คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 334 หลงทาง
ในช่วงเช้าตรู่ไม่กี่วันต่อมากองคาราวานเดินทางออกจากสนามเลี้ยงม้าและมุ่งหน้าสู่เขาเหยียนซานไปทางทิศตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นคนเลี้ยงสัตว์ คนงานหรือพ่อค้าที่เทียวไปเทียวมาล้วนรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง
ช่วงเวลานี้เพราะความใจกว้างของคุณชายหยาง กองคาราวานที่เร่ขายอยู่ที่ซีเป่ยเดินทางมาทำการค้าที่เกาถางจำนวนไม่น้อย เมื่อพวกเขาจากไปส่วนใหญ่ได้เดินทางไปยังเขาเหยียนซาน
เกาถางเป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ ทางทิศตะวันออกสามารถกลับไปจงหยวนได้อย่างราบรื่น ทางทิศตะวันตกสามารถใช้ทางลัดไปยังชายแดนได้มีแม้กระทั่งถนนสายเก่าบนเขาเหยียนซานที่สามารถเดินทางไปยังหูตี้ได้ เพียงแต่ที่ผ่านมามีโจรมากมายบนเขาเหยียนซานเลยไม่มีกองคาราวานไหนกล้าเข้ามา
แต่ตอนนี้ต่างออกไปแล้วได้ยินมาว่าโจรกลุ่มหนึ่งเห็นความมั่งคั่งของคุณชายหยาง และต้องการคว้าสนามเลี้ยงม้าไว้ในครอบครอง แต่ก็ถูกขุนศึกตระกูลหยางล้มคว่ำ คุณชายหยางโกรธมากจึงออกไปทำลายหมู่บ้านโจรหลายแห่ง ภูเขาเหยียนซานอยู่ในความสงบพักหนึ่งกองคาราวานที่เดินทางมาจึงนำทหารคุ้มกันมาด้วยเพื่อป้องกันการถูกปล้น
นั่นเป็นเรื่องที่ดี!
หากสามารถกำจัดโจรบนภูเขาเหยียนซานได้เกาถางก็เป็นเป้าหมายที่ดีไม่ต้องเสียเวลาใช้ทางอ้อมเป็นครึ่งเดือน ด้วยเหตุผลนี้เหล่าพ่อค้าจึงหวังว่าคุณชายหยางจะใช้ความพยายามไม่หยุดยั้งทำความสะอาดเส้นทางการค้าที่เป็นไปได้
หากเป็นเช่นนี้ในอนาคตพวกเขาจะมอบส่วนลดสูงสุดให้กับสนามเลี้ยงม้าเกาถางอย่างแน่นอน!
โหวเหลียงได้เปลี่ยนแปลงตัวตนของตนเองเขาสวมชุดผ้าโปร่งมีลาย และหมวกผ้าบนศีรษะ ใบหน้ามันเยิ้มดูเป็นพ่อค้าที่มั่งคั่งมีชีวิตชีวา
เขาเป็นคนฉลาดกลัวว่าตนเองจะถูกจับได้จึงจัดแจงรายละเอียดตัวตนอย่างละเอียดไว้ก่อนแล้ว อายุเท่าไร บ้านอยู่ที่ใด ครอบครัวมีกี่คน มีที่ดินเท่าไร มีวัวเท่าไร เขาคิดมาทั้งหมดแล้ว
ก่อนหน้านี้เขาอยู่ข้างกายคุณชายท่านหนึ่งมีหน้าที่ดูแลเรื่องต่างๆ ให้กับเขา แต่เนื่องจากคุณชายท่านนั้นถูกลดตำแหน่ง และถูกส่งมาที่ซีเป่ย ได้ยินมาว่าการเดินทางบนเส้นทางเก่าที่เขาเหยียนซานเพื่อมาขายสินค้าที่หูตี้สามารถหาเงินได้มหาศาลจึงตัดสินใจเดินทางไกล
คำบอกเล่าจริงครึ่งเท็จครึ่ง และในกองคาราวานยังมีขุนศึกที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีแล้วยังมีคนของตระกูลหยางอีกผู้อื่นจึงไม่คิดสงสัย
อันที่จริงคุณชายผู้สูงศักดิ์ที่มาจากเมืองหลวงผู้นั้นมีชีวิตที่สุขสบายไม่รู้จักความยากลำบาก การทำเรื่องเช่นนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
เมื่อเข้าสู่เส้นทางเก่าของเขาเหยียนซานทุกอย่างช่างดูวิเวก
กองคาราวานที่มีผู้คนหลายร้อยคน เดินทางฟ้าสางพักช่วงค่ำ เดินทางมาหลายวันแล้วยังไม่พบเจอผู้ใดยิ่งไปกว่านั้นยังแยกแยะเส้นทางได้ยากมาก โหวเหลียงรู้สึกเสียใจที่ไม่หาผู้นำทางสักสองสามคนมาด้วยให้พึ่งโจรสองสามคนที่เขาพบระหว่างทางพวกเขาก็ไม่รู้ทาง ต้องบอกว่าบนเขาเหยียนซานไม่มีผู้ใดเหลืออยู่เลย ถึงต้องการหาผู้นำทางก็หาไม่เจอ
ถนนยิ่งเดินเข้าไปยิ่งเดินยากมากขึ้นเรื่อยๆ ขนาดตัวฝูที่เป็นเด็กมีชีวิตยากลำบากยังทนไม่ได้จนตะโกนขึ้นว่า “เมื่อไรจะถึงสักที”
หมิงเวยดูสงบมากเมื่อถึงเวลาทานนางก็ทาน เมื่อถึงเวลาพักนางก็พัก เมื่อต้องรีบเดินทางก็นั่งหลับตาบำรุงเสินบนหลังม้า กังวลไปก็ไร้ประโยชน์พวกเขานำอาหารมามากพอที่จะเอาตัวรอดจากความอดอยากได้
เมื่อถึงวันที่เจ็ดทหารคุ้มกันที่สำรวจทางอยู่ด้านหน้าตะโกนขึ้นว่า “เมืองเล็ก มีเมืองเล็กๆ อยู่ขอรับ!”
ทุกคนประหลาดใจสถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับอาณาเขตของหูเหริน เหตุใดถึงมีเมืองเล็กๆ ในป่าลึกเช่นนี้ได้ เมื่อพวกเขามาหยุดอยู่ตรงหน้าเมืองเล็กๆ พวกเขาก็แน่ใจว่าตนเองไม่ได้ตาลาย
เป็นเมืองเล็กจริงๆ แม้ว่าจะรกร้างมาก แต่ธงที่เขียนคำว่า ‘酒(เหล้า)’ โบกสะบัดอยู่ ร้านค้าที่หันหน้าเข้าถนนล้วนแสดงให้เห็นว่ายังมีชีวิตอยู่
โหวเหลียงลงจากหลังม้าเดินไปใต้ซุ้มประตูไม้ไผ่จากนั้นก็ปลุกชายชราที่กำลังงีบหลับอยู่ “ผู้เฒ่า ตื่นๆ!”
ชายชราลืมตา และพึมพำ “ข้าฝันอีกแล้วหรือ” จากนั้นก็หันหลังกลับไปนอนต่อ
โหวเหลียงแปลกใจ แต่ก็ผลักอีกฝ่ายต่อ “ผู้เฒ่า ตื่นๆ! ข้ามีเรื่องอยากถามท่าน มีเงินให้ด้วย!”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘เงิน’ ชายชราก็ตื่นขึ้นอีกครั้งเขาขยี้ตาแล้วมองไปที่โหวเหลียง จากนั้นก็มองเลยไปที่ขบวนรถที่อยู่ข้างหลังอีกฝ่ายเขาตกใจมาก “พวกท่านมาจากที่ใดกัน”
โหวเหลียงยิ้มออกมา และทักทายอย่างสุภาพ “พวกเราเป็นพ่อค้ามาจากต้าฉีกำลังเดินทางไปหูตี้”
“พ่อค้า หูตี้งั้นหรือ” ชายชราสงสัย
“ถูกต้อง” โหวเหลียงรู้สึกผิดปกติ “ท่านไม่เคยเห็นกองคาราวานมาก่อนหรือ”
ชายชราพูด “ข้าเคยเห็นเมื่อนานมาแล้ว แต่ทำไมพวกท่านถึงมาเส้นทางนี้ เส้นทางนี้ไม่มีผู้ใดผ่านมาหลายสิบปีแล้วนะ!”
หลายสิบปีเลยหรือยิ่งฟังยิ่งผิดปกติไม่ว่าเส้นทางเก่าบนเขาเหยียนซานจะรกร้างเพียงใดก็ย่อมต้องมีคนกล้าเดินเข้ามาบ้าง
โหวเหลียงรีบถาม “ที่นี่ไม่ใช่เส้นทางเก่าบนเขาเหยียนซานหรือ”
ชายชราหัวเราะ “ที่แท้พวกท่านต้องการใช้เส้นทางเก่าหรอกหรือ ดูเหมือนพวกท่านจะหลงทางนะ ไม่ใช่ว่าตอนผ่านเขาหู่โถวซานไม่ระวังเดินเข้าไปในทางแยก อา…ลำบากหน่อยนะ หากวกกลับไปก็ใช้เวลาหลายวันเลย!”
ทุกคนคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะเดินในเส้นทางที่ผิดไม่น่าแปลกใจเลยที่หลายวันนี้เดินยากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าถนนเก่าแก่บนเขาเหยียนซานจะมีเส้นทางที่ซับซ้อน แต่ก็เป็นเส้นทางการค้าที่มีชื่อเสียงมากแน่นอนว่าจะต้องให้พวกม้าและพาหนะผ่านไปได้ โหวเหลียงปาดเหงื่อออกจากใบหน้าแล้วเดินเข้าไปปรึกษา
“แม่นางหมิง ท่านเห็นว่าควรทำอย่างไรดี พวกเราขอพักที่นี่สักคืนแล้วพรุ่งนี้ค่อยเดินย้อนกลับไปดีหรือไม่”
คนอื่นๆ ส่งสายตาคาดหวังไปยังหมิงเวยทุกวันนี้พวกเขาค้างแรมในป่า คงจะดีมากถ้าพวกเขาสามารถพักในเมืองได้สักคืน แต่หมิงเวยมองเมืองนี้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“พวกเรามีคนมากมายเพียงนี้เกรงว่าจะไม่สะดวกที่จะอยู่ที่นี่พวกเราหาที่ปลอดภัยแล้วตั้งกระโจมเถอะ”
“แม่นางหมิง…” โหวเหลียงอยากพูดอีก แต่เมื่อเห็นสายตาของหมิงเวยดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่างจึงรับคำอย่างเชื่อฟัง
เมืองแห่งนี้มีปัญหาอะไรหรือ โหวเหลียงไม่กล้าถามขนาดเสวียนชื่อผู้เก่งกาจอย่างหมิงเวยไม่คิดจะย่างเท้าเข้าไปจะต้องมีปัญหาใหญ่แน่ๆ
ดังนั้นกองคาราวานจึงตั้งค่ายพักอยู่นอกเมือง
คืนนี้หมิงเวยนอนหลับด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษในความมืดดูเหมือนสายตาหลายคู่กำลังจ้องมองมาที่พวกเขา โชคดีที่จนกระทั่งแสงสว่างในยามเช้าตรู่โผล่พ้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น โหวเหลียงถามชายชราเกี่ยวกับเส้นทาง และกองคาราวานก็เดินกลับไปทางเดิม
เมื่อมองไม่เห็นเมืองเล็กๆ แล้วโหวเหลียงจึงเข้ามาถามหมิงเวยอย่างระมัดระวัง “แม่นางหมิงเมืองนั้นมีปัญหาอะไรหรือ”
“กลุ่มผีดิบท่านคิดว่ามีปัญหาหรือไม่”
โหวเหลียงตกใจมาก “ผีดิบงั้นหรือ แต่ร่างกายของชายชราไม่มีกลิ่นอะไรแปลกๆ เลยนะขอรับ!”
หมิงเวยพูด “มันเป็นเพียงการเปรียบเทียบคนในเมืองนั้นอาจเคยเสพยาแปลกๆ หรือฝึกพลังแบบพิเศษถึงได้มีกลิ่นอายที่แปลกประหลาด เมื่อวิญญาณงูของข้าเข้าไปในเมืองมันเข้ามาในแขนเสื้อของข้าไม่กล้าขยับ” โหวเหลียงรู้สึกเหมือนได้ฟังเรื่องที่เข้าใจยากเขาเคยเรียนเคล็ดวิชา แต่ก็ไม่เคยพบเห็นสิ่งลึกลับมาก่อน
“ท่านลองคิดดูในเมืองนั้นมีเด็กหรือไม่” โหวเหลียงส่ายหน้า
เมื่อคืนที่ผ่านมามีชาวเมืองสองสามคนมาเยี่ยมที่ค่ายเป็นครั้งคราวซึ่งเกือบทั้งหมดมีอายุมากแล้ว เขาไม่สงสัยเลยเพราะชายชราบอกเขาว่าเนื่องจากโจรบนเขาเหยียนซานมีมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาจึงขาดการติดต่อกับโลกภายนอกไม่มีคนภายนอกเข้ามาจำนวนคนในเมืองนี้จึงน้อยลงเรื่อยๆ อาจไม่ถึงสิบปีเมืองแห่งนี้อาจร้างคนแล้วก็เป็นได้
“สูญเสียทักษะปกติของมนุษย์ไปจะให้กำเนิดเด็กได้อย่างไรเล่า” หมิงเวยส่ายหน้า “ช่วงนี้ระวังตัวหน่อยพวกเรามีคนธรรมดามากถึงเพียงนี้ทางที่ดีอย่าไปหาเรื่องพวกเขาเลยจะดีกว่า”
หากมีนางแค่ตัวคนเดียวไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในกองคาราวานมีคนที่เป็นหมัดง่ายๆ อยู่จำนวนมากไม่สร้างปัญหาจะเป็นการดีกว่า