คุณหนู4สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 46
ตอนที่ 46 ยุทธการปล้นอสูร !
— ตูม ! —
เกิดเสียงดังกึกก้องขึ้น อสูรมายาจำนวนมากปรากฏขึ้นมาตรงหน้าฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ
ทั้งกระจง ละองละมั่ง หมูดอย ไฮยีน่า ไก่อ้วน หมาป่า เสือลายเมฆ เสือลายพาดกลอนและลายอื่น ๆ แทบจะทุกลวดลาย วิ่งกรูกันเข้ามาอย่างไม่สิ้นสุด อย่างไรก็ตาม อสูรมายาฝูงนี้เพิ่งจะเป็นระลอกแรก ดังนั้นอสูรมายาที่แข็งแกร่งที่สุดก็จะเป็นเพียงอสูรระดับภูตเท่านั้น
อสูรมายาระดับต่ำ ๆ เช่นนี้ไม่จำเป็นต้องถึงมือฉินอวี้โม่ ทันทีที่พวกมันบุกมาถึงเหล่าจอมยุทธ์พเนจรและกลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มเล็ก ๆ ทั้งหลายก็กระโจนเข้าไปสกัดกั้นพวกมันไว้ทันที
เหตุการณ์อสูรล้อมเมืองจะมีทั้งหมดสามระลอก แต่ละระลอกก็จะเพิ่มระดับความแข็งแกร่งขึ้นไปเรื่อย ๆ หากไม่มีเรื่องผิดพลาดหรือสิ่งเหนือความคาดหมาย ในระลอกแรกตัวที่แข็งแกร่งที่สุดจะเป็นอสูรระดับภูต และในระลอกต่อมาก็จะเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ ส่วนในระลอกที่สุดท้ายจะมีอสูรในระดับเทวะปรากฏตัวออกมา
อสูรล้อมเมืองระลอกแรกจึงถือเป็นการต่อสู้ในระดับที่ง่ายสำหรับทุกคน หลังจากลงมือสังหารอสูรระดับภูตสองตัวที่เป็นผู้นำฝูง อสูรระดับต่ำก็จะทยอยถอนกำลังกลับไป ทว่าเหล่านักล่าอสูรก็ใช่ว่าจะได้หยุดพักหายใจหรือย่างไก่อ้วน ๆ กิน
เพราะหลังจากอสูรมายาระลอกแรกถอยกลับไปแล้ว ระลอกที่สองก็ปรากฏตัวขึ้นที่ชายป่าแสงจันทร์ด้านนอกของเมืองเยว่กวางต่อทันที
ฝูงอสูรมายาระลอกที่สองนี้ทั้งจำนวนและระดับความแข็งแกร่งของพวกมันจะมากกว่าฝูงอสูรในระลอกแรกมาก ถึงแม้ว่าความหลากของเผ่าพันธุ์อสูรมายาที่บุกมาจะไม่ต่างจากระลอกแรกแม้แต่น้อย แต่กลิ่นอายของพวกมันกลับแข็งแกร่งกว่าอย่างเทียบไม่ได้
และแนวหน้าของกองทัพอสูรในรอบนี้ก็ยังคงเป็นอสูรมายาระดับต่ำ ทว่ากำลังพลแห่งกองทัพอสูรส่วนมากนั้นเป็นอสูรมายาระดับภูตซึ่งกินสัดส่วนถึงเจ็ดจากสิบส่วน ส่วนอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่รั้งท้ายมาเป็นทัพหลังนั้นมีอยู่ไม่ถึงยี่สิบตัว แต่สภาวะพลังที่พวกมันแต่ละตัวปลดปล่อยออกมากลับแข็งแกร่งไม่น้อย
เมื่อเห็นอสูรมายาระดับศักดิ์สิทธิ์เป็นสิบตัวที่อยู่ท้ายขบวน คิ้วกระบี่ของบุตรชายเจ้าเมืองก็ขมวดเข้าหากัน
“มีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือ ?”
เมื่อเห็นลั่วอวิ๋นนิ่วหน้า ฉินอวี้โม่ก็เอ่ยปากถาม
“เปล่าหรอก ข้าแค่คิดว่าอสูรล้อมเมืองปีนี้ดูจะแข็งแกร่งกว่าห้าปีก่อนเท่านั้น”
เหตุการณ์อสูรล้อมเมืองเมื่อห้าปีก่อน ในระลอกที่สองจะมีอสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่ร่วมขบวนเพียงแค่ห้าตัวเท่านั้น แตกต่างจากครั้งนี้ที่ฝูงอสูรมายาในระลอกที่สองมีจำนวนอสูรศักดิ์สิทธิ์มากกว่าครั้งก่อนถึงสามเท่า ! ปรากฏการณ์เช่นนี้ทำให้ลั่วอวิ๋นประหลาดใจอยู่ไม่น้อยทีเดียว
คำตอบของลั่วอวิ๋นทำให้ฉินอวี้โม่ต้องขมวดคิ้วเช่นกัน นางไม่เคยเข้าร่วมอสูรล้อมเมืองมาก่อน แต่เมื่อได้ฟังคำพูดจากปากของบุตรชายเจ้าเมืองเยว่กวางเองเช่นนี้ นางก็เชื่อว่าอสูรล้อมเมืองปีนี้คงจะแข็งแกร่งกว่าปีที่ผ่าน ๆ มาอย่างแท้จริง
เมื่อกองทัพอสูรมายาในระลอกที่สองบุกเข้ามาอย่างหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ เหล่านักล่าอสูรแนวหน้าแห่ง ‘เครือข่ายพันธมิตรอวี้โม่’ จึงเริ่มต้านกันไม่ไหว ฉินอวี้โม่และสหายทั้งหลายจึงเข้าไปร่วมการต่อสู้ด้วย
อสูรมายาระดับต่ำและระดับภูตที่อยู่แถวหน้านั้นไม่ใช่เป้าหมายของฉินอวี้โม่ แต่นางกำลังเพ่งเล็งอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในแนวหลัง
ในขณะที่เหล่ากองกำลังพันธมิตรอวี้โม่ทั้งหมดกำลังพยายามต่อสู้ในตำแหน่งของตัวเองอย่างเต็มที่ ฉินอวี้โม่ก็ใช้โอกาสนี้ลอบฝ่าเข้าไปจนถึงแนวหลังของกองทัพอสูรมายาด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า
…ณ แนวหลังของกองทัพอสูรมายา นักฆ่าสาวแห่งศตวรรษที่ 21 กำลังยืนประจันหน้ากับบรรดาอสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างหาญกล้า !…
เสี่ยวเฮยตัวน้อยบินลงมาจากไหล่ของฉินอวี้โม่และเปลี่ยนกลับไปสู่รูปลักษณ์เดิมของมันอย่างรวดเร็วก่อนจะปลดปล่อยสภาวะพลังแห่งอสูรเทวะเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามทันที
เหล่าอสูรศักดิ์สิทธิ์รู้สึกได้ถึงภัยคุกคามจากอสูรเทวะ พวกมันทุกตัวหวาดกลัวจนตัวสั่นเทิ้มและเริ่มเก้าถอยหลังออกไป ทว่าก็ยังไม่มีตัวใดที่วิ่งหนีไป อสูรระดับสูงสุดในอสูรล้อมเมืองระลอกนี้ยังคงยืนหยัดเผชิญหน้ากับศัตรูอยู่
เมื่อเห็นฉินอวี้โม่ตัวคนเดียวไปปรากฏตัวอยู่ต่อหน้ากลุ่มของอสูรศักดิ์สิทธิ์ ทางฝ่ายของหลี่เปียวเองก็ตกตะลึงไม่น้อย
“หัวหน้าหลี่เปียว อย่าลืมเรื่องที่เราเพิ่งจะหารือกัน”
ท่ามกลางการต่อสู้ผู้อาวุโสจากสมาคมฝึกสัตว์อสูรก็พูดประโยคหนึ่งขึ้นมากับหลี่เปียว คำพูดนั้นราวกับว่าที่เขาเข้าร่วมกับฝ่ายนี้เพราะมีผลประโยชน์แอบแฝง
“ไม่ต้องห่วง ผู้อาวุโสจาง ข้าไม่ลืมแน่”
หลี่เปียวยิ้มและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ให้ความเคารพอีกฝ่าย
“เช่นนั้นก็ดี สตรีที่ชื่อฉินอวี้โม่นั่นไปปรากฏตัวตรงกลุ่มอสูรศักดิ์สิทธิ์แล้ว ข้าไม่อยากให้นางแย่งชิงพวกมันไป”
ผู้อาวุโสจางแห่งสมาคมฝึกสัตว์อสูรมองไปที่ฉินอวี้โม่ ก่อนจะพยักหน้าให้หลี่เปียวและกล่าว
“ผู้อาวุโสจางไม่ต้องเป็นห่วง นางไม่ใช่ผู้ฝึกสัตว์อสูรที่จะสยบพวกมันได้ อย่างมากนางก็ทำได้แค่ฆ่าพวกมันเท่านั้น…”
ทว่าเมื่อหลี่เปียวหันกลับไปมองฉินอวี้โม่อีกครั้ง ใบหน้าที่สงบของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความประหลาดใจในทันที
เพราะสีหน้าที่เปลี่ยนเป็นประหลาดอย่างฉับพลันของหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างอันดับหนึ่งแห่งเมืองเยว่กวางผู้ที่เพิ่งจะให้คำมั่นสัญญาอย่างมั่นอกมั่นใจแก่เขาไปเมื่อสักครู่ ทำให้ผู้อาวุโสจางอดไม่ได้ที่จะหันไปมองยังจุดที่หลี่เปียวมอง
และเมื่อเห็นสถานการณ์ในจุดที่ฉินอวี้โม่ยืนอยู่ ผู้อาวุโสจางก็ต้องประหลาดใจยิ่งกว่าผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจ
ในตอนนี้ ฉินอวี้โม่ถูกห้อมล้อมไปด้วยอสูรศักดิ์สิทธิ์… ที่ถูกทำให้เชื่องไปเรียบร้อยแล้ว พวกมันทั้งหมดกำลังหมอบอยู่แทบเท้าของสตรีร่างบอบบาง
เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตหรือเพ่งเล็งของผู้อื่น ฉินอวี้โม่จึงจงใจให้อสูรมายาทั้งหมดของนางยับยั้งการเลื่อนระดับเอาไว้ในตอนที่นางสยบพวกมัน เพราะแสงสว่างจากการเลื่อนระดับอาจเรียกร้องความสนใจของเหล่านักล่าอสูรทั้งหลายได้ ส่วนตัวนางเองนั้นแสงแห่งการเลื่อนระดับถูกปกปิดไว้อย่างดีโดยให้เสี่ยวจินช่วยบดบังเอาไว้ไม่ให้มีผู้ใดมองเห็น
เมื่อสักครู่นี้ นางได้ขอให้เสี่ยวเฮยปล่อยสภาวะพลังแห่งอสูรเทวะเข้ากดดันเหล่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ตรงหน้า และใช้โอกาสนั้นสยบพวกมันเอาไว้
เนื่องจากอสูรศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ใช่อสูรมายาในระดับที่นางต้องการ อดีตคุณหนูจึงคิดจะมอบพวกมันให้เป็นของตอบแทนแก่เหล่าสหายผู้ยึดมั่นในความดีงาม กล้าก้าวออกมาเพื่อช่วยเหลือนางอย่างไม่ลังเล
“หัวหน้าขวงจ้าน อสูรมายาตัวนี้เป็นของพวกท่าน รีบหาคนมาทำพันธสัญญากับมันเร็ว !”
ขวงจ้านนั้นกำลังติดพันอยู่กับการรับมือเหล่าอสูรระดับภูตกลุ่มย่อม ๆ ในจุดที่อยู่ไม่ไกลจากตัวฉินอวี้โม่มากนัก และในจังหวะที่เขาเข้ามาใกล้ สาวนักฆ่าในร่างคุณหนูสี่ผู้มีจิตใจงดงามจึงรีบบอกให้เขาส่งคนมาทำพันธสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่นางสยบได้ทันที
เมื่อเห็นสิงโตตัวใหญ่หมอบอยู่แทบเท้าฉินอวี้โม่ เหล่ากองกำลังพันธมิตรอวี้โม่ที่กำลังชุลมุนอยู่กับการต่อสู้อันแสนดุเดือดก็ชะงักไปอย่างตื่นตะลึง
“แม่นางฉินเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรอย่างนั้นหรือเนี่ย ?”
อู๋เผยถามออกมาด้วยตาที่เบิกกว้าง
“ใช่” ครั้งนี้เป็นลั่วอวิ๋นที่ได้ยินและเอ่ยตอบแทนสหายสาวสั้น ๆ แต่กลับไม่ได้ขยายความสิ่งใดเพิ่ม
ขวงจ้านประหลาดใจจนนิ่งไปชั่วขณะ ครั้นได้สติขึ้นมาเขาก็รีบตะโกนเรียกรองหัวหน้าของกลุ่มทหารรับจ้างสลาตันให้เข้าไปหานางทันที
รองหัวหน้าของกลุ่มทหารรับจ้างสลาตันมีนามว่าต้าหาน อสูรมายาคู่ใจของเขาเป็นเพียงอสูรระดับภูตเท่านั้น ในตอนที่ได้ยินขวงจ้านเรียกให้เขาออกไปรับอสูรศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ไม่ลังเลที่จะยกเลิกพันธสัญญากับอสูรคู่ใจและมอบมันให้สมาชิกคนอื่นที่อยู่ใกล้ ๆ
เหล่าสหายในกลุ่มสลาตันช่วยกันคุ้มกันต้าหานให้ฝ่าไปให้ถึงจุดที่ฉินอวี้โม่อยู่ รองหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างหนุ่มรีบเข้าไปหาสตรีโฉมงามผู้น่าทึ่งอย่างรวดเร็ว บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจปนประหม่าเขินอาย
“แม่นางฉิน ข้าผูกพันธสัญญากับเจ้าตัวนี้ได้จริง ๆ หรือ ?”
เมื่อเห็นสีหน้าขัดเขินปนตื่นเต้นของต้าหาน ฉินอวี้โม่ก็อดอมยิ้มขึ้นมาไม่ได้
“หากไม่ลองก็คงไม่รู้หรอก”
ต้าหานเดินเข้าไปหาสิงโตขนาดใหญ่ยักษ์ ในสายตาเขามันดูสูงส่งและสง่างามไม่น้อย เขารีบทำพันธสัญญากับมันทันทีและแน่นอนว่าในชั่วอึดใจต่อมา แสงแห่งการเลื่อนระดับก็ปรากฏขึ้นที่ใต้ฝ่าเท้าของบุรุษหนุ่มนามว่าต้าหานผู้นั้น
และเนื่องจากได้ผูกพันธสัญญากับอสูรมายาระดับสูง ต้าหานจึงเลื่อนขึ้นไปหลายขั้นดาราได้ในครั้งเดียว ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“ฮ่า ๆ ๆ สวรรค์มีตา ไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้ข้าจะมีวาสนาได้อสูรศักดิ์สิทธิ์เป็นอสูรคู่ใจเช่นนี้ วันนี้ข้ามีความสุขจริง ๆ”
บุรุษผู้เป็นรองหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างสลาตันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งก่อนจะคุกเข่าลงแล้วก้มหัวคำนับฉินอวี้โม่ “ข้าน้อยต้าหาน ขอบคุณแม่นางมากจริง ๆ หากในอนาคตท่านมีเรื่องเดือดร้อนสิ่งใด ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟข้าก็พร้อมเข้าช่วย !”
“ไม่ต้องเกรงใจถึงเพียงนั้นหรอก ข้าต่างหากควรจะขอบคุณที่พวกท่านมาช่วยข้า เจ้าตัวนั้นถือเป็นสิ่งตอบแทนน้ำใจจากข้า”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและส่ายหน้า หากไม่ใช่เพราะได้ความช่วยเหลือจากเหล่าพันธมิตร การแข่งขันในวันนี้นางก็คงจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างหนักหน่วง
บุรุษหนุ่มผู้ที่เพิ่งได้รับสิงโตระดับศักดิ์สิทธิ์ไป พาอสูรมายาตัวใหม่ของเขากลับเข้าไปร่วมต่อสู้เคียงข้างพี่น้องในกลุ่มทหารรับจ้างอย่างเบิกบาน
ทางด้านของขวงจ้านและอู๋เผยเองก็มีความสุขและตื่นเต้นมาก เมื่อได้เห็นว่าต้าหานผ่านพ้นการทำพันธสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์แล้ว
ตอนนี้จากที่พวกเขาเพียงชื่นชมก็เปลี่ยนเป็นซาบซึ้งในตัวสตรีงดงามผู้นี้มากขึ้น
ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาตัดสินใจเข้าร่วมกับฉินอวี้โม่เพราะหนึ่งคือชมชอบในความเด็ดเดี่ยวของสตรีตัวเล็ก ๆ ผู้นี้ และสองคือเกลียดชังความน่ารังเกียจของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจและบุรุษจากอารามนามว่าลิ่วเยว่ผู้นั้น
พวกเขาคิดแล้วว่าวันนี้อาจจะต้องเสียประโยชน์ไปมากมายจากการแสดงความแข็งข้อต่อคนของขุมกำลังที่มีอำนาจล้นฟ้า แต่เพื่อคงไว้ซึ่งเกียรติยศและศักดิ์ศรีพวกเขาขอยอมเลือกทางนี้ ทว่าไม่คาดคิดเลยว่าไม่เพียงไม่เสียประโยชน์พวกเขากลับได้รับประโยชน์ตอบแทนมามหาศาล การได้ผูกไมตรีกับผู้ฝึกสัตว์อสูรนับเป็นเรื่องที่วิเศษที่สุดแล้ว
“เฮ้ ! อย่ามัวแต่ยืนบื้อซาบซึ้งกันนานนัก รีบทำอะไรบ้างเถอะ ตอนนี้ข้าหิวจะแย่แล้ว ถ้าพวกท่านไม่รีบมาช่วยจับมัน ข้าจะย่างเจ้าพวกนี้กินแทนมอบให้แล้วนะ !”
เมื่อเห็นสีหน้าที่ตื่นเต้นดีใจของทั้งขวงจ้านและอู๋เผย ฉินอวี้โม่ก็อมยิ้มก่อนจะแสร้งเอ่ยเสียงดังเพื่อหยอกล้อพวกเขา ขณะเดียวกันก็เร่งมือสยบอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่โดยรอบ
เมื่อขวงจ้านและอู๋เผยได้ยินวาจากึ่งด่าทอกึ่งหยอกล้อและน้ำเสียงห้าวหาญเกินสตรีของโฉมนารีผู้ที่พวกเขากำลังชื่นชมกันอยู่อย่างหลงใหลนั้น บุรุษทั้งสองก็หันมองหน้ากัน ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ ในตอนนั้นเองที่พวกเขาได้รับรู้ว่าการเข้าร่วมกลุ่มกับฉินอวี้โม่เป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิต
“ทุกคนฟังข้า ท่านหญิงอวี้โม่จะช่วยพวกเจ้าทุกคนสยบอสูรมายา อย่างไรก็ตามต้องอย่าให้นางเหน็ดเหนื่อยอยู่เพียงผู้เดียว ใครอยากได้อสูรมายาตัวไหนก็เลือกจับได้เลย แต่แน่นอนว่าให้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ เข้าใจหรือไม่ ?!”
ขวงจ้านตะโกนสั่งการกลุ่มทหารรับจ้างสลาตันด้วยความฮึกเหิม
อู๋เผยเองก็สั่งการคนของเขาเช่นกัน เหล่าหัวหน้าของแต่ละกลุ่มต่างก็สั่งความคนของตัวเองให้ช่วยฉินอวี้โม่สยบอสูรมายา ไม่นานนักความแข็งแกร่งของฝ่ายพันธมิตรอวี้โม่ก็พุ่งขึ้นสูงอย่างฉับพลัน
อีกด้านหนึ่ง เมื่อได้เห็นความเร็วในการสยบอสูรมายาของฉินอวี้โม่ ผู้อาวุโสสมาคมฝึกสัตว์อสูรก็เบิกตากว้างจนดวงตาเล็ก ๆ เปลี่ยนเป็นเบิกกว้างมากอย่างคล้ายจะหลุดออกมาด้วยความประหลาดใจ
“เป็นไปไม่ได้ !”
ผู้อาวุโสแห่งสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรส่ายศีรษะและปฏิเสธจะเชื่อในสิ่งที่เห็น
ความเร็วในการสยบอสูรศักดิ์สิทธิ์ของฉินอวี้โม่สูงกว่าเขามาก ต้องทราบก่อนว่าแม้เขาจะไม่ใช่ประธานสมาคมซึ่งเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในการสยบอสูรมายามากที่สุด แต่ตัวเขาเองก็เป็นถึงระดับอาจารย์หรือผู้อาวุโสแล้ว ทว่าเห็นได้ชัดว่าความสามารถของเขามิอาจเทียบเทียมแม่นางน้อยผู้นั้นได้เลย เรื่องนี้นับเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเลยก็ว่าได้
‘…แม่นางผู้นั้นใช้เวลาในการสยบอสูรมายาเพียงสั้น ๆ แต่กลับยังมีสีหน้าที่ผ่อนคลายราวกับไม่เหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด !’
‘…สาวน้อยผู้มีอายุเพียงสิบหกหรือสิบเจ็ดปี จะเป็นไปได้อย่างไรที่นางจะแข็งแกร่งกว่าเขา !’
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่เขากำลังประหลาดใจอยู่นั้น ฉินอวี้โม่ก็สยบอสูรศักดิ์สิทธิ์และให้รองหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างพเนจรทำพันธสัญญาไปอีกหนึ่งตัวเป็นที่เรียบร้อย
ผู้อาวุโสแห่งสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรประหลาดใจหนักขึ้นกว่าเดิม ‘นะ… นั่นเป็นไปได้ด้วยหรือ ? เป็นไปได้อย่างไรที่จะสยบสัตว์อสูรต่อเนื่องกันด้วยความเร็วที่สูงถึงเพียงนั้น ? ยิ่งกว่านั้นสีหน้านั่น… ใบหน้างดงามของนางไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย แม้แต่อาการเหนื่อยล้าก็ไม่มีให้ได้เห็น ต่อให้ประธานสมาคมมาเองก็เกรงว่าคงทำแบบสตรีผูนั้นไม่ได้ !’
ภายในพริบตาฉินอวี้โม่ก็สยบอสูรศักดิ์สิทธิ์ไปอีกตัว ภาพนั้นทำให้หลี่เปียวและลิ่วเยว่ต่างก็ได้แต่ยืนนิ่งอึ้งอยู่กับที่และมองดูอย่างโง่งม
“มัวยืนทำอะไรอยู่ ? รีบเข้าไปชิงมาเร็วเข้า !”
หลี่เปียวที่ตั้งสติได้ก่อนหันไปสั่งการสมาชิกที่เอาแต่ยื่นอึ้งด้วยเสียงดุดัน ถ้าพวกเขาไม่ทำอะไรสักอย่าง อสูรศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นจะต้องถูกฉินอวี้โม่สยบไปหมดแน่ และนั่นไม่ใช่สิ่งที่หลี่เปียวหรือลิ่วเยว่ต้องการจะรับรู้
“ผู้อาวุโสจางไม่ต้องกังวลไป นางก็แค่สตรีตัวเล็ก ๆ ตอนนี้ปล่อยให้นางได้ใจไปก่อนเถอะ ข้าก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่านางจะสยบอสูรมายาได้อีกสักกี่ตัวกันเชียวก่อนที่พลังมายาของนางจะเหือดแห้งไป”
หลี่เปี่ยวปลอบใจผู้อาวุโสจางและหันไปมองฉินอวี้โม่ด้วยใบหน้าเย้ยหยัน แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้ฝึกสัตว์อสูร แต่เขาก็รู้ดีกว่าการสยบอสูรมายาแต่ละตัวต้องใช้พลังมากมายมหาศาล
ขณะที่ฉินอวี้โม่สยบอสูรมายาไปทีละตัว ๆ หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจก็ตั้งตารอดูวาระสุดท้ายของนางในตอนที่พลังมายาหมดลงอย่างใจจดใจจ่อ
ทว่าใช้เวลารอไปเพียงไม่นานนัก สิ่งที่เกิดขึ้นจริงก็ดูเหมือนจะทำให้ภาพในจินตนาการของหลี่เปียวพังทลายลงไปกว่าครึ่ง ! เพราะภายในชั่วอึดใจ ฉินอวี้โม่ก็สยบอสูรมายาสำเร็จไปอีกสองตัวและยังไม่มีท่าทีว่าจะเหนื่อยล้าเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน ยิ่งนางสยบอสูรมายามากเท่าไหร่ สีหน้าของนางก็ยิ่งดูดีขึ้นเรื่อย ๆ
สิ่งที่หลี่เปียวยังไม่ทราบในตอนนี้ก็คือวิธีสยบอสูรมายาของฉินอวี้โม่นั้นแตกต่างจากผู้ฝึกสัตว์อสูรทั่ว ๆ ไป ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งนางสยบอสูรมายาได้จำนวนมากก็จะยิ่งทำให้ระดับพลังของนางเพิ่มขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
…ตอนนี้ เมื่อการสยบอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวที่ห้าจบลง ระดับพลังของฉินอวี้โม่จากเดิมที่อยู่ขอบเขตมายารัตนะสองดาราก็กลายเป็นมายารัตนะห้าดาราแล้ว…
ฉินอวี้โม่มั่นใจว่าหลังจากจบเทศกาลอสูรล้อมเมืองในครั้งนี้ นางจะสามารถพัฒนาไปถึงระดับมายารัตนะเก้าดาราได้… หรือถ้าหากว่าโชคดีกว่านั้นก็อาจจะทะลวงผ่านขึ้นไปถึงขอบเขตนภมายาได้เลย
รอยยิ้มเริงร่าปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสาวนักฆ่าอย่างอดไม่อยู่
.
.
.