คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 95 ไม่ขาย
ตอนที่ 95 ไม่ขาย
จดหมายของจวนโหวถูกส่งโดยม้าเร็วมาถึงเมืองหลวง
พื้นที่ทางเหนือยังถือว่าสงบ
เหล่าท่านอ๋องที่ก่อความวุ่นวายส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่อุดมสมบูรณ์ทางตอนใต้
ทางตอนใต้ลุกเป็นไฟ ผู้คนต่างเข่นฆ่ากัน บนถนนหนทางเต็มไปด้วยซากศพ
ทางเหนือเป็นแผ่นดินราบกว้างใหญ่ ขาวโพลนไปทั่วพื้นที่ บนถนนมีผู้คนจำนวนน้อย
เมื่อเมืองหลวงหิมะตกเป็นครั้งที่สาม จดหมายของเยียนโส่วจ้านก็ส่งถึงมือของเซียวฮูหยินอย่างราบรื่น
หลังจากอ่านจดหมายจบ เซียวฮูหยินหัวเราะเสียงเย็น
นางถามบ่าวรับใช้ข้างกาย “คุณหนูสี่ทำอันใดอยู่”
“คุณหนูจ้งซูอวิ้นจากจวนองค์หญิงเฉิงหยางส่งบัตรเชิญให้คุณหนูสี่ คุณหนูสี่ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงเจ้าค่ะ”
“เมื่อนางกลับมา ให้นางมาพบข้า”
“บ่าวรับคำสั่งเจ้าค่ะ”
…
เยียนอวิ๋นเกอพาบ่าวรับใช้ชื่นชมทิวทัศน์หิมะที่จวนองค์หญิงเฉิงหยาง
จ้งซูอวิ้นเป็นเจ้าภาพ ฉวยโอกาสที่หิมะตก เชิญสตรีตระกูลชนชั้นสูงในเมืองหลวงมาดื่มสุราชื่นชมทิวทัศน์ จัดเป็นชมรมบทกลอน
ล้วนเป็นหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือน เจื้อยแจ้วคึกคักอย่างมาก
เยียนอวิ๋นเกอเห็นองค์หญิงติ้งเถาท่ามกลางฝูงชน
กลุ่มดาวล้อมเดือน พวกนางต่างสนทนาอยู่รอบๆ องค์หญิงติ้งเถา
องค์หญิงติ้งเถาที่งดงามได้ใจเล็กน้อย อีกทั้งรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย
ทิวทัศน์งดงามมาก แต่อารมณ์ของนางไม่งดงามเสียเท่าใด
ท่ามกลางหญิงสาว อายุของนางมากที่สุด
ถึงแม้นางจะเป็นองค์หญิงที่สูงส่ง แต่เรื่องคู่หมั้นของนางยังไม่มีข่าวคราว
เสด็จแม่ให้นางไม่ต้องรีบร้อน
บอกว่าเรื่องอภิเษกของนาง เสด็จพ่อย่อมจัดการแทนนาง
แต่สตรีที่อายุเท่ากับนาง ส่วนใหญ่ล้วนออกเรือนแล้ว
สตรีที่อายุน้อยกว่านาง บางคนก็ออกเรือนแล้ว
นางในฐานะองค์หญิง กลับหาสวามีที่ถูกใจไม่ได้ จะไม่ให้นางหดหู่ได้อย่างไร
อีกทั้งยังเห็นคนที่เกลียด องค์หญิงติ้งเถาถลึงตาใส่เยียนอวิ๋นเกออย่างแรง อารมณ์ยิ่งไม่ดีมากยิ่งขึ้น
เยียนอวิ๋นเกอไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย นางกลอกตากลับทันที
องค์หญิงติ้งเถาโกรธจัด ทำท่าเหมือนจะปะทุ
แต่ไม่คิดว่ามีคนแอบดึงนางเอาไว้
เมื่อมองไปพบว่าเป็นคุณหนูเจ็ดตระกูลเถา ว่าที่พระชายาขององค์ชายสาม ลูกพี่ลูกน้องของนาง พี่สะใภ้สามในอนาคต
น่าโมโหยิ่งนัก พี่สะใภ้ทั้งสามล้วนอายุน้อยกว่านาง
หลี่ปิ้งถิง เยียนอวิ๋นฉีล้วนเด็กกว่านาง
เถาชีก็เด็กกว่านาง
สีหน้าขององค์หญิงติ้งเถาบูดเบี้ยวในทันที
นางถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีนัก “เหตุใดเจ้าจึงดึงข้า”
เถาชีพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ภายนอกทิวทัศน์งดงาม องค์หญิงจะออกไปเดินเล่นเสียหน่อยหรือไม่ ห้องนี้คนมาก อึดอัดยิ่งนัก”
องค์หญิงติ้งเถาไม่สนใจ “จะไปเจ้าก็ไปเอง”
เถาชีเก้อเล็กน้อย จากนั้นนางก็พูดขึ้นอีกครั้ง “วันก่อนหม่อมฉันเข้าวังไปถวายบังคมฮองเฮา ฮองเฮาพูดถึงเรื่องงานอภิเษกขององค์หญิงต่อหน้าท่านแม่หม่อมฉัน”
“จริงหรือ เหตุใดข้าจึงไม่รู้เรื่องนี้” องค์หญิงติ้งเถากึ่งเชื่อกึ่งสงสัย
เถาชีจริงใจอย่างมาก “เรื่องแบบนี้ หม่อมฉันจะบังอาจโกหกองค์หญิงได้อย่างไรเพคะ ในห้องคนมากปากมาก สู้พวกเราหาที่อื่นคุยกันเสียดีกว่า”
“ได้!”
องค์หญิงติ้งเถาเดินตามเถาชีออกจากห้องโถงรับแขกไปอย่างเสียไม่ได้
ทั้งสองคนจากไป เหล่าสตรีต่างจับกลุ่มขนาดเล็ก สนทนาอย่างออกรสออกชาติ
หากแต่ละเลยเยียนอวิ๋นเกอไป
ไม่มีคนเข้าใกล้เยียนอวิ๋นเกอ ยิ่งไม่มีคนมาเชิญให้นางเข้าร่วมวงสนทนา
ทุกคนต่างมองข้ามเยียนอวิ๋นเกออย่างไม่ได้นัดหมาย
เยียนอวิ๋นเกอสนใจหรือ
นางไม่สนใจแม้แต่น้อย
ไม่มีคนสนใจนาง นางยิ่งชอบที่อยู่อย่างสงบ
หลังจากดื่มชาไปสองถ้วย เยียนอวิ๋นเกอคิดจะไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้ นางไม่ชอบเสียงดังโหวกเหวกในห้องโถง
เมื่อนางจากไป ทุกคนต่างถกเถียงขึ้นมา
“นางกล้าดีอย่างไรมาเข้าร่วมงานเลี้ยง”
“มองไม่ออกเสียจริง หน้าของนางหนาเพียงนั้น?”
“ไม่รู้พี่จ้งคิดอย่างไร เหตุใดจึงส่งบัตรเชิญให้นาง”
“พวกเจ้าอย่าลืม พี่สาวของนางเป็นพระชายาขององค์ชายสอง ท่านแม่เป็นท่านหญิง”
“แล้วอย่างไร ลงมือทำร้ายคน หยาบคายไร้มารยาท ไร้ซึ่งกฎระเบียบใดๆ เป็นสาวเป็นนาง กลับออกมาเสนอหน้าทุกวัน ได้ยินว่านางพักอยู่ในเรือนพักเป็นเวลาหลายเดือน เรือนพักล้วนมีแต่ชายชาตรี นางไม่รู้ว่าต้องหลีกเลี่ยงหรือ?”
“นางอายุน้อย ย่อมไม่ต้องหลีกเลี่ยง”
“อายุน้อยอันใดกัน ตัวสูงเพียงนั้น สูงกว่าข้าเสียอีก ฮึ! สมกับเป็นเด็กป่าเถื่อนที่มาจากชนบท ไร้มารยาทสิ้นดี”
“ได้ยินว่าคอของนางรักษาหายแล้ว พูดได้แล้ว”
“จริงหรือ เหตุใดวันนี้จึงไม่ได้ยินนางเปิดปากพูด หรือว่านางดูถูกพวกเรา”
“ไม่รู้ศิลปะทั้งสี่นางถนัดด้านใด บังอาจดูถูกพวกเรา”
“ข้ายังคาดหวังว่าองค์หญิงติ้งเถาจะสั่งสอนนางสักครั้ง ทำให้นางอับอายต่อหน้า ไม่คิดว่าเถาชียุ่งไม่เข้าเรื่อง เกลี้ยกล่อมให้องค์หญิงติ้งเถาออกไป”
“เหตุใดเถาชีจึงกลัวเยียนอวิ๋นเกอ”
“ควรถามว่าเหตุใดองค์หญิงติ้งเถาจึงยอมเยียนอวิ๋นเกอ เยียนอวิ๋นเกอพบหน้ากับองค์หญิงติ้งเถาครั้งแรก ทั้งสองฝ่ายไม่ลงรอยกัน เป็นปรปักษ์นับแต่นั้นมา วันนี้ทั้งสองคนไม่มีเรื่องกัน ช่างทำให้คนประหลาดใจ”
ทุกคนต่างถกเถียง มีความสงสัยและความไม่พอใจ ล้วนเกิดขึ้นเพราะเยียนอวิ๋นเกอ
เยียนอวิ๋นเกอมาเข้าร่วมงานเลี้ยง ไม่ได้พูดแม้แต่ประโยคเดียว เพียงแค่ดื่มชาสองถ้วย กลับก่อให้เกิดความสนใจมากเพียงนี้ สมกับเป็นต้นแบบของตัวละครเอก
นางมาชมทิวทัศน์ที่สวนดอกไม้
มีต้นเหมยบางต้นผลิดอก กำลังรอแบ่งบาน
คิดว่าเมื่อดอกเหมยแบ่งบาน ทิวทัศน์ย่อมงดงามมาก
อาเป่ยปรนนิบัติอยู่ข้างตัวนาง พูดเตือนเสียงเบา “วันนี้คุณหนูมาเป็นแขก อย่าได้เกิดการปะทะกับองค์หญิงติ้งเถานะเจ้าคะ”
เยียนอวิ๋นเกอพูดกลั้วหัวเราะ “เจ้าวางใจเถิด เพียงแค่องค์หญิงติ้งเถาไม่หาเรื่องข้า ข้าย่อมต้องหลีกเลี่ยงนาง”
หากองค์หญิงติ้งเถามาหาเรื่องนาง ขออภัย นางย่อมต้องโจมตีกลับ
เมื่อเดินในสวนรอบหนึ่ง รู้สึกไม่มีสิ่งใดให้ดู เยียนอวิ๋นเกอเตรียมตัวกลับห้องโถงรับแขกไปดื่มชากินขนม
หลังจากเดินกลับขึ้นมายังทางเดิน นางก็เห็นมีคนเดินมาจากระยะไกล
เดิมทีอยากเลี่ยงไป แต่ราวกับต้องเดินอ้อมไกลมาก
ช่างเถิด นางเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย
เมื่อทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้กัน ถึงได้มองเห็นอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ที่แท้เป็นจ้งซูหาว บุตรชายขององค์หญิงเฉิงหยาง
“เหตุใดน้องอวิ๋นเกอจึงอยู่ด้านนอกคนเดียว”
“ทักทายนายน้อยจ้ง!”
“เจ้าพูดได้แล้วจริงด้วย! ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าเจ้าหายดีแล้ว ข้ายังไม่กล้าเชื่อ”
จ้งซูหาวทำหน้าตกตะลึง
เยียนอวิ๋นเกอฉงนเล็กน้อย
นางราวกับไม่ได้คุ้นเคยกับอีกฝ่าย แต่ก่อนก็ไม่เคยคุยกัน
หรือว่าอีกฝ่ายจะชื่นชอบต้อนรับแขกแต่กำเนิด กระตือรือร้นเช่นนี้กับทุกคน
“อากาศหนาว น้องอวิ๋นเกอระวังสุขภาพ หากจะออกมาเดินเล่นในสวน ควรถือเตาอุ่นมือมาด้วยจะดีกว่า หากเพราะสวนในจวนข้า น้องอวิ๋นเกอไม่สบายขึ้นมา คงจะรู้สึกผิดยิ่งนัก”
“ขอบคุณนายน้อยจ้งที่เป็นกังวล! ข้ากำลังจะกลับห้องโถง”
“ข้าส่งไปเจ้า”
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง!” เยียนอวิ๋นเกอโบกมือปฏิเสธ
สำหรับคนที่กระตือรือร้นเกินไป นางมักจะรับมือไม่ไหว อยากจะหลีกเลี่ยงให้พ้น
นางนิสัยเย็นชา ไม่ชอบคบหาผู้คน ชาติก่อนชาตินี้ล้วนไม่มีสหาย
นางไม่ชอบให้คนเป็นกังวลตนเองเกินเหตุ สืบเรื่องของตนเอง
จ้งซูหาวกระตือรือร้นอย่างมาก แต่สำหรับเยียนอวิ๋นเกอแล้ว เขากระตือรือร้นเกินไป
มีคนบอกว่านางสันโดษ
แต่เยียนอวิ๋นเกอชอบความสันโดษนี้
นางมีอารมณ์ภายในใจที่มากมาย มีความคิดมากมาย นางคนเดียวก็เป็นโลกใบหนึ่ง ย่อมไม่รู้สึกโดดเดี่ยว
จ้งซูหาวกระตือรือร้นเกินไปเสียจริง เขายืนกราน “ข้าส่งเจ้ากลับไปดีกว่า น้องอวิ๋นเกอไม่ต้องเกรงใจ ผู้ที่เดินทางมาล้วนเป็นแขก ข้าในฐานะเจ้าบ้าน ย่อมไม่อาจละเลยแขกเหรื่อ”
เยียนอวิ๋นเกอยังคงปฏิเสธ “นายน้อยจ้งคงมีงานมากมายต้องทำ ข้าหาทางได้ ข้างตัวมีบ่าวรับใช้มากมาย ท่านไม่ต้องส่งข้าจริงๆ”
จ้งซูหาวผงะไปเล็กน้อย ราวกับไม่คิดว่าเยียนอวิ๋นเกอจะยืนกรานปฏิเสธเขา
ภายใต้สถานการณ์ปกติ หากพบสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ควรจะพูดด้วยความเกรงใจ จากนั้นไหลไปตามน้ำหรือ
เขาเงียบไปชั่วครู่ “ไม่ปิดบังน้องอวิ๋นเกอ วันนี้ได้พบเจ้า ข้ามีเรื่องต้องการขอคำชี้แนะพอดี”
“ไม่รู้มีเรื่องใดที่ข้าช่วยเหลือได้บ้าง นายน้อยจ้งเชิญพูด”
“ตรงนี้หรือ น้องอวิ๋นเกอหนาวหรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอส่ายหน้า “ขอบคุณในความห่วงใย ข้าไม่หนาว”
จ้งซูหาวตอบรับด้วยเสียง “อ่อ” หนึ่งที “ฤดูหนาวปีนี้ โชคดีที่น้องอวิ๋นเกอให้คนส่งผักมาจึงข้ามผ่านไปได้ ฤดูนี้ในแต่ละปีก่อน ถึงแม้จะสูงศักดิ์เป็นท่านอ๋องก็ยากที่จะได้กินผักที่สดใหม่”
เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะขึ้นมา “นายน้อยจ้งไม่ต้องขอบคุณข้า! อาหารของจวนองค์หญิงล้วนจ่ายเงิน ซื้อขายอย่างเป็นธรรม ดำเนินการอย่างซื่อสัตย์ ต่างฝ่ายต่างได้สิ่งที่ต้องการ ข้ารับคำขอบคุณไม่ได้”
“น้องอวิ๋นเกอถ่อมตัวเสียจริง! เพียงแค่เจ้ายอมถ่ายทอดฝีมือ ทุกคนต่างยอมรับในบุญคุณของเจ้า”
อย่า!
เพียงแค่การแลกเปลี่ยน เป็นบุญคุญหรือ
ไม่ว่าจะพูดไพเราะเพียงใด นางก็ไม่มีทางลดราคาให้
ผู้ใดให้นางยากจน
จ้งซูหาวพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ พูดอยู่ครึ่งวันยังไม่มีสาระสำคัญ
ประเด็นสนทนาระหว่างสองคนน้อยเกินไป
ยิ่งคุยยิ่งเบื่อหน่าย
เยียนอวิ๋นเกอยิ้มตาหยี อันที่จริงภายในใจเริ่มรำคาญเล็กน้อย
นางอยากจะตะโกนออกมาด้วยความโกรธ พูดให้ตรงประเด็นได้หรือไม่
เสียเวลา!
“ตกลงนายน้อยจ้งหาข้าด้วยเรื่องใด ท่านพูดมาตามตรงเถิด เพียงแค่ข้าช่วยได้ ย่อมต้องช่วย”
จ้งซูหาวทำหน้าดีใจ “ขอบคุณน้องอวิ๋นเกอ เรื่องเป็นเช่นนี้ ข้าวางแผนจะทำแปลงนาในแคว้นซีเหมือนกัน หลังจากสืบมา พื้นที่แถบนั้นล้วนซื้อโดยน้องอวิ๋นเกอ ข้าแค่อยากถาม น้องอวิ๋นเกอขายที่ให้กับข้าได้หรือไม่ ราคาเจรจาได้ ถึงแม้จะเป็นที่เปล่า ข้าก็สามารถซื้อในราคาที่สูงกว่าตลาด”
เอ๊ะ?
ซื้อที่ดินทำนา
บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนขององค์หญิงเฉิงหยาง ไม่น่าขาดแคลนเงิน!
ชายชาตรี แม้ต้องการทำงาน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องไปทำแปลงนา
เขาสามารถรับราชการ หรือเป็นแม่ทัพ
ไม่ว่าทางใดล้วนดีกว่าการทำแปลงนา
อีกทั้งเวลานี้ทางใต้กำลังทำสงคราม
หากยอมเป็นแม่ทัพ จากสถานะของเขา เพียงแค่ลงใต้ ย่อมมีความดีความชอบอยู่กับตัว
เมื่อสงครามเสร็จสิ้น ได้เลื่อนขั้นมีเงิน เป็นแค่เรื่องของเวลา
เยียนอวิ๋นเกอทำแปลงนาเพราะไร้หนทาง
นางเป็นสตรี ทำได้เพียงเดินทางเส้นนี้
เป็นชาวนาตัวน้อยยังสามารถเกิดความวุ่นวายได้เพียงนี้
หากนางทำการค้าอื่น ไม่รู้จะต้องเผชิญกับการโจมตีแก้แค้นมากน้อยเพียงใด
จ้งซูหาวคิดอันใด ต้องการทำแปลงนา
เรื่องแปลกย่อมต้องมีเงื่อนงำ!
เยียนอวิ๋นเกอพูดอย่างครุ่นคิด “เรื่องนี้ ขออภัยที่ข้ารับปากนายน้อยจ้งไม่ได้ ข้าซื้อที่ดินเหล่านั้น ล้วนมีแผนการบุกเบิกทั้งหมดแล้ว หากขายออกไปส่วนหนึ่ง แผนการทั้งหมดของข้าย่อมพังทลาย ไม่มีทางช่วยเหลือนายน้อยจ้งได้ โปรดเข้าใจ”
“ไม่อาจขาดได้แม้แต่ผืนเดียวหรือ” จ้งซูหาวผิดหวังอย่างมาก
เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้าอย่างหนักแน่น ใช่ ขายไม่ได้แม้แต่ผืนเดียว
นางปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “เชื่อว่าจวนองค์หญิงมีแปลงนามากมายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หากนายน้อยจ้งสนใจการทำแปลงนา สามารถเดินทางไปยังแปลงนาของตระกูลท่าน ไม่จำเป็นต้องละทิ้งสิ่งที่อยู่ใกล้ไปไขว่คว้าสิ่งที่อยู่ไกล เดินทางไปถึงแคว้นซี”