คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 83 สามคำถาม
บทที่ 83 สามคำถาม
Ink Stone_Romance
เกิงซานเงยหน้าขึ้นเหมือนมีแสงวาบขึ้นในดวงตาของเขา
หยางชูลดเสียงลงแล้วพูดทวนช้าๆ อีกรอบ “มีหลักฐานการก่อกบฏของหลิ่วหยางจวิ้นอ๋องหรือไม่”
เกิงซานอ้าปาก แต่สิ่งที่เขาพูดออกมากลับไม่ใช่คำที่หยางชูคาดหวัง
“ชุ่ย…”
“เจ้าว่าอันใดนะ”
“ชุ่ย…” พอพูดถึงตรงนี้หมิงเวยก็หลับตาลง ประคองร่างกายให้กลับไปนั่งลงเหมือนเดิม
“คุณชาย เขาไปแล้วเจ้าค่ะ” อาหว่านบอกเสียงเบา
หมายถึงเกิงซาน เขากลับไปแล้วกลับไปยังหยกแขวน หยางชูเองก็เห็นเขาเห็นควันลอยกลับไปที่หยกแขวน
ผ่านไปไม่นานหมิงเวยก็ปล่อยลมหายใจและลืมตาขึ้น
นางยกมือลูบศีรษะตนเอง “พลังยังตื้นเกินไป! การสื่อสารหยินหยางทางร่างกายยังคงเปลืองแรงเกินไปหน่อย”
หยางชูไม่มีใจจะพูดอันใด เขากำลังคิดถึงคำพูดสุดท้ายของเกิงซานว่ามันหมายความว่าอันใด
ชุ่ย หรือ ชุ่ยที่แปลว่าเปราะบางงั้นหรือ…
“ท่านอยากรู้ว่ามันหมายความว่าอันใดก็ถามข้าสิ!” หมิงเวยรับชาจากตัวฝูมาจิบ
หืม…หยางชูเงยหน้าขึ้น เขาพูดประโยคนั้นออกมาแล้วหรือ
“ท่านรู้หรือไม่ว่าข้ากับเทพเจ้าต่างกันอย่างไร”
“ท่านเป็นปรมาจารย์แห่งชีวิต” เขาตอบออกมาอย่างไม่ลังเล
หมิงเวยถามใหม่อีกครั้ง “ท่านรู้หรือไม่ว่าร่างทรงของปรมาจารย์แห่งชีวิตกับเทพเจ้าต่างกันอย่างไร”
หยางชูถอนหายใจแล้วยกมือประสานกัน “ขอคำชี้แนะด้วย”
หมิงเวยจิบช้าแล้วตอบช้าๆ “ข้าเกิดมาและมีชีวิตอยู่ได้ด้วยหยินหยาง สามารถเข้าได้ดีกับพลังหยิน เมื่อวิญญาณเข้าสู่ร่างของข้า การรับรู้ของข้าก็เข้าสู่โลกของเขาในเวลาเดียวกันด้วย”
หยางชูชะงัก เขาถามด้วยความดีใจ “ท่านจะบอกว่าท่านรับรู้ความคิดของเกิงซานได้งั้นหรือ”
หมิงเวยพยักหน้าแล้วยิ้ม “ยอดเยี่ยมใช่หรือไม่”
“ยอดเยี่ยมๆ ท่านยอดเยี่ยมที่สุด! รีบบอกข้าเร็วที่เกิงซานพูดเมื่อครู่หมายความว่าอย่างไรตกลงนายท่านสามมีหลักฐานหรือไม่”
นางรู้ว่าเขาใจร้อนซึ่งหมิงเวยก็ไม่ทำให้เขาลำบากใจ นางนึกย้อนกลับไปแล้วพูดว่า “คำถามแรกที่ท่านถาม เกิงซานตอบว่าดวงจันทร์อันที่จริงคำตอบที่ถูกต้องควรเป็นพระจันทร์เสี้ยว”
“หมายความว่าอย่างไรกัน” หยางชูสับสน “แต่ข้าถามไปว่าผู้ใดเป็นคนฆ่าเขา”
“ใช่” หมิงเวยตอบ “เขานึกถึงยามที่เขาตาย ภาพที่ปรากฏคือฉากที่คล้ายกับดวงจันทร์ อ้อ..เป็นพระจันทร์เสี้ยว”
“พระจันทร์เสี้ยวงั้นหรือ” เป็นคำตอบที่ดูกำกวมคลุมเครือ หยางชูคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วข้ามมันไป
“คำถามที่สอง เขาตอบมาอย่างชัดเจนว่านายท่านสามยังไม่ตายใช่หรือไม่”
หมิงเวยพยักหน้า “ใช่ การคาดเดาของพวกเราถูกต้อง เกิงซานมาที่ตงหนิงเพื่อติดตามนายท่านสาม”
นี่เป็นจุดสำคัญตราบใดที่เรื่องนี้ถูกต้องการสืบหาของพวกเขาก็มีทิศทางมากขึ้น
“ตอนที่เกิงซานตอบคำถามนี้ มีทิวทัศน์สีเขียวแวบเข้ามาในหัวของเขา” หมิงเวยค่อยๆ นึก “เบื้องหลังทิวทัศน์สีเขียวนั้นมีภูเขา ข้าเลยคิดว่าที่เขาพูดมาน่าจะเป็นสถานที่”
“สถานที่งั้นหรือ” เขาพึมพำ “ตงหนิงมีสถานที่ที่ชื่อชุ่ยอยู่ด้วยหรือ”
หมิงเวยกำลังจะพูดออกไปแล้วนางก็เห็นงูขาวแอบเข้ามาจากด้านนอก
“นายท่านมีคนเข้ามาในสวนเจ้าค่ะ!”
“ผู้ใดรึ”
“ท่านลุงสองของนายท่านเจ้าค่ะ”
หมิงเวยหัวเราะ “เขาคงเกลียดความเหงาจริงๆ”
หยางชูมองไปที่งูสีขาวตัวน้อย และรู้สึกคุ้นเคย “นี่คงเป็นงูที่ถูกท่านใช้ตะเกียบแทงตายใช่หรือไม่”
เมื่อครู่เขาลืมตาขึ้นจึงมองเห็น
“ใช่!” หมิงเวยลุกขึ้น “หากไม่อยากให้ชื่อเสียงของข้าน้อยเสื่อมเสียล่ะก็ คุณชายหยางช่วยไปซ่อนตัวด้วย”
………
นายท่านสองรีบเข้าไปในสวนอวี๋ฟาง ห้องหลิวจิ่งเปิดไฟอยู่จริงๆ ด้วย
เขาเดินก้าวไปข้างหน้าแล้วเตะประตู
“เจ้า…” คำพูดที่เหลือติดอยู่ในลำคอของเขาเมื่อเห็นสถานการณ์ภายในห้อง
ภายในห้องมีหญิงสาวสามคนกำลังจุดธูปบูชาต่อหน้าเสวียนหนี่เหนียงเหนียง เมื่อเห็นเขาเตะประตูเปิดเข้ามา หมิงเวยพูดด้วยความประหลาดใจ “ท่านลุงสอง…”
นายท่านสองกวาดตามองภายในห้องอย่างรวดเร็วแล้วหมุนตัวไปห้องข้างๆ เลิกผ้าปูโต๊ะขึ้นดูแต่ก็ไม่พบอันใด
“ท่านลุงสองทำอันใดน่ะเจ้าคะ” หมิงเวยที่ยืนอยู่ข้างๆ ขมวดคิ้ว “ดึกมากแล้ว ท่านเข้ามาในเรือนของหลานสาวเช่นนี้ดูไม่ค่อยดีเท่าใดนะเจ้าคะ”
“คนล่ะ” นายท่านสองถาม
หมิงเวยตอบกลับอย่างเฉยเมย “คนอันใดกันเจ้าคะ ทั้งหมดก็อยู่ที่นี่แล้ว”
“แน่นอนว่าข้าหมายถึงผู้ชาย!” นายท่านสองตะโกน
“เจ้าไม่ต้องมาเล่นลิ้นต่อหน้าข้า แม่ของเจ้าเพิ่งจากไป แต่กลับมีคนเห็นว่าเจ้านัดบุรุษมาพบกลางดึก เจ้ายังมีความละอายใจอยู่หรือไม่!”
หมิงเวยลืมตา “ท่านลุงสองอย่าพูดอะไรไร้สาระนะเจ้าคะ! บุรุษที่เข้ามาในสวนกลางดึกเช่นนี้ก็มีแต่ท่านลุงสองเท่านั้นแหละเจ้าค่ะ”
“เจ้าอย่ามาแกล้งโง่!” นายท่านสองหมดความอดทน
ตอนนี้เขาขี้เกียจทำตัวเสแสร้งต่อหน้าหมิงเวยต่อหน้าวิญญาณของฮูหยินสาม เขาเสียหน้ามาแล้วสองครั้งติดต่อกัน
อีกทั้งเย็นวันนี้ฮูหยินสองมาทะเลาะกับเขาครั้งใหญ่ยิ่งทำให้นายท่านสองรู้สึกโกรธมากยิ่งขึ้น พอเขาได้ยินว่ามีคนเข้ามาในสวนอวี๋ฟางจึงรีบมาที่นี่ด้วยความโกรธเกรี้ยว
“เรื่องของเจ้ากับคุณชายหยาง มีผู้ใดไม่รู้บ้างกัน” นายท่านสองพูดอย่างเย็นชา
เขาไม่พูดถึงก็ดีไป แต่พอพูดถึงหมิงเวยก็หัวเราะ
“ท่านลุงสอง หลานกับคุณชายหยางมีเรื่องอันใดกันหรือ” นางถามเสียงนุ่ม
“เจ้ากับเขา…” นายท่านสองชะงัก
หากพูดถึงความสัมพันธ์ของนางกับหยางชูก็ต้องบอกว่าเหตุใดนางถึงได้ไปที่สวนซิ่นซึ่งเรื่องนี้ไม่สมควรที่จะพูดถึง
พอเห็นเขาเป็นเช่นนี้หมิงเวยจึงหุบยิ้มแล้วกล่าวอย่างเย็นชา “หากท่านลุงสองไม่พูดออกมาก็อย่ามาหาเรื่องให้หลานลำบากใจเลยเจ้าค่ะ!”
“เจ้า…” นายท่านสองโกรธ
“หลานทำไมหรือเจ้าคะ” หมิงเวยไม่ยอมถอยให้ “หากท่านลุงกล้าพูด หลานก็กล้ายอมรับ ท่านกล้าพูดหรือไม่เจ้าคะ”
“….” เห็นนางเป็นเช่นนี้แล้ว แววตาของหมิงเวยเยือกเย็น “ในเมื่อท่านไม่กล้าพูดก็ไปให้พ้นหน้าหลานเถอะเจ้าค่ะ!”
นางดูเป็นเด็กสาวน่ารักบอบบางแท้ๆ แต่กลิ่นอายของนางในตอนนี้กลับทำให้ผู้อื่นตกใจ
นายท่านสองตกใจจนถอยหลังกลับ “เจ้า…”
หมิงเวยไม่สนใจเขาอีกต่อไป “อาหว่าน คุณชายของท่านไม่ได้ส่งท่านมาเพื่อปกป้องข้าหรอกหรือ มีผู้บุกเข้ามาในสวนยามดึกเช่นนี้มันเข้าท่าแล้วงั้นหรือ”
อาหว่านเงยหน้าขึ้นตอบเสียงดังฟังชัด “ข้าน้อยจะไล่เขาออกไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” พูดจบนางก็ก้าวไปข้างหน้าแล้วคว้าคอเสื้อของนายท่านสอง พอเขายื่นมือออกมาปัดป้อง นางจึงบิดแขนแล้วลากเขาออกไป
นายท่านสองแม้อยากจะต่อต้านแต่ก็ทำไม่ได้
ภายในห้องตกอยู่ในความสงบอีกครั้ง
แล้วก็มีเสียงถอนหายใจดังขึ้น “สงสารนายท่านสามเสียจริง! นายท่านหกเป็นคนไร้ประโยชน์ นายท่านสี่ก็ไม่กลมเกลียวกับเขา นายท่านสองไร้ความสามารถ เขาสร้างเหตุการณ์ถึงเพียงนี้ขึ้นมาแล้ว แต่ไม่มีผู้ใดใช้การได้สักคน”
หมิงเวยหัวเราะไม่รู้ว่าหยางชูโผล่ออกมาจากที่ใด “ถูกจับได้อีกครั้ง คุณชายหยางรู้สึกอย่างไรบ้าง”
“ก็ไม่รู้สึกอันใด” หยางชูส่ายหน้า “ถูกจับครั้งนี้ไม่มีอันใดน่าสนใจเลยสักนิด”
“ข้ากลับรู้สึกว่าน่าสนใจเลยทีเดียว” หมิงเวยตอบ “เขาทราบว่าคนที่มาเป็นท่าน ถึงได้กล้าบุกมาจับกุมเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าต้องแตกหักกันไปข้างหนึ่งหรือ”
หยางชูหัวเราะ “แตกหักกันก็ดี! ข้าจะได้ไม่ต้องรับมือกับหญิงงามมากมายทุกวัน หากจิงหยวน[1]เสียหายขึ้นมาจะทำอย่างไร”
“ข้าไม่กลัว” หมิงเวยจิบชาช้าๆ “ตราบใดที่คุณชายสามารถจ่ายเงินได้ ศิลปะการประกอบกิจในห้องอะไรนั่น ข้าก็สามารถหาได้สามถึงห้าเล่มเช่นกัน”
………………………………….
[1] จิงหยวน : สสารสำคัญประกอบด้วย จิงชี่ (จิงคือของเหลว ชี่คือปราณ) หยวนเสินคือจิตวิญญาณที่ได้รับการบ่มเพาะ(พลังจิต) ให้กับสัตว์เลี้ยงผ่านการเชื่อมต่อระหว่างสัญญาได้