คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 37 ไปตาย
ตอนที่ 37 ไปตาย
รถม้าต่อแถวเคลื่อนตัวเข้าไปในจวนตระกูลหลี่ผ่านประตูด้านข้างทีละคัน
สตรีลงจากรถม้าที่ประตูสอง จากนั้นเดินตามหญิงชรารับใช้เข้าไปในห้องโถงเพื่อดื่มชา
ตัวเอกในวันนี้คือหลี่ปิ้งถิงหลานสาวคนโตของตระกูลหลี่ที่ถูกพระราชทานให้อภิเษกสมรสกับองค์ชายใหญ่
นางมีสีหน้าปิติยินดี พากลุ่มพี่น้องตระกูลหลี่ต้อนรับคุณหนูจากตระกูลต่างๆ ในห้องโถงด้านข้าง
เมื่อรู้ว่าพี่น้องตระกูลเยียนเดินทางมาถึงแล้ว ดวงตาของนางก็ลุกเป็นประกาย ออกไปต้อนรับพี่น้องตระกูลเยียนด้วยตนเองที่หน้าประตูด้วยรอยยิ้มสดใส
นางจดจำเยียนอวิ๋นฉีได้ในพริบตา ช่างงดงามเสียจริง
ส่วนเยียนอวิ๋นเกอที่อยู่ด้านข้างของเยียนอวิ๋นฉีผู้ที่พูดไม่ได้ นางไม่มองแม้แต่น้อย
เมื่อนึกได้ว่าเยียนอวิ๋นฉีเกือบได้อภิเษกสมรสกับองค์ชายใหญ่ งานสมรสของตนเองเกือบถูกแย่งไป หากบอกว่าภายในใจของหลี่ปิ้งถิงไม่มีความรู้สึกใดๆ คงเป็นไปไม่ได้
ดังนั้นนางจึงยิ้มสดใสเป็นพิเศษเพื่อปกปิดอารมณ์ปั่นป่วนในใจ
“เจ้าคือน้องสองตระกูลเยียนใช่หรือไม่ เข้ามาเร็ว! จะว่าไป ตระกูลของพวกเราทั้งสองก็ถือว่าเป็นญาติห่างๆ กัน น้องสองตระกูลเยียนถือเสียว่าที่นี่เป็นจวนของตนเอง ไม่ต้องเกรงใจ”
นางต้อนรับอย่างกระตือรือร้น จูงมือเยียนอวิ๋นฉีเดินเข้าไปในห้องโถงด้านข้าง ส่งนางไปนั่งด้วยตนเอง
ตระกูลหลี่เกี่ยวดองกับราชวงศ์ เซียวฮูหยินเป็นเชื้อสายราชวงศ์ บอกว่าตระกูลหลี่และตระกูลเยียนเป็นญาติห่างๆ กันก็ไม่เกินไป
แต่หลี่ปิ้งถิงกระตือรือร้นเกินไปหรือไม่ กระตือรือร้นเกินไปอย่างประหลาด
ประเด็นคือนางกระตือรือร้นต่อเยียนอวิ๋นฉีคนเดียว แต่มอบเพียงรอยยิ้มให้เยียนอวิ๋นเกอเท่านั้น
เยียนอวิ๋นฉีไม่พอใจ เหตุใดจึงไม่สนใจน้องสี่
ดังนั้น เยียนอวิ๋นฉีจึงมีความประทับใจที่ไม่ดีต่อหลี่ปิ้งถิง คิดว่าความกระตือรือร้นของอีกฝ่ายเป็นการเสแสร้ง
นางพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณคุณหนูหลี่ วันนี้มีแขกจำนวนมากเดินทางมา คุณหนูหลี่ไปรับรองผู้อื่นเถิด ไม่ต้องมาดูแลข้า ข้ารู้จักแขกที่มาวันนี้อยู่บางคน”
หลี่ปิ้งถิงพูดอย่างกระตือรือร้น “น้องสองตระกูลเยียนเดินทางมาเมืองหลวงไม่นานก็มีสหายเสียแล้ว ช่างดีเสียจริง ให้ข้าแนะนำสหายอีกหลายคนให้น้องสองตระกูลเยียนดีหรือไม่ พวกนางล้วนเป็นสตรีในตระกูลผู้ดี เข้ากับผู้อื่นง่าย”
เยียนอวิ๋นฉีปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม “คุณหนูหลี่มีน้ำใจแล้ว! ข้าจะรบกวนท่านได้อย่างไร น้องสี่ของข้า ข้าดูแลเองได้”
หลี่ปิ้งถิงจึงหันไปมองเยียนอวิ๋นเกอ
เมื่อมองไปจึงพบว่าหญิงสาวผู้นี้หน้าตางดงามยิ่งนัก
เพียงแต่ยังเติบโตไม่เต็มที่ อีกไม่กี่ปี เยียนอวิ๋นฉีก็คงไม่อาจเทียบนางได้
“เจ้าคือน้องอวิ๋นเกอใช่หรือไม่ รูปลักษณ์งดงามยิ่งนัก อีกไม่กี่ปี คงได้กลายเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในเมืองหลวง”
เยียนอวิ๋นฉียืนบังอยู่ตรงหน้าเยียนอวิ๋นเกออย่างเงียบๆ “คุณหนูหลี่พูดเล่นแล้ว น้องสาวของข้าก็เป็นแค่คนธรรมดา จะเป็นกลายเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในเมืองหลวงได้อย่างไร”
หลี่ปิ้งถิงยิ้มอย่างรู้เท่าทัน คุณหนูรองตระกูลเยียนระมัดระวังตัวเสียจริง
นางพูด “น้องสองตระกูลเยียนอย่าถือสา ข้าแค่ปากไวไปเท่านั้น เมื่อเห็นน้องอวิ๋นเกองดงามเพียงนี้แต่เด็กจึงชื่นชอบอย่างมาก อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา”
เยียนอวิ๋นฉีหัวเราะในใจ
ข้าคงรับคำพูดของเจ้าไว้ไม่ไหว
หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป อวิ๋นเกอจะไม่ตกเป็นเป้าหมายหรือ
ผู้ใดอยากได้ฉายาผู้งดงามที่สุดในเมืองหลวงก็เอาไป
ตระกูลเยียนไม่อยากได้
เยียนอวิ๋นฉีหุบยิ้ม พูดอย่างเคร่งขรึม “คุณหนูหลี่เป็นคนพูดตรงไปตรงมา ข้าเข้าใจ น้องสาวข้ายังเด็ก ไม่สามารถรับคำชมเช่นนั้นได้ ดังนั้นข้าขอให้คุณหนูหลี่ระวังคำพูดเสียบ้าง”
หลี่ปิ้งถิงพยักหน้า “ข้าเข้าใจ น้องสองตระกูลเยียนวางใจ ข้าสัญญาว่าจะไม่พูดเรื่องไร้สาระ แต่ว่าความงามของน้องอวิ๋นเกอคงซ่อนเอาไว้ไม่อยู่ น้องสองตระกูลเยียนไม่สามารถคุ้มครองนางได้ตลอดไปไม่ใช่หรือ”
เยียนอวิ๋นฉียิ้ม “น้องสาวข้าไม่ต้องการให้ข้าปกป้อง นางปกป้องตัวเองได้ จริงด้วย คุณหนูหลี่น่าจะเคยได้ยินเรื่องที่มีการพังทลายจวนองค์หญิงเมื่อไม่นานนี้ ข้าไม่ปิดบัง คนที่พังทลายจวนองค์หญิงคือน้องสาวข้า”
หลี่ปิ้งถิงมีสีหน้าเปลี่ยนไป
นางรู้เรื่องการพังทลายจวนองค์หญิงมานานเแล้ว
เพียงแต่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเยียนอวิ๋นฉีจะพูดออกมา
เรื่องแบบนี้ ซ่อนยังซ่อนแทบไม่ทัน เหตุใดจึงกล้าประกาศต่อผู้คน
ไม่กลัวเสียหน้าหรือ
หรือเยียนอวิ๋นฉีกำลังเตือนนาง
แววตาของหลี่ปิ้งถิงเปลี่ยนไป นางรีบกุมหน้าอกของตนเอง “ดูความจำของข้า ข้าลืมไปว่ายังมีเรื่องสำคัญต้องทำ น้องสองตระกูลเยียนตามสบาย ข้าขอตัวก่อน ภายหลังมาทักทายเจ้าใหม่”
“คุณหนูหลี่ตามสบายเลย ไม่ต้องห่วงพวกข้า”
หลี่ปิ้งถิงรีบตามสาวรับใช้จากไป
…
เมื่อคนเดินจากไปไกล เยียนอวิ๋นฉีจึงส่งเสียงต่ำด้วยความไม่พอใจออกมา
นางหันกลับมาพูดกับเยียนอวิ๋นเกอ “หลี่ปิ้งถิงมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ น้องสี่อยู่ให้ห่างจากนาง”
เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะขึ้นมา
สตรีที่สามารถทำร้ายนางได้ยังไม่มีตัวตน
‘หากแต่เป็นพี่สองที่ต้องระวังหลี่ปิ้งถิงลักลอบทำร้าย’
เยียนอวิ๋นฉีพยักหน้า “ข้าจะป้องกันนาง น้องสี่ เจ้าว่าเกิดอันใดขึ้นกับหลี่ปิ้งถิง ข้าพบกับนางครั้งแรก เหตุใดนางจึงปองร้ายกับข้านัก”
เยียนอวิ๋นเกอชี้ไปทางพระราชวัง ย่อมต้องเป็นเพราะองค์ชายใหญ่
เยียนอวิ๋นฉีขมวดคิ้ว “หากพูดเช่นนี้ นางรู้แล้วว่าข้าเกือบถูกหมั้ินหมายให้องค์ชายใหญ่ นางจึงโกรธอย่างนั้นหรือ”
เยียนอวิ๋นเกอกวักมือต่อสาวรับใช้ อาเป่ย
สาวรับใช้ อาเป่ยเดินขึ้นหน้า “คุณหนูมีรับสั่งอันใดเจ้าคะ”
นางทำท่า ‘คุ้มกันพี่สองให้ดี’
อาเป่ยรับคำสั่ง
เยียนอวิ๋นฉีรีบพูด “น้องสี่ ข้างตัวเจ้าไม่มีคนไม่ได้ ให้อาเป่ยติดตามเจ้า คนข้างกายข้าไม่ใช่ผู้ไร้ความสามารถ สามารถปกป้องข้าได้”
เยียนอวิ๋นเกอหยิบกระดาษออกมาเขียน ‘ถึงแม้คนข้างกายของพี่สองไม่ใช่ผู้ไร้ความสามารถ แต่ไม่เก่งเท่าอาเป่ย มีอาเป่ยคุ้มครองพี่สอง ข้าจึงวางใจ’
“แล้วเจ้าเล่า” เยียนอวิ๋นฉีถาม
เยียนอวิ๋นเกอตบไปที่แส้ข้างกาย ชี้ไปที่มีดสั้นในรองเท้าหนังวัว มีสองอย่างนี้ นางสามารถไปมาได้อย่างอิสระภายในจวนตระกูลหลี่
‘พี่สองไปเถิด ข้าจะไปเดินเล่น หากมีข่าวดี ข้าจะมาหาท่าน’ เยียนอวิ๋นเกอเก็บกระดาษ เตรียมตัวออกจากจวน
เยียนอวิ๋นฉีรีบดึงเยียนอวิ๋นเกอเอาไว้ ถามเสียงเบา “น้องสี่จะไปที่ใด”
เยียนอวิ๋นเกอแอบหัวเราะ ยื่นนิ้วออกมาสองนิ้วทำท่าทาง
เยียนอวิ๋นฉีถลึงตาโตด้วยความตกตะลึง “เจ้าหมายความว่าองค์ชายสองอาจเดินทางมางานเลี้ยง เจ้าๆ เจ้าติดต่อเขาแล้วจริงหรือ”
เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า นางส่งจดหมายฉบับหนึ่งไปให้องค์ชายสอง
ส่วนองค์ชายสองจะเสด็จมางานเลี้ยงหรือไม่ นางต้องไปดูให้มั่นใจ
“หาก หากคนมาแล้ว น้องสี่ิอย่าลืมมาบอกข้า นอกจากนี้หากมีอันตราย เจ้ารีบหลบให้ดี”
เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้าแล้วจากไป
นางหลบหลีกผู้คนเพื่อเตรียมตัวไปดูที่เรือนด้านหน้า
ภายในจวนของนางไม่มีบุรุษติดตามมาเมืองหลวง การเดินทางมาเป็นแขกไม่สะดวกนัก
หากพี่สองอยู่ พี่สองย่อมสามารถสืบได้อย่างกระจ่าง ไม่ต้องให้นางออกหน้าพิสูจน์ว่าองค์ชายสองเสด็จมางานเลี้ยงหรือไม่
นางเดินผ่านสวนดอกไม้ ในขณะที่กำลังจะเดินทางไปยังเรือนหลัก มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น
เยียนอวิ๋นเกอหลบซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว แอบชะโงกหน้าออกมาดู
แผ่นหลังที่คุ้นเคยยิ่งนัก หากจำไม่ผิด คนผู้นั้นคงจะเป็นองค์ชายใหญ่
องค์ชายใหญ่ก็เสด็จมาด้วยหรือ
ทิศทางนี้กำลังจะไปสวนดอกไม้ทางด้านหลัง?
เยียนอวิ๋นเกอเดินตามไปอย่างไม่ลังเล
นางเพียงแค่อยากรู้ อยากเห็นว่าองค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่ไปสวนดอกไม้ด้านหลังทำอันใด
ยิ่งเดินยิ่งห่างไกลออกมา
เขาคิดจะกระทำการอันใดที่ไม่อาจให้คนพบเห็นได้หรือ
เยียนอวิ๋นเกอเตรียมตัวชักมีดสั้นออกมาเตรียมไว้เพื่อป้องกันเรื่องไม่คาดฝัน ในที่สุดองค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่หยุดฝีเท้าลง
“ท่านพี่ ท่านมาเสียที!”
หลี่ปิ้งถิงเดินออกมาจากศาลาพักร้อน
เยียนอวิ๋นเกอหลบซ่อนอยู่ในที่ลับ ที่แท้ก็เป็นการพบปะอย่างลับๆ ระหว่างพี่ชายกับน้องสาว
ทั้งสองคนเป็นคู่หมั้นกันแล้ว เหตุใดจึงต้องหลบซ่อน พบหน้ากันอย่างเปิดเผยไม่ดีหรือ
เยียนอวิ๋นเกอสัมผัสทั้งห้าว่องไว แม้จะห่างไกล แต่ก็สามารถมองเห็นสีหน้ารังเกียจและรำคาญบนใบหน้าขององค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่ได้
น้ำเสียงของเขาโมโหอย่างมาก “มีเรื่องใดต้องพบข้า อีกทั้งยังนัดหมายในสถานที่เช่นนี้”
หลี่ปิ้งถิงกัดริมฝีปาก ทำหน้าเศร้าโศก “ท่านพี่ไม่พอใจหรือ”
องค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่หัวเราะเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าข้าควรดีใจหรือ มีเรื่องใดควรค่าให้ข้าดีใจ เจ้าพูดมาสิ!”
หลี่ปิ้งถิงเงยหน้าด้วยน้ำตาที่รื้นขอบตา “ท่านไม่อยากแต่งงานกับข้าเพียงนี้หรือ”
“ใช่ ข้าไม่อยากแต่งงานกับเจ้า ข้าแสดงท่าทีอย่างชัดเจนแต่แรก ข้าบอกให้เจ้าอย่าได้คิดเกินเลย อย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด แต่เจ้าทำสิ่งใดลงไป เจ้าทำแต่เรื่องที่ทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด เอาเถิด เวลานี้สมดังปรารถนาของเจ้าแล้ว ข้าควรจะยินดีกับเจ้าใช่หรือไม่ หลี่ปิ้งถิง!”
คำพูดขององค์ชายใหญ่ เต็มไปด้วยเจตนาร้าย เขาไม่ยอมแต่งงานกับหลี่ปิ้งถิงอย่างสิ้นเชิง
หลี่ปิ้งถิงอดกลั้นน้ำตา เพราะกลัวใบหน้าเปรอะเปื้อน
นางพูด “ท่านรังเกียจข้าเพียงนี้เชียวหรือ อย่างน้อยข้าก็เป็นหลานสาวคนโตของตระกูลหลี่ ชำนาญในศิลปะทั้งสี่ ฝีมือเย็บปักถักร้อยและการทำอาหารก็ดีเยี่ยม รูปลักษณ์ก็ไม่แย่ นอกจากตระกูลที่อาจแย่ไปบ้าง ข้าไม่คู่ควรกับท่านตรงไหน”
“เจ้าก็บอกแล้วว่าตระกูลของเจ้าแย่ เจ้าสมรสกับข้าจะทำสิ่งใดให้ข้าได้บ้าง เจ้าพูดมา! ตระกูลหลี่ของพวกเจ้านอกจากถ่วงขาข้าแล้ว ยังเคยทำเรื่องอื่นอีกหรือไม่”
องค์ชายใหญ่ ฉีกหน้าโดยตรง ไม่สนใจความสัมพันธ์ความเป็นญาติ
เห็นได้ชัดว่าการพระราชทานงานสมรสทำให้เขาโกรธอย่างมาก
จนกระทั่งเขาไม่สนใจแม้แต่จะตีสองหน้า
หลี่ปิ้งถิงได้ยินจึงมีสีหน้าซีดเผือด “ที่แท้ท่านมองตระกูลหลี่เป็นเช่นนี้เสมอมา คิดว่าตระกูลหลี่เป็นตัวถ่วง แต่ท่านอย่าลืม ตระกูลหลี่เป็นตระกูลมารดาของท่าน”
“หากตระกูลหลี่ไม่ใช่ตระกูลมารดาของข้า เจ้าคิดว่าข้าจะมาในวันนี้หรือ หากตระกูลหลี่ไม่ใช่ตระกูลมารดาของข้า หลายปีนี้ข้าจะทนครอบครัวของพวกเจ้าหรือ เจ้าอยากสมรสกับข้า ข้าไม่โทษเจ้า แต่เจ้าไม่ควรสมรสกับข้า เจ้าช่วยข้าไม่ได้ เจ้ามีเพียงจะทำให้ข้าเดือดร้อน หากเจ้ายังมีความชอบต่อข้าแม้แต่เศษเสี้ยวจริงๆ เจ้าโปรดปล่อยข้าไปเถิด”
หลี่ปิ้งถิงถอยหลังไปสองก้าว นางทำหน้าเหมือนตกใจ “ปล่อยท่านไป ปล่อยท่านไปอย่างไร”
องค์ชายใหญ่พูดอย่างหนักแน่น “ไม่สมรสกับข้าก็คือการปล่อยข้าไป”
หลี่ปิ้งถิงผงะ นางพูดไม่ออกเป็นเวลานาน “ฝ่าบาทพระราชทานข้าให้ท่าน ข้าย่อมต้องสมรสกับท่าน”
“หากพูดเช่นนี้ เจ้าจะไม่ยอมปล่อยข้าไป?” องค์ชายใหญ่สีหน้าดำทะมึน
“ข้าๆๆ พวกเราเป็นคู่หมั้นกันแล้ว งานแต่งนี้เป็นการพระราชทาน ไม่อาจถอนหมั้นได้”
“มีเพียงเจ้ายอมปล่อยข้าไป เจ้าย่อมไม่ต้องสมรสกับข้า”
“ท่านพี่ ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพูด”
“เจ้าจะไม่เข้าใจได้อย่างไร คนฉลาดอย่างเจ้า เจ้าจะฟังไม่เข้าใจได้อย่างไร”
หลี่ปิ้งถิงสีหน้าดำทะมึน “ท่านพี่หมายความว่าให้ข้าไปตายหรือ ข้าตายแล้ว ท่านย่อมไม่ต้องสมรสกับข้า เหมือนกับเหตุการณ์คุณหนูหลิวในตอนนั้น”
“หุบปาก! เจ้าสามารถเทียบกับคุณหนูหลิวได้หรือ คุณหนูหลิวเป็นคู่ครองที่ดี มีคนไม่อยากให้ข้าสมรสกับนางจึงจงใจทำร้ายนาง ปิ้งถิง เจ้าช่วยข้าได้หรือไม่ ข้าลำบากเหลือเกิน สถานการณ์ของข้า เจ้าไม่สามารถช่วยข้าได้ ข้าจำเป็นต้องหาตระกูลภรรยาที่สามารถช่วยข้าได้ เจ้าปล่อยข้าไปได้หรือไม่”
“ปล่อยท่านไป ท่านจึงให้ข้าไปตาย?”
“ไม่ต้องตาย! เจ้าเพียงแค่ป่วยหนักก็พอ เรื่องงานสมรสย่อมจัดการได้”
หลี่ปิ้งถิงส่ายหน้า ก้าวถอยหลังไปทีละก้าว
นางเสียใจ นางโกรธ นางไม่ยอมเปลี่ยนใจ “ท่านพี่ ท่านไม่ควรทำกับข้าเช่นนี้ ข้าอยากสมรสกับท่านมากเพียงใด ท่านก็รู้มิใช่หรือ นับแต่ข้าสิบขวบ ความฝันอันหนึ่งเดียวของข้าคือสมรสกับท่าน ท่านปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ได้อย่างไร”
องค์ชายใหญ่ตาแดงก่ำ “ปิ้งถิง สถานการณ์ของข้าลำบากเพียงใดเจ้าไม่ใช่ไม่รู้ เหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมช่วยข้า ความชอบที่เจ้าพูดถึงคือการผลักข้าลงไปในหุบเหวลึกอย่างนั้นหรือ เจ้ารู้หรือไม่ หากวันใดข้าตาย เจ้าก็ไม่อาจมีชีวิตรอด”
ในที่สุดหลี่ปิ้งถิงก็ร้องไห้ออกมา นางตะโกน “ข้ายอมตายไปพร้อมกับท่าน”
“เจ้ายอมตายไปพร้อมข้า แต่ก็ไม่ยอมปล่อยข้าไปอย่างนั้นหรือ” องค์ชายใหญ่โกรธอย่างมาก พูดอย่างไม่คิด “เจ้ามันคนชั้นต่ำ ไม่เพียงชั้นต่ำยังอำมหิต สู้เจ้าตายไปตอนนี้เสียดีกว่า!”