คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 40 การสื่อสารลับ
ตอนที่ 40 การสื่อสารลับ
ระหว่างงานเลี้ยง ในที่สุดหลี่ปิ้งถิงก็ปรากฏตัวขึ้น
หลี่ฮูหยินจับนางเอาไว้ ถามเสียงแผ่ว “เจ้าไปที่ใดมา ข้าส่งคนไปตามหาจนทั่วก็หาไม่เจอ ได้ยินว่าองค์ชายใหญ่เสด็จมา เหตุใดจึงไม่เห็นเขา”
“เขาคงจากไปแล้ว!” หลี่ปิ้งถิงรู้สึกหดหู่ใจ
หลี่ฮูหยินขมวดคิ้ว ไม่พอใจเล็กน้อย บ่นด้วยเสียงต่ำ “มารยาทแย่มาก มาก็ไม่รู้จักทักทายกัน”
“ท่านพ่อได้พบเขาแล้ว อีกทั้งเขายังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้” หลี่ปิ้งถิงยังคงอดไม่ได้ที่จะแก้ตัวแทนองค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่
หลี่ฮูหยินส่งเสียงไม่พอใจ “เป็นอย่างที่โบราณว่าบุตรสาวเข้าข้างคนนอก ยังไม่ทันได้ออกเรือนก็เริ่มแก้ตัวแทนเขาแล้ว”
หลี่ปิ้งถิงอ้าปาก “ข้าๆ ท่านแม่ ข้ารู้สึกไม่สบายนัก ขอตัวกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนนะเจ้าคะ”
หลี่ฮูหยินถลึงตา “งานเลี้ยงวันนี้ แขกที่มีหน้ามีตาในเมืองหลวงล้วนเดินทางมา เจ้าจากไปในเวลานี้เหมาะสมหรือ เจ้ายังไม่ได้บอกข้าว่าก่อนหน้านี้ไปที่ใดมา หรือว่าแอบไปพบกับองค์ชายใหญ่”
หลี่ปิ้งถิงไม่ปฏิเสธ
หลี่ฮูหยินแอบหยิกนนางหนึ่งที “รับรองแขก มารยาทต้องครบถ้วน”
หลี่ปิ้งถิงพยักหน้าตอบรับ
นางตั้งสติ ทักทายและรับรองสตรีจากตระกูลต่างๆ
เมื่อถึงคราวที่นางดื่มคารวะเยียนอวิ๋นฉีนั้น นางเปลี่ยนจากท่าทางอันไม่เป็นมิตรในทีแรก อีกทั้งยังรู้สึกอายเล็กน้อย
เยียนอวิ๋นฉีไม่เข้าใจ อีกฝ่ายเปลี่ยนท่าทีไปอย่างรวดเร็วจนนางสับสน
เมื่อผู้คนเดินจากไป นางแอบกระซิบกับเยียนอวิ๋นเกอ “น้องสี่ เจ้าเห็นหรือไม่ว่าคุณหนูหลี่แปลกไป”
เยียนอวิ๋นเกอมองไปยังแผ่นหลังของหลี่ปิ้งถิง หากนางยังรู้สึกดีใจอยู่คงจะแปลกกว่า
คู่หมั้นของนางเกือบจะฆ่านาง จะให้นางหัวเราะอย่างมีความสุขได้อย่างไร
คาดว่า ภายในใจของหลี่ปิ้งถิงกำลังลังเลว่าควรจะสมรสกับองค์ชายใหญ่หรือไม่
“น้องสี่ เจ้ารู้เรื่องใดมาใช่หรือไม่”
เยียนอวิ๋นฉีเพียงมองสายตาของเยียนอวิ๋นเกอก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา ย่อมมีเรื่องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เยียนอวิ๋นเกอทำท่าทาง “กลับไปค่อยคุย!”
เยียนอวิ๋นฉีพยักหน้า “กลับไปเจ้าต้องบอกข้า ข้าอยากรู้มาก”
…
หลังจากกินเลี้ยง ดูละครสองเรื่องและทำความรู้จักกับสตรีตระกูลชั้นสูงกลุ่มหนึ่งแล้ว
พวกนางก็เดินทางกลับจวนก่อนฟ้าจะมืด
เซียวฮูหยินเหน็ดเหนื่อยจากการปฏิสัมพันธ์มาทั้งวัน เดิมทีนางอยากจะกลับห้องไปพักผ่อน แต่เมื่อรู้ว่าเยียนอวิ๋นเกอมีเรื่องจะเล่า ทันใดนั้นนางก็เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
เยียนอวิ๋นฉีเร่งเร้า “น้องสี่ เจ้ารีบพูดมา เกิดอะไรขึ้นกับหลี่ปิ้งถิง”
เยียนอวิ๋นเกอไม่ลีลา นางจรดดินสอเขียนเล่าเหตุการณ์ในทันที “องค์ชายใหญ่ทรงไม่ต้องการแต่งงานกับหลี่ปิ้งถิง ทรงอ้างว่าตระกูลหลี่เป็นอุปสรรค ขอให้หลี่ปิ้งถิงหาทางถอนหมั้น ทั้งสองคนมีปากเสียงกัน องค์ชายใหญ่จึงคิดจะบีบคอหลี่ปิ้งถิงให้ตาย เขาคงคิดว่าเมื่อหลี่ปิ้งถิงตาย งานสมรสจะถูกยกเลิก”
“จากนั้นล่ะ” เยียนอวิ๋นฉีตื่นเต้นมาก ช่างเป็นละครเรื่องใหญ่เสียจริง เสียดายลืมเตรียมเมล็ดแตงโมและถั่วลิสงเอาไว้
การดูละครย่อมต้องคู่กับเมล็ดแตงโมและถั่วลิสง หรือไม่ก็หม้อไฟ
ถึงจะเป็นวิธีการดูละครที่ถูกต้อง
เยียนอวิ๋นเกอเขียนต่อ “จากนั้นข้าตีทั้งสองคนให้สลบ สาวรับใช้ของหลี่ปิ้งถิงมาพานางออกไป ส่วนองค์ชายใหญ่ข้าไม่แน่ใจว่าเขาเป็นอย่างไร”
“อะไรนะ น้องสี่ตีคนทั้งสองจนสลบหรือ”
เยียนอวิ๋นฉีทุบอก คนทั้งสองสลบไปแล้ว ละครจะดำเนินต่ออย่างไร
ละครเรื่องใหญ่เพียงนี้ ช่างน่าเสียดายที่ไม่มีภาคต่อ
อันที่จริง ตีสลบคนใดคนหนึ่งก็ได้
เซียวฮูหยินไม่ตื่นเต้นเท่าเยียนอวิ๋นฉี นางถามอย่างใจเย็น
“อวิ๋นเกอ เจ้าเห็นองค์ชายใหญ่จะบีบคอหลี่ปิ้งถิงให้ตายจริงหรือ”
เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้าอย่างหนัก
เรื่องนี้เป็นความจริงอย่างแน่นอน นางเห็นด้วยตาตัวเอง
เซียวฮูหยินถามอีกครั้ง “เรื่องนี้เจ้าไม่ได้บอกผู้อื่นใช่หรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอส่ายหน้า
นางรักษาความลับอย่างดี เรื่องนี้นางย่อมไม่พูดออกไป
เซียวฮูหยินกล่าว “โชคดีที่เจ้าลงมือยับยั้งองค์ชายใหญ่เอาไว้ได้ทันเวลา เจ้าทำถูกแล้วที่ตีคนทั้งสองให้สลบไป หากมีคนหนึ่งเห็นเจ้าในตอนนั้น ล้วนเป็นผลเสียกับตัวเจ้า”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง นางก็พูดอีกครั้ง “ข้าคิดว่าองค์ชายใหญ่เพียงแค่ขาดความรับผิดชอบ ไม่คิดว่าเขาจะกล้าฆ่าคน อีกทั้งคนที่ฆ่ายังเป็นคู่หมั้นของตน องค์ชายใหญ่เป็นคนขี้ขลาดแต่เขาก็มีความโหดเหี้ยม เขาอยากถอนหมั้นตระกูลหลี่แต่ไม่กล้าทูลต่อฝ่าบาท ทำได้เพียงให้หลี่ปิ้งถิงแกล้งป่วยตายเพื่อหลบหนี เขาไม่เคยคิดคำนึงถึงว่าการกระทำนี้จะทำร้ายสตรีเพียงใด”
“ต่อจากนี้หากพวกเจ้าพบกับองค์ชายใหญ่ จงอยู่ให้ห่างจากเขาเอาไว้ โดยเฉพาะอวิ๋นฉี ปีหน้าเจ้าจะแต่งเข้าราชวงศ์แล้ว ถึงแม้เงยหน้าไม่เจอ ก้มหน้าก็ต้องเจอ เจ้าอย่าไปยุ่งกับเขา แต่ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวเขา หากเขากล้าทำร้ายเจ้า เจ้าเพียงแค่โต้ตอบกลับไป เขาเป็นคนขี้ขลาด แม้ว่าเจ้าจะโต้ตอบก็ไม่เป็นอันใด หากเขากล้าทำสิ่งใดลับหลัง เจ้าให้องค์ชายสองจัดการเขา”
เยียนอวิ๋นฉีถาม “องค์ชายสองสามารถจัดการองค์ชายใหญ่ได้?”
เซียวฮูหยินยิ้ม “อย่าดูถูกองค์ชายสอง องค์ชายสองสามารถเกลี้ยกล่อมฮองเฮาทูลขอสมรสพระราชทานจากฝ่าบาทได้ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถ มีน้อยคนนักที่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของฮองเฮา แม้แต่องค์ชายสามยังไม่อาจทำได้ องค์ชายสองทำได้ก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขาแล้ว การจัดการกับองค์ชายใหญ่จึงเป็นเพียงเรื่องเล็ก”
“นอกจากนี้เรื่องที่องค์ชายใหญ่พยายามฆ่าหลี่ปิ้งถิงอย่าได้พูดออกไป ถึงแม้พวกเราไม่ปะทะกับตระกูลเถา แต่ก็ไม่ต้องเพิ่มเบี้ยให้ฮองเฮา หากคราวหน้าอวิ๋นฉีมีโอกาสได้พบองค์ชายสอง เจ้าสามารถเอ่ยเรื่องนี้กับเขาได้ จำไว้ว่าพูดกับองค์ชายสองได้เท่านั้น”
“เพราะเหตุใด” เยียนอวิ๋นฉีสงสัยอย่างมาก
เซียวฮูหยินครุ่นคิดก่อนพูด “หากข้าดูไม่ผิด องค์ชายสองกับเถาฮองเฮาไม่ได้มีใจเดียวกัน”
แม่ลูกแยกทาง!
มันเป็นเรื่องใหญ่!
เยียนอวิ๋นฉีแอบมองเยียนอวิ๋นเกอ
เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้าให้นาง ส่งสายตาให้กำลังใจ
จากนั้นเยียนอวิ๋นฉีก็พูดขึ้น “ท่านแม่ วันนี้ข้าพบกับองค์ชายสองที่จวนตระกูลหลี่”
เซียวฮูหยินรู้สึกประหลาดใจ “ข้าไม่คิดเลยว่าองค์ชายสองจะเสด็จมาเข้าร่วมงานเลี้ยงของตระกูลหลี่ด้วย”
เยียนอวิ๋นฉีลังเลเล็กน้อย “ดูเหมือนองค์ชายสองต้องการแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาท”
สีหน้าของเซียวฮูหยินดูประหลาดใจ “เขาต้องการแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทหรือ”
เยียนอวิ๋นฉีพยักหน้า “แม้เขาจะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่สิ่งที่เขาพูดก็เผยให้เห็นถึงความหมายนั้น”
เซียวฮูหยินหัวเราะทันที “ไม่แปลกใจเลยที่เขากับฮองเฮาไม่ได้มีใจตรงกัน ก่อนหน้านี้ข้าเคยสงสัยถึงสาเหตุ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง! ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง! ทุกอย่างสมเหตุสมผลแล้ว”
“เถาฮองเฮารู้หรือไม่ว่าองค์ชายสองต้องการแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาท” เยียนอวิ๋นฉีถามขึ้น
เซียวฮูหยินคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เกรงว่าเถาฮองเฮาคงไม่รู้ อย่างที่โบราณว่าเงาเกิดขึ้นภายใต้แสงไฟ หลายปีนี้องค์ชายสองทำตัวไม่โดดเด่น นอกจากเรื่องสมรสกับเจ้า เขาแทบจะไม่มีตัวตนแม้แต่น้อย องค์ชายที่ร่างกายอ่อนแอ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ไม่ตั้งพรรค ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับข้าราชบริพาร แทบจะไม่ออกจากจวน ผู้ใดจะเชื่อว่าเขาต้องการแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาท มีเพียงพวกเราที่เพิ่งเดินทางมาเมืองหลวงที่เชื่อ อย่างที่ว่าคนนอกย่อมเห็นชัดกว่า พวกเราไม่มีความทรงจำที่ยึดติดเกี่ยวกับเขา ทำให้มองเขาออกได้อย่างชัดเจน”
เยียนอวิ๋นฉีพูดติดตลก “น้องสี่ยังให้ข้าพยายาม เพื่อเป็นพระพันปี”
เมื่อเซียวฮูหยินได้ยินเช่นนี้ นางก็ผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมา
หลังจากหัวเราะ นางก็พูดว่า “เป็นความคิดที่ดีไม่น้อย”
เยียนอวิ๋นเกอได้ใจอย่างมาก
แม้แต่ท่านแม่ยังเห็นด้วยกับความคิดของนาง เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นจริง
เซียวฮูหยินพูดต่อ “ในเมื่ององค์ชายสองมีต้องการแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาท พวกเราก็ช่วยสนับสนุนเขาเสียหน่อย ไม่ต้องรอวันอื่น เรื่องที่องค์ชายใหญ่พยายามฆ่าหลี่ปิ้งถิง พวกเราส่งคนไปบอกองค์ชายสองคืนนี้ ให้เขาตัดสินใจเองว่าจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้หรือไม่ จะใช้ประโยชน์อย่างไร พวกเราบอกกล่าวเท่านั้น”
…
ในมือของเซียวฮูหยินมีแต่คนมีความสามารถ
การให้คนแอบไปส่งข่าวที่จวนขององค์ชายสองเป็นเรื่องง่าย
องค์ชายสองขอให้คนส่งข่าวนำสารกลับมา “ขอบใจ!”
เซียวฮูหยินถามองครักษ์ที่ส่งสาร “องค์ชายสองพูดอะไรอีกหรือไม่”
“ทูลท่านหญิง องค์ชายสองตรัสเพียงอย่าทำสิ่งใดวู่วามก่อนปีใหม่ รอผ่านพ้นปีใหม่ไปเสียก่อน”
“ดังนั้น หลังปีใหม่ราชสำนักจะเคลื่อนไหวครั้งใหญ่หรือ”
“ข้าน้อยไม่รู้ขอรับ”
เซียวฮูหยินตอบรับ “ต่อจากนี้ เจ้าทำหน้าที่ติดต่อกับจวนองค์ชายสองอย่างลับๆ”
“ข้าน้อยรับคำสั่ง!”
…
ตกดึก!
ตำหนักซิงชิ่ง!
ฮ่องเต้หย่งไท่ยังไม่ทรงพักผ่อน
ขันทีใหญ่ซุนปังเหนียนคอยปรนนิบัติฮ่องเต้หย่งไท่อยู่ด้านข้าง
เมื่อได้โอกาส เขาจึงพูดอย่างขึ้นอย่างระมัดระวัง
“ทูลฝ่าบาท วันนี้กระหม่อมได้ยินเรื่องเกี่ยวกับองค์ชายใหญ่เรื่องหนึ่ง ไม่รู้ควรพูดหรือไม่”
“ตาเฒ่า เจ้าเปิดปากแล้วยังมีสิ่งใดพูดไม่ได้อีก” ฮ่องเต้หย่งไท่เย้าแหย่
ซุนปังเหนียน ซุนกงกงพูดอย่างระมัดระวัง
“กระหม่อมได้ยินว่าองค์ชายใหญ่ทรงพยายามฆ่าหลี่ปิ้งถิงเพื่อถอนหมั้น แต่ถูกคนพบเข้าจึงทรงทำไม่สำเร็จ”
สีหน้าของฮ่องเต้หย่งไท่ดำทัมึน “เรื่องจริงหรือ”
“คิดว่าเป็นเรื่องจริงพ่ะย่ะค่ะ”
ปัง!
ฮ่องเต้หย่งไท่เตะเก้าอี้ล้มด้วยความโกรธ
“ลูกทรพี! ข้าน่าจะทำให้เขาจมน้ำตายตั้งแต่กำเนิด เขาไม่อยากแต่งงานกับหลี่ปิ้งถิง เหตุใดจึงไม่เข้าวังมาบอกข้า เจ้าโง่ บังอาจพยายามฆ่าคน ข้าอยากจะประหารเขานัก”
ฮ่องเต้หย่งไท่โกรธมาก เขาชักดาบคมที่แขวนอยู่บนผนังออกมาฟาดลงไปที่โต๊ะ
ซุนปังเหนียน ซุนกงกงอกสั่นขวัญแขวน
เขารีบพูดเกลี้ยกล่อม “ฝ่าบาททรงระงับโทสะพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายใหญ่ทรงมีสถานะกระอักกระอ่วน เขาจะกล้าเข้าวังมาทูลฝ่าบาทตามความรู้สึกจริงได้อย่างไร”
ฮ่องเต้หย่งไท่หันพระพักตร์กลับมา จ้องมองซุนปังเหนียนเขม็ง “เจ้ากำลังตำหนิข้าหรือ”
“กระหม่อมไม่กล้าพ่ะย่ะค่ะ!” ซุนปังเหนียน ซุนกงกงคุกเข่าลงเสียงดัง “กระหม่อมเป็นห่วงฝ่าบาท”
ฮ่องเต้หย่งไท่เย้ยหยัน “เจ้าโง่นั้น โชคดีที่เจ้าแก้ตัวแทนเขา เดิมทีข้าไม่แต่งตั้งมารดาของเขาเพื่อปกป้องเขา สุดท้ายเขาทำสิ่งใดกัน ข้าให้โอกาสเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ทำให้ข้าผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า เวลานี้ยังบังอาจฆ่าคนเพื่อถอนหมั้น ข้าไม่เคยเห็นคนที่โง่เขลาเพียงนี้มาก่อน ข้าเก็บเขาเอาไว้จะมีประโยชน์อะไร สู้ประหารเขาเสียดีกว่าจะได้ไม่อับอาย”
“ฝ่าบาททรงพิจารณาให้ดีพ่ะย่ะค่ะ!”
ซุนปังเหนียน ซุนกงกงเกลี้ยกล่อม
ฮ่องเต้หย่งไท่ถีบเขาล้ม
ฮ่องเต้โกรธจัด เดินวนเวียนไปมาอยูในห้องบรรทม อารมณ์ฉุนเฉียวจนอยากจะทำลายทุกสิ่ง
ยากที่จะระงับความโกรธลงได้
เขาถามซุนปังเนียน “ผู้ใดเป็นคนเห็นเหตุการณ์ที่องค์ชายใหญ่ฆ่าคนเพื่อถอนหมั้น”
ซุนปังเหนียน ซุนกงกงรีบกล่าว “กระหม่อมไร้ความสามารถ ยังหาตัวไม่พบพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หย่งไท่กัดฟัน
“สืบ! ต้องหาตัวคนผู้นี้ให้ได้ ไม่ว่าคนผู้นี้เป็นใคร กำจัดทิ้งเสีย! อย่าให้เรื่องฆ่าคนเพื่อถอนหมั่นแพร่กระจายออกไปเด็ดขาด ยิ่งไม่อาจให้เรื่องนี้ไปถึงหูของฮองเฮา”
“กระหม่อมน้อมรับพระราชโองการ!”