คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 424 ขโมยเมือง
คำพูดของหยางชูสุดท้ายก็ไม่เป็นจริง การปิดล้อมตีเมืองกินเวลาจนถึงกลางคืนทำให้พวกเขาไม่สามารถเจอกันได้
หลังจากต่อสู้มาทั้งวันประกอบกับความไม่สะดวกเวลากลางคืนที่มืดมิด เสียงสังหารก็ฟังดูรุนแรงน้อยลง ทหารหลายนายบุกฆ่าฟันศัตรู หูได้ยินเสียงกระบี่แทงเข้าไปในเนื้อ เหนื่อยก็หาที่นั่งพักสักหน่อย หิวก็หยิบอาหารแห้งเดินออกมาแล้วกัดสองคำ
มีเลือดอยู่บนเกราะของหยางชูเขาขี่ม้ากลับไปอยู่ข้างกายจงซู่แล้วถามว่า “ท่านแม่ทัพ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะมีผู้บาดเจ็บมากเกินไปหรือไม่ จะต่อสู้เช่นนี้ทั้งคืนเลยหรือ”
กองทัพที่จงซู่นำออกมาล้วนเป็นคนมากฝีมือที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชนซึ่งพวกเขาไม่กลัวพวกหูเหรินเหล่านี้ แต่พวกหูเหรินไม่กลัวตาย หยางชูรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายที่จะให้คนมากฝีมือทั้งหลายในกองทีพซีเป่ยต้องมาสิ้นเปลืองชีวิตกับพวกเขา
จงซู่ดูการต่อสู้และถามเขาว่า “หากเป็นท่าน ท่านจะทำอย่างไร”
หยางชูลังเล วันนี้เขาได้สัมผัสกับสนามรบด้วยตนเองแล้วซึ่งล้มล้างแนวความคิดของเขาอย่างมาก เพิ่งได้เรียนรู้ว่าหมากรุกกองทัพละเว้นรายละเอียดไปมากมาย และรายละเอียดเหล่านี้มักส่งผลต่อผลลัพธ์ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะออกความเห็นส่งๆ ออกไปได้
“พูดมาเถอะ หากมีอะไรผิดข้าจะบอก” จงซู่ยิ้ม
หยางชูพอได้รับกำลังใจแล้วจึงพูดอย่างกล้าหาญว่า “หากเป็นข้าจะส่งคนไปแย่งชิงประตูเมือง หูเหรินพวกนี้ไม่เก่งในการปกป้องเมืองพวกเขาไม่รู้วิธีการแย่งชิงประตูเมืองแน่นอน”
จงซู่พยักหน้าองครักษ์ข้างกายเขาเข้ามารายงาน “ท่านแม่ทัพ เราได้ทำการเลือกคนเรียบร้อยแล้วจะรีบส่งไปขโมยเมืองเดี๋ยวนี้ขอรับ”
หยางชูประหลาดใจจงซู่ได้ตัดสินใจที่จะขโมยเมืองไปแล้วหรือ
จงซู่พูดกับเขาว่า “ท่านมีความกระตือรือร้นมากพอที่จะตัดสินใจในเรื่องที่ใหญ่ แต่ควรมีความมั่นใจมากกว่านี้ แค่เรื่องขโมยเมืองไม่ใช่เรื่องที่ต้องพูดกัน ว่าอย่างไร ท่านกล้าเสี่ยงหรือไม่”
หยางชูรู้สึกตื่นเต้น “ข้าไปได้หรือไม่”
“ได้” จงซู่ตอบ “ท่านเลือกองครักษ์ตามไปด้วยสองนาย แต่ก็ต้องเตรียมใจไว้ด้วย หน้าที่นี้อันตรายมาก หากไม่ระวังอาจถูกฆ่าตายที่นั่น หากท่านตายในสนามรบ ข้าคงต้องรายงานต่อฝ่าบาทว่าท่านถูกเกาทัณฑ์จนถึงแก่ความตาย”
หยางชูไม่สามารถมีความดีความชอบด้านการทหาร แน่นอนว่าจงซู่คงไม่รายงานว่าตนเองอนุญาตให้เขาร่วมสนามรบเพราะฉะนั้นหากเขาตาย คงตายอย่างเลวร้าย
“ว่าอย่างไร กล้าไปหรือไม่” จงซู่ถาม
หยางชูสูดหายใจเข้าลึกๆ “ข้าจะไป!” จงซู่ถอนหายใจเล็กน้อยในขณะที่เขาเฝ้าดูร่างของหยางชูค่อยๆ หายเข้าไปในความมืด
“ช่างเป็นการถลุงทำลายข้าวของ[1]ยิ่งนัก!”
หัวหน้าองครักษ์ไม่เข้าใจ “ท่านแม่ทัพ ท่านหมายถึง…”
จงซู่พยักพเยิดหน้าไปยังแผ่นหลังของหยางชู “หากเป็นบุตรชายตระกูลจงคงสอนให้เขาเข้าร่วมสนามรบตั้งแต่อายุสิบสอง ตอนนี้คงสามารถเผชิญหน้าได้ด้วยตัวคนเดียวแล้ว”
หัวหน้าองครักษ์ยิ้ม “ท่านแม่ทัพชอบคนมีความสามารถจริงๆ”
จงซู่ตอบ “หากมีแม่ทัพที่ยอดเยี่ยมอีกคนหนึ่งคงช่วยลดจำนวนการตายของทหารให้น้อยลงได้”
หัวหน้าองครักษ์พูดอย่างเศร้าสร้อยว่า “พี่น้องที่ออกรบครั้งนี้เกรงว่าจะถูกฝังไว้ที่นี่ครึ่งหนึ่ง”
จงซู่ไม่ได้พูดอะไรนอกจากตบไหล่เขา “เร็วเข้า รีบกินก่อนคืนนี้ต้องต่อสู้อย่างหนัก”
“ขอรับ”
…………
ไม่ไกลจากประตูเมือง ยอดเขาที่ห่างไกลมีเงาร่างสั่นไหวในความมืด
“ต้าห่าน ของมาแล้วขอรับ” เสียงพูดดังขึ้น
คนในเงามืดเคลื่อนตัวออกจากที่ซ่อน ภายใต้แสงจันทร์ใบหน้าที่เย็นชาทว่าหล่อเหลาของซูถูเผยออกมา
“ประกอบเลย” เขาสั่งเสียงเรียบ
“ขอรับ” พวกเขาไม่ได้จุดไฟ แต่อาศัยแสงจันทร์ในการประกอบหน้าไม้
หน้าไม้นี้เป็นของที่กองทัพแคว้นฉีทำขึ้นมาซึ่งหายากมาก
“ตั้งเสร็จแล้วขอรับ” ทหารรายงานอย่างสุภาพ ซูถูเดินเข้าไปหาแล้วก้มตัวลง และเล็งไปที่เป้าหมายผ่านเขาว่างชาน
“ไกลไปหน่อย” เขาพูดเสียงเบา ที่นี่ห่างจากกองทัพแคว้นฉีอย่างน้อยสองร้อยจั้งซึ่งเป็นระยะจำกัดของหน้าไม้ ต้องบอกว่าจงซู่เป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงของแคว้นฉีที่ไม่มีข้อบกพร่องเลยสักนิด
ไม่เพียงแต่ระยะสั่งการที่เลือกได้ถูกต้องเท่านั้น แต่เขาระมัดระวังมากมีผู้คุ้มกันล้อมรอบตัวเขา รวมทั้งความมืดที่ไม่มีแม้แต่ไฟส่องสว่าง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถบอกได้ว่าจงซู่คือผู้ใด ซูถูเล็งเป้าอยู่ครู่หนึ่งก็ยอมแพ้
เขาถามองครักษ์ “ตอนนี้พวกเรามีกี่คน”
องครักษ์ตอบ “มีเพียงทหารเผ่าหมาป่าหิมะเท่านั้นที่มาถึงมีประมาณร้อยคน ทหารของพวกเรากำลังรีบเดินทางมาคาดว่าจะถึงในอีกสองวันขอรับ”
“อีกสองวันช้าไป จงซู่จะยุติการต่อสู้ในวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน” ซูถูครุ่นคิด
การสังหารจงซู่ วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือจู่โจมในตอนที่เขาขโมยเมือง อย่างไรก็ตามเครือข่ายข่าวกรองของกองทัพแคว้นฉีไม่ควรมองข้าม ในรูปแบบก่อนหน้านี้ เขากลัวที่จะทำให้จงซู่ระวังตัวจนต้องใช้กองกำลังหลักสำคัญของราชสำนัก
ซูถูคิดอยู่นาน แต่ก็ยังรู้สึกว่าเขาไม่สามารถปล่อยโอกาสนี้ได้
สำหรับคนอย่างจงซู่ยิ่งตายเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ตอนนี้ให้เขาไปที่ประตูด่านเนินกรวดผู้ใดจะรู้ว่าเขาจะยืนหยัดได้ถึงสามเดือนจริงๆ เขาใช้ความพยายามอย่างมากเช่นนี้ แม้แต่อันตรายที่ซ่อนอยู่ในเผ่าก็ถูกละทิ้งชั่วคราวเพื่อสังหารจงซู่ เขาจะยอมแพ้ง่ายๆ ได้อย่างไร ขอแค่เพียงสังหารจงซู่ได้การละทิ้งนั้นก็ถือว่าคุ้มค่า
“เรียกรวมทหารเผ่าหมาป่าหิมะ” ซูถูตัดสินใจในที่สุด ภายใต้แสงจันทร์เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นคางที่แหลมคม ใบหน้าที่เห็นได้ชัดว่างามมาก แต่ดูโหดร้ายและกระหายเลือด “โจมตีกองทัพแคว้นฉี บีบบังคับจงซู่ให้อยู่ระยะยิงให้ได้!”
“ขอรับ”
เขาหันศีรษะไปมองบ่าวรับใช้ชราที่ยืนเงียบอยู่อีกฝั่งหนึ่ง “พวกเจ้าต้องการแก้แค้นให้ท่านย่าตอนนี้มีเพียงโอกาสเดียว…”
…………
นกยักษ์สร้างสำเร็จแล้ว หมิงเวยและหนิงซิวพักดื่มน้ำแค่ช่วงเวลาสั้นๆ และเฝ้าดูการต่อสู้จากแนวหลังต่อไปเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น
งูขาวในแขนเสื้อขยับแล้วเอนตัวออกและพูดเบาๆ ว่า “นายท่าน กลิ่นเลือดแรงเกินไป ข้าสัมผัสได้ถึงความผิดปกติไม่รู้ว่าเข้าใจถูกหรือไม่เจ้าค่ะ”
หมิงเวยพูด “พูดมาก็พอ”
“เจ้าค่ะ” งูขาวตัวน้อยพูด “ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังใกล้เข้ามา คนมีชีวิตดูไม่เหมือนคนที่มีชีวิต และคนตายก็ดูไม่เหมือนคนตาย ช่างน่าแปลก”
“คนมีชีวิตดูไม่เหมือนคนที่มีชีวิต และคนตายก็ดูไม่เหมือนคนตายงั้นหรือ” หมิงเวยแปลกใจ “ผีดิบหรือ”
“ไม่รู้เหมือนกันเจ้าค่ะ มันค่อนข้างคุ้นเคย แต่ตอนนี้ข้าดมกลิ่นอย่างละเอียดไม่ได้เจ้าค่ะ”
หมิงเวยคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดกับหนิงซิวว่า “อาจารย์ พวกเราออกไปดูกันเถอะ ยอมเข้าใจผิดดีกว่าหากพลาดขึ้นมาไม่ดีแน่”
“อืม” เมื่อพวกเขาไปถึงจุดที่งูขาวตัวเล็กชี้ไว้ ทหารเผ่าหมาป่าหิมะก็รวมตัวกันจากนั้นบุกเข้าไปในเขตของกองทัพแคว้นฉีแล้ว
ทหารหูเหรินพวกนี้เป็นคนมากฝีมืออีกทั้งยังรอคอยให้ศัตรูเกิดความอ่อนแอในกองทัพเพื่อรีบฉกฉวยโอกาสนำกำลังบุกเข้าโจมตีโดยเร็ว ทันทีที่เข้าร่วมสงคราม กองทัพแคว้นฉีได้รับความเดือดร้อนมากมาย
โชคดีที่มีจำนวนน้อย แม่ทัพที่รับผิดชอบแนวหลังก็ระดมกำลังพลเข้าล้อมอย่างรวดเร็ว หมิงเวยและหนิงซิวพบเงาร่างที่หลบๆ ซ่อนๆ ในกลุ่มคนพวกนั้น
“เป็นกลิ่นอายที่คุ้นเคยจริงๆ” หมิงเวยพึมพำ
“ท่านรู้หรือ” หนิงซิวถาม
หมิงเวยครุ่นคิด “อ้อ คนพวกนั้นนี่เอง”
เมื่อตอนที่นางนำกองคาราวานไปที่หูตี้นางเคยผ่านเมืองเล็กๆ และได้พบกับน่าซูที่นั่น
นางพยักหน้า “เป็นศพที่ยังมีชีวิตอยู่ที่ปกป้องสุสานขององค์หญิงหย่งชิง”
…………
[1] ถลุงทำลายข้าวของ : การทำลายสิ่งของให็สูญค่าเปล่าประโยชน์