คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 396 ไม่ชัดเจน
หยางชูพาคนเดินกร่างออกไป จงรุ่ยนั่งอยู่คนเดียวสักพัก และมีคนเดินออกมาจากความมืด
“นี่คือการเข้าใจกันโดยไม่จำเป็นต้องพูดออกมาของท่านงั้นหรือ” จงรุ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันเล็กน้อย จอมยุทธ์ในชุดสีดำนั่งลง และคิดตามด้วยความไม่แน่ใจ
“บางทีเขาอาจจะระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ” บุรุษลึกลับตอบ
จงรุ่ยส่ายหัวแล้วจิบสุราเขาไม่อยากเล่นละครอีกต่อไป แต่ไม่เล่นก็ไม่ได้เพื่อละครครั้งนี้จำเป็นต้องกันท่านพ่อออกไปก่อน เพราะเขาเป็นตัวแทนของทั้งตระกูลหากเขาออกหน้าจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก
แต่หากตนทำเรื่องนี้ด้วยตนเองหากมีอะไรผิดพลาดก็ยังสามารถผลักไปให้ผู้อื่นได้ และยังมีทางออกให้เลือกอยู่ แต่เรื่องคงไม่ราบรื่นเช่นนั้นจงรุ่ยกังวลเล็กน้อย
คุณชายหยางผู้นี้ดูเป็นคนที่มีทิฐิสูงเป็นไปได้หรือไม่ที่พวกเขาเดาผิด
“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเพียงนั้นพวกเขาอยู่ไป๋เหมินเซี่ยแล้วค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปก็พอ” บุรุษลึกลับพูด
จงรุ่ยถอนหายใจเขาไม่อยากเสียเวลาเลย แต่สถานการณ์ของตระกูลในตอนนี้อ่อนไหวมาก หากเรื่องนี้รั่วไหลออกไปหากเบื้องบนรู้จะเกิดปัญหาอะไรขึ้นบ้าง
หากไม่มีของสำคัญอยู่ในมือผู้อื่นพวกเขาก็ไม่อยากมีส่วนร่วมนักหรอก แต่เรื่องก็มาถึงจุดนี้แล้วเขาทำได้เพียงกัดฟันทำต่อไป ขอเพียงได้สิ่งนั้นกลับมาหลังจากนี้จะได้เป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์เป็นแม่ทัพที่ดีต่อไปได้อย่างสบายใจ
บุรุษลึกลับกลับไปยังที่พักชั่วคราวของตนเองมีเงาหนึ่งปรากฏขึ้นรางๆ
“คืนนี้ไม่มีอะไร” เขาตอบ เงานั้นไม่ขยับ
บุรุษลึกลับพูดต่อว่า “ท่านไม่ควรคาดหวังว่าจะได้ผลลัพธ์ทันทีหากความจริงเป็นอย่างที่พวกเราคาดเดาไว้จะต้องไม่ให้ผู้อื่นมองออก”
หลังจากนั้นไม่นานเสียงแหบของเงานั้นก็ดังขึ้น “จับตาดูสตรีที่อยู่ข้างกายเขาไว้”
บุรุษลึกลับตกใจมาก “ท่านหมายถึงสตรีที่มากับเขางั้นหรือ เหตุใดต้องจับตามอง นางไม่ใช่เป็นเพียงอนุภรรยาหรอกหรือ”
“อนุภรรยา” เงานั้นแค่นหัวเราะ “เคล็ดวิชาแม้แต่ท่านก็ยังดูไม่ออกท่านคิดว่านางเป็นอนุภรรยาธรรมดางั้นหรือ”
“อะไรนะ!” บุรุษลึกลับตกใจ
ตอนที่หยางชูมาถึงเขาเห็นว่ามีสตรีอยู่ภายในรถ แต่เขาไม่ได้สนใจอะไรนาง
เงานั้นพูดต่อว่า “รู้หรือไม่ว่านางเคยไปทำอะไรมาครึ่งปีก่อนนางพากองคาราวานไปยังหูตี้ ยั่วยุให้ทั้งแปดเผ่าเข่นฆ่ากันเองจนทำให้เขาเทียนเสินกลายเป็นทะเลเลือด หลังจากนั้นก็ถูกซูถูผู้นำเผ่าหูคนใหม่ไล่ตามฆ่า แต่ในที่สุดก็กลับมาได้อย่างปลอดภัยท่านคิดว่านางเป็นเพียงอนุภรรยาธรรมดาๆ งั้นหรือ”
บุรุษลึกลับพึมพำ “ก่อนหน้านี้เขาเดินทางไปเป่ยเทียนเหมินอย่างเอิกเกริก ทำให้เหลียงจางขุ่นเคืองเพราะไปรับนางหรอกหรือ”
“ใช่”
บุรุษลึกลับจมอยู่กับความคิด “เช่นนั้นการคาดเดาของพวกเราก็เป็นไปได้สูง! ยอดฝีมือเช่นนี้เต็มใจรับใช้เขาสถานะของเขาต้องไม่ธรรมดาแน่”
“แล้วยังมีตระกูลจงอีก ฝั่งหูเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไร แต่กลับไม่บอกเตือนพวกเราเห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ไว้วางใจเรา”
บุรุษลึกลับกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “เรื่องนี้ยังต้องพูดอีกหรือ เมื่อเรื่องนี้จบลง ตระกูลจงอย่างไรเสียก็อยู่ไม่ได้ จดหมายลับของข้าถูกส่งไปหาเหลียงจางแล้ว ข้าเชื่อว่าเขาต้องมีความสุขที่จะได้มาแทนที่ตระกูลจงเป็นแน่”
“แผนทุกอย่างวางแผนมาอย่างดีอย่าให้พลาดล่ะ”
……….
อีกด้านหนึ่งหยางชูพาหนิงซิวกลับไปยังเรือนรับรอง เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามา หมิงเวยพยักหน้าหมายความว่านางได้ตรวจสอบที่นี่แล้วสามารถพูดคุยได้อย่างวางใจ
หยางชูถาม “ศิษย์พี่ ตระกูลจงไม่ได้พาท่านไปทำอะไรใช่หรือไม่”
“ไม่มี” หนิงซิวชะงักแล้วพูดว่า “เดิมทีข้าไม่อยากให้เจ้ามา แต่ข้าหนีไปได้ แต่คนอื่นหนีไม่ไหวครั้งนี้อย่างไรก็หนีไม่พ้นเลยปล่อยให้เจ้ามาดีกว่า”
หยางชูจับประเด็นได้ “ท่านคิดว่าเรื่องนี้มีปัญหาหรือ”
หนิงซิวพยักหน้าช้าๆ “มีคนจงใจล่อเจ้าให้มาหา”
“ฟังที่ท่านพูดแล้วท่านไม่ได้หมายถึงตระกูลจง”
“เป็นตระกูลจง แต่ยังมีผู้อื่นอีก” หนิงซิวพูด “หลายวันมานี้ที่ข้าอยู่ในตระกูลจงสัมผัสได้ว่าในเรือนนี้มีเสวียนชื่อฝีมือไม่ธรรมดาทีเดียว”
“เจตนาดีหรือประสงค์ร้ายกัน”
“เขาไม่เคยปรากฏตัว” หยางชูเคาะโต๊ะครุ่นคิดอย่างรอบคอบ
“ข้าพูดเช่นนั้นไป แต่จงรุ่ยกลับไม่โกรธ เห็นได้ชัดว่าที่พวกเราคาดเดามานั้นถูกต้อง เขาต้องการล่อข้ามาโดยมีการวางแผนเอาไว้แล้ว แต่จะเป็นแผนอะไรเล่า”
นอกจากความลับเรื่องชาติกำเนิดแล้วเขาไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องให้ตระกูลจงรู้เลย แต่เสวียนชื่อลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่ในตระกูลจงนั้นหมายความว่าอย่างไรกัน
ในตอนนั้นเองเสียงของอาสวนดังมาจากด้านนอก “คุณชาย บ่าวรับใช้ตระกูลจงส่งอาหารเย็นมาให้ขอรับ บอกว่าคุณชายใหญ่เห็นว่าเมื่อครู่ท่านไม่ได้ทานอะไรมากกังวลว่าท่านจะทานไม่อิ่ม”
หมิงเวยยิ้มบางๆ “ช่างเป็นการต้อนรับที่อบอุ่นเสียจริง! ในเมื่อตระกูลจงล่อท่านมาเช่นนั้นพวกเราก็รอดูบทละครว่าจะเป็นเรื่องเด็กกำพร้าตระกูลเจ้า[1]หรือภาพวาดบนหนังคน”
……….
เช้าวันรุ่งขึ้นจงรุ่ยมาพบหยางชูด้วยตนเอง ผู้ใดจะรู้ว่าเขานั่งดื่มชานอกเรือนจนหมดกาแล้ว สายตาทอดมองดูพระอาทิตย์ขึ้น และมีเพียงการเคลื่อนไหวเล็กน้อยจากด้านใน คุณชายหยางแต่งตัวเรียบร้อยเขาเดินหาวออกมาใบหน้างดงามดั่งดอกท้อ ท้องฟ้าแจ่มใส
“อรุณสวัสดิ์!” เขาทักทายอย่างสบายๆ และนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน
ในขณะที่จงรุ่ยกำลังจะพูดก็มีสาวใช้นางหนึ่งเดินออกไปอย่างรวดเร็วนางโค้งคำนับแล้วยื่นหยกแขวนมาให้
“คุณชาย แม่นางหมิงให้บ่าวนำสิ่งนี้มาให้เจ้าค่ะ”
“อ้อ” หยางชูรับมันมาแต่โดยดี เขาผูกหยกแขวนไว้ที่เอวแล้วถามจงรุ่ยว่า
“คุณชายใหญ่มาแต่เช้าเช่นนี้มีเรื่องอะไรหรือ”
จงรุ่ยมองมือของเขา ข้อนิ้วเรียวยาว ผิวขาวใส ที่ปลายนิ้วมีสีแดงเล็กน้อยซึ่งเห็นได้ชัดเป็นพิเศษ นอกจากนี้สาวใช้พูดถึงแม่นางหมิงออกมาชัดเจนว่าก่อนหน้านี้เขากำลังทำอะไรอยู่
จงรุ่ยขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว เขาเองก็เป็นบุตรชายตระกูลขุนนาง ในฐานะบุตรชายคนโตจึงแต่งภรรยามานานแล้ว และเนื่องจากครอบครัวของเขาไม่สามารถออกจากเมืองหลวงได้เขาจึงมีอนุภรรยาอยู่ข้างกายสองนางซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องน่าเกลียดอะไร
แต่ในอาณาเขตของผู้อื่นในขณะที่อีกฝ่ายมีเจตนาที่ไม่ชัดเจนยังคงดื่มด่ำกับความงามของสตรีดูเหมือนจะไม่เหมาะเท่าไรนัก
“คุณชายหยางมาที่ไป๋เหมินเซี่ยอย่างยากลำบากข้าจึงอยากสร้างมิตรภาพด้วยการพาท่านเดินชมรอบๆ ที่แห่งนี้”
“ดูการฝึกทหารของพวกท่านงั้นหรือ”
หยางชูพูดอย่างสบายๆ ไม่คิดว่าจงรุ่ยจะคิดจริงจัง “พวกเรากำลังจะไปที่ค่ายทหาร ช่วงเวลาฝึกได้ผ่านไปแล้วเช่นนั้นเป็นพรุ่งนี้ดีหรือไม่”
“ข้าแค่พูดไปอย่างนั้นแหละ” หยางชูพูดอย่างเกียจคร้าน “เดินทางไกลมาทั้งทีจะให้มาดูกลุ่มชายฉกรรจ์ ข้าไม่ได้ผิดปกตินะ!”
“…” จงรุ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ “เช่นนั้นสตรีดีหรือไม่”
หยางชูมีสีหน้าหลงใหล แต่เขาก็เปลี่ยนสีหน้ากลับมาปกติอย่างรวดเร็ว “ก็ไม่มีอะไรน่าดูอยู่ดี”
อ้อ จงรุ่ยเหลือบมองไปยังเรือนข้างๆ แต่เขาไม่รู้จะพูดเรื่องอะไรต่อจะทำอย่างไรดี
จงรุ่ยครุ่นคิดสุดท้ายจึงทำได้เพียงหงายไพ่ออกมา
“ข้าอยากคุยกับคุณชายหยางเกี่ยวกับศิษย์พี่ของท่าน พวกเราอยู่ที่ซีเป่ย หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดความขัดแย้งกัน มาคุยกันก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคตจะดีกว่า ท่านคิดว่าอย่างไร”
หยางชูจิบชาช้าๆ และมองเขาด้วยรอยยิ้มจางๆ “คุณชายใหญ่ในที่สุดท่านก็คิดออกแล้วหรือ”
…………
[1] เด็กกำพร้าตระกูลเจ้า : ซีรีส์อิงประวัติศาสตร์อัตชีวประวัติของ “เจ้าหวู่” (趙武) หรือ เจ้าเหวินจื่อ (赵文子) ทายาทเพียงหนึ่งเดียวแห่งตระกูลเจ้าที่รอดพ้นจากการถูกฆ่าล้างตระกูลโดยถูอั้นเจี่ย (屠岸贾) ขุนนางผู้ใหญ่แห่งแคว้นจิ้น โดยอ้างว่าตระกูลเจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสิ้นพระชนม์ของจิ้นหลิงกง (晋灵公) เจ้าแคว้นจิ้น ทั้งนี้เป็นแผนของถูอั้นเจี่ยที่หวังจะกำจัดกลุ่มการเมืองใหญ่ในแคว้นจิ้นให้หมด เพื่อหวังจะรวบอำนาจทางการเมืองในแคว้นจิ้นแต่เพียงผู้เดียว โชคดีที่เด็กน้อยผู้มีสายเลือดตระกูลเจ้าที่หลงเหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวนี้ได้รับการปกป้องโดยกงซุนฉู่จิ้ว (公孙杵臼) อดีตองครักษ์ของเจ้าซั่ว (趙朔) หัวหน้าตระกูลเจ้า บิดาของเจ้าหวู่ ซึ่งได้ฝากฝังให้กงซุนฉู่จิ้วช่วยปกป้องลูกชายคนนี้ให้ด้วยก่อนที่เขาจะถูกฆ่าล้างตระกูล พร้อมด้วยจอมยุทธ์ผู้ผดุงธรรมอย่าง เฉิงอิง (程婴) และขุนนางผู้ทรงธรรมอย่าง หานเจว๋ (韓厥) และในที่สุด อีกสิบห้าปีต่อมา เจ้าหวู่ก็กลับมาล้างแค้นถูอั้นเจี่ย และได้รับความเป็นธรรม พร้อมด้วยอำนาจบารมี ทรัพย์สินเงินทองกลับคืนมา สามารถกอบกู้ตระกูลเจ้ากลับคืนมาได้อีกครั้ง และวางรากฐานไปสู่การก่อตั้งแคว้นเจ้า หนึ่งใน “ชีสง” (七雄) หรือ เจ็ดเจ้ามหาอำนาจในยุคจ้านกั๋วในกาลต่อมา