คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 128 ขอเชิญ
หลังนายท่านสี่กลับมาไม่กี่วันในที่สุดหมิงเวยก็ได้รับข่าวจากหยางชู
นางสั่งซู่เจี๋ย “ไปเชิญฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินสอง นายท่านสี่ ฮูหยินสี่ แล้วก็นายท่านหกกับฮูหยินหกมาที่ห้องเซ่นไหว้ผู้ตายด้วย”
ซู่เจี๋ยตกใจ “คุณหนู ตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่าร่างกายไม่แข็งแรง นายท่านหกก็นอนอยู่บนเตียงลุกไม่…”
หมิงเวยพูด “เจ้าบอกไปว่าท่านแม่เป็นคนเชิญพวกเขามา”
คำพูดนี้ทำเอาซู่เจี๋ยขนลุกชัน อาหว่านที่นั่งแทะเมล็ดก๋วยจี๋อยู่ข้างๆ พูดแทรกขึ้นมา “วางใจเถอะ ข้าจะให้คนไปกับเจ้าด้วย พวกเขาไม่ไปก็ต้องไป”
“……”
อาหว่านอยู่ที่นี่มาหลายวัน ซู่เจี๋ยรู้ว่านางมีองครักษ์เงาอยู่ในมือได้ยินเช่นนี้นางก็ตระหนักได้ว่าเรื่องนี้ไม่ง่าย ไม่ต้องถามอะไรให้มากความ นางตอบรับและรีบไปทันที
หมิงเวยเรียกปิงซิน “หาเสื้อให้แม่นมสวมหนากว่านี้หน่อย พวกเราจะไปที่ห้องเซ่นไหว้ผู้ตายกัน”
จากนั้นนางจึงหันไปถามอาหว่าน “ข้ายืมคนไปเฝ้าตัวฝูหน่อยได้หรือไม่”
อาหว่านตอบรับทันที หลังจากเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อย หมิงเวยก็เดินนำทุกคนไปที่ห้องเซ่นไหว้ผู้ตาย
……………
ฮูหยินผู้เฒ่าที่เพิ่งทานอาหารเย็นเสร็จได้ยินว่ามีสาวใช้จากสวนอวี๋ฟางมาขอพบจึงให้ไปเชิญนางเข้ามา ซู่เจี๋ยเข้ามาในห้องทำความเคารพและถ่ายทอดคำพูดของหมิงเวยออกมา
หวงอิงสาวใช้ส่วนตัวของฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินเช่นนั้นก็เลิกคิ้ว “ฮูหยินผู้เฒ่าร่างกายไม่แข็งแรงอีกทั้งตอนนี้ยังเป็นเวลากลางคืนจะออกไปได้อย่างไรกัน แล้วยังเป็นห้องเซ่นไหว้ผู้ตายอีก เจ้ากลับไปบอกคุณหนูเจ็ดว่าค่อยมาพูดอีกทีวันรุ่งขึ้นเถิด”
ซู่เจี๋ยยิ้ม “คุณหนูบอกว่าฮูหยินเรือนของเราเป็นผู้เชิญไปเจ้าค่ะ”
“…..” เห็นได้ชัดว่าภายในห้องอบอุ่นมาก แต่หวงอิงกลับรู้สึกหนาวเย็นที่แผ่นหลัง แต่เมื่อเห็นว่าสีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าไม่ค่อยดี นางจึงตำหนิไปว่า
“ฮูหยินสามได้จากไปแล้วเจ้าพูดเพื่อขู่ผู้ใดกัน ยังไม่รีบออกไปอีก!”
ซู่เจี๋ยไม่ขยับไปไหนยังคงแสดงความเคารพเหมือนเดิม “ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ โปรดไปที่นั่นด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
“เจ้า…”
หวงอิงยังพูดไม่จบฮูหยินผู้เฒ่าก็พูดออกไปว่า “หวงอิง เตรียมเสื้อผ้า”
“ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ…” ทางฝั่งฮูหยินสอง ซู่เจี๋ยส่งสาวใช้คนอื่นไปแทน
พอได้ยินนางพูดเช่นนั้นฮูหยินสองก็รู้สึกตกใจ “ตอนนี้น่ะหรือ”
เมื่อได้รับคำยืนยันฮูหยินสองจึงตอบกลับไป “เข้าใจแล้ว ข้าจะตามไป”
หมิงฮ่าวเดินเข้ามาได้ยินพอดีจึงถามออกไป “พี่เจ็ดมีเรื่องอะไรหรือขอรับท่านแม่ ลูกจะไปเป็นเพื่อนท่านแม่เองขอรับ”
ฮูหยินสองจะปฏิเสธ แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของเขาไม่กี่วันก่อนจึงเปลี่ยนใจ
“ได้”
ทางด้านนายท่านสี่ก็กำลังรับประทานอาหารกับครอบครัว ฮูหยินสี่ได้ยินเช่นนั้นก็เลิกคิ้ว “อยู่ดีๆ จะให้ไปที่ห้องเซ่นไหว้ผู้ตายทำไมกัน หากต้องการเซ่นไหว้ ค่อยรอตอนสายไม่ดีกว่าหรือ”
ดึกเพียงนี้ให้คนไปที่ห้องเซ่นไหว้ผู้ตายนี่คงไม่ใช่การขู่ให้กลัวหรอกนะ
นายท่านสี่กลับวางตะเกียบลงแล้วถามนางอย่างละเอียด “เสี่ยวชีพูดอย่างนั้นหรือ นางบอกหรือไม่ว่ามีเรื่องอะไรแล้วเรียกผู้ใดไปบ้าง”
สาวใช้ตอบกลับไป “คุณหนูบอกแค่ว่าฮูหยินเรือนพวกเราเป็นคนเชิญมา นอกจากนี้ยังเชิญฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินสอง แล้วก็นายท่านหกกับฮูหยินหกด้วยเจ้าค่ะ”
หมิงเซียงกลัวจนจับแขนเสื้อของพี่ชาย “ฮูหยินอะ อะไรนะ”
สาวใช้พูดย้ำอีกครั้งฮูหยินสี่ตัวสั่นนางรีบหันไปหานายท่านสี่ นายท่านสี่เลิกคิ้ว ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วตอบกลับไป “เข้าใจแล้ว ไว้พวกเราทานข้าวเสร็จจะตามออกไป”
สาวใช้ย่อเข่าแล้วเดินออกไป
พอสาวใช้ออกไปฮูหยินสี่ก็รีบถาม “ท่านพี่ เสี่ยวชีคิดจะทำอะไร อยู่ดีๆ ถึงได้เอาพี่สะใภ้สามมาขู่พวกเรา”
นายท่านสี่เองก็ไม่รู้จึงได้แต่ตอบไปว่า “ไม่ว่านางคิดจะทำอะไร พวกเราต้องไปที่นั่น ภายภาคหน้านางไร้บิดามารดายังต้องการการดูแลจากพวกเราที่เป็นลุงป้าน้าอาทำตามความต้องการของนางสักหน่อยเถอะ”
สามีพูดเช่นนั้นฮูหยินสี่จึงทำได้แค่เห็นด้วย
หมิงเฉิงพูด “ท่านพ่อขอรับ ลูกขอไปด้วย” เขารู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น
นายท่านสี่ไม่ปฏิเสธ “ได้”
หมิงเซียงเองก็ตะโกนขึ้น “ลูกไปด้วยเจ้าค่ะ!”
หมิงคุนน้องเล็กสุดเพิ่งจะอ้าปาก แต่ก็เห็นว่าพี่สาวถูกมารดาจ้องมอง “จะไปทำอะไร เจ้าอยู่ที่เรือนดูแลน้อง ไม่อนุญาตให้ออกไปวิ่งเล่น!”
“แต่พี่สี่…”
“พี่สี่ของเจ้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว!”
………..
ทางด้านนายท่านหกนั้นพอทราบว่าสวนอวี๋ฟางส่งคนมา แม้แต่ประตูฮูหยินหกยังไม่ยอมให้เข้า
แม้นางจะเป็นคนนุ่มนวล แต่กับสาวใช้นางไม่จำเป็นต้องเกรงใจอะไรจึงพูดออกไปตรงๆ ว่า “เสี่ยวชีสับสนอะไรอยู่หรือเปล่า พูดอะไรออกมา! ส่งคนออกไปบอกว่าไม่สะดวก”
ฮูหยินหกทราบดีว่าบาดแผลของนายท่านหกมาได้อย่างไร ปิ่นอันนั้น เป็นปิ่นที่หมิงเวยแทงเขา ปกติแล้วนางไม่กล้าทำอะไรหมิงเวย แต่ตอนนี้ส่งคนมาหานางถึงที่เอง มีอะไรต้องเกรงใจกันอีก สาวใช้ตอบรับแล้วรีบออกไปบอกทันที
ใครจะรู้ว่าผ่านไปไม่นานเสียงอุทานของสาวใช้ดังมาจากข้างนอก “พวกเจ้าจะทำอะไร ฮูหยินบอกให้พวกท่านออกไป!”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ไม่อนุญาตให้เข้าไปด้านใน!”
ฮูหยินหกตกใจเกิดอะไรขึ้นมีการลงไม้ลงมือกันหรือ พอฮูหยินหกคิดเช่นนั้น ก็เห็นว่าอาหว่านพาคนเข้ามา
นางยิ้มแล้วย่อกายทำความเคารพ “ฮูหยินหก คุณหนูบอกว่าให้ท่านกับนายท่านหกเดินทางไปที่ห้องเซ่นไหว้ผู้ตายด้วยเจ้าค่ะ” นางเน้นเสียงคำท้ายให้หนักขึ้น
ฮูหยินหกโกรธมาก “พวกเจ้ารังแกผู้อื่นมากเกินไปแล้ว! เป็นแค่สาวใช้แต่กล้าบุกเข้ามาในห้องของข้า พวกเจ้านำพวกเขาออกไปโบยเดี๋ยวนี้!”
สาวใช้ที่ดูแข็งแรงกว่าตอบรับ
ผู้ใดจะรู้ว่ายังไม่ทันได้แตะตัวอาหว่าน สาวใช้ที่ไม่อยู่ในสายตาที่อยู่ด้านหลังอาหว่านสามารถเอาชนะพวกนางได้ทั้งหมด
“ฮูหยินหก ขออภัยที่ต้องล่วงเกินแล้ว!”
พูดจบอาหว่านก็ตะโกนสั่ง “พวกเจ้า! พานายท่านหกและฮูหยินหกไปที่ห้องเซ่นไหว้ผู้ตาย!”
“เจ้าค่ะ!”
ฮูหยินหกตะลึงเมื่อเห็นหญิงสาวสองคนที่อยู่ข้างหลังอาหว่านวิ่งเข้ามาคว้าตัวนางเอาไว้ มีชายหนุ่มหลายคนวิ่งเข้ามา ไม่รู้ว่าพวกเขาไปเอาเปลหามมาจากไหน พวกเขาเคลื่อนย้ายนายท่านหกขึ้นไปนอนบนเปลแล้วยกออกไป
“พวกเจ้าจะทำอะไร ปล่อยนะ!”
นางดิ้นรนไปก็ไม่มีประโยชน์มือที่จับนางนั้นไม่ต่างอะไรจากกรงเล็บเหล็ก มีสาวใช้นางหนึ่งกล้าที่จะเดินเข้ามาขวาง แต่สุดท้ายก็ถูกโยนออกไป ท่าทางดุร้ายราวกับเสือกับหมาป่าเช่นนี้ ไม่มีใครสามารถหยุดพวกเขาได้จึงทำได้เพียงแค่เฝ้าดูนายท่านหกและฮูหยินหกถูกพาตัวออกไป
…………
ห้องเซ่นไหว้ผู้ตาย หมิงเวยยืนอยู่หน้าป้ายวิญญาณ จุดธูป ก้มศีรษะโค้งคำนับสามครั้ง
คนแรกที่มาถึงคือฮูหยินสอง
“เสี่ยวชี…” หมิงเวยปักธูปลงบนกระถางแล้วหมุนตัวกลับมา
“ท่านป้าสอง น้องหก”
นางไม่คิดว่าฮูหยินสองจะพาหมิงฮ่าวมาด้วยจึงถามออกไป “ที่นี่อากาศเย็นมาก น้องหกอยากกลับไปก่อนหรือไม่”
ยังไม่ทันที่ฮูหยินสองจะเปิดปาก หมิงฮ่าวก็ตอบกลับไป “ขอบคุณพี่เจ็ดที่เป็นห่วง ข้าไม่เป็นอะไร” หมิงเวยคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพยักหน้า
ก็ดี…ให้เขาได้รับรู้ความจริงจะได้ไม่ต้องกล่าวโทษคนผิดในอนาคต ผู้ที่มาถึงเป็นคนที่สองคือครอบครัวนายท่านสี่
เมื่อเห็นหมิงเฉิงเดินเข้ามาหมิงเวยจึงยิ้ม “ตอนแรกน้องยังคิดอยู่ว่าให้พี่สี่มาด้วยดีหรือไม่ น้องลังเลจึงไม่ได้ออกคำสั่งไป ไม่คิดว่าพี่สี่จะมาด้วยตนเอง ดีเลยเจ้าค่ะ”
เป็นคำพูดที่ฟังดูแปลกๆ อะไรคือดีเลย หากหมิงเฉิงไม่มาแล้วเป็นอย่างไรไม่รอให้พวกเขาได้สอบถาม ฮูหยินผู้เฒ่าก็เดินทางมาถึง
ทุกคนต่างแสดงความเคารพ ฮูหยินผู้เฒ่าเลิกคิ้ว “ตกลงมีเรื่องอะไรกันแน่ ถึงต้องมาคุยกันที่นี่ยามดึกดื่นเช่นนี้”
หมิงเวยยังไม่ทันได้ตอบเสียงตะโกนของฮูหยินหกก็ดังมาจากด้านนอก “พวกเจ้าทำอะไร ปล่อยนะ! ท่านพี่! ท่านพี่!”
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินชัดเจนสีหน้าของนางเปลี่ยนไปแล้วถามหมิงเวยไปว่า “หลานคิดจะทำอะไร อาหกของหลานป่วยเช่นนั้นยังพาเขามาที่นี่อีกต้องการชีวิตของเขาหรือไงกัน”
…………………………………………………..