คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 343 สู่ขอ
ตอนที่ 343 สู่ขอ
“ข้าน้อยคารวะองค์หญิง องค์หญิงสบายดีหรือไม่”
จี้ซินแสโน้มตัวคารวะเล็กน้อย
องค์หญิงจู้หยาง ยกมือเล็กน้อย “ซินแสไม่ต้องมากพิธี รีบนั่งลงเถิด นำชามา!”
สาวรับใช้นำชาเข้ามา จากนั้นถอยออกไป
จี้ซินแสเป็นคนพิถีพิถัน เขาดื่มชา พลางพูดคุยเกี่ยวกับใบชา
เมื่อพูดถึงใบชา เรียกได้ว่าเหมือนกำลังนับสมบัติของตระกูล
เซียวฮูหยินหัวเราะ “จี้ซินแสสมกับเป็นคนที่รู้เรื่องชา รอฤดูใบไม้ผลิปีหน้า บุตรสาวของข้าได้ใบชาใหม่จากไร่ชาที่จัดตั้งทางตอนใต้แล้ว ข้าจะให้คนส่งไปให้ซินแส หวังว่าซินแสจะไม่รังเกียจ”
“องค์หญิงพูดเล่นแล้ว! ได้รับใบชาที่องค์หญิงมอบให้เป็นเกียรติของข้า คุณหนูสี่ก็มีความสามารถ ไม่เพียงจัดตั้งเรือนพัก ยังจัดตั้งร้านผ้า นอกจากนี้ยังมีไร่ชาทางตอนใต้ องค์หญิงมีบุตรสาวเช่นนี้ ไม่รู้นายน้อยตระกูลใดโชคดีเข้าตาขององค์หญิง สู่ขอคุณหนูสี่กลับตระกูลได้”
“ซินแสอย่าได้ชมนางเลย หากชมนางอีก หางของนางคงชี้ขึ้นฟ้าแล้ว พูดถึงเรื่องคู่ชีวิตของนาง ข้าก็กลุ้มใจ นางไม่ถูกใจคนนี้ ไม่ต้องตาคนนั้น เมื่อเห็นอายุของนางนับวันยิ่งเพิ่มขึ้น ข้าก็หมดหนทางกับนางเสียจริง!”
เซียวฮูหยินส่ายหน้าถอนหายใจ ดูเหมือนกลัดกลุ้มอย่างมากจริงๆ
จี้ซินแสลูบเคราพลันยิ้ม “ยินดีกับองค์หญิง ยินดีกับองค์หญิง! คุณหนูสี่เป็นคนที่มีความคิดของตนเอง องค์หญิงสมควรที่จะดีใจ คุณหนูสี่ไม่ถูกใจชายหนุ่มด้านนอกย่อมมีเหตุผลของนาง องค์หญิงเปิดใจให้กว้าง ไม่แน่ว่าวันใดอาจพบคนที่เหมาะสม เมื่อถึงเวลานั้น องค์หญิงคงเสียดายที่คุณหนูสี่ต้องออกเรือน”
เซียวฮูหยินพูดกลั้วหัวเราะ “หวังว่าจะเป็นเหมือนที่ซินแสพูด! กลัวแต่เพียงหาคนที่เหมาะสมไม่ได้”
“หาได้ หาได้! วันนี้ที่ข้ามา นอกจากเพื่อระลึกความหลังแล้ว ยังมีอีกเรื่อง”
เซียวฮูหยินถอนหายใจยาว พูดคุยมานานเพียงนี้ ในที่สุดก็เข้าประเด็นเสียที
นางทำท่าทางสงสัย “ไม่รู้ซินแสมีเรื่องใด พูดออกมาเถิด”
จี้ซินแสอารมณ์ดี “วันนี้ที่ข้ามาเยือนเพราะเป็นพ่อสื่อให้ผู้อื่น นี่คือดวงชะตาเวลาเกิดของชายผู้นั้น องค์หญิงเชิญดูก่อน หากเหมาะสม พวกเราค่อยคุยต่อ”
จี้ซินแสพูดพลันหยิบเทียบใบหนึ่งออกมาส่งให้เซียวฮูหยิน
เซียวฮูหยินลังเลเล็กน้อยก่อนจะรับมาพลิกดู
นางไม่รู้เรื่องดวงชะตาเกิด ดูไปก็ไม่ได้สิ่งใด
เพียงแค่รู้สึกว่าอายุเหมาะสม
นางปิดเทียบลง “ไม่รู้ว่าเป็นเทียบของนายน้อยตระกูลใด สามารถเชิญซินแสออกหน้าเป็นพ่อสื่อให้ได้”
จี้ซินแสพูดด้วยรอยยิ้ม “คนผู้นี้องค์หญิงก็รู้จัก เขาคือนายน้อยอี้แห่งจวนท่านอ๋องตงผิง ข้าเป็นพ่อสื่อแทนเขาในการสู่ขอคุณหนูสี่ ไม่รู้องค์หญิงมีความเห็นอย่างไร”
“นี่…”
สีหน้าของเซียวฮูหยินลังเล
นางเดาไม่ผิด
จี้ซินแสทำงานให้เซียวอี้จริงด้วย
นางวางเทียบลงบนโต๊ะ พลันพูดอย่างจริงจัง “ซินแสมาเพื่อสู่ขอแทนนายน้อยอี้ช่างทำให้ข้าประหลาดใจอย่างมาก เพียงแต่นิสัยของบุตรสาวโลดโผน เกรงว่าทั้งสองจะไม่เหมาะสมกันนัก”
ปฏิเสธเช่นนี้เลยหรือ
ไม่ไตร่ตรองดูแม้แต่น้อยเลยหรือ
จี้ซินแสรู้สึกเก้อ
เขารู้ว่าการมาครั้งนี้ย่อมไม่ได้สิ่งใด
เป็นไปตามที่คาด!
องค์หญิงจู้หยางดูถูกเซียวอี้จากใจ
เขาไว้อาลัยแทนเซียวอี้ครู่หนึ่ง นายน้อยผู้น่าสงสาร หาสะใภ้ไม่ได้ คงต้องเป็นโสดไปตลอดชีวิตแล้ว
เขาถามอย่างจริงจัง “องค์หญิงไม่ไตร่ตรองก่อนหรือ ถึงแม้นายน้อยอี้จะไร้บิดามารดา มีเพียงพี่ชาย แต่เขาก็ได้รับการศึกษาที่ดีตั้งแต่ยังเล็ก การปฏิบัติตนต่อผู้อื่นก็ถือว่ามีคุณธรรม”
เซียวฮูหยินส่ายหน้าเล็กน้อย พลันพูดอย่างอ้อมค้อม “บุตรสาวของข้าหยาบคาย ไม่คู่ควรกับนายน้อยจวนอ๋อง เรื่องนี้ถือว่าไม่เคยเอ่ยถึง หากซินแสยอมมาเป็นแขก ข้าต้อนรับอย่างยิ่ง”
ปฏิเสธอย่างเด็ดขาดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าหมดหวัง
จี้ซินแสรู้จักขอบเขต เขาอมยิ้ม “ดื่มชา ดื่มชา! นายน้อยอี้ไร้วาสนา ไม่รู้นายน้อยตระกูลใดจะโชคดีได้แต่งงานกับคุณหนูสี่”
เซียวฮูหยินยิ้ม “วันนี้พวกเราดื่มแค่ชา ระลึกความหลัง เรื่องคู่ครองของบุตรสาวข้า วันนี้อย่าได้เอ่ยถึงเลย”
“ล้วนขึ้นอยู่กับองค์หญิง!”
จี้ซินแสคล้อยตาม
หลังจากดื่มชาแล้ว ยังได้รับประทานอาหารอีกหนึ่งมื้อ
เขาเชี่ยวชาญในการสนทนา พูดคุยเรื่องในอดีตจนถึงปัจจุบันกับเซียวฮูหยิน กระตุ้นอารมณ์ของเซียวฮูหยินอยู่บ่อยครั้ง
เพราะอย่างไรแล้ว สมัยที่พวกเขาผ่านพ้นมานั้นเต็มไปด้วยพายุโหมกระหน่ำ และวันเวลาที่โหดร้าย
หลังจากรับประทานอาหารแล้ว จี้ซินแสลุกขึ้นขอตัว
เซียวฮูหยินรั้งเล็กน้อย สุดท้ายให้พ่อบ้านส่งเขาออกจากจวน
จี้ซินแสออกจากจวนองค์หญิง เขานั่งรถม้ากลับไปยังจวนท่านอ๋องตงผิง
หากรู้ว่าการสู่ขอถูกปฏิเสธ เซียวอี้คงต้องหดหู่อย่างมาก
แต่จี้ซินแสกลับหัวเราะร่า เขาอยากเห็นท่าทางหมดหนทางของเซียวอี้
เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ เมื่อเซียวอี้รู้ว่าการสู่ขอถูกปฏิเสธ องค์หญิงจู้หยางไม่แม้แต่จะไตร่ตรอง เขาก็เก็บตัว!
เสียใจ โศกเศร้า ท้อแท้…
ทำอย่างไรดี!
เขาจ้องจี้ซินแสจนจี้ซินแสหวั่นใจ
“นายน้อยมีเรื่องใดก็พูดเถิด อย่าเอาแต่จ้องมองข้า ข้าไม่ใช่คุณหนูวัยสิบแปด ใบหน้าแก่ชราของข้าแม้จะดูไปทั้งชีวิตก็ไม่มีสิ่งใดงอกขึ้นมา”
เซียวอี้หัวเราะ “ก่อนหน้านี้ข้ากำลังคิด หากข้าให้หลิงฉางจื้อสู่ขอแทนข้า ผลจะออกมาแตกต่างกันหรือไม่”
“เป็นไปไม่ได้!” จี้ซินแสปฏิเสธ อีกทั้งยังวิเคราะห์ทีละข้อ
“ก่อนอื่น หลิงฉางจื้อไม่มีทางสู่ขอแทนนายน้อย เพื่อขัดขวางนายน้อย เขาเป็นพ่อสื่อให้จวนองค์หญิงสามวันทีสี่วันหนอย่างสุดความสามารถ รองลงมา แม้หลิงฉางจื้อจะยอมสู่ขอแทนนายน้อย องค์หญิงจู้หยางก็ไม่มีทางพยักหน้า นายน้อยต้องรีบยอมรับความจริง องค์หญิงจู้หยางปฏิเสธการสู่ขอ สาเหตุไม่ได้อยู่ที่คนสู่ขอ หากแต่เพราะตัวของนายน้อยไม่เป็นที่โปรดปราน!”
คำพูดนี้ช่างทำร้ายจิตใจ!
สีหน้าของเซียวอี้ดำทะมึน
“ข้าน่ารังเกียจเพียงนั้นเชียวหรือ”
เขาไม่ยอม
จี้ซินแสกระแอมไอเสียงเบา พลันพูดอย่างจริงจัง “โทษได้เพียงพฤติกรรมบ้าคลั่งของนายน้อย ท่านทำเรื่องที่ผิดปกติมากเกินไป ผู้ที่เป็นบิดามารดาล้วนไม่ชอบคนที่มีพฤติกรรมบ้าคลั่ง แต่หลายปีก่อนนายน้อยไตร่ตรองไม่รอบคอบ มักจะทำตัวไร้ความเกรงกลัว ทิ้งชื่อเสียงที่เสื่อมเสียเอาไว้”
เซียวอี้กลอกตา “ซินแสพูดมาตามตรงเถิดว่าตอนที่ข้าอายุน้อยบังอาจลอบสังหารแม่เลี้ยงและพี่ชาย ทำให้คนดูถูก ดังนั้นจึงถูกผู้คนตำหนิและรังเกียจ ตระกูลขุนนางที่มีรากฐานล้วนไม่เต็มใจยกลูกสาวให้ข้า”
จี้ซินแสหัวเราะพลันลูบเครา ทำท่าทางเหมือนกำลังสั่งสอนอีกฝ่าย “ไม่เลว ไม่เลว! นายน้อยรู้ตัวอย่างหาได้ยาก”
เซียวอี้ “…”
เขาขี้เกียจแม้แต่จะกลอกตา
จี้ซินแสนับวันยิ่งชอบตำหนิเขา อีกทั้งยังสนุกกับเรื่องนี้
อีกทั้งเขายังเสียงาน ความรักก็ยังหลุดมือไปอีก ช่างน่าโมโหยิ่งนัก!
เขาเท้าคางครุ่นคิด “ซินแสช่วยข้าดูปฏิทิน ปีนี้ข้าปีชงหรือไม่”
“นายน้อยอย่าคิดมาก เมื่อต้นปี ข้าได้พลิกดูปฏิทินก่อนแล้ว ปีนี้ไม่ใช่ปีชงของนายน้อย ปีหน้าถึงจะเป็นปีชง เมื่อตอนต้นปีข้าก็เคยแนะนำให้นายน้อยไปสักการะที่ศาลหลักเมืองเพื่อความสบายใจ แต่นายน้อยไม่ฟัง เวลานี้รู้ซึ้งแล้วใช่หรือไม่”
“ปีนี้ไม่ได้เป็นปีชง เหตุใดข้าต้องไปสักการะที่ศาลหลักเมือง”
“ปกติไม่ทำ มาทำตอนนี้คงไม่ได้ เจ้าพ่อศาลหลักเมืองก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน แม้แต่ลูกศิษย์ที่ตั้งใจสักการะด้วยความศรัทธายังดูแลไม่ทั่วถึง จะมีเวลาดูแลนายน้อยได้อย่างไร ดังนั้นหากนายน้อยมีเวลา จึงต้องสักการะให้มาก ทำสิ่งใดให้อ่อนโยนบ้าง ไม่แน่ว่าเรื่องอาจกลายเป็นอีกแบบ”
จี้ซินแสพูดสั่งสอนด้วยความกังวล
เซียวอี้ฟังจนหูชา เขาพูดขัดอีกฝ่าย “เลือกวันให้ข้า ข้าจะไปจุดธูปสักการะที่ศาลหลักเมือง ช้าก่อน สืบการเดินทางของคุณหนูสี่ ข้าจำได้ว่า ปีใหม่ในแต่ละปี นางมักจะไปไปจุดธูปสักการะที่ศาลหลักเมือง”
จี้ซินแสบันทึกเอาไว้ “คุณหนูสี่ศรัทธากว่านายน้อย มีความอดทนมากกว่านายน้อย ดังนั้นกิจการของคุณหนูสี่นับวันจึงยิ่งดีขึ้น ชื่อเสียงก็ยิ่งดีขึ้น มีตระกูลไม่น้อยต่างถูกใจคุณหนูสี่ ยอมสู่ขอคุณหนูสี่เป็นสะใภ้
หันกลับมาดูนายน้อย หลายปีนี้ชื่อเสียงไม่ดีขึ้นแล้ว หากแต่นับวันยิ่งแย่ลง ทิ้งภาพจำความโหดเหี้ยมให้แก่ผู้คน ตอนนั้นนายน้อยไม่ควรยโสโอหัง สังหารคนบนตำหนักจินหลวนเช่นนั้น มีแต่จะนำพาหายนะมา!”
เซียวอี้กลอกตา “ท่านคิดว่าข้าเต็มใจที่จะฆ่าคนในตำหนักจินหลวนหรือ ปล่อยให้ตัวเองตกเป็นเป้าสายตาของผู้อื่น ข้าไม่ได้โง่ หากมิใช่คำขอจากฮ่องเต้องค์ก่อน ข้าไม่อยากจะสนใจนายท่านรองตระกูลเถาแม้แต่น้อย”
จี้ซินแสพร่ำบ่น “ฮ่องเต้องค์ก่อนสวรรคตเพราะความโกรธก็ถือว่าสมเหตุสมผล ตอนใช้ตระกูลเถาตีหน้าหนึ่ง เมื่อใช้ตระกูลเถาเสร็จก็เปลี่ยนไปอีกหน้าหนึ่ง แม้จะข่มตระกูลเถา แต่ก็ไม่จำเป็นต้องให้นายน้อยฆ่าคน
ฮ่องเต้องค์ก่อนสามารถออกพระราชโองการถอดถอนตำแหน่งขุนนางของคนตระกูลเถา กดขี่พรรคพวกของคนตระกูลเถา จากนั้นคาดโทษลงโทษตระกูลเถาเสีย แผนการที่ตรงไปตรงมา ผู้ใดก็ไม่อาจต่อว่าการกระทำของฮ่องเต้องค์ก่อนได้ แต่ฮ่องเต้องค์ก่อนชอบเล่นลับหลัง ชอบทำเรื่องที่ไม่คาดคิด นอกจากทำลายนายน้อยแล้ว แม้แต่ชื่อเสียงของตนเองก็ต้องเสื่อมเสียไปด้วย
ทุกครั้งที่ข้านึกถึงเรื่องที่ฮ่องเต้องค์ก่อนทำ ข้าก็โกรธยิ่งนัก ในฐานะของจักรพรรดิ ไม่มีความใจกว้างของผู้เป็นจักรพรรดิแม้แต่น้อย แม้แต่การฆ่าคนยังแอบทำลับหลัง ช่างน่าละอาย! มิน่าตระกูลขุนนางเหล่านั้นจึงมักต่อต้านเขา”
เซียวอี้โบกมือ “เรื่องผ่านไปนานแล้ว ซินแสอย่าได้เอ่ยถึงอีก ท่านลองช่วยข้าคิด ทำอย่างไรจึงจะสู่ขอเยียนอวิ๋นเกอได้”
“ต้องข้าวสารหุงเป็นข้าวสุกหรือไม่” จี้ซินแสเสนอความคิดที่ไม่ดีนัก
เซียวอี้หัวเราะ “เกรงว่าข้าวสารยังไม่ทันได้หุงเป็นข้าวสุก เยียนอวิ๋นเกอจะเชือดข้าเสียก่อน ข้าตายแล้วยังต้องทิ้งชื่อเสียงเลวทรามเอาไว้อีก ซินแส ท่านจะทำร้ายข้าไม่ได้เชียว!”
มุมปากของจี้ซินแสกระตุก “ข้าย่อมไม่มีทางทำลายนายน้อย เพียงแต่คุณหนูสี่ไม่รับทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง หากต้องการทำให้นางประทับใจ ข้าคิดไม่ออก ทั้งชีวิตของข้ามีแต่สตรีเป็นฝ่ายทำให้ข้าประทับใจ ข้าไม่เคยมีประสบการณ์ทำให้หญิงสาวนางใดประทับใจมาก่อน ประสบการณ์ข้าไม่เพียงพอ มีชีวิตที่เสียเปล่าหลายสิบปี ไม่สามารถช่วยเหลือท่านได้จริงๆ !”
เซียวอี้ “…”
ปัดโธ่!
คำพูดนี้ ไม่ว่าฟังอย่างไร เขาก็รู้สึกว่าจี้ซินแสหน้าด้าน เห็นได้ชัดว่าเขากำลังโอ้อวด