คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 421 หิมะถล่ม
องค์หญิงหย่งชิงตัวสั่นด้วยความโกรธเป็นเวลาห้าสิบปีที่นางจากหยุนจิงเพื่อแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรี ไม่ว่าสถานการณ์จะดีจะร้ายอย่างไรจงจี๋จะอยู่ข้างกายนางเสมอ
ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดพวกเขาวิ่งหนีไปบนทุ่งหญ้า และจงจี๋ไม่เคยจากไปไหน
แม้ว่านางจะมีอารมณ์ไม่ดี และถึงกับระบายความโกรธกับเขา แต่เขาใกล้ชิดกว่าบุตรชายหลานชายของนางเสียอีก
“ฆ่าพวกเขาซะ!” นางกรีดร้อง
ดวงตาสีเหลืองอำพันของซูถูขยับและกล่าวว่า “ในเมื่อท่านย่าขอมาเช่นนี้ หลานควรเชื่อฟัง”
พูดจบเขาก็เป่านกหวีดออกไปหลายเสียง เมื่อสิ้นเสียงนกหวีดพวกเขาเห็นสถานที่หลายแห่งบนเนินเขาใกล้เคียงสั่นไหวเล็กน้อย
หมิงเวยเห็นท่าไม่ดีจึงตะโกนขึ้นทันที “หนี!”
จงจี๋ตกลงไปในหุบเขาและองค์หญิงหย่งชิงที่ดูไม่เก่งวรยุทธ์ดูเหมือนว่านี่เป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาที่จะฆ่าซูถู แต่ซูถูผู้นี้นางดูถูกไม่ได้จริงๆ คิดว่าเขาคงเตรียมพร้อมมาก่อนแล้วหากยังอาลัยอาวรณ์โอกาสนี้อยู่เกรงว่าทั้งสามคนจะถูกขังอยู่ที่นี่แทน
ลางสังหรณ์ของนางถูกต้องทั้งสามคิดจะถอยออกไป แต่ชั้นหิมะใต้ฝ่าเท้าก็เริ่มสั่นคลอนแล้ว
“ไม่ดีแล้ว!” สีหน้าของหยางชูเปลี่ยนไป
หลังจากหนิงซิวโจมตีด้วยคลื่นเสียงชั้นหิมะโดยรอบก็เริ่มที่จะสั่นคลอนมากขึ้น แต่ในตอนนี้ซูถูได้ออกคำสั่ง และคนเหล่านั้นก็วางแผนที่จะกระตุ้นหิมะอีกเช่นกัน
เขากวาดตามองโดยรอบหิมะที่อยู่ฝั่งตรงข้ามตกลงตามจงจี๋ไป และมันก็ไม่ได้หยุดถล่ม ชั้นหิมะบริเวณรอบๆ มีแนวโน้มจะร่วงหล่นตามมา..
ทั้งสามละสายตาไปยังที่ที่ซูถู และองค์หญิงหย่งชิงยืนอยู่จากนั้นก็พุ่งเข้าไปหาโดยไม่ได้นัดหมายกันมาก่อน ซูถูเหวี่ยงแส้ม้ารัดตัวองค์หญิงหย่งชิงให้ไปด้านหลัง
ทันทีที่หมิงเวยเหยียบตรงนั้นนางก็รู้สึกว่าเท้าของนางลื่น “เราติดกับแล้ว!”
ซูถูซึ่งอยู่ไม่ไกลยิ้มเย้ยนาง “แม่นางหมิงต้องขอบคุณบทเรียนครั้งนั้นที่ท่านสอนให้ข้ารู้ว่าไม่ควรดูแคลนชาวจงหยวน หากคิดแผนก็ต้องคิดแผนซ้อนอีกหลายชุดด้วย”
หยางชูแค่นหัวเราะ “ตามเขาไป! เขาคงไม่คิดขุดให้ตัวเองด้วยหรอก”
หนิงซิวคิดอย่างนั้นเช่นกัน เขากระโดดไปข้างหน้า และพุ่งเข้าหาซูถูกับองค์หญิงหย่งชิง สิ่งที่ซูถูทำได้ดีที่สุดคือทักษะการฟันฆ่าของหูเหริน แต่ในเรื่องของวิชาตัวเบานั้นด้อยกว่าพวกเขา
อย่างไรก็ตามเขาชักกระบี่ออกมาจากนั้นก็มีเชือกห้อยลงมาจากที่สูงซึ่งไม่รู้ว่ามาจากที่ใดทำให้เขาลอยตัวออกไปไกลกว่าเดิม
ในตอนนั้นเองเสียงของชั้นหิมะที่แตกออกรวมตัวกันอย่างหนาแน่นชั้นน้ำแข็งด้านล่างก็ส่งเสียงแตกขนาดใหญ่อย่างไม่รู้จบ หมิงเวยมองขึ้นไปบนภูเขา แล้วใบหน้าของนางก็ซีดลง
“หิมะถล่มครั้งใหญ่ การเคลื่อนไหวใหญ่เช่นนี้ต้องหิมะถล่มครั้งใหญ่แน่!”
สิ้นเสียงของนางก็มีเสียงก้องกังวานดังขึ้นข้างหูหิมะที่อยู่สูงแบกรับไม่ไหวและล้มลงมา หิมะสีขาวใสราวกับผลึกโปร่งแสง เมื่อเกิดการแตกตัวก็ไม่ได้อ่อนโยนไปกว่าภัยพิบัติอื่นๆ หิมะปกคลุมท้องฟ้า และดวงอาทิตย์ราวกับมังกรขาวที่ดุร้าย ที่น่ากลัวกว่านั้นคืออีกฝ่ายไม่หยุด กระตุ้นที่หนึ่งแล้วไปอีกที่หนึ่งต่อ
เป็นเช่นนี้ทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อเนื่องต่างได้รับผลกระทบซึ่งกันและกัน ทำให้ขอบเขตขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
“ทางนี้!” หนิงซิวพบที่หลบภัย ทั้งสามคนไม่กล้าที่จะไม่ปล่อยมือจึงพยายามทำทุกทางเพื่อไล่ตามซูถู เมื่อเข้าใกล้ก็มีแสงเย็นวาบในดวงตาของหมิงเวย อาวุธที่ซ่อนอยู่ก็ยิงเข้าใส่ซูถูและองค์หญิงหย่งชิง ซูถูยกกระบี่ขึ้นสกัด
“ติงๆ!” คลื่นเสียงของหนิงซิวโจมตีซูถูอย่างราบรื่นทำให้ความเร็วของเขาช้าลง หยางชูฉวยโอกาสนี้ชักกระบี่ตวัดใส่อีกฝ่าย
ซูถูตวัดกระบี่สกัดกั้น อย่างไรก็ตามทั้งสามคนรวมพลังกันทำให้เขาที่พาองค์หญิงหย่งชิงไปด้วยจะถอนตัวหนีง่ายได้อย่างไร เขาพ่นลมหายใจแขนของเขาถูกยิงจนได้เลือดไอกระบี่พุ่งเข้าใส่ทำให้แส้ที่พันตัวเขากับองค์หญิงหย่งชิงขาดออกจากกัน
“อา!” องค์หญิงหย่งชิงตกใจและเอื้อมมือไปหาซูถู “ช่วยข้าด้วย!”
แต่ซูถูดึงเชือกด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างถือกระบี่จะเอามือที่สามที่ไหนไปจับนางแล้วด้านหลังยังมีอีกสามคนที่จับตามองอยู่เขาจึงทำได้แค่ดันตนเองขึ้นมา ส่วนองค์หญิงหย่งชิงก็ล้มลงไป
เสียงที่ดังก้องดังขึ้นเรื่อยๆ หิมะปกคลุมท้องฟ้าและชั้นหิมะก็ถล่มลงมา ครู่หนึ่งองค์หญิงหย่งชิงและขันทีเฒ่าจงจี๋ที่ติดตามนางมาห้าสิบหกสิบปีก็ล้มลงที่จุดเดิม จากนั้นถูกหิมะปกคลุมทั้งหมด
หมิงเวยไม่รู้สึกยินดีเลยแม้แต่น้อยเมื่อนางเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าของซูถูที่ไม่มีอาการตื่นตระหนก แต่กลับมีรอยยิ้มผุดขึ้นมา และอ้าปากพูดบางอย่างออกมา
ขอบคุณมาก ไม่มีโอกาสแล้ว
เมื่อไม่มีองค์หญิงหย่งชิงเป็นตัวถ่วงให้เหนื่อยซูถูดึงเชือก และรีบออกจากระยะโจมตีและกระโดดขึ้นไปบนหน้าผา ความลาดชันนี้ไม่มีทางที่จะตกลงมาได้ พวกเขาสามคนเองก็ไม่สามารถตามไปได้เช่นกัน
“ทางนั้น!” หยางชูตะโกน หิมะและหมอกปลิวว่อนไปทั่ว ฝุ่นฟุ้งกระจาย อากาศที่หนาวเย็นก็ไหลเข้าสู่โพรงจมูกทำให้นางตัวสั่น ข้างหลังเป็นหิมะถล่ม ทั้งสามคนต้องเลิกไล่ตามและรีบหนีเอาชีวิตรอด
เสียงที่ดังก้องใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ราวกับว่ามังกรหิมะกำลังไล่ตามตราบใดที่พวกเขาช้าไปหนึ่งก้าวพวกเขาจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ อย่างไร้ความปราณี ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเพียงใด หมิงเวยรู้สึกว่าอากาศในอกของนางหมดลง และฝีเท้าของนางก็เบาลงเล็กน้อย
หยางชูสังเกตเห็นและดึงนางออกจากกองหิมะ และเหาะไปอย่างรวดเร็ว
หนิงซิวเองก็หยุดชั่วครู่และช่วยดึงนาง เสียงหิมะถล่มที่อยู่ข้างหลังค่อยๆ หายไป และในที่สุดพวกเขาก็ไม่สามารถไล่ตามได้อีกต่อไป พวกเขาทั้งสามต่างหนีออกจากบริเวณหิมะถล่ม เมื่อมองย้อนกลับไปพวกเขาอดไม่ได้ที่จะทำสีหน้าสยองขวัญ หิมะที่สูงตระหง่านลื่นไถล และซ้อนเป็นภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะหนาทึบบนเส้นทางภูเขา
สถานที่ที่พวกเขาเดินผ่านมาเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้ไม่เพียงแต่กองทัพแคว้นฉีเท่านั้นที่ไม่สามารถกลับไปที่ไป๋เหมินเซี่ยได้ แม้แต่พวกเขาก็หาทางออกไปไม่ง่ายเลย
“ซูถูผู้นั้นเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วจนน่ากลัว!” หยางชูกล่าวอย่างขมขื่น
“เขาคงคิดเรื่องนี้มาก่อนแล้วเจ้าค่ะ!” หมิงเวยถอนหายใจ
เห็นได้ชัดว่าซูถูได้จัดเตรียมเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วเขาได้คำนวณไว้แล้วว่าหากพวกเขาถูกพบจะทำอย่างไร
แม้แต่องค์หญิงหย่งชิงยังจงใจไม่เข้าไปช่วยเหลือ ยืมดาบฆ่าคน[1]
“ทำไมเขาถึงอยากให้องค์หญิงหย่งชิงตายด้วย” หนิงซิวไม่เข้าใจ “นางไม่ใช่ย่าของเขาหรอกหรือ”
หมิงเวยตอบ “จริงอยู่ที่นางเป็นย่าของเขา แต่ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์เช่นย่าหลานเลย องค์หญิงหย่งชิงต้องการใช้เขาเพื่อแก้แค้นแคว้นฉีกับแคว้นฉู่ที่เคยยึดแผ่นดินเฉียนเอี้ยนไป ซูถูเป็นเพียงคนที่อยู่ในกำมือของนาง”
หยางชูพูดอย่างเย็นชา “องค์หญิงหย่งชิงสามารถยั่วยุให้เกิดการต่อสู้นองเลือดระหว่างแปดเผ่าในเป่ยหูได้กำลังคนที่ถูกส่งไปอยู่ในเผ่าต่างๆ เป็นเวลาหลายปีถือเป็นภัยเงียบ เมื่อซูถูกลายเป็นผู้นำเผ่าหูแล้วจะปล่อยให้ผู้อื่นควบคุมเผ่าของเขาได้อย่างไร”
“ยิ่งไปกว่านั้นข้าสงสัยว่าเผ่าซีหรงก็ถูกองค์หญิงหย่งชิงยั่วยุเช่นเดียวกัน ด้วยวัยของซูถูแล้วคงไม่มีเวลาไปเตรียมการกับเผ่าซีหรง ดูเหมือนว่าเขาอยากให้องค์หญิงหย่งชิงตายตั้งนานแล้ว เมื่อองค์หญิงหย่งชิงตายในฐานะผู้สืบสายโลหิต เขาสามารถสืบทอดมรดกของนางได้ ในสถานการณ์เมื่อครู่คงไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเป็นผลจากแผนที่เขาวางไว้แม้จงจี๋จะฟื้นจากความตายก็ตาม!”
หนิงซิวตกใจ “หูตี้มีคนเช่นนี้ด้วยหรือหากปล่อยให้เขายืนหยัดตั้งมั่นได้ แคว้นฉีจะสบายใจได้อย่างไร”
“สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือความสามารถในการเรียนรู้ของเขา” หมิงเวยพูดช้าๆ “ครึ่งปีก่อนข้าสามารถนำเขาไปได้หลายก้าว แต่ความสามารถในการเตรียมการครั้งนี้ถูกเปิดเผย ดูเหมือนเขาจะซึมซับมันอย่างสมบูรณ์แบบ และนำมาเปลี่ยนแปลงใหม่”
นางไม่ควรนำศัตรูที่น่ากลัวเข้ามาในจงหยวนใช่หรือไม่
……………
[1] ยืมดาบฆ่าคน : การกำจัดศัตรูที่มีความเข้มแข็ง ไม่จำเป็นที่จะต้องลงมือเอง พึงยืมกำลังและไพร่พลทหารของผู้อื่นเป็นฝ่ายกำจัดศัตรู เพื่อเป็นการรักษากำลังและไพร่พลทหารของตนเองไว้สำหรับการศึกอื่น