คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 244 ข้อตกลง
เสวียนเฟยรู้สึกหนาวเย็นที่แผ่นหลัง จะทำเช่นไรอย่างนั้นหรือ หากอวี้หยางบอกว่าเขาคือดาวมารคงไม่ยากที่จะแก้ปัญหานี้เพราะเขามีจดหมายที่ท่านอาจารย์ทิ้งเอาไว้เป็นสิ่งยืนยันว่าคนที่ท่านอาจารย์โปรดปรานคือเขา
หากเขาเป็นดาวมาร เหตุใดราชครูซูสิงจะมอบตำแหน่งเจ้าสำนักให้เขาล่ะ
แต่หากมีคนสองคนบอกว่าเขาคือดาวมารล่ะ
สามคนกลายเป็นเสือ[1] หากเกี่ยวข้องกับโชคชะตาแผ่นดิน เมื่อฮ่องเต้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยก็จะเกิดความเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ แต่เสวียนเฟยไม่คิดยอมรับความพ่ายแพ้
“ข้าเป็นดาวมารหรือไม่ไม่ได้ถูกตัดสินจากปากของท่าน ถึงแม้ท่านสองคนจะบอกว่าข้าคือดาวมาร แต่ฝ่าบาทไม่สามารถตัดสินได้ทันที เมื่อถึงเวลานั้นต้องให้อาจารย์อาในสำนักยืนยันอีกครั้ง” เมื่อได้ยินเช่นนั้นหมิงเวยก็หัวเราะออกมา
“ท่านหัวเราะอะไร” เสวียนเฟยไม่พอใจ
หมิงเวยถามกลับ “ท่านแน่ใจหรือว่าตนเองไม่ใช่ดาวมาร”
เสวียนเฟยตกใจ “ข้าจะเป็นดาวมารได้อย่างไร” เขามีกลอุบายที่จะล้มอวี้หยาง แต่การเป็นเจ้าสำนักหากเขาไม่มีแม้แต่กลอุบายเขาจะนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ได้นานขนาดนี้ได้อย่างไร
หมิงเวยยิ้ม “ท่านเองก็เป็นเสวียนชื่อ เมื่อทักษะการดูดาวที่ถึงแก่นแท้ของท่าน ท่านจะไม่รู้เหตุผลที่โชคชะตาไม่เกี่ยวข้องกับเจตจำนงส่วนตัวเลยหรือ ท่านคิดว่าตนเองไม่มีทางเป็นดาวมารก็จะไม่เป็นดาวมารอย่างแน่นอน อวี้หยางมองเห็นดาวมารจริงๆ แต่ท่านมองไม่เห็น นั่นเป็นเพราะท่านเป็นดาวมารนั่นเอง แม้เขาจะไม่เก่งกาจเท่าท่าน แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะด้อยกว่าท่านมาก ท่านมั่นใจขนาดนี้เป็นเขาที่ผิดหรือเป็นท่านที่ผิดกันแน่”
“….” เสวียนเฟยคิดการดูดาวเพื่อพยากรณ์โชคชะตาส่วนมากมาจากการสุ่ม เสวียนชื่อทั่วไปอาจมองเห็นข้อมูลสำคัญโดยบังเอิญ การเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงก็ไม่อาจมองเห็นภาพรวมได้ เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าอวี้หยางมองผิดจริงๆ หรือไม่
“ที่สำคัญก็คือ” หมิงเวยพูดช้าๆ “แม้ท่านจะไม่ใช่จริงๆ แต่ข้าทำให้ท่านเป็นจริงๆ ได้!”
“ท่าน…”
หมิงเวยไม่สนใจท่าทีโกรธของเขานางพูดเสียงกระซิบ “เอาล่ะ อย่าขุ่นเคืองนักเลย เรามาคุยเรื่องข้อตกลงกันดีกว่าเรื่องนี้ท่านมีแต่ได้ประโยชน์ไม่มีผลเสียเลยสักนิด”
เสวียนเฟยระงับความโกรธ เดิมทีเขาเป็นคนที่มีสติสัมปชัญญะมาก เขาตระหนักได้ว่าโกรธนางไปก็ไม่มีประโยชน์จึงพยายามระงับอารมณ์ไว้
“ท่านต้องการอะไร”
“ท่านอยากเป็นเจ้าสำนักหรือไม่”
“แน่นอน!” หากเขาไม่อยากเป็นเจ้าสำนักเหตุใดต้องรีบกลับมาที่เสวียนตูกวันในเวลานี้แล้วทำไมต้องแข่งกับอวี้หยางต่อหน้าพระพักตร์ด้วยเล่า
ในตอนแรกที่เขาออกจากเสวียนตูกวันเพื่อเดินทาง ท่านอาจารย์บอกกับเขาอย่างชัดเจนว่าตำแหน่งเจ้าสำนักต้องเป็นของเขา แล้วเขาจะปล่อยให้ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่นได้อย่างไรกัน
หมิงเวยยิ้ม “ข้าไม่ก่อเรื่องอะไรหรอก แต่จะทำให้ท่านได้เป็นเจ้าสำนักโดยราบรื่นดีหรือไม่”
เสวียนเฟยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ท่านต้องการอะไร”
“ดอกถานเชิง”
เสวียนเฟยเข้าใจได้ทันที “ที่แท้พวกท่านทำเรื่องมากมายขนาดนี้ก็เพราะสิ่งนี้!”
“ใช่!”
เรื่องนี้เข้าใจได้ไม่ยาก ความสามารถของแม่นางผู้นี้อยู่ในระดับสูงสุดทุกอย่างยกเว้นพลังที่ไม่สูงพอ หากได้ดอกถานเชิงมาไว้ในมือแล้วยังเป็นดอกไม้ของท่านอาจารย์ด้วยอีก ก็จะสามารถทดแทนส่วนที่ขาดหายไปของนางได้และกลายเป็นเสวียนชื่อที่เก่งกาจที่สุด
เสวียนเฟยพยายามระงับความโกรธ “ถึงพวกท่านไม่เข้ามาแทรกแซงในเรื่องนี้ ข้าก็เป็นเจ้าสำนักได้อย่างสบายๆ พวกท่านทำให้สถานการณ์เกิดความวุ่นวายจากนั้นก็กลับมาข่มขู่ข้าใช่หรือไม่”
หมิงเวยยิ้ม “ใช่! ท่านยอมไหมล่ะ”
เสวียนเฟยบอกตนเองว่าไม่ควรโกรธ เพราะโกรธไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ในเมื่อเรื่องราวก็ได้เกิดขึ้นแล้วก็ต้องแก้ไขมัน ตำแหน่งเจ้าสำนักที่ท่านอาจารย์ส่งมอบให้คู่ควรกับความอดทนทั้งหมด
“อันที่จริงท่านไม่ควรโกรธเลยด้วยซ้ำ” หมิงเวยพูดช้าๆ “ก่อนที่ดาวมารจะเติบใหญ่ การกำจัดมันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในทางกลับกันท่านควรขอบคุณข้าที่ยื่นโอกาสนี้ให้กับท่าน”
“อ้อ” เสวียนเฟยแสยะยิ้ม “ข้าอยู่ของข้าอยู่ดีๆ ให้ท่านมาข่มขู่ข้า ข้าควรขอบคุณท่านงั้นหรือ”
“ใช่!” หมิงเวยตอบอย่างมั่นใจ “เดิมทีข้าไม่คิดจะให้ทางรอดแก่ท่านด้วยซ้ำ ตอนนี้ข้าเลือกทางนี้ตัวข้าเองก็แบกรับความเสี่ยงมากเช่นกัน”
เสวียนเฟยประชดประชัน “ท่านเก่งกาจจริงๆ ใต้หล้าเป็นตายร้ายดีอย่างไร คงต้องถามไถ่กับท่านใช่หรือไม่”
หมิงเวยหัวเราะ “ขอบคุณที่ชม”
เสวียนเฟยอกจะแตกตายอยู่แล้วมีชีวิตอยู่มายี่สิบกว่าปี ใครๆ ก็บอกว่าเขาเป็นคนอารมณ์ดี แต่ในตอนนี้เขาอยากบีบคอสตรีคนนี้จริงๆ!
“รีบเลือกเถอะ” นางพูด “หากยังทนต่อไป คนที่กระอักเลือดออกมาคงเป็นท่าน”
เมื่อคิดๆ ดูแล้วจึงพูดเสริมอีกว่า “จริงๆ ข้อตกลงนี้สำหรับท่านแล้วไม่ได้ทำให้ท่านเสียหายอะไรมากนัก ไม่มีดอกถานเชิงดอกนั้น เสวียนตูกวันจะเตรียมอีกหนึ่งดอกให้แก่ท่านประสิทธิภาพอาจต่างกันเล็กน้อย”
เสวียนเฟยยิ้มเยาะถึงจะต่างกันเล็กน้อยแต่นั่นก็เป็นดอกถานเชิงของท่านอาจารย์ มีเสวียนชื่อมากมายในใต้หล้า แต่ท่านอาจารย์ต้องอยู่ในห้าอันดับแรกอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นดอกถานเชิงนี้ยังเป็นดอกที่สมบูรณ์แบบที่สุด มีพลังในการปกปักรักษามากที่สุด ถึงเสวียนตูกวันปกปักรักษาดอกถานเชิงจำนวนหนึ่ง แต่ความสมบูรณ์แบบก็ยังห่างไกลกัน
แต่ว่า…เมื่อเทียบกับตำแหน่งเจ้าสำนักแล้วดอกถานเชิงยังตัดใจยกให้ได้
“ได้ ข้าตกลง”
“เยี่ยมเลย!” หมิงเวยยิ้ม “งั้นพวกเรามาพูดคุยกันดีกว่าว่าจะพูดว่าอะไรกันดี”
เสวียนเฟยไม่มีความสุข “แม้แต่เรื่องนี้ท่านต้องจัดการด้วยหรือ”
“แน่นอน ท่านไม่ได้พูดเองหรือว่าใต้หล้าอยู่ในระหว่างความเป็นความตาย จำเป็นต้องถามข้า ดาวตี้ชิงเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ข้าจะไม่จัดการได้อย่างไร”
“….” สวรรค์ช่วยเสกสายฟ้าได้หรือไม่เอาให้นางตายไปเลย
“ท่านไม่ควรพูดถึงการมีอยู่ของดาวตี้ชิง ไม่เช่นนั้นจะเกิดความโกลาหล ข้าคงต้องอธิบายรายละเอียดใช่หรือไม่”
เพ้อเจ้อ! เขารู้อยู่แล้วบางครั้งฮ่องเต้ก็ไม่สามารถทนกับผู้สืบทอดของตนเองได้ นับประสาอะไรกับดาวตี้ชิงที่ซ่อนอยู่ไม่ว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจะมีพระเมตตาแค่ไหน เขาก็ยังเป็นฮ่องเต้อยู่! แต่…
“ผลที่ตามมาของการไม่พูดท่านรับไหวหรือไม่ ดาวตี้ชิงไม่สามารถปรากฏในสถานที่เดียวกันได้ มิฉะนั้นหนึ่งในนั้นจะดับลง แต่หากเกิดอะไรขึ้นกับดาวตี้ชิง ก็จะเกิดการนองเลือดตามมา”
หมิงเวยหัวเราะเบาๆ “ท่านกำลังจะกลายเป็นเจ้าสำนักของเสวียนตูกวันเป็นราชครูของแคว้นฉีเหนือ ท่านสามารถมองการณ์ไกลได้อีกเปิดวิสัยทัศน์ให้กว้างเสียหน่อย”
“ท่านจะบอกว่าข้าไม่มองการณ์ไกล วิสัยทัศน์แคบอย่างนั้นหรือ” ความโกรธของเสวียนเฟยตีตื้นขึ้นมาอีกครั้ง
หมิงเวยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ดูท่านสิ เรื่องเล็กแค่นี้ยังผ่านไปไม่ได้แล้วจะทำเรื่องใหญ่ได้อย่างไรกัน ท่านยังจำข้อตกลงระหว่างฮ่องเต้ไท่จู่กับราชครูซูสิงได้หรือไม่ พวกท่านเสวียนตูกวันต้องปกป้องโชคชะตาของต้าฉี ไม่ใช่บัลลังก์ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ถึงฝ่าบาทจะเป็นฮ่องเต้ที่ทรงพระเมตตากรุณา แล้วหลังจากพระองค์ล่ะ ดาวตี้ชิงสองดวงนี้ไม่รู้จะไปทางไหนดีจึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ หากปล่อยให้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฝ่าบาท แล้วพวกท่านจะทำอย่างไร”
“….” เสวียนเฟยคิดในใจนางควรได้รับตำแหน่งราชครูเพื่อที่นางจะได้สร้างความสับสนให้กับผู้คน
“เอาล่ะ เกรงว่าร่างกายของท่านจะได้รับบาดเจ็บ ข้าขอตัวก่อนอย่าลืมข้อตกลงของเราล่ะ ท่านราชครูผู้ยิ่งใหญ่” ผ่านไปสักพักนางก็ออกไปจากหยวนเสินของเขา
เสวียนเฟยสูดลมหายใจและลืมตาขึ้น นักพรตผู้เฒ่ากำลังมองดูเขาอย่างประหม่าแล้วเขาก็โล่งใจเมื่อเห็นว่าตนทำการดูดาวได้อย่างราบรื่น
อย่างไรเสวียนเฟยก็แข็งแกร่งกว่าอวี้หยาง แต่เขาไม่รู้ว่าผลการสังเกตการณ์เป็นอย่างไร
“อาจารย์อา” แววตาของเสวียนเฟยเต็มไปด้วยความสับสน จากนั้นเขาก็พูดออกมาช้าๆ “ข้า…เห็นดาวมารดวงหนึ่งขอรับ!”
……………
[1] สามคนกลายเป็นเสือ : คนพูดมากๆ จากข่าวลือกลายเป็นข่าวจริง