายนอก
เมืองหลวงเกิดเรื่องติดต่อกัน องครักษ์จินอู่ไม่สามารถสืบหาเบาะแสใดได้ ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้จึงนึกถึงซุนปังเหนียนขึ้นมา
แต่ก่อนที่ซุนปังเหนียนอยู่ในวังหลวง ความจริงแล้วเขามีความสามารถที่ร้ายกาจอย่างมากคือการสืบอย่างลับๆ เขามักจะสืบหาเบาะแสที่ผู้อื่นสืบไม่ได้อยู่เสมอ
ตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนยังทรงมีชีวิตอยู่ การสืบหาเบาะแสทั่วไปล้วนมอบหมายให้องครักษ์จินอู่
แต่การสืบความลับนั้นล้วนมอบให้ซุนปังเหนียน
เวลานี้เป็นช่วงเวลาที่มากด้วยปัญหา ถึงเวลาต้องละทิ้งอคติ เชิญซุนปังเหนียนออกมาให้เขาสืบหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังของคดีระเบิดสองครั้งนี้
ส่วนองครักษ์จินอู่…
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้มองหัวหน้าองครักษ์จินอู่เจิ้งกังด้วยสายตาที่รังเกียจอย่างมาก
หัวหน้าองครักษ์จินอู่เจิ้งกังก็เตรียมพร้อมที่หัวจะหลุดออกจากบ่าแล้ว
เขาคิดว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว ความตายเป็นที่ไปของเขา
และเป็นที่ไปขององครักษ์จินอู่ทุกคน
คดีใหญ่เช่นนี้ไร้ซึ่งความคืบหน้า เพราะความไร้ความสามารถของเขา
เขาไม่ตาย ผู้ใดจะตาย!
บางที…
คนที่สามารถเผชิญหน้ากับความตายได้อย่างเปิดเผยที่สุดในแผ่นดินนี้ก็คือองครักษ์จินอู่
ในวันที่เข้าร่วมเป็นองครักษ์จินอู่ ทุกคนก็มีความตระหนักถึงความตายแล้ว
น่าสงสารหรือ
สามารถตายในมือของฮ่องเต้ได้ มันเป็นที่ไปและเกียรติยศขององครักษ์จินอู่ทุกคน!
หน้าที่ขององครักษ์จินอู่คือพลิกคดีใหญ่ สังหารคนที่ผู้อื่นไม่กล้าสังหาร สืบคนที่ผู้อื่นไม่กล้าสืบ จากนั้นตายอย่างสง่างาม
ไม่ว่าจะแบกรับความผิดแทนฮ่องเต้ก็ดี หรือเพื่อสะสางหลังจากคดีจบสิ้นแล้วก็ดี…
เพียงแค่ตายอย่างสมหน้าที่…
เพียงแค่ตายในมือของฮ่องเต้ ทุกอย่างล้วนคุ้มค่า!
ความตายก็กลายเป็นเรื่องที่น่าเชิดชูขึ้นมา
หัวหน้าองครักษ์จินอู่เจิ้งกังตระหนักถึงความตายมานานแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวความตาย!
เวลานี้ เขาโหยหาความตายด้วยซ้ำ!
ใช้ความตายชำระล้างความไร้ความสามารถของตัวเองออกไป ช่างโชคดียิ่งนัก
องครักษ์จินอู่เป็นกลุ่มคนที่มีความศรัทธา ความบ้าบิ่น และความบ้าคลั่ง
หากคนผู้นั้นไม่บ้าคลั่ง เขาก็จะไม่สามารถเป็นองครักษ์จินอู่ได้ ไม่สามารถยอมรับวิธีสืบคดีขององครักษ์จินอู่ได้
องครักษ์จินอู่เทียบเท่ากับความมืด เลือด และความโหดร้าย…
การใช้คำเชิงลบที่รุนแรงเพื่ออธิบายองครักษ์ไม่ใช่เรื่องเกินจริง
ดังนั้น คนที่ไม่บ้าคลั่ง ไม่ตระหนักถึงความตายจึงไม่คู่ควรที่จะเข้าร่วมเป็นองครักษ์จินอู่
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ก้าวลงจากบันไดแล้วเตะหัวหน้าองครักษ์จินอู่เจิ้งกังจนล้ม “เจ้าน่าจะตายไปนานแล้ว!”
เจิ้งกังคุกเข่าอยู่บนพื้น ยืดหลังของเขาแล้วพูดอย่างจริงใจและเข้มแข็ง “กระหม่อมสมควรตาย! ฝ่าบาทโปรดทรงให้โทษประหารชีวิตแก่กระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
เขาพร้อมที่จะตายอย่างสง่าผ่าเผย
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้หัวเราะเยาะเย้ย “ข้าจะให้โทษประหารเจ้าไม่ช้าก็เร็ว แต่ก่อนที่เจ้าจะตาย เจ้าต้องทำสิ่งหนึ่งเพื่อข้าก่อน”
“ฝ่าบาทโปรดทรงรับสั่ง! กระหม่อมจะปฏิบัติตามรับสั่งของฝ่าบาท แม้ว่าจะต้องบุกน้ำลุยไฟก็ตาม!”
“ในเมื่อไม่มีความคืบหน้าในการสืบสวนคดีระเบิด เจ้าก็จงไปสืบหาว่าข่าวลือเกี่ยวกับอาเพศ มีต้นกำเนิดมาจากที่ใด จำไว้ว่า ภายนอกเจ้ายังคงสืบสวนคดีระเบิดอยู่”
หัวหน้าองครักษ์จินอู่เจิ้งกังประหลาดใจอย่างมาก หรืออาจเรียกได้ว่าตกตะลึง
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าไม่เต็มใจหรือ”
“ไม่พ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมเต็มใจ! กระหม่อมเพียงแค่ประหลาดใจที่ฝ่าบาททรงไว้ชีวิตกระหม่อม”
“สำหรับเวลานี้ ชีวิตของเจ้ายังมีประโยชน์อยู่บ้าง จงใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ อย่าพลาดเด็ดขาด! ข้าไม่ค่อยให้โอกาสคนอื่นเป็นครั้งที่สองนัก เจ้าเข้าใจหรือไม่”
“กระหม่อมเข้าใจ! ฝ่าบาททรงวางพระทัย ครั้งนี้แม้จะต้องขุดดินลึกสามฉื่อ กระหม่อมก็จะสืบหาแหล่งที่มาของข่าวลือและผู้ที่อยู่เบื้องหลังให้ได้พ่ะย่ะค่ะ”
“อืม! ไปเถิด! อย่าให้ข้าผิดหวังอีก”
“กระหม่อมน้อมรับพระราชโองการ!”
หัวหน้าองครักษ์จินอู่เจิ้งกังโน้มตัวถอยออกไปด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ
ครั้งนี้จะเป็นงานอำลาของเขา คดีสุดท้ายในชีวิตของเขา
เมื่อคดีเสร็จสิ้น เขาจะตายเพื่อชดเชยความผิด จะไม่สร้างปัญหาให้ฮ่องเต้อีกแม้แต่น้อย
เขาจะใช้ความตายอำลาตำแหน่งองครักษ์จินอู่อย่างสมบูรณ์!
เช่นเดียวกับผู้อาวุโสที่เขาชื่นชม
ตำแหน่งหัวหน้าองครักษ์จินอู่นี้มักจบลงด้วยความตายเสมอ เขาก็ไม่ยกเว้น
…
ซุนปังเหนียนแอบเข้าวังมาอย่างเงียบๆ เพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้
“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท!”
“ซุนกงกงรีบลุกขึ้น!”
ท่าทีของฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้มีความคาดหวังเล็กน้อย ความกระตือรือร้นเล็กน้อย และการพิจารณาและแยกแยะเล็กน้อย
เขาพยายามทำตัวปกติ แสดงความกระตือรือร้นมากขึ้น
“ไม่ว่าอย่างไรซุนกงกงก็ต้องช่วยข้าในคราวนี้ ตอนที่เสด็จพ่อยังทรงอยู่ ซุนกงกงก็เป็นคนสนิทของพระองค์ พระองค์มักจะทรงเอ่ยถึงความสามารถของซุนกงกง อีกทั้งยังเตือนข้า หากประสบปัญหาที่จัดการยาก สามารถขอคำชี้แนะจากซุงกงกง”
“กระหม่อมมิบังอาจ! หากสามารถแบ่งเบาความกังวลขอฝ่าบาทได้ กระหม่อมย่อมจะทำสุดความสามารถ”
“เจ้าย่อมสามารถช่วยข้าได้อย่างแน่นอน! องครักษ์จินอู่ไร้ความสามารถ เหตุระเบิดสองครั้ง เบาะแสอยู่ตรงหน้า แต่ก็ไร้ความคืบหน้า ไม่สามารถสืบหาบุคคลสำคัญได้เสียที ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจเชิญซุนกงกงมารับผิดชอบสองคดีนี้ สืบหาผู้ที่อยู่เบื้องหลัง”
ซุนปังเหนียนเผยสีหน้าลังเล
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ขมวดคิ้ว “เจ้าไม่เต็มใจช่วยข้าหรือ เวลานี้ข้าหาคนที่เหมาะสมกับการสืบคดีระเบิดมากกว่าเจ้าไม่ได้แล้ว ข้าต้องการเจ้า เจ้าอย่าได้ทิ้งข้าไปโดยไม่สนใจ!”
ซุนปังเหนียนรีบพูด “ฝ่าบาททรงอย่ากังวล! เรื่องคดีระเบิด กระหม่อมก็พอได้ยินสถานการณ์มาบ้างแล้ว ฝ่าบาทเคยทรงไตร่ตรองหรือไม่ว่าจุดประสงค์ของคดีระเบิดคืออะไร”
“ย่อมต้องเป็นเพราะมีความเกลียดชังราชวงศ์ต้าเว่ยอย่างสุดซึ้ง ในช่วงเวลาที่ไม่มั่นคงนี้ เกิดเหตุระเบิดสองครั้งติดต่อกันในเมืองหลวงจะทำให้เกิดความไม่มั่นคงในหัวใจของประชาชนอย่างแน่นอน เมื่อจิตใจของประชาชนไม่มั่นคง สงครามทางเหนืออาจได้รับผลกระทบ เมื่อถึงตอนนั้นแผ่นดินต้าเว่ยย่อมต้องวิกฤต!”
ซุนปังเหนียนกล่าวหลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน “กระหม่อมมีความเห็นที่ไม่ถือเป็นความเห็นนัก แต่มันแตกต่างไปจากความคิดของพระองค์เล็กน้อย”
“ซุนกงกงโปรดพูดมาเถิด! ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไร ข้าจะอภัยให้เจ้า!”
“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตา! กระหม่อมคิดว่าคนที่ก่อเหตุระเบิดนั้นพุ่งเป้ามาหาฝ่าบาทแต่แรก ไม่ได้พยายามที่จะสั่นคลอนราชวงศ์ต้าเว่ยตามที่ฝ่าบาททรงคิด”
“สองอย่างนี้มีความแตกต่างกันหรือ พุ่งเป้ามาหาข้าก็เท่ากับสั่นคลอนราชวงศ์ต้าเว่ย”
“มิใช่!”
ซุนปังเหนียนกระแอมไอเสียงเบา เรื่องที่เขาจะพูดต่อจากนี้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอย่างมาก
“ขอฝ่าบาทโปรดทรงให้โทษประหารแก่กระหม่อม!”
เขาคุกเข่ายอมรับความผิด
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้รีบพยุงเขาขึ้นมา “ซุนกงกงทำอันใด มีเรื่องใดท่านก็พูดมาเถิด ข้ารับปากจะไม่ถือสา เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนไร้สัจจะอย่างนั้นหรือ”
“กระหม่อมไม่กล้า! เพียงแค่เรื่องบางเรื่อง ไม่ควรเป็นกระหม่อมที่พูดออกมา”
“เจ้าพูดมาเถิด! ไม่ว่าจะร้ายแรงเพียงใด ข้าก็เคยสัมผัสมาแล้ว ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะพูดจาทิ่มแทงใจได้มากกว่าขุนนางพวกนั้น”
ซุนปังเหนียนเลียริมฝีปาก “กระหม่อมขอบังอาจทูล สาเหตุที่กระหม่อมคิดว่าผู้บงการพุ่งเป้ามาที่ฝ่าบาท หากไม่ใช่เพื่อแผ่นดินต้าเว่ย เพราะฝ่าบาททรงเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ มีรากฐานไม่มั่นคง ยังไม่เคยสร้างความดีความชอบ และยังไม่เคยได้ใจประชาชน
หากเป็นเวลานี้ ฝ่าบาททรงเกิดอุบัติเหตุ ราชสำนักมีความเป็นไปได้ที่จะไม่เกิดความวุ่นวาย อย่างมากก็แค่เปลี่ยนคนบนบัลลังก์! ประชาชนควรใช้ชีวิตอย่างไรก็เป็นไปอย่างนั้น ไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย ส่วนสงครามทางเหนือก็จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก”
“เจ้าบังอาจ!” หลัวเสี่ยวเหนียนกระโดดออกมา ชี้หน้าตำหนิซุนปังเหนียน “ซุนกงกง ท่านแก่เลอะเลือนแล้วหรือ ท่านไม่ดูว่าตัวเองเป็นผู้ใด บังอาจพูดจาเลวทรามเช่นนี้ต่อหน้าฝ่าบาท ข้ายังต้องสงสัยว่าท่านมีเจตนาใดแอบแฝงหรือไม่”
ซุนปังเหนียนไม่ได้สนใจหลัวเสี่ยวเหนียน
ในสายตาของเขา หลัวเสี่ยวเหนียนก็เหมือนกับตัวตลก
เมื่อได้อำนาจก็หยิ่งผยอง
คนแบบนี้ทั่วไปแล้วมักจะมีชีวิตไม่นาน โดยเฉพาะอยู่ภายในวังหลวง
ซุนปังเหนียนไม่แม้แต่จะมองหลัวเสี่ยวเหนียน เขาเพิกเฉยต่ออีกฝ่าย
เขาเพียงแค่จ้องมองฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ รอปฏิกิริยาของฮ่องเต้ไท่หนิง
หากจะประหารเขาก็ไม่เป็นอันใด
เขามีชีวิตอยู่จนถึงอายุเท่านี้แล้ว ความตายจะมาเยือนในไม่ช้าก็เร็ว
อีกทั้งก่อนเข้าวังมา เขาก็ได้ทิ้งคำสั่งเสียและเรื่องหลังจากนั้นเอาไว้แล้ว
สีหน้าของฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ดำทะมึน สายตาบ้าคลั่งราวกับจะกินคน
เขากำหมัดแน่นพลันทุบลงบนโต๊ะอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
เขาจ้องมองซุนปังเหนียน “ซุนกงกงคิดว่าถึงแม้ข้าตายไป แผ่นดินต้าเว่ยก็ไม่มีทางสั่นคลอนอย่างนั้นหรือ อย่างมากก็เลือกผู้อื่นมานั่งบัลลังก์แทนข้า?”
ซุนปังเหนียนก้มหน้าลงเล็กน้อย พลันพูดเสียงเบา “หากฝ่าบาททรงขึ้นครองราชย์แล้วสองสามปี รากฐานมั่นคง เมื่อฝ่าบาททรงเกิดอุบัติเหตุย่อมจะมีผลกระทบต่อราชสำนัก มีผลกระทบต่อสงคราม นอกจากนี้โจรกบฏก็จะฉวยโอกาสยึดอำนาจ แต่ฝ่าบาทเป็นเพียงฮ่องเต้ที่ขึ้นครองราชย์เพียงไม่กี่เดือน ทุกอย่างยังไม่เรียบร้อย…”
“เฮอะๆ! เจ้าหมายความว่าข้าไม่มีความสำคัญต่อแผ่นดินนี้แม้แต่น้อยใช่หรือไม่ เป้าหมายหลักของเหตุระเบิดสองครั้งนี้ก็เพื่อโจมตีข้า ใช้ข่าวลือบั่นทอนบารมีของข้า โจมตีความมั่นใจของข้า หากข้าเกิดอุบัติเหตุในเวลานี้ก็ยิ่งสมบูรณ์แบบ ใช่หรือไม่”