คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 427 ลูกศิษย์
ความสามารถในการเข้าควบคุมสถานการณ์อันยอดเยี่ยมของกองทัพซีเป่ยได้แสดงให้เห็นอย่างเต็มที่ในการต่อสู้ครั้งนี้ หยางชูและคนอื่นๆ จัดการกับบาดแผลของตนเองและหาที่พักผ่อน เมื่อพวกเขาฟื้นตัวแล้วก็เดินทางไปหาจงซู่ และพบว่าที่ด่านได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว
ศพข้างถนนถูกฝังไว้หมดแล้วป้อมปราการต่างๆ ก็กำลังปรับปรุง กองหลังและกำลังเสริมที่รอดตายถูกรวมเข้าด้วยกันเพื่อป้องกัน ผู้ที่ควรพักผ่อนก็พักผ่อน ผู้ที่ลาดตระเวนก็ทำการตรวจตรา
ทันทีที่พวกเขาออกมาก็ได้พบกับหน่วยลาดตระเวน หลังจากตรวจสอบตัวตนแล้ว ผู้เป็นหัวหน้าก็ทำความเคารพ และพาพวกเขาไปที่กองบัญชาการชั่วคราวเป็นการส่วนตัว หมิงเวยรู้สึกแปลกใจและถามเขาเสียงเบา
“เกิดอะไรขึ้น ท่าทีของพวกเขาดูเปลี่ยนไป” หยางชูกระตุกมุมปากด้วยความพอใจ แต่ปฏิเสธด้วยท่าทางลึกลับ
ทันทีที่องครักษ์คนสนิทของจงซู่เห็นเขาก็พูดขึ้นว่า “คุณชายหยางมาแล้ว ท่านแม่ทัพรอท่านอยู่นานเลยขอรับ”
หยางชูเก็บรอยยิ้มบนใบหน้าแล้วถามว่า “ยังไม่ได้ถามอาการบาดเจ็บของแม่ทัพจงเลย ตอนนี้ดีขึ้นหรือไม่”
“ท่านไปพบก็จะรู้ขอรับ”
หยางชูพยักหน้าแล้วชี้ไปทางอาสวนและคนอื่นๆ “รบกวนจัดหาที่ให้พวกเขาด้วย”
องครักษ์รับคำแล้วเรียกผู้ใต้บังคับบัญชาของตน ทุกคนรออยู่ที่นี่มีเพียงหยางชูเท่านั้นที่ได้เข้าเยี่ยมจงซู่
จงซู่กำลังนอนอยู่บนเตียงใบหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ยิ้มให้เขา
“ตอนนี้ไม่สะดวกเท่าไรนัก ข้าไม่ถือมารยาทนั่งตามสบายเถอะ”
เมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนี้หยางชูถามเสียงเคร่งขรึมว่า “อาการบาดเจ็บของท่านไม่ดีขึ้นหรือ”
จงซู่พยักหน้า “แม้ว่าจะไม่ได้โดนจุดสำคัญ แต่ก็ทำให้บาดแผลเก่าของข้ากำเริบคงไม่ดีหากปรากฏตัวต่อหน้าทหาร”
หยางชูเข้าใจถ้าผู้บัญชาการได้รับบาดเจ็บสาหัสจิตวิญญาณของทหารจะสั่นสะเทือน “ข้าได้ยินเรื่องที่พวกท่านขโมยเมืองมาจากทหารระดับล่างว่าคุณชายหยางได้มีส่วนสำคัญในการขโมยประตูเมืองอย่างราบรื่น”
ต่อหน้าจงซู่หยางชูอ่อนน้อมถ่อมตน และตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “แค่บังเอิญขอรับ”
จงซู่ยิ้ม “ความบังเอิญคือความแข็งแกร่งคุณชายหยางตอนนี้ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากไหว้วานท่าน”
หยางชูพูดเสียงขรึม “ท่านสามารถสั่งการได้เลยขอรับบอกไหว้วานดูจริงจังเกินไปแล้ว”
“ข้าอยากไหว้วานจริงๆ” จงซู่ถอนหายใจและบอกเขาว่า “อาการบาดเจ็บของข้าไม่เบาเท่าไรนัก หากใช้อำนาจดูแลกองทัพเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุได้ หากส่งเรื่องนี้ให้แม่ทัพใต้สังกัดก็กังวลว่าเขาจะเดาออก ดังนั้นข้าจึงหวังว่าคุณชายหยางจะสามารถออกหน้าได้”
หยางชูตกใจ “ท่านหมายความว่าอย่างไรให้ข้าดูแลกองทัพแทนท่านหรือ ไม่ดีหรอกขอรับ ด้วยสถานะของข้าแล้วไม่เหมาะที่จะออกหน้า”
“ใช่ แต่ก็ไม่ใช่ไปซะทั้งหมด” จงซู่พูด “ข้าต้องการให้ท่านดูแลกองทัพ แต่ไม่ใช่ในฐานะคุณชายหยางจากจวนโป๋วหลิงโหว แต่เป็นลูกศิษย์ของข้า”
หยางชูตกตะลึง ความก้าวหน้านี้คืออะไร ไม่นานมานี้เขาก็ยังแอบใช้ช่องโหว่อย่างลับๆ ตอนนี้ต้องการให้เขานำทัพด้วยความเป็นธรรมหากเรื่องนี้แพร่ออกไป…
องครักษ์คนสนิทของจงซู่พูดแทรกว่า “คุณชายหยาง ท่านเองก็ทราบสถานการณ์ในตอนนี้ หากหิมะไม่ละลายก็ไม่มีการส่งกองกำลังเสริมมาเพิ่ม พวกเราทั้งหมดรวมตัวกัน แต่มีทหารไม่เกินสามพันนาย ในทางกลับกันหากหูเหรินรวบรวมกองกำลังทั้งหมดพวกเขาจะมีกันเกินหนึ่งแสนคน! สามพันต่อหนึ่งแสน พวกเราจะทนได้นานแค่ไหนกัน ถึงจะพูดยาก แต่คงต้องบอกว่าพวกเราบางคนได้พบเส้นทางสู่ปรโลกแล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้จะมีใจคิดเรื่องนี้เรื่องนั้นได้อย่างไร ท่านไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนด้วยเหตุผลเหล่านั้นขอรับ”
หยางชูคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดกับจงซู่ “แม่ทัพจง ท่านบอกให้ข้าออกหน้าให้เป็นกระบอกเสียงแทนท่านหรือให้ข้าเป็นคนตัดสินใจเอง”
จงซู่จ้องเขา “แล้วต่างกันตรงไหนงั้นหรือ”
“หากเป็นอย่างแรกข้าจะเป็นแค่ฉากหน้าเท่านั้น ท่านอยากให้ข้าทำอะไรข้าจะทำตามนั้น แต่ถ้าเป็นอย่างหลัง” เขาชะงักเล็กน้อย “ข้าหวังว่าท่านสามารถมอบอำนาจที่เกี่ยวข้องแก่ข้าได้”
รอยยิ้มของจงซู่หายไป “ยังไม่ทันรับตำแหน่งก็อยากได้ก่อนแล้วงั้นหรือ”
ใบหน้าของหยางชูไร้รอยยิ้ม “ข้าต้องบอกก่อนขอรับ เผื่อการเกิดความขัดแย้งชั่วคราวอาจกลายเป็นทำลายความรู้สึกได้”
จงซู่พูด “ในเมื่อข้าพูดเช่นนั้นไปข้าจะสอนท่านอย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกันท่านต้องการอำนาจจะต้องใช้ความแข็งแกร่งที่สอดคล้องกัน ไม่เช่นนั้นท่านจะไม่สามารถโน้มน้าวฝูงชนได้เข้าใจหรือไม่”
“แม่ทัพจง…”
จงซู่โบกมือให้องครักษ์คนสนิทนำแผนที่มาแล้วถามเขา “สถานการณ์ในตอนนี้ท่านทราบอยู่แล้ว ซูถูจะมาพร้อมกับกองทัพในไม่ช้าตามที่ท่านเห็นท่านคิดว่าตอนนี้เราควรทำอย่างไร”
หยางชูได้คิดเกี่ยวกับคำถามนี้มาเป็นร้อยครั้งพันครั้งในใจตอนนี้เขาเปิดปากถามว่า “แม่ทัพจงหน่วยขนส่งเสบียงของพวกเราไม่มีปัญหาใช่หรือไม่”
จงซู่ตอบ “เนินกรวดเป็นอุปสรรคแรกในการต่อสู้กับหูเหริน และข้าก็ให้ความสนใจกับมันเสมอ การเตรียมเสบียงและสงครามที่นี่ให้ความสำคัญสูงสุดเสมอมา เมื่อครู่รองแม่ทัพออกไปตรวจสอบแล้ว หูเหรินพวกนั้นไม่ได้ทำให้เสียหายเท่าไรนักเสบียงยังอยู่ได้ครึ่งปี และความพร้อมรบก็ไม่ใช่ปัญหา”
หยางชูคิด “ซูถูมาพร้อมกองทัพจำนวนไม่น่ามากเกินไป ประการแรกเขาฆ่าคนจำนวนมากในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา และกำจัดผู้ที่เสียชีวิตในการสงคราม และผู้ที่ปฏิเสธที่จะยอมจำนนต่อเขา ทหารที่เหลือจะไม่สามารถเทียบช่วงที่อยู่จุดสูงสุดได้เลย ประการที่สองทั้งแปดเผ่าเพิ่งรวมกันเป็นหนึ่งเดียว และเขายังคงต้องทิ้งส่วนหนึ่งไว้เพื่อปราบปรามผู้ที่เพิ่งกลับมา ประการที่สามหากเผ่าซีหรงถูกยุยงโดยพวกเขา แน่นอนว่าต้องมีหูเหรินอยู่ทางนั้นต้องแบ่งออกไปส่วนหนึ่ง ประการที่สี่ ตอนนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้วการออกรบจำเป็นต้องมีหน่วยขนส่งเสบียงหลังจากเป่ยหูต่อสู้มาหลายปีไม่น่ามีกำลังสำรองมากเช่นนั้น”
เมื่อพูดถึงเรื่องนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ดังนั้นข้าคาดว่าเขาจะนำคนมาไม่เกินสามหมื่นนาย!”
จงซู่และองครักษ์คนสนิทชำเลืองมองกันและกันแล้วยิ้ม “ข้าบอกพวกเขาก่อนหน้านี้ว่าความสามารถด้านหน่วยขนส่งเสบียงของหูเหรินในฤดูหนาวนี้พวกเขาสามารถสนับสนุนทหารได้สองหมื่นถึงสามหมื่นนายไม่สามารถมากกว่านี้ได้”
ตอนนี้องครักษ์คนสนิทแสดงความเคารพต่อเขา “เป็นไปตามที่คุณชายหยางกล่าวมา” หยางชูแอบปาดเหงื่ออย่างเงียบๆ เมื่อได้รับการอนุมัติจากจงซู่ทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น หรือบางทีเขาอาจจะมีความสามารถจริงๆ ในเมื่อได้โอกาสนี้มาแล้ว เขาควรกล้าที่จะทำมันออกไปไม่ดีกว่าหรือ
จงซู่เรียกแม่ทัพแต่ละหน่วยมา และประกาศการตัดสินใจของเขา แน่นอนว่าคำพูดมีความไพเราะมากขึ้นแค่บอกว่าตนต้องการรักษาอาการบาดเจ็บไม่สะดวกในการจัดการเรื่องต่างๆ จึงให้หยางชูตัดสินใจแทนเขา
ปฏิกิริยาของทุกคนดูเฉยเมย ในช่วงสองวันที่ผ่านมาจงซู่นำเขามาอยู่เคียงข้างกายอยู่ตลอด แสดงความชื่นชมหลายต่อหลายครั้งไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาต้องการรับเป็นลูกศิษย์ ตรงกันข้ามกับอาสวนและคนอื่นๆ ที่ตื่นเต้นกันมาก
เกือบทุกคนมีประสบการณ์ในกองทัพตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และพวกเขาก็มีความสุขมากที่ได้กลับไปเป็นกองทัพพร้อมกับคุณชาย หมิงเวยเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดและไปจัดการเรื่องของตนเอง
วันต่อมานางบินขึ้นไปในอากาศด้วยนกตัวใหญ่ที่นางสร้างขึ้นกำแพงน้ำแข็งถูกสร้างขึ้นนอกประตูเมืองเพื่อรอการมาถึงของกองทัพหูเหริน ซูถูไม่ปล่อยให้พวกเขารอนานเกินไป ใช้เวลาเพียงสองวันทหารม้าของหูเหรินก็ปรากฏตัวขึ้นในสายตาของกองทัพแคว้นฉี
ทหารนับจำนวนแล้วกลับไปรายงาน “ประมาณสองหมื่นนายขอรับ”
เหล่าแม่ทัพต่างโล่งใจ สองหมื่นถือว่ายังดี
อาสวนกระซิบเป็นการส่วนตัว “สามพันต่อสองหมื่นดีตรงไหนหรือขอรับ”
“ก็ดีกว่าสามพันต่อหนึ่งแสนใช่หรือไม่” หมิงเวยถาม “เห็นเจ้าดูไม่มีความหวังเลย ต้องการนัดหมายเส้นทางสู่ปรโลกสักหน่อยหรือไม่”
“…ช่างเถอะขอรับ”
……………