คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 212 จัดการ
เว่ยเสี่ยวอันมองเหวินอิ๋งด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ พวกนางถูกจับมาขังอยู่ที่นี่ด้วยกัน เพราะไร้ญาติขาดมิตรจึงต้องดูแลซึ่งกันและกัน นางเคยคิดว่ามิตรภาพได้เกิดขึ้นกับพวกนางแล้ว ไม่ใช่มิตรภาพที่เรียกว่าการกลั่นแกล้งผู้อื่นด้วยกัน แต่เป็นมิตรภาพที่แท้จริงที่แบ่งปันความทุกข์ยากกัน แต่ประโยคของเหวินอิ๋งเมื่อครู่ได้ทำลายความฝันของนาง
หลายวันมานี้เหวินอิ๋งดีกับนางเพราะในสภาพแวดล้อมเช่นนี้มีเพียงตนเท่านั้นที่ดูแลนางได้ใช่หรือไม่ เหวินอิ๋งเห็นแก่ตัวมาโดยตลอดและไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด ในขณะที่คิดเช่นนั้นในใจเว่ยเสี่ยวอันก็ถูกจับเสียแล้ว
ในเรื่องของรูปลักษณ์นางไม่ได้งามไปกว่าเหวินอิ๋ง แต่นางมีข้อดีอย่างหนึ่งนั่นก็คือมีผิวที่ขาว สุภาษิตกล่าวไว้ว่า ขาวอย่างเดียวลบจุดด้อยสามอย่าง[1] ยิ่งไปกว่านั้นเว่ยเสี่ยวอันเกิดมางดงามอยู่แล้ว มีรูปโฉมงดงามห้าส่วนยิ่งขับให้งามขึ้นอีกเป็นแปดส่วน เพราะรู้เรื่องนี้ดีเว่ยเสี่ยวอันจึงพยายามให้ใบหน้าตนเองเปื้อนฝุ่นเป็นพิเศษ หากสีผิวไม่โดดเด่นนางก็กลายเป็นเพียงคนที่หน้าตาธรรมดามากๆ
เหวินอิ๋งดึงนางออกมาเมื่อเห็นว่าชายคนนั้นเลิกคิ้วไม่พูดอะไรนางก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น หากมองกันดีๆ แล้วตนนั้นงามกว่าเว่ยเสี่ยวอันมาก!
ในคาบเรียนนางไม่ได้ตอบสนองรวดเร็วเพียงนี้ แต่ตอนนี้นางตอบสนองอย่างรวดเร็วฉับพลัน มือที่ออกแรงลากเว่ยเสี่ยวอันออกมาเปลี่ยนมาเลิกแขนเสื้อของนางขึ้นแทน ในระหว่างนั้นเกิดการต่อสู้แขนเสื้อจึงเกิดการฉีกขาด
“นายท่านดูสิเจ้าคะ นาง…นางเกิดมามีผิวขาว ร่างกายเนียนนุ่ม งดงามกว่าข้าอีก”
แขนที่โผล่พ้นออกมานั้นขาวประดุจหยก หัวหน้าเซียงยื่นมือไปสัมผัส ทันใดนั้นก็แสดงสีหน้าดีใจและพูดกับหญิงแกร่งว่า “ข้าเลือกนาง!”
หญิงแกร่งตอบรับอย่างดีใจ “ได้เจ้าค่ะ! โปรดรอสักครู่ ข้าน้อยจะรีบพานางไปทำความสะอาดแล้วจะรีบส่งไปให้ท่านทันทีเจ้าค่ะ” เมื่อได้ยินดังนั้นเหวินอิ๋งก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในที่สุดนางก็รอดแล้ว….
ผู้ใดจะรู้ว่าหัวหน้าเซียงผู้นั้นมองมาที่นางแล้วพูดว่า “จัดการทำความสะอาดคนนี้ด้วย เย็นนี้ข้ามีเลี้ยงแขกหัวหน้าฉีเดินทางมาพอดี” หญิงแกร่งตอบรับ
เหวินอิ๋งตกตะลึงนางมองหญิงแกร่งที่มีใบหน้ายิ้มแย้ม เมื่อเดินไปส่งหัวหน้าเซียงออกไป หูของนางก็ได้ยินเสียงเยาะเย้ยของเว่ยเสี่ยวอัน “สมควรแล้ว!”
เว่ยเสี่ยวอันทั้งเศร้าทั้งโกรธ แต่นางไม่ได้กลัว เมื่อเห็นว่าแผนของเหวินอิ๋งล้มเหลว นางก็เปี่ยมไปด้วยความยินดี
นางคิดในใจว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะออกไปจากสถานการณ์นี้ แต่จะให้ฆ่าตัวตายเพื่อรักษาความบริสุทธิ์นางก็ไม่เต็มใจ แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้นางก็ทำได้เพียงปล่อยไปก่อน ในเมื่อหนีไม่พ้นก็ต้องหาแผนสำรอง!
นักเรียนหญิงสถานศึกษาหมิงเฉิงไม่เพียงแต่เรียนรู้ศีลธรรม แต่ยังขี่ม้าและยิงธนูเป็นด้วย!
…………
งูขาวตัวน้อยรีบเข้าไปในถ้ำอย่างรวดเร็วแล้วกระโจนเข้าหาตัวฝู “ศิษย์พี่ๆ!”
งูขาวติดตามหมิงเวยเห็นว่านางสอนเคล็ดวิชาให้กับตัวฝูเพราะฉะนั้นงูขาวจึงเรียกตัวฝูว่าศิษย์พี่ ตัวฝูมองมันอย่างเป็นกังวล เมื่อเลี่ยงหาที่สงบได้จึงถามเสียงเบา “มีอะไร เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ”
“ข้าพบเพื่อนร่วมชั้นของนายท่านแล้ว” งูขาวเอ่ย
ตัวฝูดีใจแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าที่พกติดตัวออกมาเป็นแผนที่ที่ถูกวาดด้วยถ่าน ซึ่งเป็นผลงานจากการสำรวจพื้นที่ของงูขาว
“ที่นี่” งูสีขาวตัวน้อยเหยียดหางออกไปชี้ตำแหน่ง ตัวฝูหยิบถ่านออกมาเติมอย่างระมัดระวัง
เมื่อวาดเสร็จงูขาวก็บอกว่า “ศิษย์พี่ ท่านต้องรีบไปช่วยพวกนางนะเมื่อครู่นี้…” เมื่องูขาวเล่าเหตุการณ์ให้ฟังจนจบตัวฝูก็ตกใจ
คุณหนูผู้สูงศักดิ์หากเสียตัวให้แก่โจรผู้ร้าย ชีวิตนี้คงจบสิ้นแล้ว หากโชคดีหน่อยคงถูกส่งไปแต่งงานกับตระกูลที่ต่ำลงมาหรือถูกส่งไปแต่งงานในที่ที่ห่างไกล หากแย่กว่านั้นคงถูกไล่ออกจากตระกูล
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น” จี้เสียวอู่เลิกม่านขึ้นและเดินเข้ามา
ตัวฝูมองไปข้างหลังเขาอย่างระมัดระวัง “คุณชาย กุ้ยเหนียงล่ะเจ้าคะ”
จี้เสียวอู่โบกมือ “ข้าให้นางออกไปดูแลเด็กสาวพวกนั้น” ซึ่งเป็นเหล่าเด็กสาวที่ตัวฝูไปช่วยไว้ ตัวฝูทวนคำพูดของงูขาวอีกรอบแล้วถามเขาว่า “คุณชายห้า จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ หากเกิดช่วยไว้ไม่ทันพวกนางคง…”
สีหน้าจี้เสียวอู่ดูเคร่งขรึม คิดไปสักพักเขาก็กัดฟันพูดออกไปว่า “ในเมื่อถ้ำใต้ดินพวกเราสืบค้นจนแน่ชัดแล้ว พวกเราก็อย่ารอช้าเลยรีบแจ้งน้องหญิงไปให้พวกเขาเข้าตรวจค้นคืนนี้เถอะ!”
ตัวฝูตกใจ “ไม่รีบไปหน่อยหรือเจ้าคะ”
“ไม่ถือว่ารีบร้อนหรอก” จี้เสียวอู่พูด “จู่ๆ ทางการก็บุกเข้าไปในฐานที่มั่นของกลุ่มยาจกจำนวนมาก ข้าคิดว่าพวกเขาคงคิดใช้ประโยชน์จาก ‘คุณชายกัว’ เพื่อให้ตระกูลกัวเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แม้น้องหญิงจะชิงเปิดทางเรื่องตระกูลกัวไปก่อนก้าวหนึ่งแล้ว แต่หากพวกเขาไม่สามารถติดต่อตระกูลกัวได้ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาต้องสงสัยแน่นอน…”
จี้เสียวอู่นึกอะไรขึ้นมาได้ “เจ้ารีบส่งข่าวออกไปนำแผนที่นี้ไปให้น้องหญิง บอกนางว่าให้เข้ามาตรวจค้นคืนนี้ หัวหน้าเซียงผู้นั้นเชิญฉีผิงมาด้วยไม่ใช่หรือ ข้าจะเข้าไปสืบข่าวนี้ คืนนี้จะพยายามเข้าไปดื่มร่วมกับพวกเขาให้ได้เพื่อถ่วงเวลา เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราก็ประสานงานกันทั้งภายในและภายนอก…”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำการตัดสินใจแล้วตัวฝูจึงไม่คัดค้าน “เจ้าค่ะ”
ข้อมูลถูกส่งไปให้ตัวฝูจี้เสียวอู่เลิกม่านขึ้นแล้วเข้าไปคุยกับลูกน้องของฉีผิง
………..
ตอนที่หมิงเวยได้รับข่าวนางกำลังเข้าเรียนวิชาดนตรี
หนิงซิวกำลังสาธิตการใช้นิ้ว แต่จู่ๆ เขาก็หยุดชะงัก นิ้วที่กดสายกู่ฉินไม่ขยับไปไหน หมิงเวยรู้ว่าเขารู้สึกถึงลมปราณของวิญญาณ
เมื่อรู้ว่าหนิงซิวเป็นเสวียนชื่อ หมิงเวยจึงไม่พางูขาวมาที่สถานศึกษาด้วย ซึ่งงูขาวตัวน้อยก็เชื่อฟังมาตลอด แต่ครั้งนี้กลับเข้ามาในสถานศึกษาแสดงว่าต้องมีเรื่องด่วนเป็นแน่
นางไม่คิดปกปิดอะไรจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนทำความเคารพ “อาจารย์ ข้ามีธุระ ขออนุญาตออกไปก่อนเวลาเจ้าค่ะ” หนิงซิวมองนางเงียบๆ
หมิงเวยถูกเขาจับสังเกต นางกับเขาล้วนเป็นเสวียนเหมิน ตัวตนของนางไม่สามารถถูกปกปิดเป็นความลับได้ตลอดไปอยู่แล้วไม่ช้าก็เร็วเขาก็ต้องรู้สึกตัว
ไม่นานหลังจากนั้นหนิงซิวก็ผ่อนนิ้วลงแล้วหยิบผ้าเนื้อดีมาเช็ดกู่ฉินของตนเอง “ข้าไม่มีอารมณ์แล้ว คาบเรียนวันนี้พอแค่นี้ล่ะกัน!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้นักเรียนหญิงคนอื่นๆ ก็จ้องมองหมิงเวยด้วยความไม่พอใจ
คาบเรียนเพิ่งเริ่มไปไม่นานพวกนางกำลังฟังเสียงกู่ฉินอย่างหลงลืมตัว จู่ๆ อาจารย์ก็บอกว่าเลิกเรียนแล้ว ต้องเป็นเพราะนางที่ไปรบกวนความสนใจของอาจารย์เข้า
หมิงเวยทำเป็นไม่สนใจ นางทำความเคารพอีกฝ่ายอีกครั้งจากนั้นก็เก็บกู่ฉินของตนเองแล้วเดินออกจากห้องเรียนไป
นางรีบเดินไปยังที่ลับตาคนแล้วถามงูขาว “เกิดอะไรขึ้น”
งูขาวคายแผนที่ในปากออกมา “นายท่าน…”
หมิงเวยยิ่งฟังสีหน้าของนางก็ยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้น นางเปิดแผนที่ออกมาดูแล้วมองมันอย่างละเอียดจากนั้นก็พูดว่า “เจ้ารีบกลับไปบอกพวกเขาว่าพยายามถ่วงเวลาไว้ให้มากที่สุด หากเป็นไปได้ยามไห้[2]เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด”
“เจ้าค่ะ” งูขาวหายไปในทันที
หมิงเวยเป่านกหวีด เพียงไม่นานสาวใช้ที่มีหน้าที่กวาดพื้นในสถานศึกษาก็มาปรากฏตัวต่อหน้านาง “คุณหนู ต้องการสั่งการอะไรหรือเจ้าคะ”
หมิงเวยคุ้นเคยจนเห็นเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว การจัดกำลังพลของหวงเฉิงซือเรียกว่าแทรกซึมเข้าไปได้ทุกที่จะมีคนของพวกเขาในสถานศึกษาหมิงเฉิงก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร
“ให้คุณชายของท่านไปที่ศาลาว่าการตอนนี้ทันที!”
สาวใช้ตอบรับ “เจ้าค่ะ”
หมิงเวยหมุนตัวเดินจากไปนางต้องรีบไปที่ศาลาว่าการเพื่อนำเรื่องนี้ไปบอกเจี่ยงเหวินเฟิง เมื่อทั้งสองคนเดินหายลับตาไปหนิงซิวก็ปรากฏตัวอยู่ไม่ไกล
เขาเลิกคิ้วรู้สึกสับสนเล็กน้อย
สาวใช้คนนั้นเป็นคนที่ศิษย์น้องให้ทำหน้าที่ส่งสาร นางเป็นคนของหวงเฉิงซือ นักเรียนหญิงคนนั้นสื่อสารกับวิญญาณได้เห็นได้ชัดว่านางรู้เคล็ดวิชา นางกับศิษย์น้องมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไรกันแน่
……………
[1] ขาวอย่างเดียว ลบจุดด้อยสามอย่าง :ความเชื่อดั้งเดิมของเขาว่า “ผิวขาว” คือ “สวย”
[2] ยามไห้ : ช่วงเวลา 21.00 – 23.00 น.