คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 454 โกรธ
เมื่อเห็นเกาทัณฑ์ลับ อาสวนก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วเขาตะโกนขึ้น “มีการซุ่มโจมตี!”
ทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีได้ล้อมหยางชูอย่างรวดเร็วน่าซูที่เพิ่งรอดพ้นคมดาบฉวยโอกาสนี้เพื่อถอนตัวจากการถูกล้อม
เมื่อพูดถึงศิลปะป้องกันตัวเขาที่เติบโตขึ้นมาบนหลังม้า และไม่กลัวผู้ใดเลย แต่เพื่อจับตัวกัวสวี่เขาต้องแอบมาอย่างเงียบๆ จึงไม่ได้ขี่ม้ามา ตรงกันข้ามกับหยางชูที่ก่อนหน้านี้ใช้วิชากระบี่มากที่สุด
การชนะศัตรูด้วยพละกำลังเพียงเล็กน้อยเป็นการใช้จุดอ่อนของตัวเองกับจุดแข็งของผู้อื่น น่าซูทำความเข้าใจอย่างรวดเร็วว่าการมาครั้งนี้ของตนถูกวางแผนมาเป็นอย่างดี
เขารู้เลยว่าหมดโอกาสที่จะลักพาตัวกัวสวี่แล้วดังนั้นจึงล้มเลิกความคิดนี้ไป เพียงแต่หยางชูก้าวเข้ามาทำให้เขาไม่สามารถหนีออกไปได้ แต่โชคดีที่มีผู้คิดสังหารหยางชู และในที่สุดเขาก็มองเห็นโอกาส
“ไป!” เขาพาคนถอยออกไป อาสวนเห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
น่าซูนั้นยากที่จะรับมือแล้วยังนักฆ่าที่ซ่อนตัวอยู่นั้นทำให้ความยากเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เขาตัดสินใจถอยไปนั้นดีที่สุด และไม่คิดว่าการวางกับดักครั้งนี้จะจับเขาได้ ชีวิตของคุณชายสำคัญที่สุด
เกาทัณฑ์ลับที่มาอย่างเงียบๆ เหล่าทหารยังไม่ได้โต้ตอบก็เห็นเงาวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ห่างออกไปครึ่งชุ่นเกาทัณฑ์ลับก็พุ่งผ่านตัวหยางชูไป
อาสวนโกรธมากเขาออกคำสั่ง “…พวกเจ้า ไปลากเขาออกมาซะ!”
คิดว่าพวกเขากินหญ้าจริงๆ หรือ คนที่ถูกเขาส่งสัญญาณให้วิ่งไปอย่างรวดเร็ว
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ น่าซูก็หันกลับมาเขาตวัดกระบี่แล้วฟันลงด้วยพลังที่สามารถตัดภูเขาให้เกิดรอยร้าวได้ ซึ่งทหารของเขาก็ให้ความร่วมมือโดยปริยาย ในขณะเดียวกันก็มีคนดันขุนศึกที่อยู่หน้าหยางชูออก และมีคนช่วยเปิดทางให้หนีออกไป
กระบี่นั้นไร้สิ่งกีดขวาง
“วู…” เสียงอากาศแตกออกทุกสิ่งตกอยู่ในความชุลมุน บางคนตะโกนเรียกคุณชาย บางคนวิ่งเข้าหาน่าซูด้วยความโกรธ กัวสวี่ที่ถูกทิ้งกลัวจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง
เมื่อครู่เขาโกรธมาก แต่เมื่อเกิดเรื่องกับหยางชูจริงๆ เขาก็เป็นกังวล
หลายวันมานี้เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าจงซู่ให้ความสำคัญกับหยางชูมาก ภารกิจที่มอบให้จงรุ่ยส่วนใหญ่ทำสำเร็จได้อย่างเรียบร้อย แต่อีกฝ่ายมอบหมายให้หยางชู หากเขาทำสำเร็จก็จะทำให้ผู้อื่นประหลาดใจ
พอถามใจตนเองหากเขาเป็นจงซู่เห็นเมล็ดพันธุ์ดีๆ เช่นนี้เขาคงเสียดายทิ้งไม่ลง ในตอนแรกเขายังคงพิจารณาเกี่ยวกับความไม่เหมาะสมที่จะนำทัพของหยางชู แต่หลังจากนั้นเขาก็โยนปัญหานี้ออกไป
การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วยังต้องพิจารณาอะไรอีกผู้ใดสู้ได้ต่างหากที่สำคัญที่สุด หากมีอะไรเกิดขึ้นกับหยางชูในตอนนี้จงรุ่ยจะยืนหยัดผู้เดียวได้หรือ
“คุณชายหยางๆ!” กัวสวี่รีบวิ่งไปข้างหน้าอยากเห็นสถานการณ์ แต่หยางชูถูกล้อมอย่างแน่นหนาเขาจะเบียดเข้าไปได้อย่างไรแค่มองดูท่าทางโกรธของเหล่าขุนศึกพวกนั้นก็ทำให้ใจเย็นลง
ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือ…จบกัน
หมิงเวยและหนิงซิวที่มาถึงก็เห็นภาพนี้ สีหน้าของทั้งสองคนดูไม่น่ามอง หมิงเวยไม่พูดอะไร แต่กระโดดไปข้างหน้าเพื่อไล่ล่าค้างคาวราตรี
ในการลอบสังหารนี้ต้องทำสำเร็จเท่านั้นหากไม่สำเร็จต้องหาโอกาสต่อไป
เมื่อเห็นว่าความลับถูกเปิดเผยแล้วอีกฝ่ายก็เลือกที่จะถอยกลับ เมื่อเห็นเงารางๆ ของทั้งสามคนบินหายไป หมิงเวยไล่ตามไปสักพัก แต่ก็ตามไม่ทันจึงทำได้เพียงหันหัวกลับอย่างหงุดหงิด
ทางน่าซูที่ถูกพวกขุนศึกไล่ตามก็ห่างไปไกลแล้ว หมิงเวยกลับมาก็คว้าตัวหนิงซิวมาถาม “เขาเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
ใบหน้าของหนิงซิวแสดงอารมณ์โกรธและเศร้าเล็กน้อย เขาไม่ได้ตอบคำถามนางแต่พูดว่า “ท่านดูเองเถอะ!”
หมิงเวยรู้สึกหวาดกลัวนางวิ่งกลับมาผลักเหล่าขุนศึกออกไปอยากเห็นว่าหยางชูได้รับบาดเจ็บหรือไม่ จิตใจของนางสับสนคงไม่ได้โชคร้ายเพียงนั้นเขาคือดาวตี้ชิงมีโชคดีอยู่รอบตัว แม้ถูกผลักออกจากเส้นทางชีวิตเดิม แต่โชคที่เหลืออยู่คงไม่ขนาดนั้น…แต่เรื่องนี้ใครพูดถูกกันล่ะหากไม่เกิดเรื่องกับดาวตี้ชิงชีวิตที่แล้วของเขาคงไม่เป็นเช่นนี้
หมิงเวยรู้สึกเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกควักออกมาสิ่งแรกที่คิดไม่ใช่จะทำอย่างไรหากภารกิจไม่สำเร็จเพราะเกิดเรื่องกับดาวตี้ชิง แต่เป็นเพราะเกิดเรื่องกับเขาตนคงไม่ถูกสวรรค์ส่งมาช่วยเหลือคนอีกเป็นครั้งที่สอง…
เหล่าขุนศึกถอยออกไปนางเห็นหยางชูซึ่งถูกล้อมรอบด้วยพวกเขาล้มลงกับพื้น มือจับไหล่ของตนเอง “เจ็บจะตายอยู่แล้ว!”
หมิงเวยตกใจ “ท่านไม่เป็นอะไรหรือ”
หยางชูเงยหน้าเห็นนางก็ดีใจ “อา…ท่านมาได้อย่างไร”
หมิงเวยคว้ามือของเขามาดูอย่างละเอียดเมื่อแน่ใจว่าเขาแค่แผลปริแตกเท่านั้นก็แทบอยากจะเตะเขา
“ไม่เป็นอะไรแล้วทำให้ตกใจทำไมกันเจ้าคะ”
หยางชูกะพริบตา และมองดูท่าทางโกรธของนางที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และครู่หนึ่งเขาไม่รู้จะตอบอย่างไร
เขาไม่ได้ตั้งใจทำให้ผู้ใดตกใจ…
หมิงเวยก็ไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ๆ ตนเองถึงโกรธมากเมื่อเห็นว่าสีหน้าของนางดูไม่ได้ เหล่าขุนศึกตระกูลหยางต่างเงียบกริบ ชั่วขณะหนึ่งไม่รู้ว่าจะระบายความโกรธนี้ที่ไหน นางหงุดหงิดอยู่สักพักก็ทำได้เพียงหันหัวเดินจากไป
“เฮ้ หมิงเวย เวยเวย เสี่ยวเวย…” หยางชูร้องและลุกขึ้นรั้งนาง “ขอโทษ ข้าผิดไปแล้วท่านตีข้าเถอะ…”
อันที่จริงเขาไม่รู้ว่าตนเองผิดตรงไหน แต่ในเมื่อนางโกรธเขาจึงยอมรับความผิด เดิมทีหมิงเวยไม่อยากสนใจเขา และรู้สึกหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ถูก ดังนั้นจึงอยากหาที่เงียบๆ เพื่อจัดการกับความคิดตัวเองผู้ใดจะรู้ว่าจะถูกเขาทำให้วุ่นวายเช่นนี้อีกทั้งยังมีคนมากมายมองอยู่ก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น
“ปล่อยเจ้าค่ะ”
“ข้าไม่ปล่อย” เขาจงใจยกแขนข้างที่บาดเจ็บขวางนางไว้ หมิงเวยแค่นหัวเราะแล้วยกแขนดันออกไป
“อา!” ในตอนที่ถูกลอบสังหารยังไม่ร้องดังเพียงนี้ บาดแผลเก่าของหยางชูมีเลือดไหลซึมออกมาอย่างรวดเร็วเจ็บจนยกแขนไม่ขึ้น
“ตีแล้ว พอใจหรือยังเจ้าคะ!” หมิงเวยเตะขาเขาแล้วเดินจากไป
หยางชูหน้าซีดด้วยความเจ็บปวด และอยากจะลุกขึ้นไล่ตามนาง
หนิงซิวรั้งเขาไว้ “ผู้ที่ลอบสังหารเจ้าเมื่อครู่เป็นค้างคาวราตรี รีบกลับไปที่ค่ายเถอะเดี๋ยวข้าพานางกลับไปเอง”
หยางชูน้ำตาคลอเบ้าและอยากจะตามนาง แต่ก็เจ็บแผลมากเขาจึงทำได้เพียงตอบรับเท่านั้น
…………
ในตอนที่หนิงซิวตามหมิงเวย หมิงเวยกำลังแกะร่องรอยของค้างคาวราตรี
“พวกเขาซุ่มอยู่ที่นี่หลายวันแล้ว” นางมองอย่างระมัดระวัง “เก็บกวาดได้สะอาดมากดูมีความมุ่งมั่นที่จะทำภารกิจให้สำเร็จ”
“เรื่องนี้ค่อยว่ากันทีหลัง”
“ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ล่าถอยจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน”
“พวกเราค่อยคุยกัน”
“ข้าให้งูขาวไล่ตามไป…”
“หมิงเวย!” หนิงซิวตะโกน
หมิงเวยเม้มปากแน่นในที่สุดนางก็หยุดพูด
หนิงซิวถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปหา “เมื่อครู่ข้าผิดเองจงใจให้ท่านเข้าใจผิด”
หมิงเวยก้มหน้าไม่พูดอะไร นางเป็นคนใจเย็นสุขุมทำให้ผู้คนเชื่อถือมาโดยตลอด แต่ตอนนี้นางยืนอยู่เพียงลำพัง รู้สึกน้อยอกน้อยใจเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมราวกับเด็กสาววัยเยาว์
หนิงซิวพูด “ข้าขอโทษ”
ผ่านไปครู่หนึ่งหมิงเวยพูดว่า “ขอโทษท่านอาจารย์ด้วยเจ้าค่ะ ข้าควรถือโอกาสแสดงความเห็นมากกว่ามาโกรธเช่นนี้ ช่างน่าขันนักข้าไม่เคยสนใจเรื่องนี้มาก่อน จิตใจไม่มั่นคงไปชั่วขณะ เหตุการณ์นี้…ควรเป็นข้ามากกว่าที่เป็นฝ่ายขอโทษ”