คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 391 ใจกว้าง
“ครั้งหน้าค่อยดูดีหรือไม่”
“เดี๋ยวก่อน..”
“ยังดูไม่จบหรือ”
“เหลืออีกนิด”
“ดูจบแล้วหรือยัง”
“ด้านหน้าข้ายังดูไม่เข้าใจ”
“….”
หมิงเวยพลิกดูหนังสือภาพทั้งเล่มด้วยความรู้สึกอารมณ์ค้างแล้วก็เห็นว่าหยางชูที่กำลังรออย่างเบื่อหน่ายผล็อยหลับไปแล้ว นางหัวเราะและมองดูคิ้วขมวดของเขาในขณะที่กำลังหลับอยู่อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปจิ้มมัน
เป็นคนที่โตแต่ตัวจริงๆ จากนั้นนางก็เอนตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขาเบาๆ แล้วหลับตาลง จริงๆ แล้วหลายวันมานี้หยางชูนอนไม่ค่อยหลับ การเดินทางจากทุ่งหญ้ามาที่เป่ยเทียนเหมินเขาเตรียมพร้อมป้องกันอุบัติเหตุตลอดเวลาถึงซูถูจะไปแล้ว แต่เขาก็วกกลับมาได้เสมอ
ในจวนของผู้บัญชาการทหารสูงสุดอย่างเหลียงจางเขาก็ไม่วางใจ แม้ว่าเขาจะมั่นใจว่าตาแก่นั่นไม่สามารถทำอะไรเขาได้ แต่ก็ถือว่าอยู่ในค่ายศัตรูหากมีผู้ใดทำอะไรโง่ๆ ขึ้นมาคนของตนเองก็อาจหยุดไม่ได้
จนกระทั่งคืนนี้เมื่อเขากลับมาที่สนามเลี้ยงม้าในที่สุดเขาก็วางใจได้เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่ความวิตกกังวลในการช่วยชีวิตคน การรีบเร่งเดินทางอย่างยากลำบากจนถึงตอนนี้ถือว่าวางใจได้แล้วจริงๆ
แม้ว่าคืนนี้เขาจะกลัดกลุ้มใจมากซึ่งไม่ง่ายเลยที่จะตัดสินใจหยุดพักระหว่างทาง แต่คืนนี้เป็นคืนที่เขาหลับสบายที่สุด จนกระทั่งตอนเช้าเขาหลับเพียงพอแล้ว เมื่อความรู้สึกเหนื่อยล้าหายไปเหลือเพียงความกระสับกระส่าย
เมื่อเขาตื่นมาก็เห็นหมิงเวยอยู่ในอ้อมแขนของตนในยามที่นางหลับนั้นดูสงบมาก ดูนุ่มนวลพริ้มเพรา ริมฝีปากเผยอเล็กน้อยดูน่าลิ้มลอง คนในอ้อมแขนของเขาขยับตัว หยางชูสูดลมหายใจ
ในเวลาเช้าตรู่นี้อารมณ์ของเขาค่อนข้างรุนแรงนางยังเอาตัวมาถูไถกับตำแหน่งนั้นผู้ใดมันจะไปทนไหวกัน
เดี๋ยวนะแล้วทำไมเขาต้องทนด้วยเมื่อคืนนางก็พูดออกมาชัดเจนแล้วว่านางต้องการอ่านหนังสือนั่นจึงหยุดไปชั่วคราว
ใช่ ไม่จำเป็นต้องทน!
หยางชูพลิกกาย และกดหมิงเวยลงใต้ร่าง น่าแปลกที่นางยังหลับอยู่ทั้งๆ ที่เขากำลังสัมผัสนาง ท้องฟ้ายังไม่สว่างภายในห้องจึงตกอยู่ในความมืดนางคร่ำครวญด้วยความรู้สึกสับสนเล็กน้อยแล้วยกมือผลัก
ในขณะที่กำลังจะเปิดปากก็ถูกเขาปิดเอาไว้
“ไม่อนุญาตให้พูดหากปล่อยให้ท่านทำลายบรรยากาศอีกข้าคงเป็นหมูแล้ว!”
หมิงเวยที่ตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ หัวเราะเสียงเบานางไม่ได้พูดอะไรออกมา
ดังนั้นเขาจึงทำต่อไปเมื่อมาถึงจุดนั้นจริงๆ ทั้งคู่รู้สึกประหม่ากันเล็กน้อย
หมิงเวยบีบไหล่เขาเพื่ออดทนต่อความเจ็บปวด “เบา เบาหน่อย…”
สิ่งที่ตอบสนองกลับมาคือลมหายใจที่หนักกว่าและความลึกที่มากขึ้น
“นี่!” แรงนั่นทำให้นางผวาเล็กน้อย “ช้าหน่อย…” เสียงหลังจากนั้นถูกปิดกั้น เวลาผ่านไปนานถึงได้ยินคำตอบที่ไม่มั่นคงของหยางชู “ดูหนังสือไปใย แบบนี้ดีหรือไม่ต้องลองก่อนแล้วจะรู้เอง”
………..
วันนี้อาหว่านตื่นเช้ามาก นางพูดไปยิ้มไปกับเสี่ยวถงพลางทำอาหารเช้า เสร็จแล้วจึงไปเรียกหยางชูมาทานอาหารด้วยตนเอง
เมื่อเดินไปที่หน้าต่างนางก็ได้ยินเสียงแปลกๆ นางชะงักแล้วเงี่ยหูฟังเสียงที่ละเอียดอ่อนเหล่านั้นก็แทรกเข้าไปในหูของนางอย่างชัดเจน นางยกมือปิดหน้าแล้วรีบกลับไปที่ห้องโถง
เสี่ยวถงเพิ่งจัดอาหารเช้าเสร็จเห็นนางกลับมาจึงถามว่า “คุณชายตื่นหรือยัง” อาหว่านไม่ตอบ เสี่ยวถงหันหน้าไปมองแล้วเห็นว่าใบหน้าของอีกฝ่ายแดงมาก
“พี่อาหว่านเป็นอะไรหรือ”
“ไม่เป็นไร” อาหว่านเช็ดหน้าของตนพยายามบังคับตนเองให้สงบลง “ตัวฝูล่ะ ไปเรียกนางมาหน่อยพวกเราทานข้าวกันก่อนเถอะ”
เสี่ยวถงไม่เข้าใจ “ไม่เรียกคุณชายหรือ”
อาหว่านพูดอย่างคลุมเครือว่า “คุณชายเพิ่งกลับมาจากการเดินทางไกลคงเหนื่อยมากให้เขาพักสักหน่อยเถอะ”
“อ้อ ได้…” ตัวฝูออกมาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกินอาหารเช้าอย่างเงียบๆ โดยไม่ต้องถามอะไร
อาหว่านเหลือบมองนางเป็นครั้งคราวอาหารมื้อนี้นางไม่รับรู้รสอะไรเลย หลังทานอาหารเสร็จเสี่ยวถงไปศึกษาเมนูอาหารใหม่จึงเหลือเพียงสตรีสองนางในห้องโถง ตัวฝูขยับแขนที่เพิ่งสามารถขยับได้ของตนเอง
อาหว่านชำเลืองมองนางจากนั้นนั่งสักครู่แล้วมองดูนางอีกครั้ง
ตัวฝูทนไม่ไหว “ท่านอยากจะพูดอะไรกันแน่มีอะไรก็พูดออกมาเถอะ!”
“….” อาหว่านลังเลอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “เจ้าไม่เรียกคุณหนูของเจ้าออกมาทานข้าวไม่ประหลาดใจหรือ”
“ประหลาดใจทำไมกัน” ตัวฝูแปลกใจ “คุณหนูไม่อยู่ที่ห้องจะเรียกได้อย่างไร”
เสียงของอาหว่านดังขึ้น “เจ้ารู้หรือว่าเมื่อคืนนางไม่อยู่”
ตัวฝูเหลือบมองออกไปข้างนอก “ท่านตะโกนเสียงดังเช่นนี้อยากให้ผู้อื่นได้ยินหรืออย่างไร”
อาหว่านลดเสียงลงอย่างรู้สึกผิด “เจ้ารู้แล้วเหตุใดจึงไม่ห้ามเล่า”
“ทำไมข้าต้องห้ามด้วย” ตัวฝูพูด “ข้าเป็นแค่สาวใช้มีสิทธิ์อะไรไปห้ามกันเล่า”
ก็จริง…อาหว่านรู้สึกลำบากใจ
หลังเงียบไปพักหนึ่งนางก็ถามอีกครั้งว่า “เช่นนั้นพวกเราต้องจัดงานมงคลหรือไม่ ตามหลักแล้วการแต่งงานเป็นคำสั่งของบิดามารดา คำพูดของแม่สื่อ แม้คุณชายกับคุณหนูของเจ้าจะไร้บิดามารดา แต่ก็มีผู้อาวุโสดูเหมือนว่าต้องกลับไปจัดงานที่เมืองหลวง”
ตัวฝูมองนางอย่างแปลกใจ “จัดงานอะไรหากต้องจัดงานคุณหนูของข้าต้องแต่งกับคุณชายห้าสิ”
“….” อาหว่านยืนขึ้นทันที และชี้มาที่นางอย่างไม่อยากเชื่อ “เจ้าพูดอะไรน่ะ นางยังไม่ถอนหมั้นงั้นหรือ”
“พวกเรายังไม่กลับไปจะถอนหมั้นได้อย่างไร” ตัวฝูบิดไหล่อย่างใจเย็น
อาหว่านเดือดเป็นฟืนเป็นไป “หมายความว่าอย่างไร นางทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ทำเช่นนี้แต่ไม่แต่งงาน นางเห็นคุณชายเป็นอะไรเกินไปแล้ว!”
ตัวฝูบิดแขนและเตรียมตัวกลับ “คุณหนูมีความสุขคุณชายของท่านก็มีความสุข ไม่แต่งงานก็ไม่แต่งงานสิจะคิดมากไปทำไมกัน” อย่างไรเสียคุณหนูมีความสุขก็ดีแล้วผู้อื่นจะพูดอย่างไรนางไม่สนใจ!
อาหว่านมองตัวฝูที่เดินกลับไปฝึกวรยุทธ์ต่อด้วยความตกตะลึงจู่ๆ ความโกรธก็พุ่งขึ้นจนต้องเตะเก้าอี้
“พวกท่านอิสระไร้กฎเกณฑ์ ข้ามันโง่ ได้! ข้าไม่สนใจพวกท่านแล้ว! รอให้เด็กออกมาก่อนจะรอดูว่าพวกท่านจะทำอย่างไร!”
………..
หยางชูไม่ได้ออกจากห้องจนถึงเที่ยง เขาอารมณ์ดีใบหน้าอิ่มเอิบไปด้วยความสุข มุมปากก็ยิ้มโดยไม่รู้ตัว
เมื่อหันหน้าไปก็ต้องตกใจที่เห็นอาหว่านนั่งอยู่หน้าประตูห้องโถงจ้องมองตนด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“เป็นอะไร ผู้ใดทำให้เจ้าขุ่นเคืองกันบอกมาข้าจะไปสั่งสอนมันเดี๋ยวนี้!”
อาหว่านแค่นหัวเราะ นางไม่พูดกับเขาแต่กลับลุกขึ้นและเดินไปที่ห้องครัว
หยางชูประหลาดใจคิดว่านางอาจจะอารมณ์ไม่ดีอยู่สองสามวันของทุกเดือนใช่หรือไม่ อา..นางโตแล้วจนไม่อาจคาดเดาความคิดนางได้
ไม่นานมุมปากของเขาก็ยกขึ้นอีกครั้งหัวใจของเขาก็เบ่งบานด้วยความปิติยินดี ตัวฝูที่ฝึกซ้อมเสร็จกลับมาแล้วถามเขาว่า “คุณชายหยาง คุณหนูยังไม่ตื่นหรือเจ้าคะ”
“โธ่!” หยางชูกลั้นยิ้มแล้วตอบว่า “นางไม่ได้พักผ่อนเต็มอิ่มมาหลายวันทั้งวิ่งหนีทั้งวางกับดักคงจะเหนื่อยมากปล่อยให้นางพักสักหน่อยเถอะ”
“อ้อ…”
ตัวฝูคิดในใจนางไม่ได้ถามว่าเหตุใดคุณหนูต้องพักผ่อนด้วยคุณชายหยางจะอธิบายมากมายไปทำไมกัน
“คุณชาย ท่านตื่นแล้ว!” เสี่ยวถงเห็นเขาก็เดินเข้ามาหาอย่างดีใจ “พี่อาสวนบอกว่าท่านอยากกินอุ้งเท้าหมีแต่ไม่ได้กิน พวกเขาเลยออกไปล่าหมีกันแต่เช้า เย็นนี้พวกเรามีเนื้อกวางด้วยนะเจ้าคะ!”
“โอ้ อาสวนขยันมากข้าจะเพิ่มค่าจ้างให้เขา!”
“บ่าวเองก็ขยันมากคุณชายไม่เพิ่มค่าจ้างให้บ่าวด้วยหรือ”
“ขึ้นๆ! พบเจอผู้ใดข้าเพิ่มให้ทุกคน!” พอคุณชายอารมณ์ดีใจกว้างถึงเพียงนี้เลย!