คุณหนู4สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 5
ตอนที่ 5 บุรุษน่ารังเกียจ
“อ๊ากก !”
เสียงที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดอย่างมากของเยี่ยเสี่ยวตี๋ดังลั่นไปทั่วลานกว้างหน้าเรือนของอวี๋เสี่ยวอวิ๋น
“หึ ! นี่ยังถือว่าน้อยไป”
เสียงของฉินอวี้โม่ฟังดูราวกับเสียงของปีศาจสาวที่กำลังกระซิบอยู่ข้างหูเยี่ยเสี่ยวตี๋ ก่อนที่เสียงต่อมาที่ฮูหยินรองแห่งตระกูลฉินจะได้ยินคือเสียง *กร๊อบ* ที่ฟังคุ้นหู… แขนอีกข้างของนางถูกฉินอวี้โม่หักจนหมุนได้รอบทิศเช่นกัน!!!
หลังจากบิดแขนเยี่ยเสี่ยวตี๋จนหัก ฉินอวี้โม่ก็เตะร่างอนุภรรยาของบิดาเต็มแรงจนนางล้มคะมำใบหน้าฟาดพื้น ก่อนจะกลิ้งหลุนๆ ไปไกล
เยี่ยเสี่ยวตี๋เจ็บจนพูดไม่ออก ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเมื่อพบว่าในตอนนี้แขนทั้งสองข้างถูกทำลายจนใช้การไม่ได้แล้ว
ฉินอวี้โม่กวาดสายตามองไปทั่วลานกว้าง สายตาคู่งามมองเห็นคนของเยี่ยเสี่ยวตี๋พากันวิ่งเตลิดหนีตายออกไปจากลานแห่งนี้อย่างรวดเร็ว คุณหนูสี่ผู้มิใช่คนเดิมมองตามคนเหล่านั้นพลางยกมุมปากอย่างเย้ยหยัน ทว่านางกลับไม่คิดที่จะไล่ตามคนพวกนั้นไป
เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่เหลือคนที่จะทำร้ายพวกนางได้อยู่ในลานกว้าง คุณหนูผู้เลอโฉมก็รีบวิ่งเข้าไปหามารดาของตน
“ท่านแม่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมเจ้าคะ ?”
หลังจากมั่นใจว่าอวี๋เสี่ยวอวิ๋นปลอดภัย ไม่มีสิ่งใดให้กังวล ฉินอวี้โม่ก็ประคองร่างของเสี่ยวโร่วที่ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อปกป้องอวี๋เสี่ยวอวิ๋นขึ้นมา
โชคดีที่เสี่ยวโร่วเองก็ฝึกยุทธ์มาบ้าง แม้ว่านางจะไม่แข็งแกร่งนัก ทว่าก็ยังเพียงพอที่จะรับฝ่ามือของเยี่ยเสี่ยวตี๋ได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง
“คุณหนู รีบเก็บข้าวของและหนีกันเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะหยุดคนพวกนั้นให้เอง”
เสี่ยวโร่วเห็นผู้ติดตามของเยี่ยเสี่ยวตี๋หลายคนพากันวิ่งหนีออกไป นางก็รู้ทันทีว่าคนเหล่านั้นคงจะรีบไปฟ้องนายท่านฉินเทียนเป็นแน่ แม้ว่าตอนนี้คุณหนูของนางจะไม่ใช่ขยะไร้ค่าอีกต่อไป แต่ฉินเทียนนั้นไม่ชอบหน้าฉินอวี้โม่บุตรสาวคนเล็กเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เกิดเรื่องขึ้นครั้งนี้เห็นทีว่าเขาคงไม่ละเว้นนางแน่
นางมั่นใจว่าด้วยการชักจูงของฮูหยินรอง ผู้นำตระกูลฉินจะต้องลงโทษคุณหนูและฮูหยินของนางสถานหนักแน่
“ไม่ ไม่จำเป็นต้องวิ่งหรอก”
ฉินอวี้โม่กล่าวอย่างใจเย็น นางพาเสี่ยวโร่วและฮูหยินใหญ่ตรงไปที่ม้านั่ง ก่อนจะประคองทั้งสองให้นั่งลง
เมื่อเห็นใบหน้าสงบ อีกทั้งแววตาอันเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่ของฉินอวี้โม่ ทั้งเสี่ยวโร่วและอวี๋เสี่ยวอวิ๋นก็ไม่พูดอะไรอีก พวกนางตัดสินใจแล้วว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ พวกนางก็จะปกป้องหญิงสาวตรงหน้าด้วยชีวิต
“ฮูหยินรอง ตอนนี้ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง ?”
ฉินอวี้โม่กล่าวกับเยี่ยเสี่ยวตี๋ที่กองอยู่บนพื้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นจนหนาวเหน็บและแผ่วเบาสั่นประสาท
“ฉินอวี้โม่ เจ้ามันตัวเดรัจฉาน ปีศาจตนไหนสิงสู่เจ้าอยู่กันแน่ ?!”
เยี่ยเสี่ยวตี๋รู้สึกขนลุกกับวาจาของฉินอวี้โม่ นางอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นอย่างตื่นกลัว ความแข็งแกร่งที่ฉินอวี้โม่แสดงออกมาอย่างกะทันหันนี้น่ามหัศจรรย์จนเกินมนุษย์และชวนให้ตื่นตระหนกได้อย่างแท้จริง !
เยี่ยเสี่ยวตี๋ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น ขยะไร้ค่าอย่างคุณหนูสี่ตระกูลฉิน เหตุใดจู่ ๆ ถึงแข็งแกร่งขึ้นมาได้ หรือแท้จริงแล้วฉินอวี้โม่จะปิดบังความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตนมาโดยตลอด ?
“ปีศาจรึ ? ฮ่า ๆ ๆ !”
ฉินอวี้โม่หัวเราะแล้วกล่าว “ฮูหยินรอง ข้าเพียงแค่กำลัง ‘คืน’ สิ่งท่านมอบให้ข้าในตลอดหลายปีมานี้ก็เท่านั้น น้ำใจท่านกว้างขวางนักคงต้องตอบแทนให้สาสม ! ฉะนั้น ข้าจึงคิดว่าจะค่อย ๆ คืน ‘สิ่งเหล่านั้นให้ท่าน’ เตรียมตัวให้ดีเถอะ เตรียมใจรับสิ่งที่ท่านทำไว้ในหลายปีมานี้ มันไม่จบง่าย ๆ แน่”
แม้ไม่มีใครทราบเลยว่าหลายปีมานี้ฉินอวี้โม่ต้องอยู่อย่างอัปยศอดสูมากเพียงใด ความเจ็บช้ำและคับแค้นใจที่นางได้รับไม่สามารถบรรยายออกมาให้หมดได้ ทว่าฉินอวี้โม่คนใหม่ที่ได้รับสืบทอดความทรงจำของนางมานั้นรู้ดี… และ ‘เธอ’ จะเป็นคนเอาคืนให้เอง !
เยี่ยเสี่ยวตี๋และฉินฉืออวี้ต่างก็อิจฉารูปโฉมงดงามและสถานะลูกฮูหยินใหญ่ของฉินอวี้โม่ พวกนางสองแม่ลูกข่มเหงรังแกหญิงสาวผู้มีศักดิ์สูงกว่ามาโดยตลอด ยิ่งกว่านั้น เยี่ยเสี่ยวตี๋ก็ไม่เคยเคารพยำเกรงอวี๋เสี่ยวอวิ๋นที่เป็นภรรยาเอกเลย ตรงกันข้ามสิ่งที่นางทำยังเรียกได้ว่าหยามเกียรติฮูหยินใหญ่ของตระกูล ! แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าอวี๋เสี่ยวอวิ๋นและบุตรสาวจะอ่อนแอกว่าและไร้หนทางสู้ แต่เยี่ยเสี่ยวตี๋ก็ยังคอยแต่จะหาเรื่องสองแม่ลูกมาโดยตลอด… ทั้งหมดนี้… ฉินอวี้โม่คนนี้จะคิดบัญชีแค้นให้เอง
“นังปีศาจ เจ้าไม่กลัวหรือว่าจะถูกบิดาเจ้าลงโทษที่ทำเช่นนี้ ?”
เยี่ยเสี่ยวตี๋ตวาดลั่น การกล่าวออกไปเช่นนั้นเสมือนเป็นการเรียกขวัญกำลังใจให้นางเอง ซึ่งมันก็สร้างความกล้าให้นางได้ไม่น้อย
ในสายตาของเยี่ยเสี่ยวตี๋ ฉินอวี้โม่ในตอนนี้คือปีศาจร้าย นางน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง คุณหนูสี่ สตรีไร้ค่า ขยะแห่งตระกูล ผู้ที่นางเคยข่มเหงรังแกอย่างสนุกสนานกำลังทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้งของจิตใจ !
“หึ หึ เขาเคยเห็นข้าเป็นบุตรสาวตั้งแต่เมื่อใดกัน ? แล้วเมื่อใดกันที่คนผู้นั้นเคยทำหน้าที่ของผู้เป็นพ่อ ?!”
รอยยิ้มของฉินอวี้โม่เย็นเยียบชวนเหน็บหนาวเมื่อนึกถึงบิดาที่ไม่เคยมาเหลียวแลพวกนางแม่ลูก ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ไม่ว่ามารดาของนางจะมีชีวิตอยู่ดีหรือไม่ ฉินเทียนมิเคยมาสนใจไยดี
“นังลูกชั่ว ! เจ้าพูดว่าอะไรนะ ?!”
“นังลูกชั่ว ! เจ้าพูดว่าอะไรนะ ?!”
สิ้นเสียงของฉินอวี้โม่ เสียงอันเดือดดาลของบุรุษผู้หนึ่งก็ดังขึ้น ทันใดนั้นร่างสูงใหญ่ของฉินเทียนก็เดินผ่านประตูเข้ามายังลานกว้าง
ฉินเทียนคือผู้นำแห่งตระกูลฉิน เขาเป็นบิดาของฉินอวี้โม่ ความแข็งแกร่งของเขานับว่าอยู่แถวหน้าของเมืองหลิงซี เขาคือยอดฝีมือที่อยู่ขอบเขตมายารัตนะระดับห้าดารา ยิ่งกว่านั้นในหลายปีมานี้ เขาทุ่มเทอย่างหนักเพื่อพัฒนาตระกูลฉินให้ขึ้นไปอยู่แถวหน้าของเมือง แท้จริงแล้วอาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นผู้นำที่ดีเลิศคนหนึ่ง หากไม่เสียที่คนผู้นี้ใจดำอำมหิต ปล่อยปละละเลยภรรยาเอกและเหยียดหยามชิงชังบุตรสาวในอุทร
อย่างไรก็ตาม ในสายตาของฉินอวี้โม่ เขาไม่ดีพอที่จะให้เคารพนับถือ… ไม่ดีพอให้เรียกว่า ‘พ่อ’ เสียด้วยซ้ำ
ฉินเทียนโปรดปรานเพียงอนุ เขาละเลยอวี๋เสี่ยวอวิ๋นผู้เป็นภรรยาเอกและสำหรับบุตรทั้งสองที่เกิดจากอวี๋เสี่ยวอวิ๋นนั้น เขาก็ไม่เคยทำหน้าที่ของผู้เป็นบิดาเลยสักครั้ง
มิใช่เพียงไม่รักแต่เขายังไร้เยื่อใยอย่างสิ้นเชิง และที่สำคัญที่สุดคือเขาเกลียดชังความไร้ประโยชน์ของฉินอวี้โม่
หลายต่อหลายปีที่ผ่านมา เขาปล่อยให้ภรรยารองข่มเหงรังแกอวี๋เสี่ยวอวิ๋นผู้เป็นภรรยาเอกและลูกของนาง เขาไม่เคยลงโทษ ไม่เคยห้ามปราม ไม่เอ่ยสิ่งใดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ยิ่งกว่านั้น ฉินเทียนแทบจะมิเคยเหยียบย่างเข้าไปในเรือนที่ฮูหยินใหญ่อยู่เลยสักครั้ง เรื่องนี้ทำให้สองแม่ลูกรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจและผิดหวังในตัวคนผู้นี้เป็นอย่างมาก
ในครั้งนี้ เหตุผลเดียวที่เขาต้องเข้ามายังอาณาเขตของเรือนเล็กหลังนี้ก็เป็นเพราะต้องการมาช่วยเยี่ยเสี่ยวตี๋ภรรยาคนโปรด
เมื่อเยี่ยเสี่ยวตี๋เห็นว่าสามีมาถึงแล้ว นางก็รู้สึกมีเรี่ยวแรงขึ้นมาทันใด
ฮูหยินรองแห่งตระกูลฉินพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้น นางใช้แขนสองข้างที่หมดสภาพปัดป่ายไปมาสะเปะสะปะก่อนจะถลาเข้าสู่อ้อมแขนของฉินเทียนได้ในที่สุด ผู้ที่เคยปากกล้าด่าทอและจงใจจะลงมือตีผู้อื่นให้ตายมา บัดนี้กลับกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแอและใบหน้าที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำตาอย่างน่าสงสาร “ท่านพี่ ท่านต้องทวงความเป็นธรรมให้ข้าด้วย !”
เมื่อเห็นแขนสองข้างที่บิดเบี้ยวผิดรูปของเยี่ยเสี่ยวตี๋ ฉินเทียนก็ขมวดคิ้วและเอ่ยถาม “เสี่ยวตี๋ เกิดอะไรขึ้นกับแขนเจ้า ?”
เยี่ยเสี่ยวตี๋กล่าวด้วยใบหน้าหมองเศร้า น้ำตายังคงรินไหลไม่หยุด “ท่านพี่ ฉินอวี้โม่เป็นคนทำร้ายข้า !”
จากนั้นสตรีผู้กำลังออดอ้อนสามีก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้กับสามีของนางฟัง และแน่นอนว่า เรื่องเล่า… ไม่สิ… บทละคร ฉบับที่นางใส่สีตีไข่และถ่ายทอดออกมานั้นแตกต่างไปจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงโดยสิ้นเชิง
นางบรรยายให้ฉินอวี้โม่และอวี๋เสี่ยวอวิ๋นเป็นสองแม่ลูกที่ไร้เหตุผล ฉินฉืออวี้ไปเยี่ยมเยียนเรือนของฉินอวี้โม่อย่างเป็นมิตรในยามเว่ย ทว่ากลับถูกฉินอวี้โม่ทำร้ายจนมือเท้าใช้การไม่ได้ ส่วนตัวนางเองเพียงแค่จะมาถามไถ่เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับบุตรสาว ทว่ากลับถูกฮูหยินใหญ่และคุณหนูสี่รุมรังแกอย่างไร้เหตุผลไปอีกคน ส่วนแขนของนางที่หมดสภาพไปก็เป็นฝีมือของฉินอวี้โม่ด้วย
ยิ่งเล่า เยี่ยเสี่ยวตี๋ก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น ตอนนี้นางสะอึกสะอื้นเสียจนพูดไม่เป็นประโยคไปเสียแล้ว
“หยุดร้องเถอะเสี่ยวตี๋ เจ้าวางใจได้เลย ข้าจะต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าแน่”
ฉินเทียนประคองเยี่ยเสี่ยวตี๋ที่อยู่ในอ้อมแขนให้นั่งลง ก่อนจะหันไปมองอวี๋เสี่ยวอวิ๋นและฉินอวี้โม่ด้วยสายตาที่โกรธจัด
“ตอนนี้พวกเจ้าสองแม่ลูกแข็งแกร่งขึ้นแล้วสินะ ข้าอยากจะรู้จริง ๆ ว่าพวกเจ้าสองคนไปทำอะไรมา !”
อวี๋เสี่ยวอวิ๋นมองฉินเทียนด้วยสีหน้าที่หม่นหมองลงเล็กน้อย เมื่อได้เห็นความรักที่ผู้ชายตรงหน้ามอบให้สตรีที่อยู่เคียงข้าง สภาพจิตใจของนางก็ย่ำแย่ลงยิ่งกว่าเดิม
ด้านฉินอวี้โม่นั้นรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของผู้เป็นมารดา นางจับกุมมือของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นไว้อย่างนุ่มนวล
เมื่อเห็นกิริยาของบุตรสาว อวี๋เสี่ยวอวิ๋นก็คลี่ยิ้มบางส่งให้ เมื่อมีฉินอวี้โม่อยู่ข้าง ๆ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะเหตุใดแต่นางกลับรู้สึกเบาใจขึ้นได้อย่างประหลาด ตอนนี้นางสนใจเพียงแค่ลูกของนางเท่านั้น ส่วนเรื่องของผู้อื่นมิใช่ธุระใด ๆ ของนางอีกแล้ว
ในที่สุดฉินอวี้โม่ก็เปิดปาก “‘บิดา’ ที่รักของข้า ท่านช่วยบอกข้าหน่อยสิว่าพวกเราทำได้ดีรึไม่ ?”
“เด็กสามหาว ! แค่เอาชนะพี่สาวและแม่รองของตัวเองได้ก็คิดว่าตัวเจ้าวิเศษมากแล้วอย่างนั้นรึ ?”
ฉินเทียนกล่าวอย่างเย็นชาพลางมองไปที่ฉินอวี้โม่ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
อวี๋เสี่ยวอวิ๋นต้องการจะกล่าวบางอย่างทว่านางก็ถูกฉินอวี้โม่หยุดไว้เสียก่อน
“บิดาที่รักของข้า ข้ามีคำถามจะถามท่าน”
ฉินอวี้โม่จ้องมองฉินเทียนอย่างแข็งกร้าว ความรู้สึกในตอนนี้ทำให้นางยิ้มไม่ออก วันนี้นางตัดสินใจแล้วว่าจะสะสางความทั้งหมดกับบุรุษที่น่ารังเกียจผู้นี้ !
.