คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 364 ไล่ล่า
เชิ่งชีลืมตาขึ้นท่ามกลางกองซากศพเขารู้สึกสับสนอยู่ครู่หนึ่ง
เขาเป็นผู้ใด เขาอยู่ที่ไหน เกิดอะไรขึ้น
ภาพเลือดที่เห็นเต็มตาค่อยๆ ดึงความทรงจำของเขากลับคืนมาทีละน้อย
วันนั้นที่หุบเขาแสงจันทร์ จู่ๆ เขาก็ถูกเขาวงกตรบกวนจนหากุญแจที่จะทำลายข่ายพลังนี้ไม่ได้ไปชั่วขณะหนึ่ง และเมื่อพบเบาะแสทั้งแปดเผ่าก็เริ่มต่อสู้กันเพราะตราประทับของพระเจ้า
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาทั้งแปดเผ่าในเป่ยหูต่างเอาชนะซึ่งกันและกันไม่เคยหยุด ตราบใดที่มีเหตุผลก็สามารถหันกระบี่ใส่กันได้
เชิ่งชีได้กลิ่นไม่ชอบมาพากลมั่นใจว่ามีคนเล่นตลกลับหลังเขา มีคนบุกรุกที่พำนักของเหล่าทวยเทพ!
คนผู้นั้นชิงวางเขาวงกตก่อน! แล้วยังใช้ตราประทับของพระเจ้ากระตุ้นให้ทั้งแปดเผ่าต่อสู้กัน!
เขาโกรธมากไม่ได้คิดว่าตนที่ซ่อนตัวในทุ่งหญ้ามานานกว่าสิบปีจะถูกผู้อื่นขโมยผลงานไปได้ ไม่สิ เขาอยากเห็นว่ามันศักดิ์สิทธิ์เพียงใดกัน!
หลังจากฝ่าเขาวงกตออกมาได้เชิ่งชีก็เข้าไปในที่พำนักของทวยเทพ และได้พบกับชายชราผู้เยือกเย็นคนหนึ่ง
ชายชราผู้นั้นมีร่างกายดูอ่อนแอ แผ่นหลังตั้งตรง ดวงตาดูลึก เมื่อได้พบหน้ากันเขาไม่พูดอะไรออกมาสักคำได้แต่เพียงประสานมือคำนับ
ในเรื่องของวรยุทธ์เชิ่งชีเก่งไม่ด้อยไปกว่าเขา แต่ภายในที่พำนักของทวยเทพที่เขาวางกลไกไว้ไม่น้อยหากอยู่ๆ เขาเปิดกลไกขึ้นมาคงยากที่จะต่อสู้
เชิ่งชีถูกโจมตีในที่พำนักของทวยเทพอีกครั้งจึงได้แต่ตะโกนออกไปว่า “ท่านเป็นยอดฝีมือจากที่ใด แจ้งชื่อมา”
ชายชราแค่นหัวเราะ “ผู้ใดกันที่กล้าบังอาจมารบกวนเวลาพักผ่อนขององค์หญิง ไสหัวไปซะ!”
องค์หญิง องค์หญิงที่ไหนกัน
ในตอนนั้นพระอาจารย์ช่างจื้อก็หาตัวเขาพบ “เอินกง! เจ้าเด็กซูถูนั่นได้ร่วมมือกับเผ่าเก๋อซาง และเผ่าอินทรีแล้วขอรับ!”
สีหน้าของเชิ่งชีเปลี่ยนไป “อะไรนะ”
พระอาจารย์ช่างจื้อที่อยู่ในสถานการณ์คับขันรีบบอกไปว่า “พวกเราถูกเล่นตลกแล้วกำหนดการที่เด็กคนนั้นบอกพวกเราเป็นของปลอม!”
หมิงเวย…
เชิ่งชีไม่รู้ว่าเขากำลังฝันอยู่หรือเปล่าเขากันหมิงเวยออกไป และไม่ได้วางเดิมพันไว้กับนางมากเพียงนั้น แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีองค์หญิงอะไรนั่นด้วย
พวกเขาเป็นพวกเดียวกันหรือ ก็ไม่ เด็กคนนั้นมาจากจงหยวนจริงๆ และแผนเรื่องที่พำนักของทวยเทพก็มีมาหลายปีแล้ว
“เอินกง! จะทำอย่างไรต่อไปดีขอรับท่านบอกมาได้เลย!”
มาถึงตอนนี้เชิ่งชีคิดอะไรออกมาได้บ้าง
ข้อห้ามของเขาเทียนเสินที่ว่าห้ามทำสงครามกันถูกทำลายแล้ว ทั้งแปดเผ่าได้ตกอยู่ในเขาวงกตที่องค์หญิงหย่งชิงวางเอาไว้ก่อนหน้านี้ นักรบทั้งแปดเผ่าที่เฝ้าอยู่ข้างนอกเห็นเช่นนี้ผู้ใดจะยอมถอยกัน ในการต่อสู้ระยะประชิดต่อให้เชิ่งชีมีความสามารถมากเพียงใดตอนนี้ก็ไม่ใช่โอกาสที่ดีเท่าไรนัก
เขากับพระอาจารย์ช่างจื้อทำได้เพียงปกป้องหัวหน้าเผ่าฉีหูให้ออกไปจากหุบเขาแสงจันทร์นี้ โดยตั้งใจจะเรียกนักรบที่อยู่ด้านนอกเข้ามาช่วย แต่น่าซูได้รออยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้ว
เด็กหนุ่มร่าเริงผู้นี้หากจับกระบี่เมื่อไรก็ไม่ต่างจากปีศาจที่ดุร้าย เขาฉวยโอกาสนี้นำนักรบเผ่าหมาป่าหิมะสังหารคน และม้าของเผ่าฉีหูซึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้เขาเทียนเสิน
เมื่อเผ่าฉีหูโต้กลับเขาก็หนีไปไกลเสียแล้ว และได้ซุ่มโจมตีบนถนนเพื่อกวาดล้างผู้คนที่ไล่ตามทั้งหมด
เชิ่งชีหมดแรงเขาเข้าใจเคล็ดวิชา วรยุทธ์นั้นก็อยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตามในสงครามสิ่งที่ต้องอาศัยนั้นไม่ใช่ความแข็งแกร่งของคนเพียงคนเดียว
เมื่อพูดถึงการต่อสู้เขาไม่ควรชื่นชมน่าซูเลยจนกระทั่งทุกสิ่งชัดเจนเขาเทียนเสินก็โอบล้อมไปด้วยเลือดแล้ว เผ่าฉีหูพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง
ในช่วงสิบวันนี้เชิ่งชีไม่รู้ว่าเขามาที่นี่ได้อย่างไร
กินของแห้งเมื่อหิว ดื่มน้ำเมื่อกระหาย ยกอาวุธขึ้นเมื่อตื่น หากง่วงก็หาสถานที่เพื่อแวะงีบ เมื่อเห็นว่าคนในเผ่าฉีหูมีน้อยลงเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็เลิกปกป้องหัวหน้าเผ่าฉีหู
หลังจากสงครามครั้งนี้เผ่าฉีหูจะสามารถดำรงอยู่ต่อได้หรือไม่ ปกป้องหัวหน้าเผ่าฉีหูไปจะมีประโยชน์อย่างไร เขาต้องการสนับสนุนหัวหน้าเผ่าฉีหูให้ขึ้นเป็นผู้นำของเผ่าทั้งแปดหากเป็นไปไม่ได้ก็ไม่มีความหมายแล้ว
จนกระทั่งวันที่สิบเชิ่งชีหมดแรงและล้มลงกับพื้น อาหารแห้งก็กินหมดไปนานแล้วไม่มีเวลาหาน้ำ แต่เลือดจากศพก็หยดลงบนริมฝีปากที่แห้งผากของเขา ปลุกจิตสำนึกของเขาให้ตื่นขึ้น เขาลืมตาขึ้น และมองดูคนที่วิ่งออกมาจากหุบเขาอย่างเลือนรางเสื้อผ้านั่น…
เป็นนาง!
ความโกรธทำให้เชิ่งชีตื่นขึ้นในทันที และเห็นหมิงเวยจับม้าที่สูญเสียเจ้าของและขี่มันหนีออกไป
เชิ่งชียิ้มเยาะหลอกเขาแล้วยังคิดจะหนีหรือ หากแค้นนี้ไม่ได้รับการชำระ เขายังจะมีหน้าอยู่ในตำหนักดวงดาวอีกหรือ ความเชื่อในการแก้แค้นทำให้เชิ่งชีมีกำลังใจขึ้นมา
เขาพบอาหารแห้งและน้ำจากศพจากนั้นก็หาที่พักเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ แต่เขายังไม่ทันเคลื่อนไหวก็มีคนกลุ่มหนึ่งไล่ตามรอยอยู่แล้ว
…………
ในตอนที่ซูถูถูกขันทีชราพาขึ้นมาเขายังมีสติสัมปชัญญะอยู่ แต่เขาไม่ได้เลือกแบบเดียวกับหมิงเวย แต่รอฟื้นตัวอย่างเงียบๆ ผ่านไปสักพักขันทีชราที่ไล่ตามไปอย่างไร้ประโยชน์ก็กลับมารายงาน
องค์หญิงหย่งชิงพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่น “นางไม่ควรเหยียบย่ำทุ่งหญ้าไปตลอดชีวิตไม่อย่างนั้นนางต้องตายโดยไม่มีที่ฝังศพ!”
ซูถูที่ได้ดื่มน้ำผึ้งแล้วก็เริ่มมีแรงขึ้นจึงพูดว่า “หากเป็นข้าละก็ครั้งนี้จะไม่ให้นางออกจากทุ่งหญ้าได้!” องค์หญิงหย่งชิงมองมาที่เขา
ซูถูนั่งมองนางด้วยสีหน้าว่างเปล่า “การคาดหวังในครั้งต่อไปจะทำให้เสียโอกาสครั้งแล้วครั้งเล่า!”
องค์หญิงหย่งชิงพูด “เขาเทียนเสินฉาบล้อมไปด้วยเลือดแล้วตอนนี้สิ่งที่เจ้าควรทำคือจัดการส่วนที่เหลือไม่ใช่ไล่ตามสตรีผู้นั้น”
ซูถูแค่นหัวเราะ “จัดการส่วนที่เหลืองั้นหรือ ผ่านไปหลายวันแล้วเรื่องที่ควรชนะก็ชนะไปแล้ว เรื่องที่ควรแพ้ก็แพ้ไปแล้วท่านย่าพูดเช่นนี้มันสายไปหรือไม่”
องค์หญิงหย่งชิงเงียบ
ซูถูพยายามลุกขึ้นยืน “มีท่านอยู่ที่นี่น่าซูต้องชนะแน่พวกเราต้องตามจับสตรีผู้นั้น นางเป็นที่มาของความวุ่นวายของเผ่าทั้งแปดต้องจับนางให้ได้ถึงจะสามารถปลอบใจผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่”
ดวงตาขององค์หญิงหย่งชิงเป็นประกาย “เจ้าคิดรอบคอบเสียจริง”
ซูถูพูดเสียงเย็นเยียบ “ข้าทำเช่นนี้ไม่ใช่เพื่อแก้ตัวให้ท่านย่าอย่าเสนอเงื่อนไขที่มากเกินไปเรื่องนี้ท่านทำเกินไปจริงๆ!” เขาพูดจบก็โบกมือลาแล้วออกจากถ้ำไป
องค์หญิงหย่งชิงมองดูฝีเท้าที่ไม่มั่นคงเล็กน้อยของเขาด้วยอารมณ์ที่ผสมปนเปกัน ผ่านไปสักพักนางถึงพูดขึ้นว่า “เขาเป็นสายเลือดของข้าจริงๆ”
ขันทีเฒ่าคำนับ “ขอรับ”
“แม่ของเขาเป็นคนจงหยวน”
ขันทีเฒ่ายิ้ม “ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์หรือลักษณะนิสัยองค์ชายซูถูดูเหมือนคนจงหยวนมากกว่า”
น้ำเสียงขององค์หญิงหย่งชิงดูมีความตื่นเต้น “บางทีสายเลือดตระกูลเฉินอาจมีวันกลับคืนมา”
ซูถูไม่รอช้าแม้แต่น้อยทันทีที่เขาออกจากหุบเขาแสงจันทร์ก็เห็นเงาของน่าซูเดินมาทางนี้
“พี่เจ็ด!” น่าซูลงจากหลังม้าถึงทั้งตัวเขาจะเต็มไปด้วยเลือด แต่ก็ยังยิ้มสดใส “ท่านไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว! พวกเราชนะแล้ว! เผ่าฉีหูพ่ายแพ้แล้วอีกหกเผ่ายอมจำนวนต่อพวกเราแล้วด้วย!”
ซูถูพยักหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ “ขออาหารกับน้ำให้ข้าหน่อย”
“อ้อ ได้!” น่าซูหันศีรษะแล้วตะโกนว่า “พวกเจ้ามัวยืนทำอะไรอยู่รีบตั้งกระโจมสิ!”
ซูถูใช้เวลาสองวันในการฟื้นตัวแล้วไปพบหัวหน้าเผ่าที่ยอมจำนน และหารือถึงผลที่ตามมากับน่าซู เรื่องทุกอย่างถูกกำหนดมาอย่างดี และเขาก็ออกเดินทางพร้อมกับทหารส่วนตัว
ก่อนจากไปเขาพูดกับน่าซูว่า “แปดเผ่าได้รวมเป็นหนึ่งเดียวจากนี้ไปทุ่งหญ้าทั้งหมดเป็นคนของพวกเรา ข้าจะจับสตรีผู้นั้นกลับมาเอง และอธิบายให้พวกเขาฟัง!”
……………