คุณหนู4สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 39
ตอนที่ 39 มายารัตนะ
ภายใต้แรงกดดันที่แข็งแกร่งของซิว เหยี่ยวปีกทองทำได้เพียงยอมสยบอยู่แทบเท้ามันเท่านั้น
“นายหญิง ท่านรีบทำพันธสัญญากับเจ้านี่เถอะ พลังจากการทำพันธสัญญาอาจจะทำให้ท่านสามารถพัฒนาไปสู่ขอบเขตถัดไปได้”
เงาร่างของซิวส่งเสียงเรียกฉินอวี้โม่ให้เข้าไปหาเหยี่ยวปีกทอง
ฉินอวี้โม่พยักหน้าและเดินเข้าไปใกล้จุดที่ซิวและเหยี่ยวปีกทองลอยอยู่
นางเอามือวางลงบนหัวของเหยี่ยวปีกทองอสูรมายาระดับเทวะสามดาราและเริ่มการทำพันธสัญญา
ผ่านไปชั่วครู่ก็เกิดแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นมาวูบหนึ่ง พันธสัญญาสำเร็จลุล่วงแล้ว และแสงที่บ่งบอกถึงระดับพลังก็ปรากฏขึ้นตรงฝ่าเท้าของฉินอวี้โม่
ตอนนี้ดวงดาราทั้งเก้าดวงที่อยู่บนฝ่าเท้าเล็กของนางหมุนวนและรวมตัวกันเป็นดาราดวงใหญ่อย่างรวดเร็ว จากนั้นดาราดวงที่สองและสามก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น จนกระทั่งดาราที่สามเติบโตจนสมบูรณ์แล้วแสงสว่างก็หายไป
เพียงแค่พลังจากการทำพันธสัญญากับเหยี่ยวปีกทองก็ทำให้ฉินอวี้โม่พัฒนาขึ้นไปอยู่ในขอบเขตมายารัตนะสามดาราแล้ว
ขณะเดียวกัน แสงแห่งการวิวัฒนาการก็ปรากฏขึ้นมาบนร่างของเหยี่ยวปีกทอง มันก้าวหน้าจากอสูรเทวะสามดาราเป็นไปหกดารา
ขนของเจ้าเหยี่ยวยักษ์ที่แต่เดิมถูกเพลิงเผาไหม้จนกลายเป็นสีถ่านก็ฟื้นฟูกลับมาทองอร่ามและเป็นประกายเงางามเช่นเดิม จากเดิมที่อยู่ในสภาพร่อแร่ใกล้ตาย เหยี่ยวระดับเทวะก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
เมื่อระดับพลังของนายหญิงพัฒนา เสี่ยวเฮยก็เกิดการเลื่อนขั้นดาราตามนายของมันด้วยเช่นกัน เวลานี้ยูนิคอร์นสีนิลเปลี่ยนจากอสูรเทวะหนึ่งดาราไปเป็นสี่ดาราเรียบร้อยแล้ว
“นายหญิง นายหญิง ข้าเลื่อนขั้นแล้ว !”
เสี่ยวเฮยรีบวิ่งมาอยู่ข้างฉินอวี้โม่ด้วยท่าทางตื่นเต้นยินดี อาชาเขาแหลมวิ่งวนไปรอบ ๆ ตัวเจ้านายสาวอย่างร่าเริงก่อนจะหยุดวิ่งและก้มลงไปใช้ปลายจมูกดุนมือนางเบา ๆ
“ยินดีกับเจ้าด้วย”
ฉินอวี้โม่พยักหน้าชอบใจ นางหัวเราะกับท่าทางน่าเอ็นดูของเจ้าดำน้อยในร่างขนาดไม่น้อย แล้วใช้มือลูบหัวมันเพื่อแสดงความชื่นชม
“นายหญิง ข้าก็เลื่อนขั้นแล้ว”
เป็นเพราะได้ทำพันธสัญญาแล้วทำให้แรงกดดันที่ได้รับจางหายไปจนหมดสิ้น ตอนนี้เหยี่ยวปีกทองลุกขึ้นมายืนได้แล้ว และสายสัมพันธ์แห่งผู้เป็นนายกับอสูรมายาก็ก่อตัวขึ้นด้วยเช่นกัน
“นายหญิง ข้าต้องกลับก่อน การวิวัฒนาการของข้ายังไม่สมบูรณ์ ครั้งนี้เป็นเพราะข้าสัมผัสได้ว่าอันตรายร้ายแรงกำลังคุกคามตัวท่านจึงจำเป็นต้องฝืนออกมาช่วย ข้าอ่อนล้ามากแล้วต้องขอตัวก่อน แต่หลังจากนี้กว่าข้าจะวิวัฒนาการสำเร็จคงจะต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ทีเดียว”
เงาร่างราง ๆ ของซิวทำท่าทางประหลาดคล้ายกำลังโค้งคำนับให้กับฉินอวี้โม่ และไม่กี่อึดใจต่อจากนั้นเงาเลือนรางก็เริ่มจางหายไปอย่างช้า ๆ
“ท่านไม่ต้องกังวล ระหว่างที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ข้ากางเขตอาคมไว้แล้ว ทุกคนที่อยู่ภายนอกจะเห็นเพียงแค่ท่านทำพันธสัญญากับเหยี่ยวปีกทองเท่านั้น แต่พวกเขาจะไม่รู้ถึงการเลื่อนระดับพลังอสูรมายา ท่านอย่าได้กังวลว่าจะถูกผู้ใดสงสัย”
หลังจากคำพูดนั้นสิ้นสุดลง ร่างของซิวก็หายไปโดยสมบูรณ์
ดูเหมือนเรื่องเลวร้ายจะผ่านพ้นไปแล้ว ฉินอวี้โม่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ร่างบางหยุดนิ่งอยู่ชั่วครู่ ใบหน้างดงามฉายแววสงสัย เวลานี้นางกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
ร่างของคุณหนูสี่นี้มีความรู้อยู่ไม่น้อย แต่เพราะไม่เคยฝึกฝนวิชาและไม่ได้คลุกคลีใกล้ชิดกับเหล่าอสูรมายา นางจึงไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการทำพันธสัญญากับอสูรมายาจะทำให้เหล่าจอมยุทธ์สามารถเลื่อนระดับพลังได้
ทว่าเรื่องนั้นกลับไม่นับว่าประหลาดเลยสักนิด เมื่อเทียบกับเรื่องที่ว่าอสูรมายาเกิดการเลื่อนระดับพลังขึ้นหลังจากผูกพันธสัญญากับมนุษย์ ! เหมือนเช่นในตอนที่นางทำพันธสัญญากับเหยี่ยวปีกทองเมื่อครู่นี้ อันที่จริงเหตุการณ์ในลักษณะนี้ก็เกิดขึ้นเช่นกันเมื่อครั้งที่นางได้เสี่ยวเฮยมา นี่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก มากเสียจนเรียกว่ามหัศจรรย์เลยก็ว่าได้ และเรื่องเช่นนี้ก็ไม่สมควรให้คนภายนอกได้รับรู้ เพราะถ้าหากมีผู้ใดล่วงรู้เรื่องนี้เข้า ก็เกรงว่าอาจจะมีผู้ไม่หวังดีเกิดความสงสัยในตัวฉินอวี้โม่และนำภัยมาให้ก็เป็นได้
“นายหญิง เงาที่ออกมาเมื่อครู่คืออะไร ?”
เหยี่ยวปีกทองเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย แรงกดดันจากซิวทำให้มันหวาดกลัวและทุกข์ทรมานอย่างไม่สามารถต้านทานได้เลย ผู้ที่มีแรงกดดันอย่างมหาศาลที่ทำให้แม้แต่อสูรเทวะยังต่อต้านไม่ได้เช่นนี้จะทรงพลังและแข็งแกร่งมากเพียงใด ?!
“เงานั้นอาจจะเป็นอสูรมายาแห่งโชคชะตาของนายหญิงก็ได้ ข้าไม่รู้เหมือนกันว่ามันอยู่ระดับไหน รู้แค่ว่าต่อให้มียูนิคอร์นสีนิลที่เหมือนข้าอีกสิบตัวร่วมกันรับมือก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่คู่ควร”
เสี่ยวเฮยนั้นเคยเป็นอสูรมายาที่ทำหน้าที่พิทักษ์ถ้ำที่อยู่ของซิวมาก่อน จึงเป็นธรรมดาที่มันจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของฝ่ายนั้นเป็นอย่างดี
แรงกดดันจากพลังของซิวทำให้มันขัดขืนและทำสิ่งอื่นใดที่เป็นการต่อต้านไม่ได้ เมื่ออยู่ต่อหน้าซิวหากขัดขืนจะมีเพียงผลลัพธ์เดียวที่รออยู่ นั่นก็คือความตาย
“โธ่ ถ้ารู้ว่าการทำพันธสัญญากับนายหญิงจะทำให้ข้าเลื่อนขั้นได้ ข้ายอมมอบผลหลิวหลีให้ท่านแต่โดยดีแล้วอยู่เฉย ๆ รอคอยให้ท่านทำพันธสัญญาจะดีกว่า ไม่น่าหาเรื่องเจ็บตัวเลย”
เหยี่ยวปีกทองกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ มันยังคงกลัวจับจิตเมื่อคิดถึงตอนที่เผชิญหน้ากับเงาร่างของซิว
เดิมทีที่เหยี่ยวยักษ์ต้องการผลหลิวหลีนั้นก็เพื่อจะทำให้มันเลื่อนขั้นดาราขึ้นไป หากมันรู้แต่แรกว่าเพียงแค่ทำพันธสัญญากับนายหญิงก็สามารถบรรลุเป้าหมายได้แล้ว มันก็คงจะยอมก้มหัวสวามิภักดิ์และส่งผลหลิวหลีให้นางไปในทันที จะได้ไม่ต้องโดนเผากลายเป็นเหยี่ยวย่างแบบเมื่อครู่ แต่อย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่สามารถโทษมันได้ เพราะมีเพียงฉินอวี้โม่ผู้เดียวเท่านั้นที่มีความพิเศษเช่นนี้อยู่ ซึ่งเรื่องนี้แม้แต่เหยี่ยวระดับเทวะอย่างมันก็คาดไม่ถึงจริง ๆ
เมื่อได้ยินที่เหยี่ยวปีกทองพูด ฉินอวี้โม่และเสี่ยวเฮยก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“คุณหนู ท่านเป็นอะไรไหมเจ้าคะ ?”
เสี่ยวโร่วรีบวิ่งเข้ามาหาก่อนจะจับมือฉินอวี้โม่และมองสำรวจตัวนางขึ้น ๆ ลง ๆ เมื่อมองเห็นรอยเลือดที่เปื้อนอยู่บนอาภรณ์ของผู้เป็นนาย สาวใช้น้อยก็ร้องขึ้นอย่างตกใจ
“คุณหนูบาดเจ็บนี่ ขอข้าดูหน่อยว่าบาดเจ็บตรงไหน !”
เสี่ยวโร่วจับแขนของฉินอวี้โม่และเอ่ยขึ้นด้วยความกระวนกระวาย
ฉินอวี้โม่เองก็เพิ่งสังเกตเห็นเลือดที่เปื้อนอยู่บนชุดยาวสีขาว มันคงจะเป็นรอยเลือดที่เกิดขึ้นตอนถูกเสือโคร่งสีประหลาดตัวนั้นเล่นงานจนได้รับบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม นางกลับไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดใด ๆ อยู่อีกแล้ว และบาดแผลทั่วทั้งร่างบางก็ดูเหมือนจะหายดีหมดแล้วด้วย ต้องบอกเลยว่ากายเทพมายาของนางนี้เป็นร่างกายที่มหัศจรรย์อย่างแท้จริง
อดีตคุณหนูสี่ลูบหัวเสี่ยวโร่วอย่างเอ็นดูและเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เสี่ยวโร่ว เจ้าไม่ต้องกังวลไป เลือดพวกนี้แค่บังเอิญกระเด็นมาเปื้อนชุดข้าตอนที่สู้กับอสูรมายาเท่านั้น ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็ลองจับดูสิ”
และเสี่ยวโร่วก็ลองสัมผัสดูจริง ๆ มือเล็ก ๆ แตะสำรวจจุดที่เปื้อนเลือดบนร่างคุณหนูของนางแล้วก็พบว่าไม่มีบาดแผลบนร่างกายนี้จริง ๆ สาวใช้ผู้ภักดีจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก ชีวิตนี้ของเสี่ยวโร่วไม่มีอะไรนอกจากคุณหนูและฮูหยิน นางเป็นเด็กผู้หญิงง่าย ๆ ไม่เคยอยากได้สิ่งใดทั้งนั้น ขอเพียงแต่นายหญิงทั้งสองของตัวเองปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว เวลานี้ฮูหยินหายไปก็ต้องเร่งตามหา ดังนั้นหากปล่อยให้คุณหนูเป็นอะไรไปนางคงยอมไม่ได้
“แม่นางฉิน ผู้อาวุโสที่ปรากฏตัวเมื่อครู่คือใครกัน ?”
“แม่นางฉิน ผู้อาวุโสที่ปรากฏตัวเมื่อครู่คือใครกัน ?”
ลั่วอวิ๋นเดินเข้ามาและเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย
แน่นอนว่าลั่วอวิ๋นคาดไม่ถึงว่าซิวจะเป็นอสูรมายาประจำกายของฉินอวี้โม่ เขาจึงคาดเดาเอาเองว่าอีกฝ่ายคงจะเป็นผู้พิทักษ์หรือองครักษ์ของแม่นางผู้งดงามผู้นี้ที่จะคอยปรากฏตัวเมื่อนางมีภัยมากกว่า
ในดินแดนหวนหลิงแห่งนี้ นับเป็นเรื่องปกติที่บรรดาลูกหลานของตระกูลใหญ่โตที่ออกมาหาประสบการณ์ภายนอกรั้วจวนจะมีผู้พิทักษ์คอยติดตามคุ้มกันอย่างเงียบ ๆ
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นฉินอวี้โม่ ลั่วอวิ๋นก็คิดว่านางต้องเป็นคุณหนูจากตระกูลใหญ่เป็นแน่ เพราะตอนนั้นเขามองเห็นอสูรมายาระดับเทวะเกาะอยู่ที่ไหล่ของนางอย่างชัดเจน
“ใช่ คุณชายเดาได้ถูกแล้วล่ะ”
ฉินอวี้โม่พยักหน้า นางไม่ได้อธิบายสิ่งใดเพิ่ม อดีตนักฆ่าในร่างคุณหนูพอจะทราบว่าอีกฝ่ายกำลังสงสัยในตัวนางอยู่ แต่ก็ไม่คิดว่าลั่วอวิ๋นจะคาดเดาไปว่าซิวคือผู้พิทักษ์ของนาง อย่างไรก็ตามนี่ถือเป็นเรื่องดี
ลั่วอวิ๋นพยักหน้าและไม่ถามอะไรอีก
“แม่นางฉิน แม่นางเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรด้วยหรือนี่ !”
เสี้ยวฮังเดินเข้ามาพร้อมกับกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนและมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมและเคารพยกย่อง ในดินแดนหวนหลิงนี้ ผู้ฝึกสัตว์อสูรจะเป็นอาชีพที่ได้รับความเคารพเป็นอย่างสูง
“ใช่แล้ว”
ฉินอวี้โม่พยักหน้า นางเพิ่งจะทำพันธสัญญากับเหยี่ยวปีกทอง ซึ่งทุกคนในที่แห่งนี้ก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ดังนั้นนางจึงยอมรับอย่างง่ายดายเพราะไม่มีคำอธิบายอย่างอื่นที่ดีกว่า
อีกด้านหนึ่ง กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจที่กำลังตกอยู่ในอันตรายก็ได้รับอานิสงส์จากการปรากฏตัวของซิวทำให้สามารถรอดไปได้
ทันทีที่ซิวปรากฏตัว อสูรมายาทุกตัวที่ล้อมพวกเขาอยู่ก็พากันหมอบลงกับพื้น กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจจึงใช้โอกาสนั้นหลบหนีออกไปได้
หลี่เปียวมองดูฉินอวี้โม่ด้วยความรู้สึกซับซ้อน สายตาโหดเหี้ยมของเขามีแววแห่งความเคียดแค้นและหวาดกลัวฉายอยู่อย่างชัดเจน
ในช่วงเวลาที่เห็นซิวปรากฏตัว เขาก็รู้สึกว่าสมองของตัวเองว่างเปล่าไปชั่วขณะ เขาย้อนกลับไปนึกถึงตอนที่เคยมีเรื่องกันที่สมาคมทหารรับจ้าง ถ้าในตอนนั้นผู้อาวุโสผู้นี้ปรากฏตัวออกมาเขาก็คงจะถูกเผาเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว
แม้ว่าฉินอวี้โม่จะเข้ามาแย่งชิงผลหลิวหลีจนทำให้ภารกิจของพวกเขาล้มเหลวและพลาดโอกาสที่จะเลื่อนขึ้นไปเป็นกลุ่มทหารรับจ้างระดับหนึ่ง แต่ความแค้นทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็ยังพ่ายแพ้ให้กับความกลัวที่มีต่อนาง
และที่สำคัญที่สุดคือ หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของซิว ทุกคนก็คงต้องตายอยู่ที่นี่กันหมด หากว่ากล่าวกันด้วยเหตุและผลแล้วพวกเขายังต้องเข้าไปขอบคุณสตรีผู้นั้นเสียด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม กลุ่มทหารรับจ้างที่หยิ่งทะนงและยิ่งใหญ่อย่างพวกเขาก็คงไม่บากหน้าเข้าไปอย่างแน่นอน
“ไปกันได้แล้ว!”
หลี่เปียวตะโกนสั่งและพากลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจของเขาเดินทางจากไป
ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ มองเห็นการจากไปของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจอย่างชัดเจน แต่พวกเขาก็ไม่ได้คิดจะเข้าไปขัดขวาง
วันนี้คนของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจถือว่าได้รับบทเรียนที่ไม่รู้ลืมไปแล้ว พวกเขาไม่เพียงแค่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก แต่ภารกิจยังล้มเหลวอีกด้วย นั่นถือเป็นความเสียหายที่ค่อนข้างใหญ่หลวงเลยทีเดียว ต่อไปนี้คนพวกนั้นก็คงไม่กล้าวางท่าหยิ่งยโสอีกแล้ว
แท้จริงแล้วส่วนลึกในใจของฉินอวี้โม่และคนอื่นๆ ก็ไม่ได้เกลียดชังคนกลุ่มนั้นถึงขนาดที่จะต้องฆ่าแกงกันหรืออยากให้ถึงตาย
“หัวหน้าเสี้ยว นี่ผลไม้ของพวกท่าน”
ฉินอวี้โม่หยิบเอาผลหลิวหลีออกมาจากแหวนมิติและส่งให้เสี้ยวฮัง
“พวกเรารับไว้ไม่ได้หรอก แม่นาง”
เสี้ยวฮังประหลาดใจเล็กน้อย เขารีบส่ายหน้าและกล่าว “ข้าบอกแม่นางไปแล้วว่าพวกเราไม่ต้องการผลไม้นี่”
“อย่าปฏิเสธเลย ท่านรับมันไว้เถิด มันมีอยู่ตั้งห้าผล และครั้งนี้ข้าก็ได้สิ่งที่ล้ำค่ามากกว่ามาแล้ว ผลไม้วิเศษนี่พวกท่านสมควรได้รับ”
ฉินอวี้โม่รับไว้คนเดียวทั้งหมดไม่ได้จริง ๆ นางยอมรับไม่ได้ หากว่ากลุ่มทหารรับจ้างชื่อเหยียนจะต้องกลับกันมือเปล่าทั้ง ๆ ที่พวกเขาก็เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายร่วมต่อสู้มาด้วยกัน
แม้ว่าผลหลิวหลีจะเป็นผลไม้ที่หายากและล้ำค่ามาก แต่นางก็ไม่ใช่คนละโมบ และเธอก็เชื่อว่าคุณหนูสี่คนก่อนก็เป็นผู้มีน้ำใจงาม เธอจะไม่ยอมสูญเสียความเป็นตัวเองไป และไม่ยอมให้ชื่อเสียงของคุณหนูสี่ที่ล่วงลับต้องแปดเปื้อนเพราะผลไม้แค่ไม่กี่ผลแน่
เดิมทีผู้ที่ค้นพบผลหลิวหลีก็คือกลุ่มหทารรับจ้างชื่อเหยียนอยู่แล้ว แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนมีน้ำใจจึงไม่อยากรับไว้ แต่นางก็ต้องมอบให้พวกเขาให้ได้
“ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าก็จะขอรับน้ำใจของแม่นางฉิน ขอบคุณแม่นางมาก”
เมื่อเห็นท่าทีที่ดึงดันของฉินอวี้โม่เสี้ยวฮังก็ยิ้มเจื่อน ๆ และรับผลหลิวหลีมาอย่างช่วยไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุนี้จึงทำให้กลุ่มทหารรับจ้างชื่อเหยียนชื่นชมฉินอวี้โม่มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ภาพของสตรีงดงามผู้แข็งแกร่งและเก่งกล้าได้ติดตราตรึงอยู่ในใจของพวกเขาทุกคนแล้ว
“คุณชายลั่ว ผลไม้นี่เป็นของท่าน”
วันนี้ลั่วอวิ๋นเองก็พยายามอย่างหนัก เขาถือว่าเป็นผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยมถึงที่สุด แน่นอนว่าฉินอวี้โม่ไม่สามารถละเลยความดีความชอบของเขาได้เลย
“เช่นนั้นข้าขอรับน้ำใจแม่นางไว้”
ลั่วอวิ๋นนั้นเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดในตอนที่เสี้ยวฮังปฏิเสธฉินอวี้โม่ เขาจึงรีบรับผลหลิวหลีไว้ทันที เพราะถ้าหากเขาปฏิเสธไปคุณหนูผู้เลอโฉมก็คงไม่ยอมอีกเป็นแน่ เขาได้ตัดสินใจล่วงหน้าไว้แล้วว่าหากฉินอวี้โม่มีสิ่งที่อยากมอบให้เขาในอนาคต ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร เขาก็จะไม่ปฏิเสธนาง
ตอนนี้ยังเหลือผลหลิวหลีอยู่ทั้งหมดสามผล ฉินอวี้โม่กำลังครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรกับพวกมัน
แม่ว่าตอนนี้นางจะอยู่ขอบเขตมายารัตนะแล้ว และถ้าหากกินมันเข้าไปนางก็จะพัฒนาขึ้นไปได้อีกหลายขั้น ทว่าในตอนนี้ผู้ที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือเสี่ยวโร่ว เวลานี้สาวใช้ตัวน้อยอ่อนแอกว่านางมาก การให้ผลหลิวหลีกับเสี่ยวโร่วจะช่วยทำให้นางพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดด สำหรับส่วนที่เหลือนางอยากจะเก็บเอาไว้ให้พวกฉีฉีเพราะที่เหล่าสหายผู้สูงศักดิ์ของนางต้องมาที่เมืองเยว่กวางแห่งนี้ก็เพื่อจะหาผลไม้ชนิดนี้
“เอาล่ะ เสี่ยวจิน (ทองน้อย) เจ้าให้อสูรพวกนี้ถอยกลับไปก่อนเถอะ”
เมื่อเหลือบไปเห็นฝูงอสูรมายาที่ยังคงพากันหมอบนิ่งอยู่กับพื้นไม่เคลื่อนไหว ฉินอวี้โม่ก็เอ่ยขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
เสี่ยวจินก็คือชื่อเล่นใหม่ของเหยี่ยวปีกทอง เนื่องจากนางขี้เกียจจะเรียกชื่อเต็มของมัน นางจึงตั้งชื่อที่เรียกและจำได้ง่ายขึ้นมา โดยใช้หลักการเดียวกับชื่อของเสี่ยวเฮย
เสี่ยวจินพยักหน้าตอบรับ และดูเหมือนว่ามันก็ไม่ได้คัดค้านเรื่องชื่อเล่นนี้
“แกว๊กก !”
ทันทีที่เสี่ยวจินส่งเสียงร้องออกมา อสูรมายาที่หมอบอยู่บนพื้นก็ลุกขึ้นมาทีละตัวสองตัวแล้วรีบวิ่งหนีหายลับไปจากสายตาของทุกคน
“ฟู่~ ครั้งนี้อันตรายเป็นบ้าเลย…”
เมื่อเห็นอสูรมายาไปกันหมดแล้ว ทุกคนก็โล่งอกขึ้นมาได้
“แม่นางฉิน แม่นางจะกลับไปที่เมืองเยว่กวางอีกใช่หรือไม่ ?”
เสี้ยวฮังเอ่ยถาม
ฉินอวี้โม่พยักหน้า วันนี้นางได้รับสิ่งล้ำค่ามามากมายหลายอย่าง การเดินสำรวจป่าแสงจันทร์ครั้งนี้ให้สิ่งตอบแทนที่เหนือความคาดหมายแก่นางแล้ว ถึงเวลาที่นางควรจะกลับไปได้เสียที อีกทั้งนางยังต้องไปช่วยเสี่ยวโร่วในการดูดซับพลังจากผลหลิวหลีด้วย
.
.
.