คุณหนู4สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 38
ตอนที่ 38 ตัวตนที่น่าเกรงขาม
การต่อสู้ระหว่างเหยี่ยวปีกทองกับกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจดูรุนแรงเป็นอย่างมาก
แม้ว่าเหยี่ยวปีกทองจะแข็งแกร่ง แต่ทว่าด้วยความที่กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจมีกำลังพลจำนวนมากทำให้พวกเขาไม่ได้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียทีเดียว
และในขณะที่กำลังต่อสู้กันอยู่นั้น พวกเขาก็ไม่ได้สังเกตเห็นสตรีโฉมงามบนหลังยูนิคอร์นสีนิลที่กำลังบินตรงเข้ามาเลย
ฉินอวี้โม่ที่นั่งอยู่บนหลังของเสี่ยวเฮยสั่งให้มันบินตรงเข้าไปภายในถ้ำทันที
ในตอนที่นางมองมันจากด้านล่าง นางคิดว่าถ้ำนี้มีขนาดเล็กและน่าจะพอให้คนคนหนึ่งเดินผ่านไปได้เท่านั้น ทว่าพอเมื่อได้มองดูใกล้ๆ เช่นนี้ นางกลับพบว่าแท้จริงแล้วถ้ำแห่งนี้มีขนาดใหญ่อย่างเหนือความคาดหมาย
ไม่ต้องพูดถึงคนเพียงคนเดียว เพราะต่อให้เข้าไปพร้อมกันเป็นสิบคนก็ยังเข้าได้อย่างไม่แออัด
เถาหลิวหลีพันเลื้อยอยู่ตรงส่วนเพดานถ้ำ ณ จุดที่ใกล้กับปากถ้ำ การที่จู่ๆ เหยี่ยวปีกทองก็โผล่ออกมาเล่นงานกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจนั้นแสดงให้เห็นว่า มันจะต้องอาศัยอยู่ภายในถ้ำแห่งนี้
ฉินอวี้โม่สั่งให้เสี่ยวเฮยบินโฉบเข้าไปอย่างไม่ลังเล ก่อนที่หญิงสาวจะยื่นมือไปคว้าเอาผลหลิวหลีมาอย่างว่องไว
แท้จริงแล้วผลหลิวหลีเป็นผลไม้ที่มีลักษณะที่พิเศษ มันดูใสและแวววาวราวกับแก้วมณี สมแล้วที่เป็นถึงผลไม้มายาแสนล้ำค่า
ทันทีที่เด็ดผลหลิวหลีออกมาได้ ฉินอวี้โม่ก็รีบเก็บมันใส่เข้าไปภายในแหวนมิติ จากนั้นนางและเสี่ยวเฮยก็รีบถอยออกไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน ฉินอวี้โม่ฉวยโอกาสในช่วงเวลาที่เหยี่ยวระดับเทวะสามดารากำลังพัวพันอยู่กับการต่อสู้อันหนักหน่วงฉกชิงผลไม้วิเศษมา
แน่นอนว่า เมื่อผลหลิวหลีถูกใครบางคนชิงไปต่อหน้า เหยี่ยวปีกทองที่กำลังขับไล่กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจก็คำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น
“แกว๊กกกกกกก~ !!!!”
ปีกสีทองของเหยี่ยวขนาดยักษ์โบกสะบัดอย่างบ้าคลั่งในขณะที่มันปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวออกมา เพียงพริบตาเดียววังวนวายุก็ปรากฏขึ้นรอบๆ ตัวของมัน พายุหมุนขนาดใหญ่กว่าตัวเหยี่ยวพิโรธกวาดล้างต้นไม้และสรรพสัตว์บริเวณนั้นไปจนสิ้น
— ตูม ตูม ตูม! —
กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจที่กำลังล้อมเหยี่ยวปีกทองอยู่ถูกพายุหมุนซัดจนกระเด็นกระจัดกระจาย ก่อนที่บางคนจะหล่นกระแทกพื้นอย่างรุนแรง และมีบางคนที่ปลิวไปฟาดเขากับหินผาในบริเวณนั้น
“เจ้าพวกมนุษย์โสโครก พวกเจ้ารวมหัวกันหลอกลวงข้า!”
เมื่อเห็นว่าเหยี่ยวปีกทองมีท่าทีที่เปลี่ยนไป หลี่เปียวก็รีบเงยหน้าขึ้นดูและเขาก็ได้เห็นฉินอวี้โม่ที่กำลังนั่งอยู่บนหลังของเสี่ยวเฮยกำลังส่งรอยยิ้มเย้ยหยันมา
“เป็นนาง”
หลี่เปียวอุทานออกมาขณะหลบการโจมตีของเหยี่ยวปีกทองไปด้วย ในเวลาเดียวกันเขาก็กัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้น
“แกว๊กกก !”
ทันใดนั้นเหยี่ยวปีกทองก็ร้องคำรามอีกครั้ง ก่อนที่ทุกคนจะได้ยินเสียงและสัมผัสได้ว่ามีอสูรมายาจากรอบทิศทางกำลังมุ่งตรงมาทางพวกเขา
อสูรมายาระดับต่ำ ระดับภูตและแม้กระทั่งระดับศักดิ์สิทธิ์บางตัวก็ยังตรงมาทางนี้ด้วย!
ในตอนนี้แม้แต่ลั่วอวิ๋นและกลุ่มทหารรับจ้างชื่อเหยียนก็ยังถูกพวกสัตว์มายาล้อมเอาไว้ด้วย
ทว่าทางด้านกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจนั้นคับขันกว่ามาก พวกเขาถูกอสูรมายาล้อมเอาไว้อย่างแน่นหนาราวกับจะปิดหนทางหนีทุกด้าน
“เสี่ยวเฮย ลงไปข้างล่าง”
เมื่อฉินอวี้โม่เห็นว่าเวลานี้สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก นางจึงรีบลงไปที่พื้นทันที
ในเดียวกันเหยี่ยวปีกทองก็เปลี่ยนเป้าหมายและพุ่งตรงไปจู่โจมมนุษย์ผู้ชิงผลไม้ไปได้แทน
“เจ้ามนุษย์ ส่งผลหลิวหลีคืนมา ไม่อย่างนั้นก็เตรียมตัวตายซะ!”
เหยี่ยวปีกทองคำรามก้องฟ้าขณะที่พุ่งตัวเข้าโจมตีฉินอวี้โม่
“เสี่ยวเฮย เจ้าหยุดมันได้หรือไม่?”
ฉินอวี้โม่มองดูเหยี่ยวปีกทองที่กำลังพุ่งตรงมาด้วยความเร็วสูงแล้วหันไปถามยูนิคอร์นคู่ใจด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“ข้าต้านมันได้ชั่วครู่ แต่คงสู้กับมันได้ไม่นานนัก ข้าจะทำให้เต็มที่ นายหญิง”
เสี่ยวเฮยพูดออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าช่วยต้านมันไว้สักครู่นะ ข้าจะหาหนทางให้พวกเราฝ่าออกไปให้ได้”
ฉินอวี้โม่สั่งการอสูรมายาผู้ภักดีพร้อมกับให้คำมั่น ขณะเดียวกันนางก็หันไปมองฝูงอสูรมายาที่มีทั้งระดับภูตและระดับศักดิ์สิทธิ์ก่อนจะวิ่งตรงเข้าไปทางนั้น
อสูรมายาที่รุมล้อมพวกเขาอยู่มีมากเกินไป และมีตัวที่เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่หลายตัว แม้จะว่าพวกมันจะอยู่ในขั้นดาราที่ไม่สูงนัก แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ฉินอวี้โม่และพวกพ้องของนางจะรับมือได้
อดีตนักฆ่าสาวไม่กล้าออมมืออีกต่อไป นางเข้าจู่โจมอสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างเต็มกำลัง
ตอนนี้สิ่งที่พวกนางต้องทำก็คือหาทางฝ่าออกไปให้ได้เป็นอันดับแรก
โชคยังดีที่อสูรมายาส่วนมากไปรุมล้อมอยู่ในจุดที่กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจอยู่ และมีส่วนน้อยเท่านั้นที่ขวางทางพวกเขาไว้
ในตอนนี้ฉินอวี้โม่กำลังเผชิญหน้ากับอสูรศักดิ์สิทธิ์ห้าดารา มันมีรูปลักษณ์เป็นเสือโคร่งที่มีสีสันสดใสและแพรวพราวอย่างประหลาด มันคืออสูรมายาที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาอสูรทั้งหลายที่รุมล้อมพวกเขาอยู่ ส่วนตัวอื่นๆ ที่เหลือเป็นระดับต่ำกว่าเสือตัวนี้ทั้งหมด ซึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดคืออสูรศักดิ์สิทธิ์สองดารา
และตอนนี้อสูรตัวนั้นก็ถูกลั่วอวิ๋นสกัดเอาไว้แล้ว
ถัดออกไป กลุ่มทหารรับจ้างชื่อเหยียนก็กำลังปะทะกับอสูรมายาตัวอื่นๆ ขณะที่เสี่ยวโร่วชักกระบี่ออกมาและพุ่งเข้าใส่อสูรระดับต่ำที่อยู่ใกล้ๆ
อสูรศักดิ์สิทธิ์ห้าดาราเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญหา เมื่อมันเห็นว่าฉินอวี้โม่กำลังวิ่งเข้ามาโจมตี มันก็เบะปากและใช้หางตามองอย่างดูถูก
‘มนุษย์เพศเมียในขอบเขตทิพย์มายาตัวน้อย กลับอาจหาญขวัญกล้ามาโจมตีมัน นั่นก็เท่ากับว่ารนหาที่ตาย!’
“โฮกกก ปิ๊บบบ!”
เสือโคร่งตัวนั้นสีสันแพรวพราวส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดุร้ายและตะปบอุ้งเท้าเข้าใส่ฉินอวี้โม่
เจ้าเสือยโสที่คิดว่าตัวเองฉลาดหลงคิดไปว่าการตวัดเพียงอุ้งเท้าเดียวของมันจะทำให้มนุษย์ตัวน้อยตรงหน้าบาดเจ็บสาหัสได้ ทว่าอุ้งเท้าใหญ่นั้นกลับสัมผัสเข้ากลับความว่างเปล่า!
ร่างของฉินอวี้โม่หายไป ก่อนจะปรากฏตัวอีกครั้งตรงหน้ามัน
“เจ้าแมวยักษ์โง่ ข้าอยู่นี่”
“โฮกกก ปิ๊บบบ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเสือใหญ่ผู้เป็นถึงอสูรมายาระดับศักดิ์สิทธิ์ห้าดาราก็รู้สึกศีรษะร้อนขึ้นมาทันที มันกระโดดตะครุบมนุษย์สาวตรงหน้า ทว่าฉินอวี้โม่ก็ใช้ความเร็วราวสายฟ้าของนางหลบหลีกออกไปได้อย่างทันควัน และทำให้มันตะครุบได้เพียงสายลมว่างเปล่าอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าฉินอวี้โม่หลบไปได้อย่างง่ายดาย เสือโคร่งสีสันสดใสก็ยิ่งหงุดหงิดเป็นเท่าทวี อีกฝ่ายเป็นแค่มนุษย์ตัวน้อยที่ดูไร้เรี่ยวแรงแต่กลับสามารถหลบกรงเล็บของมันได้
“โฮกกกกกกกกก!”
เจ้าเสือโคร่งคำรามลั่นด้วยความแค้นเคือง ก่อนจะหมุนตัวกลับแล้วกระโจนเข้าใส่ฉินอวี้โม่อีกครา
นักฆ่าสาวและเสือโคร่งมายาตะลุมบอนกันอยู่นาน ฝ่ายหนึ่งจู่โจมอีกฝ่ายก็ตั้งรับ ฝ่ายหนึ่งโจมตีอีกฝ่ายก็หลบหลีก ทั้งคู่ผลัดกันรุกผลัดกันหลบ และไม่สามารถหาผู้แพ้ชนะได้
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ลั่วอวิ๋นก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อสกัดอสูรศักดิ์สิทธิ์สองดารา อย่างไรก็ตามสถานการณ์ทางฝั่งของเขาดูจะอันตรายกว่าฉินอวี้โม่มาก ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีอสูรมายาคู่ใจคอยช่วยเหลือ เขาก็คงจะพ่ายแพ้ไปนานแล้ว
ขณะที่การต่อสู้ระหว่างกลุ่มทหารรับจ้างชื่อเหยียนกับฝูงอสูรมายาก็กำลังชุลมุนอย่างหนัก ในเวลานี้ไม่สามารถบอกได้เลยว่าฝ่ายที่ได้เปรียบหรือเสียเปรียบเป็นผู้ใด
ทว่าสถานการณ์ทางฝั่งของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจนั้นย่ำแย่ยิ่งกว่าทางนี้มาก พวกเขาไม่มีอสูรมายาระดับสูงเป็นคู่หู และระดับความแข็งแกร่งของพวกเขาเองก็ไม่ได้ดีนักด้วย ถึงแม้ในตอนที่รับมือกับเหยี่ยวปีกทองเพียงตัวเดียวพวกเขาจะพอต้านทานได้เพราะจำนวนคนที่มาก แต่เมื่อเผชิญหน้ากับฝูงอสูรมายาที่เข้ามารุมล้อมมากมายมหาศาล พวกเขาก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม เป็นการต่อสู้ระหว่างเสี่ยวเฮยกับเหยี่ยวปีกทองต่างหากที่มีความรุนแรงมากที่สุดในขณะแห่งนี้
แม้ว่าเหยี่ยวปีกทองจะเป็นอสูรเทวะสามดารา ส่วนเสี่ยวเฮยเป็นเพียงอสูรเทวะหนึ่งดาราที่ห่างชั้นกับอีกฝ่ายถึงสองขั้นดารา แต่ทว่าในเวลานี้สถานการณ์ก็ยังดูจะสูสีกันอยู่
แม้ว่าเหยี่ยวปีกทองจะเป็นอสูรมายาประเภทบินได้ที่มีความเร็วสูง ทว่ายูนิคอร์นสีนิลเองก็จัดเป็นอสูรมายาที่ว่องไวเช่นกัน และความเร็วของมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเหยี่ยวปีกทองมากนัก
เหยี่ยวปีกทองพยายามจะฝ่าการสกัดกั้นของยูนิคอร์นสีนิลอยู่หลายครั้ง ทว่าเจ้ายูนิคอร์นก็ยังขัดขวางอย่างสุดฤทธิ์เพื่อไม่ให้เหยี่ยวพิโรธเข้าไปหานายหญิงของมันได้
“เจ้ายูนิคอร์นโสโครก!”
เหยี่ยวปีกทองคำรามออกมา มันปลดปล่อยพลังทั้งหมดและกระพือปีกอย่างแรง ส่งพายุหมุนลูกใหญ่ที่ทรงพลังให้พุ่งเข้าหาเสี่ยวเฮย
“เจ้าเหยี่ยวหน้าโง่!”
เสี่ยวเฮยไม่เกรงกลัวแม้แต่นาย มันเองก็สะบัดปีกแล้วส่งพายุออกไปต้านทานพายุของเหยี่ยวปีกทองเช่นกัน
“เจ้ายูนิคอร์นโสโครก !”
เหยี่ยวปีกทองคำรามออกมา มันปลดปล่อยพลังทั้งหมดและกระพือปีกอย่างแรง ส่งพายุหมุนลูกใหญ่ที่ทรงพลังให้พุ่งเข้าหาเสี่ยวเฮย
“เจ้าเหยี่ยวหน้าโง่ !”
เสี่ยวเฮยไม่เกรงกลัว มันเองก็สะบัดปีกแล้วส่งพายุออกไปต้านทานพายุของเหยี่ยวปีกทองเช่นกัน
— ตูม ! —
เมื่อพายุหมุนสองลูกปะทะกันก็ทำให้เกิดระลอกคลื่นที่เกิดจากแรงปะทะอันหนักหน่วงกระจายออกไปรอบทิศ หน้าผาที่อยู่ไม่ไกลถูกแรงปะทะนั้นอัดเข้าใส่จนถึงกับถล่มครืนลงมา ต้นไม้บริเวณนั้นล้มระเนระนาดเป็นวงกว้าง
แน่นอนว่าฉินอวี้โม่ไม่มีเวลาสนใจการต่อสู้ของเสี่ยวเฮยและเหยี่ยวปีกทอง ตอนนี้สถานการณ์การต่อสู้กับเจ้าเสือโคร่งยังคงตึงมือ และเวลานี้เรี่ยวแรงของนางก็ลดลงไปพอสมควรทำให้นักฆ่าสาวกำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเล็กน้อยแล้ว
เสือโคร่งที่มีสีแพรวพราวจู่โจมฉินอวี้โม่อีกครั้ง ครั้งนี้อดีตคุณหนูผู้งดงามไม่หลบหลีกอีกต่อไป นางพุ่งเข้าปะทะกับกรงเล็บที่แหลมคมของเจ้าเสือร้ายตรง ๆ
— ปุบ ! —
อุ้งเท้าของเสือโคร่งตะปบถูกร่างบางอย่างจังจนทำให้นางกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าวก่อนจะกระอักเลือดออกมา
ทันทีที่ได้เห็นเช่นนั้น เจ้าเสือโคร่งสีประหลาดก็เริ่มได้ใจ มันผ่อนคลายความตึงเครียดลงไปมาก ขณะเดียวกันก็ลดระดับความระมัดระวังและเริ่มช้าลงเล็กน้อย เมื่อเห็นสภาพที่ดูน่าอนาถของคู่ต่อสู้ มันก็อดไม่ได้ที่จะเชิดหน้าขึ้นมองอย่างสาแก่ใจ
“ตอนนี้แหละ !”
เมื่อเห็นว่าเจ้าเสือโคร่งจอมยโสเริ่มประมาท รอยยิ้มอันเยือกเย็นก็ปรากฏบนใบหน้างามของนักฆ่าสาว ร่างบอบบางหายวับไปจากจุดเดิมอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปรากฏตัวอีกครั้งที่ด้านหลังของเสือใหญ่ผู้เริ่มโง่
“แอ่กกกก !”
เสือโคร่งสีสันแพรวพราวส่งเสียงร้อง *แอ่ก* ได้เพียงครั้งเดียวก็ล้มลงดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมานก่อนจะแน่นิ่งไปในที่สุด ในตอนนี้ที่หัวของมันมีกริชระยิบระยับงดงามปักคาอยู่
บางครั้งการมีสติปัญญาเหนือกว่าสัตว์อื่น ๆ ของอสูรศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นบ่อเกิดแห่งหายนะต่อตัวมันเอง เสือเทวะระดับสามดาราที่แข็งแกร่งจบสิ้นไปเพราะความประมาทของมันที่คิดว่าตนเหนือกว่าผู้อื่น
“ทุกคนช่วยกันฝ่าวงล้อมออกไป !”
ฉินอวี้โม่ตะโกนบอกกลุ่มทหารรับจ้างชื่อเหยียน ขณะที่ตัวเองก็กำลังพยายามเปิดทางฝ่าออกไป
ลั่วอวิ๋นและคนอื่น ๆ พยักหน้า อสูรศักดิ์สิทธิ์ผู้เป็นอสูรมายาของลั่วอวิ๋นพุ่งเข้าไปปะทะกับอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่เขารับมืออยู่ ขณะที่คนอื่นๆ ก็พยายามช่วยกันจัดการกับอสูรมายาตรงหน้าอย่างเต็มกำลังเพื่อเปิดทางออกไปให้ได้
“เจ้าพวกมนุษย์โสโครก !”
เมื่อเห็นฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ใกล้จะฝ่าวงล้อมอสูรออกไปได้แล้ว เหยี่ยวปีกทองที่กำลังต่อสู้กับเสี่ยวเฮยอยู่อย่างดุเดือดก็สบถคำรามเสียงดังลั่น ตอนนี้ความดุร้ายของมันก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นด้วย
ทันใดนั้น เจ้าเหยี่ยวที่กำลังคลั่งก็อ้าปากกว้าง ก้อนแสงขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นก่อนจะถูกส่งให้พุ่งตรงเข้าใส่ยูนิคอร์นสีนิลคู่ต่อสู้ที่น่ารำคาญของมันอย่างรุนแรง
และเจ้าเหยี่ยวปีกทองก็ใช้โอกาสในช่วงเวลานั้นเอง ผละตัวออกจากเสี่ยวเฮยและพุ่งเข้าจู่โจมฉินอวี้โม่อย่างรวดเร็ว
“นายหญิงระวัง !”
เสี่ยวเฮยรีบเบี่ยงตัวหลบก้อนแสงและบินโฉบเข้าหาฉินอวี้โม่
ทว่าโชคร้ายที่ความเร็วของเหยี่ยวปีกทองสูงเกินไปทำให้เสี่ยวเฮยที่เสียเวลาหลบก้อนแสงไล่ตามไม่ทัน อาชาสีดำผู้ภักดีจึงทำได้เพียงส่งเสียงตะโกนเตือนเจ้านายสาว
เมื่อได้ยินเสียงเตือนของเสี่ยวเฮย ฉินอวี้โม่ก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม เหยี่ยวปีกทองรวดเร็วจนเกินไป มันไม่มีทางที่นางจะหลบมันได้พ้น นักฆ่าสาวทำได้เพียงแค่สร้างระยะห่างให้มากที่สุดเพื่อเพิ่มพื้นที่ตั้งรับและรวบรวมพลังป้องกันการโจมตีของเหยี่ยวปีกทอง
ตอนนี้เหยี่ยวยักษ์อยู่ห่างจากนางไม่กี่ช่วงตัวแล้ว เหล่าทหารรับจ้างในกองทหารชื่อเหยียนถึงกับลืมการต่อสู้ตรงหน้าไปชั่วขณะและหันไปมองสตรีผู้เก่งกล้าด้วยความกังวลและหวาดหวั่น
เสี่ยวโร่วเองเมื่อเห็นเช่นนั้นก็กรีดร้องสุดเสียง
“คุณหนู !”
เมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังจะสังหารคนตรงหน้าได้ เหยี่ยวปีกทองก็รู้สึกย่ามใจ ขอเพียงแค่มันจัดการกับมนุษย์ผู้นี้ได้ มันก็จะได้ผลหลิวหลีกลับคืนมา และหลังจากนี้มันก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก
ทว่าในตอนที่การโจมตีอันทรงพลังกำลังจะปะทะร่างบาง จู่ ๆ ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกว่าเหยี่ยวปีกทองที่พุ่งตรงเข้ามาหยุดเคลื่อนไหวไปอย่างฉับพลัน
ในช่วงเวลาที่เหยี่ยวปีกทองใกล้เข้าไปจนเกือบจะถึงตัวมนุษย์ตรงหน้า จู่ ๆ มันก็รู้สึกถึงแรงกดดันอันรุนแรงบางอย่างพุ่งเข้ามาปะทะ แรงกดดันนั้นหนักหน่วงและน่าหวาดกลัวเสียจนทำให้มันชะงักค้าง เหยี่ยวระดับเทวะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป
“เจ้าพวกอสูรมายาต่ำต้อย หมอบลงไปซะ !”
เสียงที่ทรงพลังและฟังดูน่าเกรงขามดังขึ้น พร้อมกันนั้นทะเลเพลิงก็ปรากฏขึ้นในอากาศ เหล่าอสูรมายาที่กำลังไล่ต้อนเหล่ามนุษย์ต่างหยุดชะงักและคุกเข่าลงไปอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
ฉินอวี้โม่หันไปมองรอบ ๆ ทว่ากลับไม่พบเห็นร่างของผู้ใดเลย นางเห็นเพียงแค่เงาร่างที่พร่าเลือนลอยอยู่กลางอากาศเท่านั้น
“เหยี่ยวปีกทองที่ต่ำต้อย เจ้าคิดจะทำร้ายนายหญิงของข้าอย่างนั้นรึ ?”
เงานั้นจ้องมองเหยี่ยวปีกทองด้วยสายตาดูถูก
เหยี่ยวปีกทองมองดูเงานั้นด้วยความหวาดกลัวสุดชีวิต มันแทบจะหยุดหายใจและไม่สามารถส่งเสียงอะไรออกมาได้
“จะยอมแพ้หรือตาย จงเลือกเอา !”
เงานั้นกล่าวขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงที่สามารถสั่นประสาทเหล่าอสูรมายาอย่างถึงที่สุด
เหยี่ยวปีกทองพยายามอย่างยิ่งที่จะข่มความกลัวที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจ มันกัดฟันและพูดออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว “ทำไมข้าต้องยอมด้วย ?”
“ทำไมอย่างนั้นรึ ?”
ซิวเปล่งเสียงออกมาอย่างโกรธเคือง น้ำเสียงนั้นแฝงด้วยความเหยียดหยามเด่นชัด ทันใดนั้น เปลวเพลิงในอากาศก็พุ่งตรงเข้าเผาผลาญเหยี่ยวปีกทองอย่างรวดเร็ว
“แกว๊กกก !”
อสูรมายาระดับเทวะส่งเสียงร้องออกมาอย่างทุรนทุราย เพียงพริบตาเดียวมันก็เกือบจะกลายเป็นนกย่างไปเสียแล้ว
“จะยอมหรือจะตาย ?”
ซิวมองเหยี่ยวปีกทองที่กำลังถูกเปลวไฟแผดเผาและถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาอีกครั้ง
เหยี่ยวปีกทองไม่พูดอะไรอีก มันก้มหัวลงต่ำอย่างยอมศิโรราบ หากไม่ยอมเปลวเพลิงแสนร้อนแรงของซิวจะต้องเผามันจนกลายเป็นเถ้าถ่านอย่างแน่นอน
แม้ว่ามันจะเป็นอสูรเทวะก็ตาม แต่ถ้าหากแกนชีวิตของมันถูกเผาจนหลอมละลาย ชีวิตนี้ของมันก็คงต้องจบสิ้นเป็นแน่
.