คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 451 เหยื่อ
เมื่อกัวสสวี่เดินออกไปจงรุ่ยก็ถามขึ้นว่า “ท่านจะทำบ้าอะไรอยู่ดีๆ ก็ให้เขาวาดรูป”
หยางชูหัวเราะ “ตอนนี้ใต้เท้ากัวได้สร้างชื่อเสียงไว้ในประวัติศาสตร์ การขอให้เขาวาดภาพการเผชิญหน้าของกองทัพเขาจะต้องมีความสุขมากแน่ หากสงครามจบลงก็สามารถนำไปอวดในเมืองหลวงได้ หากภาพวาดแพร่หลายออกไป เขาจะสามารถดำรงอยู่ได้ตลอดหลายชั่วอายุคน”
“แล้วอย่างไร” จงรุ่ยไม่เข้าใจ “เรื่องนี้เป็นประโยชน์ต่อพวกเราตรงไหนกัน”
“หากต้องการวาดภาพก็คงหลับตาวาดไม่ได้ไม่ใช่หรือ” หยางชูพูด “เหลียงชวนมีทิวทัศน์ที่สวยงามเช่นนี้ หากอยากวาดความสวยงามของทิวทัศน์จะต้องใช้เวลาสองสามวันในการสำรวจบริเวณโดยรอบ…”
จงรุ่ยปรบมือ “ข้าเข้าใจแล้วท่านคิดจะหลอกเขา! หากเขาวิ่งไปรอบๆ จนน่าซูเห็นเข้าต้องตัดสินใจเคลื่อนไหวแน่ ถึงสถานะของเขาจะสูง แต่ไม่เป็นวรยุทธ์ ถูกจับกลับไปไม่ว่าจะเป็นการข่มขู่หรือแลกเปลี่ยนเงินรางวัลล้วนนับว่าคุ้ม”
หยางชูหัวเราะแล้วพยักหน้า “ใช่”
จงรุ่ยถอนหายใจ “ท่านนี่เลวจริงๆ! ตาแก่นั่นนอกจากมีชื่อเสียงเล็กน้อย และชอบขโมยความดีความชอบแล้วยังชอบชี้แนะผู้อื่นก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร”
“เลวอะไรกัน” หยางชูไม่ยอมรับ “เขาไม่ได้ต้องการความดีความชอบหรอกหรือ จะรอความดีความชอบโดยที่ไม่ทำอะไรเลยได้หรือ ข้าแค่ให้โอกาสเขาเท่านั้น”
“เหอะๆ”
หยางชูลุกขึ้นปัดก้านหญ้าออกจากร่าง “เรื่องนี้ข้าส่งมอบให้ท่านข้าจะจับตาดูใต้เท้ากัว” จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆ แล้วพึมพำ “แปลกจริงช่วงนี้ข้ามักจะรู้สึกว่ามีคนจ้องมองมาที่ข้า…”
“มองว่าท่านสง่างามหรือ” จงรุ่ยประชด “คงเป็นคนของผู้อาวุโสนั่นแหละ ต่อให้ท่านหล่อเหลาเพียงใดก็ไม่สามารถนอนด้วยได้จะมีประโยชน์อะไร”
“ไสหัวไป!” หยางชูเตะเขา “ข้าไม่สนใจบุรุษ!” จากนั้นก็เดินจากไป
จงรุ่ยมองแผ่นหลังของเขาแล้วพึมพำ “น่ากลัวจริงๆ เพิ่งผ่านมาเท่าไรเองก็กลายเป็นตาแก่เสียแล้ว”
กัวสวี่ตกหลุมพรางเข้าแล้วจริงๆ ตอนนี้เขารู้สึกสุขสมหวังมากครุ่นคิดอยู่ทั้งวันว่าจะกลับไปให้พวกน่ารังเกียจนั่นเห็นความรุ่งโรจน์ของเขาในตอนนี้
คำพูดของหยางชูเตือนเขาว่าหากนำภาพวาดกลับเมืองหลวง ฮ่องเต้จะได้เข้าใจถึงความยากลำบากของเขามากขึ้น อีกทั้งยังสามารถส่งต่อให้คนรุ่นหลังได้ด้วย…
วาด! ข้าต้องวาด!
กัวสวี่ยังคงจริงจังกับการทำสิ่งต่างๆ ในเมื่อต้องวาดรูปจะต้องสังเกตเป็นอย่างดี ทิวทัศน์ของเหลียงชวนนั้นงดงามวาดให้เหมือนจริงก็ดีแล้วซึ่งไม่เพียงสะท้อนถึงความสามารถของเขาเท่านั้น แต่ยังแสดงภาพลักษณ์ของเขาด้วย
อย่างไรก็ตามทั้งสองฝ่ายยังคงไม่เคลื่อนไหวผู้อาวุโสกัวจึงนำองครักษ์ที่จงซู่ทิ้งไว้คอยอารักขาตนเดินเล่นทั้งวัน
น่าซูจะไม่สนใจได้อย่างไร จงรุ่ยและหยางชูคอยจับตามองฝั่งนี้อยู่ทุกวัน เขาเองก็จับตามองอีกฝ่ายทุกวันเช่นกัน
ในเมื่อกำลังเผชิญหน้ากันจึงเป็นการค้นหาจุดอ่อนของกันและกัน ในตอนที่กัวสวี่เดินเล่นไปรอบๆ เขาก็สังเกตเห็น แต่เขาก็เป็นผู้ที่ระมัดระวังตัวมากจึงส่งคนออกไปจับตามองอีกฝ่าย
พี่เจ็ดบอกว่าคนจงหยวนเป็นพวกมากเล่ห์จะวางใจไม่ได้ จับตาดูไปมาก็พบว่าอีกฝ่ายเป็นขุนนางชั้นสูงของแคว้นฉีดูเหมือนว่าจะออกมาเดินเล่น
ในแต่ละวันอีกฝ่ายเปลี่ยนสถานที่ และมองดูอย่างละเอียดรอบคอบแล้วยังนำกระดาษกับพู่กันออกมาวางบนกระดานแล้ววาดรูป ได้ยินว่านักปราชญ์ชาวจงหยวนชื่นชอบท่องกวีวาดภาพ หรือบางทีเขาต้องการวาดรูป
ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้…
หลังจากนั้นมีอยู่ครั้งหนึ่งคนที่เขาส่งไปจับตามองกัวสวี่กลับมารายงานว่าเขาเป็นขุนนางชั้นสูงจากแคว้นฉี และกำลังทะเลาะกับแม่ทัพจากกองทัพศัตรู ดูเหมือนแม่ทัพผู้นั้นไม่ต้องการให้เขาออกไปเดินเล่นทั้งสองจึงแตกคอกัน
น่าซูคิด หรือจะไม่มีปัญหาจริงๆ นักปราชญ์ที่ไม่เป็นวรยุทธ์ การออกมาเดินเล่นเช่นนี้อันตรายมาก อย่างไรก็ตามขุนนางจงหยวนมักดูถูกขุนนางทหาร และไม่ต้องการฟังคำสั่งของอีกฝ่าย
ผู้ที่ทะเลาะกับกัวสวี่คือหยางชู สถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นนี้…
“ใต้เท้ากัว ถึงท่านจะอยากวาดภาพ แต่ท่านไม่สามารถละทิ้งหน้าที่ในกองทัพได้ ท่านดูสิสองสามวันนี้ไม่มีผู้ใดเขียนรายงานผลการรบเลย”
กัวสวี่แปลกใจ “ในกองทัพมีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบเรื่องนี้อยู่แล้วจำเป็นต้องให้ข้าเขียนรายงานผลการรบด้วยหรือ”
สีหน้าของหยางชูยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “กำลังคนไม่พอพวกเขาถูกข้าส่งไปขุดสนามเพลาะแล้ว ตอนนี้ทั้งค่ายผู้ที่ว่างที่สุดคือใต้เท้ากัวเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ พวกเรากำลังลำบากมากท่านจะนอนรอความดีความชอบหรือ”
กัวสวี่ไม่พอใจ “ท่านพูดอะไรข้าไปนอนรอความดีความชอบตรงไหนกัน”
“ท่านไม่เข้าใจหรือ” หยางชูเยาะเย้ย “เห็นได้ชัดว่าผู้ที่ฝ่าฟันอันตรายคือพวกเรา หากไม่ระวังตัวหัวจะตกลงพื้นได้ ทั้งหมดก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้ท่าน”
“คุณชายหยาง!”
“ทำไมหรือ ข้าพูดอะไรผิดงั้นหรือ อยากได้ความดีความชอบก็ต้องทำตนให้มีความดีความชอบ ใต้เท้าจะเอาเปรียบผู้ใดก็ได้ตามใจชอบงั้นหรือ เร็วเข้าเก็บของกลับซะ!”
กัวสวี่โกรธมาก “เมื่อวันก่อนท่านพูดว่าอะไร” เห็นได้ชัดว่าเขาเสนอให้ตนวาดรูป!
“ท่านไม่ยอมฟังข้าหรือ ข้าเองก็ไม่อยากพูดเช่นกัน! ตามใจท่าน ข้าไปล่ะ!” จากนั้นก็หมุนตัวเดินจากไป
กัวสวี่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่จู่ๆ ก็ถูกทิ้งอยู่ที่นี่ทำให้เขาอยู่ในสถานการณ์ที่ตัดสินใจลำบากไม่ว่าตัดสินใจเลือกทางไหนก็มีแต่ผลเสียซึ่งเขารับไม่ได้จริงๆ
เขาเองก็ไม่อยากกลับไปเช่นนั้นก็เหมือนกับว่าเขาเชื่อฟังคำพูดของอีกฝ่าย
หลังจากที่เดินไปมาสักพักจู่ๆ เขาก็เข้าใจขึ้นมาทันที “ไปหาบิดาเจ้าสิ คุณชายหยางท่านหลอกข้า!”
น่าเสียดายที่สายเกินไปเขานำคนจากไปได้ครึ่งทางแล้ว จู่ๆ ก็มีทหารเผ่าหูพุ่งออกมาจากพุ่มหญ้าเงียบๆ
“ใต้เท้า โปรดหยุดก่อน!”
กัวสวี่หน้าซีด แม้เขาจะติดตามสงครามมาครึ่งปี แต่จงซู่ก็ปกป้องเขาเป็นอย่างดี อยู่ในกองทัพกลางมาโดยตลอดมีคนอยู่ข้างกายเขาเสมอ และยังไม่เคยเผชิญหน้ากับหูเหรินตัวต่อตัว
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใกล้ชิดกับหูเหรินมาก
น่าซูพูด “ใต้เท้า ข้าไม่คิดทำร้ายท่านหากท่านยอมไปกับพวกเราดีๆ ละก็ ข้าจะดูแลท่านเป็นอย่างดีเลย”
กัวสวี่มองดูเขาอย่างระมัดระวัง “ท่านคือน่าซูหรือ ข้าแนะนำให้ท่านอยู่เฉยๆ จะดีกว่า ค่ายของพวกเราอยู่ใกล้จากที่นี่มากเพียงข้าตะโกนออกไป พวกเขาต้องรีบมาที่นี่แน่”
น่าซูหัวเราะ “เมื่อครู่ข้าเห็นแล้วท่านทะเลาะกับคนที่ชื่อหยางอะไรนั่นใช่หรือไม่ เขากลับไปแล้ว คนของท่านสู้ข้าไม่ได้หรอกต่อให้ตอนนี้ท่านจะตะโกนเรียกคนมา ข้าก็จะพาท่านกลับไปต่อหน้าพวกเขา ใต้เท้า…ข้าเห็นท่านเป็นคนมีความรู้ความสามารถจึงไม่อยากทำร้าย ช่วยไปกับข้าดีๆ เถอะ!”
กัวสวี่สาปแช่งในใจจนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าหยางชูมีความคิดอะไรกันแน่ นั่นอาจทำให้เขาถูกตีจนตายก็เป็นได้ เห็นได้ชัดว่าใช้เขาเป็นเหยื่อล่อให้น่าซูเข้ามากัด ในขณะที่อีกฝ่ายเป็นนกขมิ้นอยู่ด้านหลัง[1]…
ใช่ อีกฝ่ายต้องอยู่แถวนี้แน่
เฮ้ย! คนติดเบ็ดแล้วเหตุใดยังไม่มาล่ะ
กัวสวี่ยื้อเวลาหน้าซีด “ท่านจับข้ากลับไปจะทำอะไรได้ ข้าไม่เข้าใจเรื่องทำสงคราม ท่านเองก็ทราบว่าหน้าที่ของขุนนางฝ่ายบู๊ฝ่ายบุ๋นนั้นแยกออกจากกัน ข้าอยู่ในกองทัพกลางเพื่อกำกับดูแลทหารท่านไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการหรอก”
น่าซูพูด “ใต้เท้าประเมินตัวเองต่ำเกินไปแล้วพวกท่านชาวจงหยวนให้ความสำคัญกับขุนนาง อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึงเอาท่านแลกเงินคงได้ไม่น้อยนอกจากนี้ขุนนางระดับสูงอย่างท่านพวกเขาต้องเคร่งครัดอย่างแน่นอน”
“ไอหยา นี่ใช่องค์ชายน่าซูหรือนี่” เสียงของหยางชูดังขึ้นกัวสวี่เหมือนได้ยินลมอื้ออึงในหู
“คุณชายหยาง ช่วยข้าด้วย!”
หยางชูเดินออกมาจากเส้นทางเล็กโดยที่ไม่ได้สนใจเขาเลยอีกฝ่ายหัวเราะ “องค์ชายน่าซูมีความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับจงหยวนของพวกเรา รู้ว่าพวกเราให้ความสำคัญกับขุนนาง แล้วยังทราบด้วยว่าขุนนางฝ่ายบู๊ฝ่ายบุ๋นของพวกเรามักขัดแย้งกัน บอกตามตรงข้ารู้สึกขัดหูขัดตาตาแก่นี่มานานแล้ว ท่านช่วยข้าจัดการเขาได้หรือไม่”
……………
[1] ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง : ใช้เพื่อเปรียบเปรยถึงผู้ที่ไร้วิสัยทัศน์ มักเล็งผลระยะสั้นโดยไม่ระวังว่าจะมีผลร้ายในระยะยาวรออยู่ นอกจากนี้ยังใช้กระทบกระเทียบกับผู้ที่เอาแต่จ้องจะคิดบัญชีกับผู้อื่น โดยลืมไปว่าตนเองก็อาจจะกำลังถูกผู้อื่นจ้องจะคิดบัญชีเช่นกัน