คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 368 กับดัก
ซูถูโกรธมากจนแทบรอไม่ไหวที่จะสับนางเป็นชิ้นๆ ทันที
เขาส่งสายตาทหารหลายสิบคนรีบตั้งทัพอย่างรวดเร็วคนที่บาดเจ็บให้อยู่ตรงกลาง ส่วนคนที่ไม่เป็นอะไรให้ถือกระบี่เรียงแถว
“ท่านคิดว่าจะหนีรอดได้จริงหรือจากที่นี่ไปเป่ยเทียนเหมิน ม้าเร็วใช้เวลาเจ็ดแปดวัน ท่านแน่ใจหรือว่าจะไม่ทำผิดพลาดแม้แต่ครั้งเดียว”
หมิงเวยหัวเราะเบาๆ “ไม่แน่ใจหรอกดังนั้นก่อนที่จะพลาด ฆ่าพวกท่านทั้งหมดก่อนไม่ดีกว่าหรือ”
ซูถูไม่มีท่าทีใดๆ แต่ทหารของเขากลับโกรธจัด
“ไม่เชื่องั้นหรือ งั้นหาข้าให้พบก่อนค่อยว่ากัน หึๆ…”
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของนางก้องกังวานไปทุกทิศทุกทางไม่รู้ว่าดังมาจากที่ใด
“องค์ชายขอรับ” ทหารหันกลับมารอรับคำสั่ง
ใบหน้าของซูถูไร้อารมณ์ยิ่งเวลานี้ยิ่งต้องสงบนิ่ง
เขาไม่เข้าใจเคล็ดวิชา แต่ก่อนหน้านี้เขาเคยศึกษาอย่างหนักเพื่อเรื่องของเขาเทียนเสินจึงรู้ว่ามันไม่ได้น่ากลัวเช่นนั้น
“แบ่งกลุ่มละสามคน แต่ละคนทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้กัน ไม่ว่าพวกเขาจะบุกหรือถอยจะต้องประสานกันเข้าใจหรือไม่”
“ขอรับ!”
เคล็ดวิชาส่วนใหญ่ใช้เพื่อจัดการกับปีศาจและวิญญาณรวมทั้งเพื่อต่อสู้กับมนุษย์ แต่ก็เป็นเพียงส่วนสนับสนุนเท่านั้น ตัวอย่างเช่นวิธีการที่หมิงเวยใช้มาหลายครั้งนั้นเพื่อทำให้สับสนเป็นหลัก และส่งผลต่อการตัดสินใจของพวกเขา เป็นสิ่งที่เด็ดขาดแล้วยังมีความแข็งแกร่งของพลัง
ถึงซูถูไม่เข้าใจเคล็ดวิชา แต่เขาเข้าใจความจริงข้อนี้หนึ่งกลุ่มสามคนสามารถลดความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะสับสน
“ดี มาเริ่มกันเลย กำจัดกับดักทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ซะ!”
“ขอรับ!” เหล่านักรบตอบเสียงดังพวกเขาแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ ทันที จากนั้นเริ่มทำลายกับดัก
กับดักก่อนหน้านี้ไม่มีความซับซ้อนอะไรเลย พวกเขาได้รับความเสียหายอย่างหนักเพราะถูกนางโจมตีจิตใจอย่างกะทันหัน พวกเขาทั้งสิบกว่าคนร่วมแรงร่วมใจกันจนสามารถจัดการกับดักที่ฝังอยู่ในพื้นดินอย่างรวดเร็ว ซูถูกวาดตามองออกไป
ภูเขาเทียบไม่ได้กับทุ่งหญ้าที่มีพุ่มไม้ล้อมรอบ และมีที่หลบซ่อนมากมาย
เสียงของหมิงเวยอยู่ใกล้แค่เอื้อมน่าจะซ่อนตัวอยู่ในระยะสิบจั้ง
เขาค้นหาทีละแห่ง ทหารเหล่านี้อยู่กับเขามาหลายปีแล้ว สามารถสื่อสารกับพวกเขาด้วยสายตาโดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไร สถานที่แห่งนี้มีที่หลบซ่อนอยู่ทั้งหมดห้าแห่ง เหล่าทหารเคลื่อนไหวพร้อมๆ กันเข้าโอบล้อมหนึ่งในนั้น
กระบี่ฟันลงพร้อมกัน และไม่มีอะไรนอกจากใบไม้
“วู…” เสียงขลุ่ยดังขึ้นแผ่วเบาราวกับเยาะเย้ย
เสียงขลุ่ยหยุดลง และเสียงของหมิงเวยก็ดังขึ้นในหูของพวกเขา “ดูเหมือนว่าองค์ชายเจ็ดจะพบวิธีรับมือกับมันได้แล้ว ช่างมันเถอะ พวกเรามาพนันกันดีกว่าว่าพวกท่านจะไม่ทรุดลงไปกับเสียงขลุ่ยของข้าหรือข้าจะถูกพวกท่านพบจนเลือดสาดกระเซ็น….”
ซูถูไม่อยากเดิมพันกับนางเลย แต่ในสถานการณ์ในตอนนี้ได้กลายเป็นทางเลือกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาส่งสายตาให้พวกทหารย้ายไปยังสถานที่ที่สอง
เมื่อใช้กระบี่ฟันออกไป ทันใดนั้นก็มีเงาพุ่งออกมาซูถูจัดการกับมัน แต่เขาอดไม่ได้ที่จะรีบวิ่งเข้าไป
ใบมีดวาดผ่าน สัมผัสอันเบาหวิวทำเอาใจซูถูหล่นไปอยู่ตาตุ่ม แน่นอนว่าเงานั้นเป็นแค่กระดาษยันต์ซึ่งถูกเขาผ่าครึ่งแล้วตกลงสู่พื้นอย่างช้าๆ
บนกระดาษยันต์มีการวาดรูปอวัยวะรับสัมผัสทั้งห้าง่ายๆ ราวกับต้องการแสดงความเยาะเย้ย
“วู…” ท่วงทำนองที่ดูแปร่งไปเสียงขลุ่ยราวกับกำลังสะอื้นซูถูรู้สึกว่าหัวของเขากำลังระเบิดความเจ็บปวดรุนแรงมากขึ้น ทหารของเขามีอาการรุนแรงกว่าทุกคนมีท่าทีเหมือนทนต่อความเจ็บปวดไม่ไหวแล้ว
ซูถูสูดหายใจเข้าลึกๆ “ไปต่อ!” เมื่อไปถึงอีกที่หนึ่งก็ไม่พบอะไร
“ต่อไป!” ซูถูตะโกน
ที่นี่เป็นที่ที่สามยังเหลืออีกสองที่ ซูถูไม่ต้องการเดิมพันหากค้นหาถึงที่สุดท้ายแล้วเขาจะให้สตรีผู้นั้นจ่ายค่าตอบแทนให้สาสม!
กระบี่ถูกวาดลงมาอีกครั้ง และคราวนี้มีเงาอีกอันปรากฏขึ้น
ซูถูไม่ได้เคลื่อนไหวผู้ใดจะรู้ว่ายันต์ใบนั้นจู่ๆ ก็ระเบิดขึ้น ควันพวยพุ่งใส่ใบหน้าของพวกเขา และมีใครบางคนกรีดร้องและล้มลงทันที
มีพิษ!
กับดักก่อนหน้านี้เป็นการใช้อาวุธบวกกับถูกพิษกัดกร่อนทำให้มีคนบาดเจ็บไปเกินครึ่งแล้ว ซูถูโกรธมากมือจับกระบี่แน่นจนเส้นเลือดปูด
“ต่อไป!” เขาคำราม ยังเหลืออีกสองที่ สองที่สุดท้าย! เขาไม่เชื่อว่าจะฆ่าสตรีผู้นั้นไม่ได้
บนเนินเขาห่างออกไปสามสิบจั้งร่างหนึ่งหมอบอยู่บนพื้นหญ้าในมือถือหน้าไม้ที่ทำด้วยไม้ไผ่หยาบๆ นางเล็งไปหัวเราะเบาๆ ไป
“เสี่ยวไป๋ ทำได้ดีมาก!”
ในที่ซ่อนตัวที่สี่ที่ดูเป็นไปได้สิ่งที่ซ่อนอยู่นั้นเป็นอาวุธลับซึ่งถูกพวกเขาทำลายทีละอันอย่างแม่นยำ
ซูถูสูดหายใจเข้าลึกๆ มือกดขมับที่เต้นตุบๆ จากนั้นตะโกนสั่ง “ต่อไป!”
นี่เป็นสถานที่สุดท้ายแล้ว ซูถูจ้องมองสถานที่นั้นเขม็งมือกระชับกระบี่แน่นเตรียมพร้อมที่จะฟาดฟันทุกเมื่อ เหล่าทหารค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไป เมื่อหัวหน้าตะโกนขึ้นกระบี่ห้าหกเล่มก็ฟันลงมาพร้อมๆ กัน
ทันใดนั้นก็มีเงาพุ่งออกมาจากพุ่มไม้พร้อมกับแขนเสื้อที่สะบัดขึ้น
ซูถูดีใจครั้งนี้ไม่ผิดแล้วใช่หรือไม่ เขากระโดดขึ้นยกกระบี่ขึ้นฟันลงไป
ในตอนนั้นเองหน้าไม้บนเนินเขาถูกปลดออก และลูกศรหน้าไม้ธรรมดาที่ทำจากไม้ไผ่ก็ถูกยิงออกไป
เมื่อสัมผัสกับเงานั้น ซูถูตกใจ ความรู้สึกถึงวิกฤตที่เกิดขึ้นในสนามรบทำให้เขาหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว แต่ลูกศรหน้าไม้พุ่งเร็วเกินไปเกิดเสียง ‘สวบ’ ทะลุผ่านไหล่ของเขา
หาเจอแล้ว อยู่ตรงนั้น!
ความคิดนี้แวบผ่านเข้ามาในหัวเขาเป็นอย่างแรก จิตสังหารของสตรีผู้นั้นมีมากเกินไป แม้ตนเองจะได้รับบาดเจ็บ ขอเพียงแค่หานางพบเขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่า!
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะออกคำสั่งเงานั้นบนเนินเขาได้กระโดดขึ้นแล้วพุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
เสื้อผ้าของสตรีจงหยวนผู้นั้นอ่อนนุ่มเบาบางอยู่เสมอในขณะที่วิ่งแขนเสื้อพลิ้วไหวราวกับเมฆเคลื่อนไหวเหมือนเทพธิดากำลังโบยบิน
ซูถูไม่เคยคิดว่าความสง่างามนี้บางครั้งเทียบเท่ากับจิตสังหาร
ชั่วพริบตาหมิงเวยก็มาปรากฏตัวอยู่ด้านหน้ากริชพุ่งออกจากแขนเสื้อของนางและแทงมาที่ตน
“องค์ชาย!” ทหารรีบวิ่งเข้าไปปกป้องเขา
“วู…” เสียงขลุ่ยดังขึ้นอีกครั้งเกิดควันพุ่งออกมาก่อตัวเป็นหมอกพิษสกัดกั้นพวกเขาไว้ชั่วคราว ซูถูไม่คิดว่าตนกล้าหาญสู้ชาวหูคนอื่นๆ ไม่ได้ เขาแค่เกิดมาเหมือนคนจงหยวนซึ่งไม่ได้หมายความว่าเขาอ่อนแอ
แม้จะมีลูกศรหน้าไม้ปักอยู่ที่ไหล่เขาก็ยังยกกระบี่เล่มโตของเขาแล้วฟันออกไปด้วยแรงที่สามารถทำลายภูเขาและหินได้
สีหน้าของหมิงเวยไร้รอยยิ้มอีกต่อไปนี่เป็นโอกาสและอาจเป็นโอกาสเดียวที่จะกำจัดซูถูได้!
แม้ว่าร่างกายนี้จะอ่อนแอ แม้ว่านางจะรู้ว่าตนอาจไม่สามารถออกจากร่างกายนี้ได้ถึงอย่างนั้นนางก็ยังคงใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อพยายามฆ่าเขาที่นี่!
เสียไหล่ไปข้างหนึ่งส่งผลต่อพละกำลังการต่อสู้ของซูถู ร่างของหมิงเวยลอดผ่านใต้รักแร้ของเขา ในมือของนางเกิดแสงสว่างวาบจากนั้นแทงเข้าที่กลางหลังเขาโดยตรง
ซูถูเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังช้าไป กริชได้แทงเข้าที่ด้านหลังเขา
เขาต้านทานความเจ็บปวดแล้วใช้ด้ามกระบี่กระแทกเข้าไปที่หลังของหมิงเวยอย่างแรง เพื่อให้กริชนั้นแทงลึกเข้าไปอีกหมิงเวยจึงเลือกที่จะไม่หลบ ‘อึก’ นางเจ็บปวดที่ปอดมากจนอาเจียนออกมาเป็นเลือด
“องค์ชาย!” ทหารหูเหรินฝ่าด่านของงูขาวเข้ามาได้
ไม่มีโอกาสแล้ว หมิงเวยที่ไม่ชอบสงครามจึงรีบถอยออกมา
“เสี่ยวไป๋ ไป!”
นางเป่านกหวีดแล้วม้าสิงโตหยกก็วิ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว หมิงเวยขึ้นหลังม้าโดยไม่แม้แต่จะหันไปมองซูถูที่อยู่ข้างหลังจากนั้นก็วิ่งหนีออกไปอย่างบ้าคลั่ง
…………